Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
12 ตุลาคม 2560
 
All Blogs
 
จิตเกาะพระ คืออะไร

“จิตเกาะพระ” คืออะไร

มีคนเข้ามาถามกันมากมายว่าจิตเกาะพระคืออะไรไม่เข้าใจความหมาย ผู้เขียนเคยเขียนสรุปเอาไว้สั้นๆว่า “จิตเกาะพระ ก็คือ การทำจิตให้เป็นพระ” วันนี้ขออธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม

จิตเกาะพระคือวิชากรรมฐานที่ประกอบไปด้วย พุทธานุสติ+กสิณ
พุทธานุสติก็คือการน้อมระลึกถึงพระพุทธเจ้าบ่อยๆ ถี่ๆ หรือเรียกอีกอย่างว่า นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์

กสิณ ก็คือการใช้ภาพเป็นสื่อกลาง เพื่อทำให้เกิดสมาธิ โดยวิชาจิตเกาะพระ ใช้ภาพพระเป็นสื่อในการเชื่อมโยงกระแสจิต ระหว่างจิตเรากับจิตพระ สามารถทำให้เกิดสมาธิระดับอัปนาสมาธิได้เร็ว

คำว่ากสิณ หลายคนตกใจ ว่าต้องทำกสิณด้วยหรือ กลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปเลย ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าการกสิณไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีรูปให้จับ อย่างเช่น ตอนนี้บอกให้นึกถึงหน้าแม่ หรือหน้าแฟน ทุกคนก็สามารถนึกออกใช่ไหม การทำกสิณโดยการนึกถึงภาพพระก็แบบเดียวกัน เพียงแต่ สติต้องเตือนให้นึกถึงพระให้ได้บ่อยๆในทุกอิริยาบถ ดังที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วในโพสก่อนๆ (ผู้ที่เข้ามาอ่านครั้งแรก สามารถกลับไปอ่านในโพสก่อนๆได้)

และกสิณไม่ใช่ทำเพื่อเอาฤทธิ์อย่างเดียว การทำกสิณในวิชาจิตเกาะพระที่สอนกันนี้มุ่งเพื่อทำสมาธิได้เร็ว เพื่อเป็นบาทฐาน เป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้จิตออกวิปัสสนา กรรมฐานประกอบไปด้วยสมถะ(สมาธิ)และวิปัสสนา (การพิจารณา) การจะตัดร่างกาย ละกิเลสได้ก็ต้องอาศัยสมาธิระดับฌานเป็นพื้นฐานก่อน หากมัวแต่เพียงทำการพิจารณา ไร้ซึ่งกำลังของสมถะ ก็ไม่สามารถตัดกิเลสให้ขาดได้ สมถะจึงเป็นกำลังสำคัญ โดยเฉพาะฌาน 4 เป็นสมาธิระดับสูงมาก มีกำลังใหญ่

ฌาน 4 ก็เปรียบเสมือนกับมีดคมๆ(ที่ถูกลับอยู่บ่อยๆ) สามารถสับชิ้นเนื้อที่ติดกระดูกออกเป็นสองท่อนได้ภายในฉับเดียว แต่หากระดับฌานต่ำลงมา ก็อาจจะต้องลงมือสับหลายๆครั้ง จนกว่า เนื้อที่ติดกระดูกจะขาดออกจากกันเป็นสองท่อน อุปมาข้อนี้ฉันใด กำลังของระดับสมาธิเข้ามาช่วยในการตัดกิเลสก็ฉันนั้น

การส่งจิตหาพระ หรือการน้อมระลึกถึงพระ เป็นการฝึกแยกกายแยกจิตโดยตรง เพราะในขณะที่เราเอาจิตเกาะพระไว้ ขณะนั้นจิตเราก็อยู่กับพระ จิตไม่เกาะกาย หากเราแยกจิตไปอยู่กับพระบ่อยๆ จิตก็เริ่มเรียนรู้ จิตไม่ใช่กาย กายไม่ใช่จิต วิปัสสนาเกิดแล้วเห็นมั้ย แต่ต้องเกิดขึ้นบ่อยๆ ต่อเนื่องด้วยนะ จิตถึงจะวิปัสสนาได้สุดสาย สุดสายในที่นี้หมายถึงวิปัสสนาขาดสิ้น แต่หากเราไม่สามารถทำได้ต่อเนื่อง ทำบ้างไม่ทำบ้าง การทำวิปัสสนาก็ไม่ขาดสิ้นเสียที ก็ต้องกลับมาเริ่มทำใหม่

การเริ่มใหม่ เริ่มแล้วเริ่มอีก เริ่มบ่อยๆก็เบื่อ เพราะไม่ไปไหนเสียที แถมกลับมาสงสัยอีกว่า การทำเช่นนี้สามารถตัดกิเลส ไปนิพพานได้จริงหรือ กลายเป็นการปรามาสพระเข้าไปอีก ต้องขอบอกเลยว่า วิชาจิตเกาะพระนี้เป็นวิชาของสมเด็จพ่อองค์ปฐม ที่ท่านทรงประทานมาให้พวกเราเจริญกรรมฐาน เพื่อความหลุดพ้น เห็นพระมหาเมตตาของพระองค์มั้ยล่ะ

อย่าลืมนะว่า กำลังใจในการทำกรรมฐานนั้นสำคัญ เราต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เราถึงจะผ่านไปได้ หากยังไม่เอาจริงเอาจังเสียที ขาดสัจจะในการปฏิบัติ เลี้ยงกิเลสให้มันเติบโตอยู่ร่ำไป อันนี้ใครๆก็ช่วยเราไม่ได้นะ ผู้เขียนเอง พระพุทธเจ้าเอง ก็ต้องอุเบกขา เพราะหากตนไม่ช่วยตนเองก่อน แล้วใครจักมาช่วย

บางคนอ้างว่า สนใจนะแต่ทำไม่ได้หรอก จิตไม่นิ่งเลย ก็จิตที่ไม่นิ่งนั่นแหละที่สมควรต้องฝึก ส่วนจิตที่นิ่งเป็นแล้ว สงบเป็นแล้ว ห่างไกลจากกิเลสแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมาฝึกกัน ยังไม่ทันจะลงมือทำเลย เอาสติขวางจิตก่อนแล้ว ไม่เป็นไร หากใครสนใจทำก็ลงมือทำได้เลย และยินดีช่วยตอบปัญหาแก้ไขในสิ่งที่ติดขัดให้ หากใครไม่อยากทำก็ไม่ได้บังคับ ก็สุดแล้วแต่กรรมนำพาก็แล้วกัน

ที่ออกมาเขียนทุกวันนี้หาได้ทำเพื่อตนเองไม่ หากแต่ทำเพื่อแทนคุณพระศาสนา และเคารพพระศาสดายิ่งชีวิต ตอบแทนคุณหลวงพ่อ เพราะรับอาสาช่วยท่านไว้แล้ว หากใครถูกจริต ก็ขอให้ท่านได้รับประโยชน์สูงสุดจากงานเขียนที่ถ่ายทอดออกมา หากใครไม่ถูกจริตก็รบกวนเชิญป้ายหน้าได้เลย

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
โมทนาสาธุ

หินพระธาตุ พลังพุทธานุภาพ

"การเตรียมจิตเบื้องต้นในการเรียนจิตเกาะพระ"
https://www.facebook.com/tunlayabiew/posts/135787583832795

.
...
โมทนาสาธุ เอ่อ มีลูกแบบนี้ ค่อยหายเหนื่อยหน่อย
ทำงานแทนครูบาอาจารย์หรือพ่อแม่ได้
ลูกอย่างนี้สิว่าเลี้ยงรู้จักโต
คือช่วยครูบาอาจารย์ หรือพ่อแม่ทำงานแทนได้ สาธุๆๆ
เขียนได้ดีทีเดียว นับวันจะยิ่งเขียนเก่งขึ้นทุกวัน
เพราะทุกอย่างก็ต้องฝึก ฝึกกาย ฝึกจิต เป็นต้น
ฝึกจิตคือฝึกสติ ฝึกสติคือฝึกจิตนั่นแหละ เหมือนกัน
ฝึกสติเพื่อให้รู้จักตนเอง เพราะถ้าเมื่อไหร่ เราเจริญสติภาวนาไปเรื่อยๆ
แล้วจิตก็จะเกิดสมาธิหรือฌานเอง
ถ้าจิตนิ่งเราก็พบตัวจริงเสียงจริงของตนที่ภายในเท่านั้น
ส่วนภายนอกนั้นคือร่างกายหรือกายหยาบ คือสมมุติ
ส่วนความรู้สึกนึกคิดก็เช่นกัน สมมุติแบบละเอียด หรือกิเลสละเอียดของตน
ฉะนั้น เราจะพบเจอตัวตนของตนเองได้นั้น จำเป็นต้องเจรฺยสติปัญญาเยอะๆ
เมื่อพบจิตตนเองแล้ว ที่เรียกการพบตนเอง
แล้วจะรู้จักว่าการละปล่อยวางนั้น มีความหมายว่า อย่างไร
เราต้องรู้จักตัวตนเสียก่อน หมายถึงพบจิตตนเองเสียก่อน
ก่อนที่เราจะพบจิต คือเราต้องมีสติปัญญา
คือมีแสงสว่างก่อน หรือทำให้จิตตนเองมีแสงในตัวเองก่อน
เริ่มจากการเห็นตัวเองก่อน ค่อยเห็นอย่างอื่น
เช่น ความทุกข์ทั้งปวงที่ฝังอยู่ในจิตมายาวนานแสนานนั่น
แกะแทบไม่ออก แยกแทบไม่ออกเลย เรื่องกายกับจิต
เรื่องจิตกับเจตสิก(เวทนา.สัญญา.สังขาร)
ถ้าใครแยกแยะที่กล่าวมาแล้วนั้น ..ไม่ออก
ขอบอกเลยว่า ชีวิตก็ยังมั่วนิ่มต่อไป
หมายถึง ยังไม่พ้นทุกข์
สาธุ
...
โมทนาในธรรมทานนี้ ... ทางสายปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ...
เขียนบอกทางเดินให้กับผู้ที่กำลังหาทางพ้นทุกข์ ออกจาก ทุกข์ใจ
เขียนบอกทางปฏิบัติเพื่อเข้าถึง ความเป็นพระอริยะ ...
สุดยอดด จริงๆ จ้ะ ...
สมแล้วที่เป็นผู้ที่มีจิตยิ่งใหญ่ ปรารถนาที่จะช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์ ..
... ทุกข์ของท่านคือ งานของเรา..
โมทนาสาธุการ
...
...
สาธุๆๆอนุโมทามิ ขอบพระคุณที่มาจากเฟสบุค หินพระธาตุ พลังพุทธานุภาพ 10ตค2560
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=138356706909216&id=100022046618400
...

...



Create Date : 12 ตุลาคม 2560
Last Update : 12 ตุลาคม 2560 15:23:18 น. 0 comments
Counter : 2117 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.