 |
|
|
 |
 |
|
|
| | 1 | 2 |
| 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
| 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
| 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
| 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
| 31 | |
|
|
| |
|
 |
|
|
|
เมื่อดอกเบี้ยใกล้ 0%
ผลประกอบการของธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศไทยในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีกำไรครับ
แน่นอนว่าความเข็มแข็งของสถาบันการเงินย่อมเป็นเรื่องที่ดี หากมองในแง่เสถียรภาพทางการเงินของประเทศ
แต่อีกด้านหนึ่งก็ถูกมองด้วยความกังขาครับว่า เหตุที่ผลประกอบการดีในยามที่ธุรกิจแทบทุกประเภทต่างได้รับผลกระทบนั้น เป็นเพราะส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงหรือไม่?
เพราะขณะที่ประชาชนที่อาศัยเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินต้องเสียดอกเบี้ยที่เรียกเก็บในอัตราประมาณ 7% ต่อปี หรือกว่านั้น
ผู้มีเงินออมหรือผู้ฝากเงินกับธนาคารและสถาบันการเงินกลับได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ กระทั่งเข้าใกล้ระดับ 0% ต่อปี เข้าไปทุกที
จึงทำให้ช่วงนี้มีคำกล่าวเชิงตลกร้ายปรากฏขึ้นบ่อยครั้งครับว่า อีกหน่อยการฝากเงินคงไม่ต่างจากการฝากรถ ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมฝากตามเวลาก็เป็นได้
ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยนี้ มีผู้คิดคำนวณเป็นตัวเลขแสดงให้ดูโดยง่ายว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเงินฝากในระบบทั้งสิ้น 9,500,000 ล้านบาท ดังนั้น ถ้ามีส่วนต่างของดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อปี ส่วนต่างที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นผลประโยชน์ของสถาบันการเงิน ก็จะมีมูลค่าถึง 475,000 ล้านบาท
ในทางเศรษฐศาสตร์มีการมองกันว่า การที่ประชาชนและภาคธุรกิจต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่สูง ย่อมส่งผลให้ต้นทุนทางธุรกิจสูงขึ้น ทำให้สมรรถนะในการแข่งขันต่ำลง และส่งผลต่อราคาสินค้าหรือบริการที่จะสูงเกินจริง
ในฝั่งประชาชนผู้ฝากหรือเงินออมเงินก็ขาดประโยชน์ที่พึงได้ ทำให้กำลังซื้อและความมั่นคงลดลง
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยในประเทศทยอยลดต่ำลงเป็นลำดับ เป็นผลมาจากนโยบายการเงินที่เชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีคำถามเกิดขึ้นควบคู่กันเสมอว่า อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่องนี้ ในภาพรวมแล้วผลเป็นอย่างไร? โดยเฉพาะหากสถาบันการเงินยังคงให้สินเชื่อลดลงเพื่อควบคุมความเสี่ยง และส่วนต่างดอกเบี้ยยังมีช่องว่างที่ห่างกันเหมือนเดิม
ขณะเดียวกันมีข่าวว่าภาครัฐมีนโยบายที่อาจจะให้รัฐวิสาหกิจที่มีความต้องการสภาพคล่องกู้ยืมจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งหากเป็นไปในลักษณะดังกล่าว ด้านหนึ่งรัฐวิสาหกิจจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะได้ในอัตราพิเศษ แต่อีกด้านหนึ่งการที่สถาบันการเงินสามารถปล่อยเงินออกไปได้ในจำนวนมหาศาลแก่รัฐวิสาหกิจนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า การปล่อยกู้ให้กับภาคเอกชนจะถูกตัดทอนลงไปด้วยหรือไม่?
แต่ สำหรับผู้ฝากเงิน ซึ่งก็คือประชาชน ข้าราชการ ผู้ที่เกษียณอายุ ฯลฯ จำนวนมากที่เก็บหอมรอมริบ อดออมเงินไว้ใช้สอยดำรงชีพนั้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลงเรื่อยๆ ก็ย่อมเกิดผลกระทบต่อรายได้ของผู้มีเงินฝากทั่วประเทศ
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่จะมีข้อเสนอออกมาจากผู้เกี่ยวข้องว่า สถานการณ์ยามนี้ภาครัฐอาจต้องมองถึงการช่วยเหลือบรรดาประชาชนผู้มีเงินออมทั่วประเทศด้วย เช่นการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้อยู่ที่ระดับที่เหมาะสม โดยมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ที่ไม่มากจนเกินไป หรืออย่างน้อยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็ควรใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยที่กิจการขนาดใหญ่จ่ายให้กับผู้ลงทุนในหุ้นกู้คือประมาณ 4-6% ต่อปี
หรืออาจปรับทิศทางให้รัฐวิสาหกิจออกพันธบัตรกู้เงินจากประชาชนเพื่อการลงทุนแทนการใช้จ่ายจากเงินงบประมาณหรือให้สถาบันการเงินเป็นผู้ปล่อยกู้ โดยให้ดอกเบี้ยอัตราที่เหมาะสม ก็จะทำให้ประชาชนมีทางเลือกและมีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้แก่รัฐอีกทางหนึ่ง เพราะผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยที่จ่ายนั้น รัฐย่อมที่จะมีรายได้จากการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ทุกคราวไป.
| Create Date : 18 พฤษภาคม 2552 |
| Last Update : 18 พฤษภาคม 2552 22:33:17 น. |
|
1 comments
|
| Counter : 550 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: pitoncomm  วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:31:41 น. |
|
|
|
|
| อาบูหะซัน |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บริษัท 3เอ็ม ประเทศไทย จำกัด แผนกผลิตภัณฑ์เพื่ออาชีวอนามัยและความปลอดภัยสิ่งแวดล้อม เปิดรับสมัครร้านค้าในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครพนม บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร สุรินทร์ ศรีษะเกษ หนองคาย หนองบัวลำพู อุดรธานี อุบลราชธานี และ อำนาจเจริญ เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล 3เอ็ม เช่น หน้ากากป้องกันฝุ่น เชื้อชีวภาพ มาตรฐาน N95, หน้ากากป้องกันยาฆ่าแมลง, แว่นตานิรภัย, หมวกนิรภัย, ปลั๊กอุดหูลดเสียง เป็นต้น ทั้งนี้ร้านค้าที่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับสิทธิ์เป็นร้านค้าประจำจังหวัดในการจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ 3เอ็ม และได้รับสิทธิประโยชน์โดยตรงจาก 3เอ็ม ประเทศไทย ร้านค้าใดที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณอชิรวิทย์ ปฐมลิขิตกาญจน์และ คุณภัทรพร งามละเมียด โทร โทร 084-5554085 ,081-9827890