Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2560
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 กรกฏาคม 2560
 
All Blogs
 
23กค2560 การรับอารมณ์พระ

#กินเองอิ่มเอง
การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน
ไม่ใช่ทำไปเรื่อย
ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
อันนี้ สำหรับคนที่มีกำลังใจน้อย(เกินไป)
หาเช้ากินค่ำอย่างนี้ ไม่พอกินแน่
พูดถึงผู้ปรารถนาพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้
กำลังใจต้องมาก มากพอที่จะก้าวข้ามคำว่า ขันธ์5
ข้ามขันธ์5ตนเองนะ ไม่ใช่ขันธ์ของใคร

ทำเอง เราต้องรู้ว่า ถึงไหน
ถึงไหน หมายถึง จากเมื่อก่อนจิตไม่เคยนิ่ง
แต่เดี๋ยวนี้ จิตนิ่งเป็นบ้างแล้ว หรือนิ่งเป็นบางครั้ง
เมื่อก่อนเคยทุกข์ใจมาก แต่เดี๋ยวนี้ ทุกข์น้อยลง เบาบางลง
กิเลส เช่น ความอยาก ความโกรธของตน มันน้อยลงไปบ้างไหม
เป็นต้น
ไม่ใช่ตอบว่า ยังเหมือนเดิม
หากเป็นเช่นนี้แล้ว เรียกว่า สักแต่ปฏิบัติเฉยๆ
ทำเฉยๆ แต่ไม่ได้อะไรเลย
คำว่า ได้ ในทางธรรมนั้น หมายถึง การละปล่อยวาง
ไม่ใช่ได้เหมือนทางโลก

ฉะนั้น สักแต่ทำ สักแต่ปฏิบัติเฉยๆ ไม่ได้อะไรเลย
อย่าไปพูดกับคนอื่น บอกว่า ปฏิบัติธรรมมาหลายปีแล้ว
หรือหลายสิบปีแล้ว..(อายเขา) อย่าไปพูดกับใครเขานะ
บางคนก็ติดสมถะ ติดสมาธิหรือฌานมากเกิน
ไม่ติดได้ไง เพราะออกมาสู่โลก มีแต่ความวุ่นวาย
มีแต่ความทุกข์ใจ อันนี้ จริง ไม่เถียง
แต่ถ้าเราปรารถนาความหลุดพ้น ต้องเดินให้ถึง วิปัสสนา
การวิปัสสนาธรรมทุกอย่าง สุดท้าย ต้องลงที่ไตรลักษณ์(เสมอๆ)
อย่าไปวิปัสสนาเรื่อยเปื่อย ให้วิปัสสนาลงที่กายใจตนเองนี่
เพราะคนที่หลุดพ้น หมายถึง คนที่พ้นขันธ์5ตนเอง
คนจะไปพระนิพพานได้นั้น หลวงพ่อก็เคยบอกไว้ว่า..
ตัดที่ขันธ์5ตนเอง..

ฉะนั้น นักภาวนาทั้งหลาย จงอย่าหลงทาง
เพราะมีหลายคน เมื่อได้ฌานสมาบัติ
ก็มักพากันหลงดูสิ่งที่อยู่นอกจิตตนซะมาก
แทนที่จะดูจิตตนเอง ว่า..
ยังมีอนุสัยกิเลสนอนเนืองอยู่ตรงไหนบ้าง
เอาฌาน เอาอภิญญาของตน มาส่องดูจิตตนบ้าง

#อนุสัยกิเลส เป็นกิเลสที่มีความละเอียดที่สุด
แต่สามารถกำจัดได้ด้วยปัญญาเท่านั้น
...................

การรับอารมณ์พระนั้น
เราต้องเอาใจเข้าไปสัมผัสเอง.ถึงจะรู้
ขอให้จิตข้างในเราเข้าใจก็พอแล้ว อธิบายไม่เก่ง ไม่เป็นไร

ฉะนั้น การเข้าถึงคุณของพระ หรือพระมหาเมตตาฯนั้น
ขึ้นอยู่ที่จิตของคนๆนั้น
จิตหยาบ หมายถึง จิตไม่เคยนิ่งเป็น
จิตแบบนี้ รับไม่ได้แน่ เพระาอยู่คนละช่อง คนละแดนกัน

คำถาม.ทำไง ถึงจะรับหรือสัมผัสได้ด้วยใจเหมือนผู้อื่นเขา
คำตอบ.ทำจิตเป็นบุญกุศลก่อน
นั่นหมายถึง.ทำสมาธิก่อน
แล้วค่อยระลึกนึกถึงคุณงามความดีของพระ
ถ้าจิตนิ่งเราจะพอรับได้ (นึกออก)
จิตไม่นิ่ง เท่ากับจิตไม่เป็นบุญกุศล เราก็นึกคุณของพระไม่ออก
เช่น ขณะที่เราโกรธ เห็นพระไหม พระอยู่ไหน พระนิพพานอยู่ไหน
ท่านพ่อ หลวงพ่อเราหายไปไหน เวลาเราโกรธเกลียดใคร
สรุปแล้ว.เห็นแต่ยักษ์ตนเอง.ใช่ไหม
เวลาอกุศลกรรมครอบงำจิต. พระหายหมด บุญหลายหมด
เมตตาของเรา.หายไปไหนหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้ หมายถึง หลับตาทำสมาธิ ได้มโนฯเต็มกำลัง
แต่ขณะจิตถอนจากฌาน คือถอนจากบุญหรือความดี
หมายถึง ทรงฌาน ทรงบุญหรือทรงความดีไม่ได้.ต่อเนื่อง
ผลมันเป็นยังไง สติก็หาย อย่างอื่น คงไม่ต้องพูดถึง
บอกแล้วๆ ทำให้คล่อง ทำให้ชำนาญ ไม่เชื่อ
เนื้อนาบุญของตนเองไปไหนแล้ว
หาเจอไหม.จิตบุญของตน
ขณะนี้ เรากำลังทรง(เป็น)อารมณ์มนุษย์หรือพระกันแน่
นักภาวนาแยกให้ออกนะ ก่อน-หลังปฏิบัติ
หากเคยทำได้แล้ว ต่อไปให้ขยันทบทวนจิตบ่อยๆ
คือทำให้ได้อย่างต่อเนื่องด้วย
อยู่ที่วิริยะ อุตส่าหะ หรือความเพียรของตนเองแล้ว
สำหรับเรื่องของการปฏิบัติธรรม
ส่วนใครจะมีดวงตาเห็นธรรมหรือการบรรลุธรรมนั้น
เพราะถือเป็นบุญบารมี หรือวาสนาของคนๆนั้นแล้ว
(หรือของเก่าของเราเอง)

ฉะนั้น สายตรงของหลวงพ่อนั้น (สายบุญ)
ย่อมมีบุญบารมีตามพ่อมายาวนาน
ดังนั้นเรื่องกำลังใจ ย่อมจะมีมาก ตามพ่อไปด้วย
เพราะฉะนั้น เรื่องกำลังใจนั้น สำคัญมาก
โมทนาสาธุ
ภู ท ย า น ฌ า น

---------------------------------------------------------------------------
#ขออนุญาตคุณจิตรสุขนำลงธรรมาทานให้พวกเราหน่อยนะครับ
เรื่องการรับอารมณ์เบื้องสูง
ฟังจากเธอบอกเล่า..ร้องไห้เป็นเผาเต่าเลย ใช่ไหม
เป็นยังไงหละ เหมือนที่ครูพี่ภูเคยบอกไว้แล้วไหม
คำพูดสมมุติไม่สามารถบรรยายได้หมดสิ้น
ยกเว้น คนๆนั้นเอาจิตเข้าไปรับรู้หรือสัมผัสเอง
เป็นธรรมละเอียด ถ้าอยากรับรู้..
เราต้องเอาจิตละเอียดเข้าไปสัมผัสเอง
แค่บอกเล่าเฉยๆ มันไม่ซึ้ง ไม่รู้สึกตามผู้บอกเล่า
-------------------------------------------------------

#ท่านพ่อให้ทรงพระมหาเมตตา
(อยู่กับฌานลัดนิ้ว)
ขณะนั่งสมาธิเมตตาให้ปลดล๊อค พันธนาการ

ลูกขออารธนาบารมีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
ทรงมีสมเด็จพ่อองค์ปฐมทรงเป็นประธาน
จนถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นที่สุด
และคุณพระศรีรัตนตรัย มีหลวงปู่ปาน
หลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นที่สุด..
ขอทรงเป็นที่พึ่งที่ระลึกให้จิตลูก ทุกขณะจิต
ทุกลมหายใจเข้าและออก จนถึงลมปราณสุดท้ายของลูกเมื่อไร
ลูกไม่ขอเกิดมาในมุนษย์โลก เทวโลก พรหมโลก
ได้โปรดเมตตานำทางแสงสว่าง และนำพาดวงจิตลูกขึ้นสู่แดนทิพย์นิพพานด้วยเทอญ

ท่านพ่อทรงพระเมตตา..ชำระล้างกายหยาบ
ผิวกายยิบๆเป็นละอองกลมๆไปทั่วกาย
นุ่มลึก ตัวเบา ข้างในกลวงๆ ลมหายใจเข้าออก
เป็นดั่งสายพาน เป็นองค์พระเล็กๆตามลมหายใจเข้าออก
ท่านพ่อให้แยกจิตอยู่กับท่านพ่อ แล้วทรงตรัสว่า..
ให้เกาะชายสังฆาฏิ ตามพ่อมา
เป็นองค์พระพุทธรูปนำหน้าลอยขึ้นไป...
ท่านพ่อ(ทรงกายพระวิสุทธิเทพ) ลอยเด่นสง่างดงามมาก
ประทับอยู่บนแท่นและมีอีกหลายวิมานที่ปรากฎ
จากนั้น จิตเราเป็นดอกบัว เป็นวิมาน
และกายเรานั่งอยู่บนแท่น จิตสุขลึกซึ้งไร้ขอบเขต
แต่ในความสุขอันลึกซึ้งในความเป็นกลางนั้นคือ
"พุทธบารมีเมตตาจากท่านพ่อ อันหาประมาณที่สุดมิได้"

ที่หล่อเลี้ยงจิตดวงนี้ชุ่มชื่น สุขอย่างลึกซึ้ง
ท่านพ่อทรงตรัสว่า..
"จะสุขอย่างถาวรได้นั้น ต้องจบกิจทางพระพุทธศาสนาก่อน"

ชายสังฆติพ่อจะคอยห่อหุ้มกายใจของลูกไว้..

(จิตร สุข)

(((ภาพประกอบ)))
...
สาธุๆๆอนุโมทามิ ชอบพระคุณที่มาเฟสบุคครูภู Phu Bodin23กค2560
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1028503913953362&id=100003812895876
...



Create Date : 25 กรกฎาคม 2560
Last Update : 25 กรกฎาคม 2560 9:07:54 น. 0 comments
Counter : 382 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.