...
#ขอเชิญร่วมอนุโมทนาสาธุการ
กับจิตบุญน้องใหม่ป้ายแดง #จิตบุญ157 รายงานตัว และรายงานสภาวะจิต สภาวะธรรม ที่ได้ปฏิบัติ กว่าจะมาเป็นจิตบุญแห่งบ้านจิตเกาะพระ ต้องผ่านการเดินมรรค การปฏิบัติมาอย่างไร เชิญติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ..
คุณธนิดา เบญจธัญภัทร ขออนุญาตเรียกว่าคุณน้านาง คุณน้าได้ติดตามจิตเกาะพระมาได้ปีกว่าๆ แต่เพิ่งมาตัดสินใจเรียนอย่างจริงจังเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2559 และได้ปฏิบัติการเดินมรรค ตามจิตเกาะพระทุกขั้นตอน จากครูผู้สอน คุณน้ามีความขยันอดทน มีความมุ่งมั่น มีใจที่เด็ดเดี่ยวมาก ในการที่จะฝ่าฟันอุปสรรค ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณน้าเข้ามา เวทนาทางกายก็ถามหาอย่างหนักหน่วง คุณน้าต้องทนทุกสภาวะเพื่อที่ไม่ยอมแพ้ทางให้กับกิเลส อาการป่วยกำเริบหนักขึ้นทุกวัน เป็นหอบหืด หัวใจเต้นผิดจังหวะ เส้นตึง อาการวูบวาบสำหรับคนวัยทอง อีกทั้งเป็นภูมิแพ้ หายใจก็ลำบาก เฟสบุ๊ค และโทรศัพท์ที่เคยใช้ได้ ก็กลับกลายเป็นใช่ไม่ได้ขึ้นมาเฉยๆ การติดต่อ การเรียนการสอน ส่วนมากเป็นทางโทรศัพท์ และจะมีเพิ่มเติมเล็กน้อยจากข้อความทางไลน์ การพิมพ์การบ้านส่งครูก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะจู่ๆก็มีอาการปวดข้อมือขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ปวดบวมจนพิมพ์ไม่ได้ โชคดีที่ได้ลูกสาวคุณน้า เข้ามาช่วยเรียบเรียงในการเขียนให้ในบางครั้ง ถึงแม้อุปสรรคจะหนักหน่วงถึงเพียงนี้ แต่ก็มิได้ทำให้จิตใจคุณน้าได้หม่นหมอง ยอมแพ้แต่ประการใด แต่ยังคงอดทนสู้จนถึงที่สุด และแล้วจากความเพียรพยายามมาทั้งหมด 19 วันก็ส่งผล ให้จิตคุณน้าได้สัมผัสสภาวะ อารมณ์แห่งพระนิพพานในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมานี้เอง สภาวะอารมณ์พระนิพพานนี้เป็นเช่นไร ขอเชิญติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ
2 พ.ย. 59
สวัสดีค่ะครูเบียว
วันนี้สวดมนต์ไหว้พระตลอดเวลาที่สวดมนต์ก็ส่งจิตไปกอดท่านพ่อ,หลวงพ่อไว้ไม่ปล่อย สวดมนต์ไปกอดท่านไปพอ อุทิศส่วนกุศล ท่านพ่อบอกว่าพ่อรักลูกทุกคนเท่ากันพ่อรอลูกอยู่บนนี้ให้ลูกตั้งใจนะลูก หลวงพ่อท่านก็พูดว่า ยินดีต้อนรับลูกรัก น้ำตาไหลตั้งแต่ที่ท่านพ่อบอกพอได้ฟังหลวงพ่อพูดอีกร้องไห้หนักเลยหลวงพ่อว่าลูกมัวแต่เล่นมากไปหน่อย แต่ตอนนี้ลูกทำดีแล้ว ทำถูกแล้วให้ลูกเดินตามทางนี้ต่อไปและเมื่อลูกเอาตัวรอดได้แล้วก็ช่วยน้องๆ(ญาติพี่น้องในชาติปัจจุบัน)ด้วยนะพ่อฝากน้องๆด้วยนะลูก พอฟังถึงตรงนี้ยิ่งขี้มูกโป่ง บอกหลวงพ่อว่าลูกยังเอาตัวไม่รอดเลยแล้วจะช่วยใครได้เล่า หลวงพ่อก็ว่าเอาน่ะๆรอดแล้วก็ช่วยน้องๆด้วย ต่อรองกับพ่อว่าให้ลูกรอดก่อนนะเจ้าคะ หลวงพ่อบอกว่าลูกไม่ต้องทำมากทำแค่นี้ก็พอแล้วแต่ต้องทำไปเรื่อยๆนะลูก
4 พ.ย. 59
ส่งการบ้านค่ะ เมื่อคืนหลังจากที่คุยกับครูแล้วก็ไหว้พระสวดมนต์นอน แต่นอนไม่หลับเลยลุกมาทำกรรมฐานจนอารมณ์สบายก็จะนอนต่อยังไงก็ไม่หลับเลยมาดูจิตตัวเองว่าที่บอกว่ายังมีห่วงกังวลน่ะจริงมั๊ยเหมือนมีน้า2คนคุยกันเอง ถามว่าห่วงสมบัติภายนอกมั๊ย? ตอบไม่ ถามอีกว่าห่วงตัวเองมั๊ย? กลัวตายมั๊ย? พร้อมที่จะตายตลอดเวลารึเปล่า? ตอบพร้อม ถามอีกว่ายังห่วงกังวลถึงลูกจริงเหรอ? ตอบว่าไม่ คนถามบอกว่าตัวเองยังไม่สนใจจะไปสนใจคนอื่นภายนอกได้อย่างไร ถามตอบอยู่อย่างนี้กลับไปกลับมา จิตเกิดโล่ง,โปร่งเบา สว่างโพลง ขึ้นมาพระในจิตก็สว่างจ้า แต่ไร้สภาวะอารมณ์ใดๆไม่ดีใจ ไม่เสียใจ เฉยๆๆอยู่อย่างนั้นไร้ความคิดจิตนิ่ง สว่างโพลงอยู่อย่างนั้นนานจน เสียงตามสายหลวงพ่อมา พูดเรื่องอานาปานุสติ ฟังหลวงพ่อจบก็ยังไม่หลับอีกเลยคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ร่างกายจะแย่ นอนดูลมไปๆได้ยินเสียงกรนของตนเองได้ยินชัดเออดูสิร่างกายกับจิตดูดีๆดูชัดๆอีกคนกรนอยู่ นี่อีกคนนอนดูนอนฟังแยกกันชัดเจนมั๊ย?นาง วันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับจิตที่อิสระไร้การผูกมัดใดๆโล่ง โปร่งเบา สบายๆ ไม่มีความรู้สึกอื่นใดนอกจากนี้ ขอบคุณครูเบียวมากๆนะคะที่แนะมาให้น้าสอดส่องดูจิตของน้า ไม่เคยมีวันไหนๆที่สดชื่น เบา สบายเหมือนวันนี้มาก่อนเลย ขอบคุณค่ะ อยู่อย่างมีเมตตาต่อคนรอบๆตัวและต่อคนอื่นๆด้วยรักและเมตตาจริงๆ
การบ้านรวบ5-6พ.ย 59 ไปช่วยงานกฐิน ที่วัดธรรมยาน ป่วยตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย แต่จิตใจไม่ได้ป่วยตามร่างกาย ยังคงใช้ร่างกายทำงานหนักบ้าง เบาบ้าง มีการกระทบบ้าง แต่จิตไม่หวั่นไหว ใจสบายๆตลอด4วัน ไม่มีความพอใจหรือไม่พอใจใครๆเลย จิตนิ่งมากๆคงเพราะมุ่งทำงาน ไม่เน้นเห็นพระนักแต่ก็เห็นได้ถ้าต้องการเน้นที่จิตทำงานไปนึกถึงพระไป อากาศก็ร้อน ป่วยก็ป่วย แต่ไม่มีความหงุดหงิดในจิตเลย เห็นความเป็นเช่นนั้น ที่มีอยู่ เป็นอยู่ เปลี่ยนแปลงไป รู้อยู่แต่ไม่เดือดร้อนจนเกินไปไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับภาวะภายนอกรู้อยู่แต่ภายใน ทำงานทั้งภายนอกและภายในไปพร้อมๆกันเพียงแต่ไล่ฌาณสูงๆไม่ไหว ได้แต่คอยสอดส่องดูจิตของตัวเอง เห็นแต่ความโปร่ง เบา ไม่อึดอัด ขัดข้องกับสิ่งใดๆเลย จนรู้สึกแปลกใจ เท่าที่เห็นก็มีแค่นี้ นี่คือสภาวะทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการออกสนามเจอผู้คนมากมายอีกครั้งตั้งแต่เริ่มเรียนวิชาจิตเกาะพระมา
ไปวัดวันแรกเหมือนโดนบีบจมูกเลยต้องหายใจทางปากคอแห้งไข้ขึ้นเรียกได้ว่างอม..แต่จิตใจกลับฮึกเหิมไม่แยแสร่างกายเลยทำงานหนักทุกวัน..กลับถึงที่พักนี่เหมือนโดนซ้อมมา..สวดมนต์นิดหน่อยแล้วนอนภาวนาบารมี30ทัศไปจนหลับ.. เวลาที่จะหลับจะรู้ว่าลมจะเข้าหรือลมจะออก และพอรู้ว่าหลับอยู่ได้ยินเสียงตัวเองกรนแข่งกับสามีจิตสว่างโพลงจนถึงเช้า..
รู้สึกว่าหลับเต็มอิ่มแต่ดันรู้ทุกอย่างพอตื่นมามันเหมือนเป็นอัตโนมัติ สติมารู้ตัวทั่วพร้อมโดยไม่ต้องไปนั่งตั้งท่า แต่ไม่รู้ว่ามันยังไง ใครเขาว่าเราก็ดันยิ้มได้ไม่รู้สึกอะไรเลยใจว่าเป็นธรรมดา มันมีความเห็นอกเห็นใจคนทั่วไป ตอนนี้ตูคงกู่ไม่กลับแล้วมั้ง ใครพูดอะไรขำได้ตลอดเลยชักสงสัยว่ากลับถึงบ้านจะถามครูว่ามันยังไงกัน อ้อ!ขนาดคนที่คนอื่นๆเบื่อแล้วหนีหมด แต่น้าจัดการได้โดยไม่รำคาญนี่สิแปลกของจริงจากขี้เบื่อกลับมาเห็นใจ หลับยังเห็นพระเลยครูตอนนี้พระที่เห็นเนี่ยท่านเป็นแก้วบางเฉียบใสแจ๋วมีประกายระยิบระยับเลยนะเห็นตอนบวงสรวงอ่ะ..
ท่านว่ารอลูกอยู่ก็ทำทำๆและทำห้ามหยุดอยู่วัดนี่รับสัมผัสได้เป็นระยะๆท่านๆเมตตามากพอทำฌานแล้วอารมณ์สบายๆจะชาไปทั้งหัวจนถึงคอพร้อมๆกับขนลุกบางครั้งเวลาทำงานอยู่นี่แหละท่านคงให้กำลังใจสัมผัสปีติกันได้หลายคนทำงานแบบถวายชีวิตกันเลย..
...
โมทนาสาธุการดังๆเลยค่ะ คุณน้านาง... ชัดเจนทุกขั้นตอน ... สภาวะจิตสภาวธรรม แบบนี้ คือ การเข้าถึงและทรงอุเบกขารมณ์ หรือ อุเบกขาธรรม หรือ สังขารุเบกขาญาน นั่นเอง ... สภาวะจิตแบบนี้ ขอให้คุณน้ารักษาและดำเนินต่อไปจากชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ... ขอนำปัจฉิมโอวาทของพระบรมศาสดา มามอบให้คุณน้านาง ค่ะ ...
"ขอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม"
เดินหน้า พัฒนาจิตต่อเลยนะคะ ... จิตบุญที่๑๕๗ คุณน้า ธนิดา เบญ
...