จิตวิทยา และการพัฒนาการของเด็ก เรื่อง
การเล่น(ของเด็ก)ไม่ใช่เรื่องเล่น…เล่น
การใช้เวลาของชีวิตแต่ละช่วงแต่ละวัยมีความแตกต่างกันไปตามธรรมชาติของวัยนั้นๆโดยแต่ละวัยต่างมีภาระกิจ เด่นๆและมีการนำภาระกิจเด่นๆเหล่านั้นได้มากำหนดบทบาทของวัยต่างๆตั้งแต่เป็นทารกจนกระทั่งเป็นวัยชรา ด้วยเริ่มตั้งแต่ วัยเล่น วัยเรียน วัยรัก วัยทำงาน วัยสร้างตัววัยสร้างครอบครัว วัยทอง วัยเกษียณ จนกระทั่งวัยพักผ่อนตามลำดับจากภาระกิจหลักของแต่ละวัยจะเห็นว่า“การเล่น”จะเป็นภาระกิจพื้นฐานเบื้องต้น ที่มนุษย์เรามีตั้งแต่คลอดออกมาจากครรภ์มารดาและการให้เด็กมีโอกาสได้เล่นจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กคนนั้น สามารถปฎิบัติภาระกิจอื่นๆตามช่วงวัยต่อมาได้เป็นผลสำเร็จเพราะการเล่นเป็นเรื่องจริงจังและมีความความสัมพันธ์ ต่อเด็กอย่างใกล้ชิดการเล่นที่เหมาะสมและถูกต้องตามวัยและพัฒนาการของเด็กจะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงคุณภาพของเด็ก อีกทั้งยังเอื้อให้มีผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคตการด้วยการเล่นมีผลต่อการกระตุ้นการเรียนรู้ พัฒนาการทางสมอง เสริมสร้างความฉลาด พัฒนาสติปัญญา พัฒนาอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่ว่าต่างวัยหรือวัยเดียวกัน ฝึกการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น การเล่นช่วยเสริมสร้างลักษณะนิสัยของเด็ก เด็กๆจะได้เรียนรู้ทักษะต่างๆจากการเล่น เช่น การทรงตัว การเคลื่อนไหว การใช้ประสาทสัมผัสการใช้กล้ามเนื้อต่างๆ ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหา ฝึกความจำ ฝึกความมีวินัย ฝึกความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นซึ่งจะพัฒนาไปสู่ความรับผิดชอบต่อสังคมเมื่อเติบใหญ่ขึ้น
ข้อสังเกตจากประสบการณ์การทำงาน พบว่า ีความแตกต่างกันของเด็กวัยเดียวกันที่มีโอกาสได้เล่น กับเด็กที่ไม่มีโอกาส ได้เล่นตามไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขหรือข้อจำกัดใดๆก็ตามกล่าวคือ เด็กที่มีโอกาสได้เล่นจะมีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส กระฉับกระเฉง กล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่แข็งแร็ง ไม่ว่าจะเป็นทักษะการใช้มือ การเดิน วิ่ง การเคลื่อนไหวหรือการทรงตัวเด็กจะกล้าลองผิดลองถูก ซึ่งนำไปสู่การมีทักษะในการแก้ไขปัญหาปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆได้ง่าย มีจินตนาการ ทักษะการใช้ภาษาค่อนข้างดีมีความสามารถในการโต้ตอบในทางตรงกันข้ามเด็กที่ไม่มีโอกาสได้เล่นจะมี ผิวพรรณซูบซีด งอแงไม่ร่าเริงแจ่มใสกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงไม่กล้าแสดงออกขลาดกลัวต่อการเผชิญกับคน แปลกหน้าและต้องการเวลาเพื่อการปรับตัวหรือสิ่งแวดล้อมใหม่ มีข้อจำกัดในการใช้ภาษาไม่กล้าโต้ตอบ ฯลฯ
กรณีตัวอย่าง เช่น เด็กชายวัยขวบครึ่งสองราย รายหนึ่งได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่อยู่ในบรรยากาศของครอบครัวที่ส่งเสริมให้เด็กได้เล่นตามวัย เด็กจะมีสุขภาพจิตดี ร่าเริงแจ่มใสเด็กมีความสุขกับการได้สำรวจสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเด็ก จะเดินเตาะแตะหรือคลานไปโน่นมานี่หยิบของต่างๆมาเคาะเล่น ชอบแหย่นิ้วในรูเล็ก ๆบางทีก็หยิบของใส่ปากซึ่งเป็นพฤติกรรมหนึ่งที่เด็กวัยนี้แสดงออกเพื่อทำความรู้จักกับโลก ภายนอกตัวเขาโดยการดูด กัด หรือสัมผัสเด็กชายคนนี้จะสามารถสื่อสารบอกความต้องการของตนเองได้ รู้จักชื่อของตนเองการมีโอกาสได้เล่นทำให้เด็กได้พบกับสถานการณ์ต่างๆที่เป็นเสมือนแบบฝึกหัดให้เขา ฝึกแก้ปัญหาดังเช่นเด็กชายคนนี้เมื่อเขาคลานไปถึงประตูบานใหญ่บานหนึ่งเขาลุกขึ้นแล้วกางแขนออกสุดแขน ตามความกว้างของประตูแต่….แขนของเขาสั้นไปเขาพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะจับขอบประตูทั้งสองข้าง เพื่อที่จะก้าวให้พ้นธรณีประตูเขาทำไม่ได้เขาทำหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้แล้วหันมามองหน้าผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ คล้ายกับจะขอความช่วยเหลือเขาได้รับการกระตุ้นให้ลองพยายามใหม่และมีผู้ใหญ่ยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ในที่สุดเขาก็ทำได้เขาเดินไปชิดขอบประตูด้านใดด้านหนึ่งใช้มือทั้งสองจับขอบประตูเพื่อพยุงตนเองให้ก้าว พ้นธธรณีประตู โดยหันหลังออก เมื่อเขาทำได้ผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตั้งแต่แรกเอ่ยคำว่าเก่งและปรบมือให้เด็ก จะเลียนแบบ ปรบมือและมีท่าทีที่เป็นสุขเด็กได้ผ่านบทเรียนไปอีกบทหนึ่งยังมีบทเรียนอีกมาก ที่คอยเขาอยู่ซึ่งประสบการณ์ที่ดีจากบทเรียนที่ผ่านไปเขาของที่ได้จากการเล่นนั่นเองจะช่วยส่งเสริม สนับสนุนให้เขาผ่านบทเรียนอื่นๆไปได้ซึ่งความสำเร็จนี้จะก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับความภูมิใจในตนเอง ความเชื่อมั่นในตนเอง และการเห็นคุณค่าของตนเองได้อีกทางหนึ่งด้วยในขณะเดียวกันนั่น เองในการเล่นอีกเช่นกันที่จะช่วยสอนให้เขารู้จักความไม่สำเร็จและกระตุ้นให้เขาพัฒนาตนเองต่อไป
ในเด็กชายวัยขวบครึ่งอีกคนหนึ่งซึ่งได้รับการเลี้ยงดูในบรรยากาศมี่ไม่เอื้อให้เด็กได้เล่นตามวัยและ ไม่ได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่ในบรรยากาศของครอบครัวที่อบอุ่น เด็กจะเซื่องซึม งอแง กล้ามเนื้อแขนขาดูอ่อนแรง ไม่ค่อยตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ และไม่สามารถสื่อสารเพื่อบอกความต้องการของตนเองได้ พัฒนาการไม่สมวัย น่าเสียดายผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็กชายคนที่สองนี้ได้ปล่อยเวลาที่ดีที่สุดต่อการพัฒนาคุณภาพของเด็กให้ผ่านไปไปโดย ไม่รู้ตัวเด็กมีความเป็นปัจเจกเช่นเดียวกับผู้ใหญ่เด็กแต่ละคนมีความชอบและไม่ชอบแตกต่างกันไปอย่างไรก็ตาม เด็กทุกคนมีความต้องการที่จะเล่นเหมือนกันผู้ใหญ่จะมีบทบาทสำคัญที่จะเอื้อให้เด็กได้เล่นหรือไม่หรือให้เด็กๆ ได้มีโอกาสเล่นอย่างมีคุณภาพเพียงใด การเล่นนอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาให้แก่เด็กแล้วยังจะช่วยให้พ่อ แม่ ผู้ปกครองหรือผู้เกี่ยวข้องได้รู้จักลูกๆหรือเด็กๆ ในความดูแลของตนเองด้วย
//www.wearehappy.in.th/?p=69
Create Date : 06 กันยายน 2551 |
Last Update : 6 กันยายน 2551 20:23:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1808 Pageviews. |
|
|