03-ความในใจที่ผมมีอยู่
มหาวิทยาลัยเปิดเทอมแล้ว ผมขึ้นปี 3
วันแรก ผมไม่รู้ว่าเรียนห้องไหนและวิชาอะไร จึงไปดูตารางการเรียน แล้ว จึงเข้าไปนั่งเรียน โอ้โฮ........ฟังไม่รู้เรื่องเลย........เพราะมันยากมากๆ.......อาจารย์พูดๆ ๆ และ พูด.......พูดทั้งชั่วโมง.......เสียงซีเรียสมาก เมื่อจบชั่วโมง ปรากฏว่าผมไม่รู้ว่าอาจารย์สอนอะไร........จะถามใครก็ไม่ได้........เพราะผมนั่งคนเดียวและเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ใครก็มีแต่คนเดินหนี วันที่สอง ต้องไปดูตารางเรียนและห้องเหมือนเดิม เมื่อผมเดินเข้าไปในห้องเรียน มีนักศึกษานั่งอยู่แล้วและบางที่นั่งก็มีการจอง ผมจึงต้องนั่งคนเดียว วิชาที่เรียนคือคณิตศาสตร์ อาจารย์ยังไม่สอนอะไร เพียงแต่ให้ทำแบบฝึกหัด ยากตามสมควร ผมพยายามถามอาจารย์จนพอทำได้ เมื่อเรียนเสร็จก็ไปกินข้าวกลางวัน ผมพยายามจะคุยกับเพื่อนที่เรียนร่วมกันมาตอนปี 2 แต่ไม่มีใครยอมคุยด้วย พวกเขาคงรังเกียจผม ผมจึงไปนั่งกินข้าวคนเดียว.........รู้สึกเศร้าจัง.......ผมไม่มีเพื่อน.......มีแต่คนรังเกียจ ตอนบ่ายเข้าไปเรียน แต่อาจารย์ยังไม่สอนอะไรเท่าไหร่........แต่ผมก็นั่งคนเดียวเหมือนเดิม........ผมทำผิดอะไรหนอ......ผมเพียงแต่กลัวๆกล้าๆ......พูดไม่ค่อยจะได้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น........ วันที่สาม วันนี้ผมโชคดีหน่อย ได้คุยกับอาจารย์ที่สอนภาษาไทย ใจดี สอนสนุก ไม่เครียด ทำให้ผมรู้สึกอยากคุยกับอาจารย์ พอดีไม่มีชื่อผมในใบรายชื่อนักศึกษาที่อาจารย์ได้รับมา จึงเป็นโอกาสที่ผมได้คุยกับอาจารย์ “อาจารย์ครับ ผมไม่ถนัดเรื่องการพูดครับ” “มันไม่ยากหรอก ฝึกกันได้”
“ผมมีปัญหาจริงๆครับเพราะผมเป็นเด็กพิเศษครับ”
“เธอเป็นอะไรล่ะ”
“เธอลองเล่ามาซิว่าเธอมีปัญหาอะไร” ผมจึงตัดสินใจบอกอาจารย์ว่าเป็นอะไรพร้อมกับเล่าความทุกข์ที่เกิดเป็นเด็กออทิสติกประเภทหนึ่งให้อาจารย์ท่านทราบ “ไม่เห็นเธอเป็นอะไร ดูปกติทุกอย่าง เธอเก่งมากที่เรียนมาได้ขนาดนี้ ครูเองก็อยากเป็นครูที่ดี เมื่อได้พูด ได้คุยกับเธอ ทำให้นึกถึงอาจารย์ของครูที่จุฬาฯ ที่พูดว่า “พวกเธอไม่มีวันเข้าใจเด็กออทิสติกที่แท้จริงหรอก ได้คุยกับเธอ ทำให้ครูอยากรู้จักเด็กออทิสติกที่แท้จริงอย่างเธอเสียแล้ว” “ถึงผมจะมีปัญหาอยู่มาก ผมก็มีความสามารถ หากอาจารย์ช่วยดูแลผมดี ๆ เมื่อผมเรียนจบ ผมอาจเป็นครูที่ดีได้เช่นกันนะครับ”
“ครูเชื่อมั่นว่าเธอทำได้ เธอจะเรียนจบและเป็นครูที่ดีได้แน่นอน ครูจะไปถามอาจารย์ที่จุฬาฯถึงวิธีการสอนเด็กออทิสติกและจำคำมาสอนเธอ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหรอก”
“แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าผมจะทำได้”
“ครูเชื่อและมั่นใจว่าเธอทำได้ ไม่ต้องกลัวหรอก”
“ครับ ผมจะเรียกความมั่นใจที่สูญไปกลับคืนมา แต่ท่าทางคงจะลำบาก”
“ไม่ยากหรอก..........ครูต้องขอตัวก่อนนะ.......ต้องมีกำลังใจนะ” “ครับ........อาจารย์”
นี่แหละ.......คือบทสนทนาระหว่างอาจารย์กับผม ทำให้ผมได้อาจารย์ที่รู้ใจคนนี้ ต่อมาอาจารย์ก็ส่งเอสเอ็มเอส ให้กำลังใจมาว่า “วันนี้เธอมีทักษะในการพูดกับครูดีมากเลย ครูเชื่อว่าเธอจะเรียนได้จนจบและสอนเด็กได้” ตอนที่ผมได้อ่าน ผมมีกำลังใจมากเลยล่ะ หลังจากนั้นผมก็ไปเรียนตอนบ่าย มันเป็นวิชาเรียนเกี่ยวกับการเป็นตรู ผมก็ตั้งใจเรียนนะ แต่วิชานี้มันยากจริงๆ จะต้องทำงานเยอะมากเลย(แล้วผมจะทำเสร็จไม่เนี่ย) วันที่สี่ วันนี้ตอนเช้าเรียนกับอาจารย์ที่เรียนในวันแรก มันน่าเบื่อมาก ฟังบรรยายก็อยากจะหลับให้ได้เลยล่ะ และตอนบ่ายก็เรียนวิชาที่เกี่ยวกับครู แต่คนละแบบกับวันที่สาม ผมเองก็เศร้าใจที่เพื่อนไม่ชอบผม คืออาจารย์จับคู่ให้รายงานหน้าชั้น ที่นี้คู่ที่อาจารย์จัดเรียงตามเบอร์และเป็นคู่ของผมบอกกับอาจารย์ว่า
“ไม่เอาแบบนี้ หนูขอทำคนเดียว” ผมคิดว่าเพื่อนคงไม่ชอบผมจริงๆนั่นแหละ นี่แหละคือหนึ่งสัปดาห์(เรียนแค่ 4 วัน) ของชีวิตในมหาวิทยาลัยของผม ถ้าเพื่อนๆ ไม่ยอมรับผม สังคมไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครเหมือนกัน ผมอยากจะบอกว่า “เด็กพิเศษอย่างผมขอแค่โอกาสบ้าง และ เด็กพิเศษหลายๆ คนก็คิดเช่นกันกัน บุคคลปกติทั่วไปคงไม่เข้าใจว่า ทำไมเด็กพิเศษจึงมีปัญหามากมายเช่นนี้ ที่จริงเด็กพิเศษอย่างพวกเราก็ไม่ได้อยากมีปัญหาหรอก เพียงแต่ต้องการความเข้าใจในตัวพวกเรา และ ดูแลเราในแบบที่พวกเรารับได้ก็พอ พ่อแม่ที่เลี้ยงเด็กพิเศษครับ ผมก็อยากให้ลูกของคุณลองเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายฟัง จะพบว่า พวกเขามีเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนผมเสมอ
Create Date : 15 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2555 15:47:25 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1890 Pageviews. |
|
|