การบริหารจัดการการศึกษาเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้าง SEAT
พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542และที่แก้ไขพ.ศ.2545ในมาตรา10ได้กล่าวไว้ชัดเจน ในภารกิจที่รัฐต้องจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่บกพร่องด้านต่างๆ โดยเฉพาะในวรรค 3 กำหนดว่าการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการให้จัดตั้งแต่แรกเกิดหรือทันทีที่พบความพิการเป็นจุดใหญ่ ที่ทำให้เกิดการตื่นตัวในเรื่องการจัดการศึกษาเพื่อคนพิการ และในปี พ.ศ. 2542 นี้เอง กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดให้เป็นปีการศึกษาเพื่อคนพิการ มีนโยบายว่า คนพิการทุกคนที่อยากเรียนต้องได้เรียน มีการตื่นตัวมากในช่วงนั้นที่จะทำให้โรงเรียน ทุกโรงเรียนสามารถสอนเด็กพิเศษได้ มีโรงเรียนทั่วไปที่จัดการเรียนร่วมและการจัดการเรียนร่วม นี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่ทำงานด้านการศึกษาพิเศษในการเตรียมเด็กพิการให้ได้ รับบริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มจากการติดตามผลการดำเนินการที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพบว่า โรงเรียนทั่วไปยังมีปัญหาในการบริหารจัดการเรียนร่วมและเกิดจากโรงเรียนยังไม่มีความรู้และ ขาดทักษะในการจัดการศึกษาเรียนร่วม ผศ. ดร. เบญจา ชลธาร์นนท์ ที่ปรึกษาด้านการศึกษาพิเศษ และผู้ด้อยโอกาส สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้พัฒนาระบบโครงสร้าง SEAT เพื่อศึกษาว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญใหญ่ๆ ที่จะช่วยให้การบริหารจัดการโรงเรียนเรียนร่วมนี้ ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เด็กพิการสามารถเรียนร่วมได้อย่างมีความสุข และมีการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษของแต่ละบุคคล และเป็นที่มา ของการพัฒนาระบบโครงสร้าง SEAT
ผศ.ดร. เบญจา ชลธาร์นนท์ บอกว่า ในวงการศึกษาไทยได้พัฒนาโครงสร้าง SEAT ขึ้นมา โดยนำเอาแนวคิดการจัดการศึกษาแบบเรียนรวม หรือ Inclusive Education ที่มุ่งเน้นให้โรงเรียน เป็นองค์กรที่จะต้องปรับและเตรียมการ โรงเรียนจะทำอย่างไรที่จะช่วยให้เด็กทุกคนที่อยู่ในโรงเรียน สามารถเรียนรวมกับคนอื่นได้ แทนที่จะเป็นการมุ่งเตรียมเด็ก (พิเศษ) ให้พร้อมและมีคุณสมบัติถึงเกณฑ์ ที่โรงเรียนกำหนด นอกจากมีการเตรียมการในเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมานี้แล้ว นักวิชาการศึกษายังพบว่า เด็กบางกลุ่มก็ยังมีความต้องการจำเป็นพิเศษที่ไม่สามารถขจัดไปได้ โรงเรียนจะทำอย่างไรที่จะสนองตอบ ความต้องการหรือข้อจำกัดเหล่านี้ และเป็นที่มาของการปรับกระบวนทัศน์ใหม่ของการบริการจัดการศึกษาพิเศษ ให้กับเด็กทั่วๆ ไป โครงสร้าง SEAT หมายถึงอะไร S…Student หมายถึง นักเรียนที่มีความพิการ มีการเตรียมการโดยหากรู้ว่าเด็กพิการตั้งแต่แรกเกิด รัฐจะให้บริการตั้งแต่แรกเกิด หรือหากพิการภายหลังก็ให้บริการทันทีที่พบความพิการ เป็นการให้ต่อแต้มโดยเตรียมเด็กให้มีทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนร่วม เช่น คนหูหนวกต้องรู้ภาษามือ คนตาบอดต้องการอักษรเบรลล์ และพยายามค้นหาและใช้สิ่งที่เด็กมีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หลังจากที่มีพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และฉบับแก้ไข พ.ศ. 2545รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์การศึกษาพิเศษเขต เพิ่มเติมจากเดิม 5 เขต เป็น 13 เขต และศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด 63จังหวัดหน่วยการศึกษาเหล่านี้มีหน้าที่ให้บริการการศึกษา ระยะแรกเริ่ม สำหรับเด็กพิเศษ แต่ทั้งนี้ หัวใจสำคัญในการพัฒนาเด็กพิเศษคือ ครอบครัวของเด็กที่จะมีผลต่อพัฒนาการของเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความสำคัญต่อ การพัฒนาการศึกษาพิเศษคือเด็กทั่วไปในโรงเรียนในการบริหารจัดการโรงเรียนเรียนร่วมต้องมีการบริหาร จัดการ ในโรงเรียนจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด เด็กทั่วไปต้องเข้าใจและมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของการจัดการเรียนร่วม และได้รับการเตรียมให้เข้าใจคนพิการโดยทำกิจกรรมจำลองเพื่อให้เด็กเกิดความรู้สึกเข้าใจเพื่อนเรียนรู้ที่จะเรียนร่วม กับคนพิการอย่างไร การช่วยเหลือเพื่อนพิการทำอย่างไร เตรียมเด็กให้เปิดใจและยอมรับความแตกต่างของคน เป็นการปลูกฝังจริยธรรมของเด็กไปด้วย E…Environment สภาพแวดล้อม แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ กายภาพ หมายถึงสภาพกายภาพภายในโรงเรียน ได้แก่ ห้องเรียน โต๊ะเรียน โต๊ะนั่ง การถ่ายเทของอากาศ แสงไฟ ความชื้นสภาพแวดล้อมรอบบริเวณโรงเรียน สนามฟุตบอล ห้องดนตรี หอประชุม ห้องสมุด สภาพทางกายภาพนอกโรงเรียน เช่น ในชุมชน ในตลาด ในตัวเมือง ในอำเภอ ในสถานที่ที่พาเด็กไปทัศนศึกษา ค่ายลูกเสือ เรื่องต่างๆ เหล่านี้โรงเรียนต้องจัดการให้ความสะดวกกับเด็กพิการ อีกส่วนหนึ่งคือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ได้แก่ บุคลากรในโรงเรียน ครู แม่ครัว ยาม ตำรวจจราจรที่ช่วยเด็กข้ามถนนหน้าโรงเรียน บุคคลเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญต่อเด็ก บุคคลเหล่านี้ต้องได้เข้าใจในการจัดการศึกษาเรียนรวมโดยผู้บริหารโรงเรียนบอกเล่าให้บุคคลเหล่านี้เข้าใจ A…Activity เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนภายในและภายนอกห้องเรียน เริ่มตั้งแต่หลักสูตร กระทรวงศึกษาธิการได ้มีการปรับหลักสูตรของเด็กทั่วไปให้เด็กพิการแต่ละประเภท เช่น การปรับชั่วโมงเรียนคัดไทย แทนที่จะให้เด็กตาบอดคัดไทย ต้องกดเบรลล์แทน การปั้นแทนวาดรูป การปรับหลักสูตรเฉพาะ ตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึง 12 ปี เด็กพิการที่บกพร่องด้านต่างๆ ควรมีความรู้เรื่องต่างๆ ที่เรียนในห้องเรียนเพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น เด็กปัญญาอ่อนต้องซื้อของเป็น และต้องรู้จักจำนวนเงิน นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรเพิ่มเติมทักษะที่จำเป็น เช่น ตาบอดต้องสอนอักษรเบรลล์ หากสอนไม่ได้โรงเรียนต้องจัดบริการเพิ่มเติมให้ โดยมีกฎกระทรวงเอื้ออำนวยให้แล้ว การจัดการทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) เป็นกระบวนการที่ดูเด็กพิเศษทุกด้านตลอดทั้งปี และมีการปรับแผนทุกๆ ครึ่งปีแผนนี้สามารถนำไปใช้ในกระบวนการ ของการตรวจสอบเด็กก่อนที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กและเมื่อให้การช่วยเหลือเด็กไปแล้วยังเป็นเครื่องมือที่ใช้ ในกระบวนการประเมินความก้าวหน้าของเด็ก ว่าเป็นไปสอดคล้องกับความต้องการของเด็กแต่ละคนหรือไม่ ฉะนั้น การจัดทำ IEP เป็นกระบวนการใหญ่ ต้องทำงานเป็นทีมงานจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด มีการทำงานตามแผนและ มีคู่มือช่วยในการทำงาน โดยเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาช่วยกัน เช่น ครู ผู้ปกครอง ผู้ชำนาญการเฉพาะด้านต่างๆ ผู้บริหารโรงเรียน เป็นต้น
ในแผนนี้มีข้อหนึ่งเขียนถึงสิทธิประโยชน์ของเด็กที่พึงได้รับ จากการตรวจสอบแล้วว่าเด็กมีความต้องการจำเป็นพิเศษ
จำเป็นต้องได้รับบริการในเรื่องสื่อ สิ่งอำนวยความสะดวก บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษาตามกฎกระทรวง
และมีเงินกองทุนการศึกษาเพื่อคนพิการเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนใน IEP นอกจากนี้ยังจัดให้มีแผนการสอนเฉพาะบุคคล IIP เป็นแผนเล็กๆ ที่จะสอนเด็กเฉพาะส่วนที่เด็กมีความบกพร่อง เทคนิคการสอน เทคนิคการวิเคราะห์งาน เทคนิคการใช้ระบบเพื่อนช่วยเพื่อน (Buddy System) ระบบพี่สอนน้อง การเรียนร่วมโดยร่วมมือกัน ทำให้เด็กทั้งห้องเรียนเรียนได้ดีขึ้น กิจกรรมนอกห้องเรียน การจัดกิจกรรมการค้นคว้า การศึกษาดูงาน T…Tool เครื่องมือ ตามกฎกระทรวง เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก การใช้เทคโนโลยีมาประดิษฐ์เพิ่มเติม เช่น เครื่องคิดเลขมีเสียง ครูการศึกษาพิเศษ ล่ามภาษามือ งบประมาณ (เด็กพิการจะได้ 5 เท่า ของเด็กปกติ คือ 2,000 บาท/คน/ปี) นโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ สื่อ ตำรา บริการ การฝึกอบรมพ่อแม่ล้วนเป็นเครื่องมือที่จะช่วยในการให้บริการด้านการศึกษา สำหรับเด็กพิเศษทั้งสิ้น การบริหารจัดการเรียนร่วมต้องมีการบริหารจัดการที่ดีจึงจะมีประสิทธิภาพ นอกจากใช้การบริหารจัดการแบบโครงสร้าง SEAT แล้ว ยังต้องใช้การบริหารแบบใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Based Management)ขณะนี้ได้นำการบริหารจัดการ การศึกษาเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้าง SEAT ไปใช้กับโรงเรียนนำร่อง จำนวน 390 โรงทั่วประเทศในจำนวนนี้ได้จัดให้มี ห้องเรียนพิเศษคู่ขนานสำหรับเด็กออทิสติกระดับรุนแรง จำนวน 50 ห้องเรียน โดยฝึกอบรมครู 100 คน เพื่อดูแล เด็กออทิสติกในห้องเรียนคู่ขนาน ใน 1 ห้องเรียน ใช้ครู 2 คน ต่อนักเรียน 3-5 คน หากการนำร่องนี้ได้ผลดีจะได้มีการขยายผลต่อไป หลักในการจัดการศึกษาพิเศษจะเป็นการเตรียมการให้โรงเรียน สิ่งอำนวยความสะดวก และความต้องการจำเป็นต่างๆ เอื้อต่อเด็กพิเศษ ไม่ใช่เป็นการปรับเด็กพิเศษให้สามารถปรับตัวเพื่อเรียนร่วมกับเด็กปกติอีกต่อไป ที่มา…สัมภาษณ์ ผศ.ดร.เบญจา ชลธาร์นนท์ ที่ปรึกษาด้านการศึกษาพิเศษและผู้ด้อยโอกาส สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในรายการวิทยุเพื่อคนพิการ “โลกกว้างทางการศึกษา” อังคารที่ 11 พฤศจิกายน 2546
Create Date : 07 กันยายน 2551 |
|
49 comments |
Last Update : 7 กันยายน 2551 22:04:39 น. |
Counter : 19086 Pageviews. |
|
|
|
ดิฉันเข้าใจว่าการทำงานมันต้องเหนื่อยกันบ้าง แต่เหนื่อยกายมันไม่เท่าไรแต่นี้มันเหนื่อยใจมากกว่า