การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางกาย การเคลื่อนไหว หรือสุขภาพ6
การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรสำหรับคนพิการทางกายฯ กับ บริการฟื้นฟูสมรรถภาพ คนพิการทางกายฯ มีข้อจำกัดที่แตกต่างจากคนทั่วไป ดังนั้น ในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการนั้น จึงจำเป็นต้องปรับหรือพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมทั้งเนื้อหาสาระวิธีการเรียนการสอน และการประเมินผลเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นจริงทั้งของคนพิการ และครูผู้สอนในการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรสำหรับคนพิการจำเป็นต้องคำนึงถึงการจัดการฟื้นฟูสมรรถภาพของคนพิการในโรงเรียน ในประเด็นต่อไปนี้ 1.ต้องจัดโครงสร้างและเนื้อหาของหลักสูตรบนหลักการและจุดมุ่งหมายว่าคนพิการต้องเรียนรู้เนื้อหา เท่ากับเด็กทั่วไปแต่ต้องปรับภาษาที่ใช้ในการสอนสื่ออุปกรณ์วิธีการเรียนการสอนการวัดและประเมินผลตลอดจนเกณฑ์การจบหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของเด็กพิการแต่ละคน ในการจัดเวลาเรียน ต้องจัดให้คนพิการ มีเวลาไปรับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งในโรงเรียน และที่หน่วยงานนอกโรงเรียน นอกจากนั้นต้องคำนึงถึงการ 1.จัดเวลาเรียนแต่ละวิชาเนื่องจากคนพิการทางกายฯบางคนต้องใช้เวลาในการสื่อสาร และการเคลื่อนย้ายจากห้องเรียนหนึ่งไปอีกห้องเรียนหนึ่งมากกว่าคนทั่วไป 2.จัดการเรียนการสอนโดยให้มีครูพิการเป็นผู้สอนคนพิการตามความเหมาะสม เพื่อคนพิการจะได้มีบุคคลพิการเป็นแบบอย่าง 3. จัดคณะกรรมการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล 4.จัดทำแผนการสอนโดยวิธีการที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยเช่นการยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และการเรียนรู้จากปัญหา เป็นต้น 5.จัดกิจกรรมการเรียนการสอนในลักษณะส่งเสริมการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านต่างๆเช่นส่งเสริมการฟื้นฟ ูสมรรถภาพด้านสังคมโดยให้เด็กพิการได้ร่วมกิจกรรมทั้งกับเด็กพิการประเภทเดียวกัน ร่วมกิจกรรมกับคนทั่วไปและร่วมกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน และสังคม เป็นต้น 6.จัดให้มีการบูรณาการฟื้นฟูสมรรถภาพในการเรียนการสอนในทุกวิชาโดยให้มีความเชื่อมโยง หรือต่อเนื่องกันของโปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคลแผนการสอนรายบุคคล และแผนการฟื้นฟูสมรรถภาพรายบุคคล 7.จัดให้มีแฟ้มประวัตินักเรียนรายบุคคลเพื่อให้ผู้ทำหน้าที่ฟื้นฟูสมรรถภาพแต่ละด้านและครู ได้ติดตามความก้าวหน้าของนักเรียนแต่ละคนในภาพรวม 8.จัดให้มีการบ้านฝึกการฟื้นฟูสมรรถภาพซึ่งมีความสอดคล้องหรือเป็นส่วนหนึ่งของการบ้านของการเรียนวิชาต่างๆ การจัดการศึกษากับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพสำหรับคนพิการทางกายฯในโรงเรียนเรียนร่วม คนพิการทางกายฯส่วนใหญ่สามารถรักษาผ่าตัดและฟื้นฟูสมรรถภาพได้ระดับหนึ่ง คนพิการทางกายฯจึงจำเป็นต้องได้รับบริการรักษา ผ่าตัดและฟื้นฟูสมรรถภาพควบคู่กับการศึกษา ดังนั้นโรงเรียนเฉพาะความพิการทางกายฯหรือโรงเรียนปกติที่จัดให้คนพิการทางกายฯเรียนร่วมจึงควรประสานงานให้คนพิการได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการตามความต้องการจำเป็นของแต่ละคน แนวทางในการจัดบริการฟื้นฟูสมรรถภาพของคนพิการ ในโรงเรียนอย่างเต็มรูปแบบ มีดังต่อไปนี้ 1. กำหนดนโยบายให้โรงเรียนบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านการแพทย์ศึกษาสังคม และอาชีพ ทั้งในลักษณะของการบูรณาการ และแยกส่วน 2.จัดตั้ง“คณะกรรมการบริการฟื้นฟูสมรรถภาพ”เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบจัดทำแผนงานฟื้นฟูสมรรถภาพของโรงเรียน จัดทำแผนบริการฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการเป็นรายบุคคลให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพประสานงาน และประเมินผลการดำเนินงาน เป็นต้น 3. เตรียมความพร้อมของบุคลากรทุกระดับในโรงเรียน โดยการจัดฝึกอบรมให้ ครู เจ้าหน้าที่ ภารโรง คนสวน คนครัว แม่ค้า พ่อค้า เป็นต้น มีความรู้พื้นฐานเรื่องการฟื้นฟูสมรรถภาพของคนพิการทุกด้าน 4. เผยแพร่ความรู้พื้นฐานเรื่องการฟื้นฟูสมรรถภาพของคนพิการ แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเด็กพิการ เช่น ผู้ปกครองนักเรียนพิการ ผู้ปกครองนักเรียนทั่วไป นักเรียนทั่วไป ผู้นำชุมชน สมาชิกองค์กรท้องถิ่น ผู้สนใจ และคนทั่วไป เป็นต้น 5. จัดระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้ง 4 ด้านแบบให้ทุกฝ่าย และทุกคนได้รับรู้ และมีส่วนร่วม - ได้แก่ เด็กพิการ ผู้ปกครองนักเรียนพิการ ผู้ปกครองนักเรียนทั่วไป นักเรียนทั่วไป นักวิชาชีพ นักวิชาการ อาสาสมัคร ผู้นำชุมชน สมาชิกองค์กรท้องถิ่น และบุคลากรของโรงเรียนทุกระดับ เป็นต้น 6. จัดให้คนพิการได้รับสิทธิต่างๆ โดยเฉพาะด้านรับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพตามกฎหมาย เช่น บริการจัดจดทะเบียนคนพิการ และขอรับบัตรสวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล เป็นต้น 7. จัดให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งโดยโรงเรียนและโดยหน่วยงานอื่นด้วยการประสานงานส่งนักเรียนไปรับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพซึ่งโรงเรียนไม่สามารถบริการได้ที่หน่วยงานอื่น 1.จัดระบบให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการโดยชุมชน
- โดยการประสานงานกับครอบครัวของเด็กหูพิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้ง ติดตามและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ 2. จัดระบบการรับ - ส่งปรึกษา รับ - ส่งต่อ และรับ - ส่งบริการ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านต่างๆโดยจัดครูหรือเจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานด้านนี้โดยเฉพาะ
3. จัดสื่อ สิ่งอำนวยความสะดวก บริการ และความช่วยเหลือ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านต่างๆ โดยสอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของให้คนพิการทางกายฯ 4. ในระดับอนุบาล - ควรเน้นบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ โดยเฉพาะทักษะด้านการสื่อสารและบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านสังคมในระดับพื้นฐานรวมทั้งการฝึกการช่วยเหลือตนเอง และการเตรียมความพร้อมเพื่อการศึกษา 5.ในระดับประถมศึกษา -ควรเน้นบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการศึกษาโดยยังคงให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ และสังคมอย่างต่อเนื่องในระดับประถมตอนปลายอาจสอดแทรกบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพด้วย 6. ในระดับมัธยมศึกษา -ควรเน้นบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งด้านการศึกษาสังคมและอาชีพโดยยังต้องให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์อย่างต่อเนื่องในระดับมัธยมตอนปลายอาจส่งเสริมบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพมากขึ้น 7.สำหรับโรงเรียนเฉพาะ - ควรเน้นการให้บริการด้านการศึกษาแก่คนที่ไม่สามารถเรียนร่วมกับคนทั่วไปได้เป็นหลัก และเมื่อคนพิการทางกายฯซึ่งได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพจนอยู่ในระดับที่จะเรียนร่วมได้ ควรสนับสนุนให้เข้าศึกษาในโรงเรียนเรียนร่วมโดยเร็ว 8.สำหรับโรงเรียนเรียนร่วม
- ควรจัดการศึกษาให้คนพิการทางกายฯที่สามารถเรียนร่วมกับคนทั่วไปได้เป็นหลัก และถ้าพบว่าคนใดไม่พร้อมที่จะเรียนร่วมกับคนทั่วไปได้ ควรส่งเข้าเรียนในโรงเรียนเฉพาะความพิการ 1. การสื่อสารกับคนพิการ -ต้องส่งเสริมให้บุคลากรทุกคนในโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องสามารถสื่อสารกับคนพิการตามศักยภาพของแต่ละคน
2.จัดการเรียนการสอนทั้ง3ระบบคือในระบบนอกระบบและตามอัธยาศัยเพื่อให้คนพิการได้เลือกระบบที่สอดคล้อง กับศักยภาพของแต่ละคน ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถคาดเดาได้ชัดเจนว่า การปฏิรูปการศึกษาในปี พ.ศ. 2545 ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 จะเปลี่ยนแปลงการบริหารงาน การศึกษาเพื่อคนพิการอย่างไร ผู้จัดการศึกษาเพื่อคนพิการทางกาย การเคลื่อนไหว หรือสุขภาพจึงควรมีส่วนร่วมในการนำเสนอความคิดเห็นต่อคณะกรรมการที่รับผิดชอบงานปฏิรูปการศึกษาในระดับต่างๆ พร้อมทั้งต้องติดตามแนวทางที่จะต้องดำเนินการต่อไป
Free TextEditor
Create Date : 26 กันยายน 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 26 กันยายน 2551 22:15:37 น. |
Counter : 2225 Pageviews. |
|
|
|