Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2560
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 ธันวาคม 2560
 
All Blogs
 
นึกถึงภาพนี้บ่อยๆ



#นึกถึงภาพนี้บ่อยๆ
สมเด็จพ่อองค์ปฐม 
(ปางพระนิพพาน)

หรือ ปางพระวิสุทธิเทพ

เพราะข้างบนนั้น 
ท่านพ่อ.ทรงเครื่องจักรพรรดิแบบนี้ จริงๆ
ขยับพระวรกายได้ เหมือนคนข้างล่างทุกอย่าง
แถมสนทนาได้ทุกเรื่อง
ท่านพ่อมีพระมหาเมตตาล้นพ้น หาประมาณมิได้

นึกถึงภาพนี้ บ่อยๆ
พร้อมอธิษฐานจิตว่า..

"จะไม่ขอเกิดอีก" 

"ขอไปพระนิพพาน" 

"ขออยู่ใกล้พระพุทธเจ้า"

ตามที่องค์หลวงพ่อเคยกล่าวมาแล้ว จริงๆ 
(พระราชพรหมยาน)

#คือนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์

เข้าใจไหม คำๆนี้ 
มีความหมายยิ่งนัก
พูดไม่ได้เลย คำๆนี้ น้ำตาปริ

ถ้าใครนึกได้แล้ว พระอยู่ในจิต อยู่ในอารมณ์ใจตนแล้ว
เราจะลืมเรื่องราวทั้งหมด ใน๘ระจิต ในขณะทรงอารมณ์นี้
บาป อกุศล ไม่รู้จักแน่ ในสภาวะจิตแบบนี้

ท่านพ่อรู้ดีว่า เป็นพระอรหันต์นั้น มิใช่ง่าย
ท่านพ่อเลยตรัสสอนลูกหลานให้ไปพระนิพพานง่ายๆ
โดยการครอบกาย ครอบจิต ด้วยพระพุทธคุณ
ด้วยพระมหาเมตตา หาประมาณมิได้นั้น

นี่แหละ คำว่า พุทโธ อัปปมาโณ
เข้าใจกันไหม

คือการเข้าถึงพระรัตนตรัย
คือเอาหัวใจเราเข้าไป หรือ เอาพระรัตนตรัยเข้ามาที่หัวใจของเรา
คือทำจิตตนเองเป็นพระ เรียกว่า บวชจิต

ท่านพ่อทรงเมตตาสอน หรือแนะนำลูกหลาน
ให้ลูกหลานทุกคนนั้น ได้มีกำลังใจเหมือนท่านพ่อ หลวงพ่อนี้
เพราะตามลำพังนั้น กำลังใจลูกหลานนั้น น้อยเกินไป
มันยากแก่การที่จะออกมาจากขันธ์ทั้ง๕นั้น
เพราะเรา คือจิต ที่หลงไปยึดในกายนี้ ในจิตนี้
หรือในอารมณ์ต่างๆของเรานี้

กรรมฐานใครๆก็ทำได้ สติใครๆก็มี
แต่มันยากตรงที่ทำยังไงให้ต่อเนื่อง
เพราะพระในจิตท่านสอนมาแบบนี้ จะให้ทำยังไง
ใครเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ไม่ว่ากัน 
เพราะของพรรนี้ ตัวใครตัวมัน
เร่งพัฒนาจิตกันเอง อย่ามัวทำไรเพลิน
แม้นกระทั่งบุญภายนอกจิต
เพราะบุญภายในคือ กรรมฐาน ภาวนา
นี่คือ ปฏิบัติบูชา ที่พระพุทธองค์ทรงปรารถนาให้เข้าถึงกัน
นั่นหมายถึง พระองค์ทรงปรารถนาตัวปัญญานี้กัน
แต่จู่ๆ ปัญญาจะมีกันเลยไหม 
ตอบว่า ไม่มี
ไม่มี พระท่านถึงให้เราทำกรรมฐานก่อน ฝึกภาวนาก่อน
หมายถึง เจริญสติภาวนาก่อน
พอเราภาวนามากๆเข้า สมาธิจิตก็เกิดขึ้น 
จิตทรงตัวขึ้น จิตมั่นคงมากขึ้น ทุกคนต้องการจิตเสถียร
จิตมั่นคงได้เพราะ จิตเข้าถึงคุณของพระ (พระรัตนตรัย)

นักภาวนาต้องพากันบวชจิตตนเองก่อน
ถ้าจิตตนยังไม่เป็นพระ
พระหมายถึง ๑.พระสมาธิ ๒.มีอารมณ์เป็นพระ
เรื่องบวชกายนั้นมันง่าย ใครๆก็บวชกันได้
ทุกคนคิดว่า บวชกายจะได้บุญใหญ่ คำตอบว่า ใช่ครับ
แต่ถ้าบวชไม่ได้ เปรตมาเลยนะ
เพราะอะไร ก็เพราะว่า บวชแต่กาย แต่จิตบวชหรือเปล่า
ถ้าตอบว่า บวชจิตไม่ได้ นั่นหมายถึง การสำรวมจิตไม่ได้นั่นเอง
แล้วเราจะได้บุญไหม พ่อแม่พี่น้องหรือลุกหรือคนรักเราบวชให้
เสียเงินเสียทองเสียเวลามาบวชแล้ว แต่กลับไม่สำรวมจิตตนเอง
แล้วเราจะได้บุญไหม บุญคืออะไร บุญอยู่ที่ไหน
บุญคือความสบายใจ บุญหมายถึงสติปัญญาด้วยนะ
บุญอยู่ที่ภายในจิตตนเองไหม ตอนนี้ และทุกขณะ..
และอะไรหรือเขตใดที่เรียกว่า บุญ กุศล
ตอบว่า ระดับจิต คือระดับสมาธินั่นไง
คอยสังเกตดูนะว่า ขณะจิตเราทรงสมาธิอยู่นั้น 
ถามว่า เรามีความสบายใจไหม
ถ้าตอบว่า สบายใจเจ้าค่ะ
ฉะนั้น เธอก็ได้บุญกุศลตรงนั้นแล้ว
แต่ถ้าเมื่อเราถอดจากความดี หมายถึงสมาธิถอย
ความดีของเรายังอยู่ไหม ทรงได้ไหม
ใหม่ๆจะทรงไม่ได้แน่ เพราะดีขณะจิตทรงสมาธิเท่านั้น
พอถอดออกมาแล้ว หาบุญกุศลไม่เจอเลย
เพราะเจอแต่กิเลส เช่น ความรัก ความโกรธเกลียด
เพราะขณะที่ไม่มีสมาธิอยู่นั้น ไม่มีสติด้วย จิตเราก็ไม่เป็นบุญแล้ว
คราวนี้เลยหลงทำผิดพลาด หรือเรียกว่า อารมณ์ชั่ววูบ เป็นต้น
แค่เราเผลอสติ หรือ สมาธิจิตถอยออกมาแล้วนั้น
โอกาสเราทำกรรมไม่ดีย่อมมีมากเท่านั้น
แถมติดกรรมและต้องตามชดใช้กรรมกันข้ามชาติอีกต่างหาก
นี่แหละ คนที่ไม่รักษาศีล ทำภาวนานั้น
โอกาสตก หรือพลัดหลงลงอบายย่อมมีมาก...

ท่านพ่อ รู้ว่า กำลังใจลูกๆนั้น มีน้อยเกินไป
ภูมิต้านทานก็น้อย สติปัญญาก็น้อย
เห็นพยายามกันจัง..บวชกันเข้าไป
พาแต่กายหยาบบวชกัน 
ลืมนึกถึง การบวชจิต
เพราะเรื่องจิตภายในตนนั้น สำคัญยิ่ง
เพราะตัวที่จะไปภพภูมิต่างๆนั้นก็คือ จิตหรือวิญญาณนี่เอง
เรียกว่า ไปนรกยัน พระนิพพานเลย
ฉะนั้น ไม่มีใครเขาเอากายเราเขาไปพระนิพพานได้
ฉะนั้น ต้องมีปัญญาตัดความห่วงทั้งหลายให้หมด

ฉะนั้น ท่านพ่อจึงแนะนำให้ทิ้งทั้งตะเข่งนั่นหมายถึง
อารมณ์หรือความรู้สึกต่างๆนั่น
ภาษาปริยัติเรียกว่า เวทนา
เวทนา มีทั้งกาย ทั้งจิต
อันนี้เราเน้น เวทนาจิต
การที่เราจะก้าวข้ามเวทนานี้ได้ มิใช่เรื่องง่าย
เพราะถ้าคนๆนั้น ไม่เคยนิ่ง ไม่เคยฝึกจิตเป็นสมาธิเลย
มันก็ยากสำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกจิตมาเลย
จะก้าวข้ามเรื่องเวทนาก็เลยยาก เป็นธรรมดา
บ้างได้สมถะแล้ว คือ สามารถทำจิตตนสงบสุขแล้ว 
กลับติดสุข ติดความสงบ ไม่เอานะ
ให้เอาจิตแบบนี้ เดินต่อไป คือวิปัสสนา

แต่วิปัสสนา จิตต้องมีพลัง มีกำลังใจมากพอ
ถ้าไม่งั้น ไม่รู้จัก วิปัสสนาอีก

ถึงแนะนำให้ขยันทรงสมาธิต่อเนื่อง
เพราะวิปัสสนาอัตโนมัติจะเกิดขึ้นเอง
เช่น มีธรรมหลั่งไหลเกิดขึ้น ผุดขึ้นที่จิตตนเองนั่น
ธรรมในจิตที่ผุดเราต้องรู้ ว่าธรรมนั้นเป็นของใคร
เกิดจากจิตสงบบริสุทธิ์ของตนหรือเปล่า..
หรือเกิดจากพระมาสอนธรรมในจิตให้
อันนี้เราก็ต้องรู้เองอีก อาจจะเป็นเรื่องปัจจัตตังมากสักหน่อย
แต่ผู้เขียนยอมโดนด่า ด่าได้ด่าไป เราเฉยอย่างเดียว
ไม่กลัวโดนคนด่า แต่กลัวคนไม่ได้ธรรม เข้าไม่ถึงธรรมต่างหาก
ความกลัว ความตาย ยังไม่กลัวเลย จะมากลัวทำไม แค่โลกธรรม

ถ้านักภาวนา ที่กำลังทำงานสาธารณะประโยชน์อยู่นั้น
ส่วนใหญ่บอกได้เลยว่า สอบไม่ผ่านเรื่องโลกธรรม
เพราะเวทนา ยังไม่สามารถก้าวข้ามพ้นไปได้
จิตเลยตก เลยหลงอยู่กับอารมร์นั้นๆ ซ้ำๆซากๆ 
พอนานไป เดี๋ยวก็หนี คือ ไม่ทำแล้ว งานสาธารณะประโยชน์
เพราะเราสอบไม่ผ่านเรื่องโลกธรรม
หมายถึง เราสอบไม่ผ่านเรื่องเวทนา
หรือความรู้สึก นึกคิดของตนนี่เอง เป้นต้น

ท่านพ่อ ต้องการให้ลูกมีกำลังใจเหมือนท่านพ่อ
เพื่อที่ลุกจะก้าวข้ามคำว่า ขันธ์๕ตนเท่านั้นเอง

นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์แล้ว
อะไรๆก้ไม่อยากได้ อยากเป็นแล้ว
ยิ่งกว่าอารมร์พระอรหันต์เสียอีก
เพราะเราเอาอารมร์ของพระพุทธเจ้ามาครอบ

หรือเปลี่ยนลมหายใจเข้าครั้งแรก หรือครั้งต่อๆไป
เป็นพุทธคุณ เป็นพระมหาเมตตาดูสิ ทำบ่อยๆดูสิ
อย่ามัวสงสัยเลย รีบๆทำ เด่วตายก่อนนะ
ติดสงสัย เท่ากับ ติดกิเลสตนเองนะ จะบอกให้
เพราะเป็นวิจิกิจฉา สังโยชน์ข้อหนึ่ง
สงสัยผู้เขียนได้ แต่อย่าไปสงสัยพระนะ ไม่คุ้ม

อารมณ์พระโสดาบันนั้น คือ
1.มีความเห็นถูกเกี่ยวกับร่างกายของตนว่าอย่างไร
(สักกายทิฏฐิ) กายเรานี้ มิใช่เรา มิใช่ของๆเราแล้วนะ

2.ไม่มีความสงสัยใดๆในพระพุทธเจ้า 
ว่าพระพุทธเจ้านั้นมีจริงๆหรือ มีกี่องค์กันแน่
พระธรรมคำสอนฯ หากผุ้ใดปฏิบัติตามแล้ว จะพ้นทุกข์จริงไหม
ไปพระนิพพานได้จริงไหม (พ้นสังสารวัฏ) ไม่กลับมาเกิดอีกจริงไหม
ใหม่ๆ ทุกคนย่อมสงสัยแน่ แต่ถ้าเจริญสติภาวนาไปเรื่อยๆแล้ว
เราจะมีสติมีปัญญารู้ด้วยตนเอง 
เรื่องวิจิกิจฉา (ความลังเล ความสงสัย) เริ่มจางลงไปทีละนิดๆเอง
อวิชชาหายไป เมื่อพบปัญญา พบธรรม คือ ความจริงแท้แน่นอน

3.เรื่องศีล รักษากันเองเด้อ 
ผิดศีล ตายดีกว่าเป็นต้น
ทุกอย่างเราต้องผ่านบททดสอบหมด
ยิ่งจิตละเอียดมากเท่าไหร่ ..
ข้อสอบหรือบททดสอบก็จะยิ่งยากขึ้นๆไปเรื่อยๆ

ใหม่ๆ ไม่มีใครรักษาศีลได้บริสุทธิ์เท่าพระอรหันต์หรอก
อาจด่างบ้าง พร้อยบ้าง เป็นธรรมดา
ทำไปๆ ปฏิบัติๆ อย่าท้อ เพราะเรากำลังอยู่กับกองทุกข์ กองสังขาร
เต็มไปด้วยกองกิเลสทั้งปวง
แต่ไม่เป็นไร เราต้องอาศัยธาตุทั้งสี่ของมนุษย์นี้ เพื่อเจริญในธรรม
เพื่อมีดวงตาเห็นธรรม เพื่อบรรลุธรรม เป็นต้น
เสมือนดอกบัว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ดอกบัวที่สวยงามนั้น
เกิดจาก โ ค ล น ต ม 

พระอรหันต์ก็เช่นกัน 
เราอย่าไปภายนอกท่านนะ ท่านอาจจะตัวดำปี๋
ให้เราดูที่ภายในคือจิตของท่าน ใสแจ๋วเลย 
ใสดั่งเพชร มิปาน เพชรเรียกพี่..

สรุปแล้วท่านพ่อต้องการให้ลูกๆมีกำลังใจมากเหมือนท่านพ่อนี้
ลูกรู้จักกำลังกายไหม นั่นแหละ เหมือนกัน
กำลังใจคนเราก็เช่นกัน
ฝึกจิตให้เข้มแข็งเข้าไว้นะ
เตรียมจิตพร้อมรับทุกภัยพิบัติกันนะ
อย่ามัวเพลิดเพลินกันนัก สนุกสนานกันนัก
ปีใหม่บ้างก็พากันไป อโคจร
บ้างก็ไปถือศีล สวดมนต์ทำภาวนากัน
เรียกว่า เอาแต่บุญกุศลเข้าว่า
เพราะโลกทิพย์หรือโลกหลังความตายนั้น
เห็นมีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่ยังคงติดตามเราไปทุกหนทุกแห่ง

เราจะชวนใครเขา ดื่มเหล้า..ในโลกทิพย์ ไม่มีนะ
มีแต่แสงภายในตนเท่านั้น หมายถึง บุญกุศล
หมายถึง สติปัญญา นำพาเราออก หรือหลุดพ้น
ถ้าใครฝึกจิตมาดี จะอยู่หรือไป(ตาย) มีค่าเท่ากัน
เพราะอยู่ก็เป็นสุข ถึงตายไปก็ไปสุคติ 
(สวรรค พรหม นิพพาน เป็นต้น) 
เรากำหนดเองทั้งน๊าน 
ไม่มีใครเขากำหนดให้เราเลย
สรุปแล้ว ทั้งกรรมดี กรรมไม่ดี เราเองหมด
ฉะนั้น จงทำวันนี้ ทุกขณะจิต ให้ดี เป็นบุญกุศล
แต่มิใช่ให้เราไปติดสุข ติดบุญกันนะ ทำไปๆบุญน่ะ 
ความดีน่ะ แม้นกระทั่งธรรมะที่เกิดกับจิตตนเองก็ยึดไม่ได้อีก

เราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย ...
สาธุ
...
สาธุอนุโมทามิ นิพพานะปัจจะโยโหตุ
ขอบพระคุณที่มาจากเฟสบุค ครูภู phu Bodin 10ธค2560
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1109522815851471&id=100003812895876
...




Create Date : 11 ธันวาคม 2560
Last Update : 11 ธันวาคม 2560 12:33:28 น. 1 comments
Counter : 4468 Pageviews.

 
สาธุคับ


โดย: นาย ธนาธิป บัญชาธร IP: 1.0.151.244 วันที่: 1 มีนาคม 2563 เวลา:12:43:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.