ไหว้พระ 9 วัดกับเขตจอมทอง : วัดนางนองและวัดหนัง
ถัดจาก วัดราชโอรส เราก็ลงเรือมุ่งหน้าสู่วัดที่ 4 ของทริป วัดนางนอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในเขตจอมทอง โดยเฉพาะเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่คับคั่งมาแต่โบราณ คือ คลองด่านหรือคลองสนามชัย อยู่ริมคลองฝั่งใต้ตรงข้ามวัดหนัง ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ในรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.2375 โปรดให้ทำเป็นงานใหญ่ รื้อของเก่าและปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอารามดังปรากฎงานศิลปกรรมแบบพระราชนิยมในพระองค์ที่พระอุโบสถและพระวิหารคู่ การทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนางนองนั้น สืบเนื่องจากวัดนางนองในแขวงบางนางนอง เดิมเป็นนิวาสถานของ สมเด็จพระศรีสุลาลัย พระนามเดิมคือเจ้าจอมมารดาเรียม พระราชชนนี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาตระกูลของสมเด็จพระศรีสุลาลัย ย้ายข้ามฟากไปอยู่บริเวณวัดหนัง ฉะนั้นวัดหนังและวัดนางนองจึงเป็นวัดที่เนื่องในสมเด็จพระราชมารดาลักษณะเป็นศิลปแบบพระราชนิยม คือ ศิลปกรรมที่เลียนแบบศิลปจีน อันจะปรากฏในงานสถาปัตยกรรมเป็นหลัก จากรูปแบบการวางแผนผังพระอารามในรัชสมัยและงานสถาปัตยกรรมไทยที่สร้างสรรค์ผสมผสานศิลปจีน อาคารที่สำคัญได้แก่ พระอุโบสถ พระวิหาร งานศิลปกรรมจะอยู่ที่ส่วนหลังคา หน้าจั่วหรือหน้าบัน อันเป็นส่วนที่ถูกแดดฝนอยู่เสมอ จึงทำเป็นงานก่ออิฐถือปูนทำเลียนแบบจีน ทำให้ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ยาวนานกว่างานเครื่องไม้ที่ทำตามแบบศิลปะดั้งเดิม ที่เป็นช่อฟ้าใบระกาแต่โบราณ อย่างไรก็ตาม ทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร หรืออาคารสถาปัตยกรรมประเภทอื่น ถึงแม้จะสร้างขึ้นเลียนแบบจีนก็ตาม ก็ทรงระมัดระวังที่จะรักษาลักษณะความเป็นไทยไว้ เช่น การซ้อนหลังคาในส่วนที่เด่นของอาคาร และมุงกระเบื้องตามลักษณะของไทย การบูรณะปฏิสังขรณ์ใช้เวลาหลายปีจึงแล้วเสร็จได้สถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ประกอบพิธีผูกพัทธสีมาพระอุโบสถเมื่อพุทธศักราช 2384 น่าเสียดาย ที่ช่วงเวลานี้ มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ เราไม่สามารถเข้าชมพระอุโบสถหรือพระวิหารได้เลย แต่น้องไกด์ก็พาเดินไปชมศิลปะแต่ภายนอก ซึ่งก็งามมาก หวังว่าการบูรณะครั้งนี้ จะไม่ทำลายของเดิมนะ ได้ชะโงกเข้าไปดูภายใน แล้วน้อมใจนมัสการพระประธานในพระอุโบสถ พระประธานในพระอุโบสถคือ พระพุทธรูปสำริดปิดทอง พระนาม "พระพุทธมหาจักรพรรดิ์" เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางมารวิชัย พระพักตร์พุทธศิลป์อย่างสมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง 2 เมตร 25 เซนติเมตร (4 ศอกครึ่ง) เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องที่ทำเครื่องทรงเครื่องประดับตกแต่งทุกชิ้นแยกออกจากองค์พระสวมทับลงไว้ ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีปั้นลายปิดทองประดับกระจก กล่าวได้ว่าพระพุทธมหาจักรพรรดิ์ คือ งานประติมากรรมชิ้นเยี่ยมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีความงามอย่างวิจิตรอลังการ และปลูกความเลื่อมใส ศรัทธาแก่ผู้เข้ามาสักการะให้มีความอิ่มเอิบยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างสงบเยือกเย็น เรื่องมงกุฎทรงของพระพุทธมหาจักรพรรดิ์เฉพาะเครื่องศิราภรณ์ คือ มงกุฎของพระพุทธมหาจักรพรรดิ์ มีประวัติว่า องค์ที่สวมอยู่นี้เป็นองค์ที่ 2 องค์แรกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระมหาเจษฎาราชเจ้า ได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนยอดนภศูลพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม เมื่อครั้งทรงปฏิสังขรณ์พระปรางค์วัดให้สูงขึ้นจากเดิม พระพุทธมหาจักรพรรดิ์ เดิมไม่มีพระนาม ได้มีการถวายพระนามในภายหลัง ด้วยพิจารณาว่าพุทธลักษณะแสดงถึงพระพุทธมหาจักรพรรดิ์ทางธรรม ใช้เวลากันที่วัดนางนองไม่นานนัก เพียงแค่เก็บภาพ แล้วไปกราบพระที่พระวิหาร จากนั้นก็รีบลงเรือเดินทางกันต่อไปยังวัดถัดไปที่อยู่ตรงข้ามฝั่งคลองวัดหนัง เป็นอารามหลวงชั้นตรีชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ ณ ฝั่งขวาหรือนัยหนึ่งฝั่งเหนือคลองด่าน เดิมเป็นวัดราษฎร์ มีสืบมาแต่โบราณ มีนามว่าวัดหนังมาแต่เดิม แม้ได้สถาปนาเป็นพระอารามหลวงแล้ว ก็มิได้พระราชทานนามใหม่ วัดนี้เป็นวัดโบราณ ร้างมานาน 200 ปีเศษ จึงไม่ทราบว่าเดิมใครเป็นผู้สร้าง กล่าวเฉพาะ ยุคเป็นพระอารามหลวงนี้ สมเด็จพระศรีสุลาลัย พระบรมราชชนนี ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาใหม่ทั้งพระอาราม มูลเหตุที่ทรงสถาปนาวัดหนังเป็นพระอารามหลวง น่าจักเนื่องด้วย ราชินิกูลสายท่านเพ็ง พระชนนีสมเด็จพระศรีสุลาลัย เป็นชาวสวนวัดหนัง มีนิวาสสถานอยู่ในถิ่นนั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ พ.ศ.2367 ระยะกาลตอนนี้นับว่าสมเด็จพระศรีสุลาลัย บรรลุถึงภาวะเป็นอัฉริยนารี ผู้สูงศักดิ์อย่างสูงสุดในพระชนม์ชีพ เป็นกาลระยะหนึ่ง ซึ่งพระองค์ควรจะพึงคำนึงถึง การทรงทำกรณีอะไรสักอย่างหนึ่ง อันเป็นเครื่องเชิดชูพระเกียรติ ทั้งส่วนพระองค์ทั้งส่วนราชินิกูล ให้ปรากฏอยู่ชั่วกาลนาน เรื่องที่นิยมมากที่สุดในยุคนั้น ไม่มีอะไรอื่นดีกว่าการสร้างวัด สมเด็จพระศรีสุลาลัยสวรรคตวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2380 ปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการฉลองวัดหนัง ณ วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2380นั่นเอง การเริ่มสถาปนาคงอยู่ในระหว่าง พ.ศ.2367 ถึง พ.ศ.2378 ขณะนี้วัดหนังอยู่ระหว่างบูรณะภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ เราก็เลยได้โอกาสเข้าไปดูการซ่อมภาพอย่างใกล้ชิด ทราบจากจิตรกรว่า เป็นงานของกรมศิลปากรจัดจ้างมาดำเนินการ ซ่อมภาพเดิมซึ่งวาดจากสีฝุ่น มาเป็นภาพสีน้ำ เพื่อความคงทนยาวนานยิ่งขึ้น เรายังพอมองเห็นร่องรอยเดิมที่เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา คงเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ (มั้ง) มองงานจิตรกรรมฝาผนังตั้งแต่ครั้งสมัยอยุธยาด้วยความซาบซึ้งแกมทึ่ง และได้ค้นพบว่า วัดในย่านฝั่งธนบุรีนั้น มีวัดเก่าแก่ตั้งแต่ครั้งกรุงเก่าอยู่มากมาย บางวัดก็ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง บางวัดก็ยังคงสถานะเป็นวัดราษฎร์เช่นเดิม แต่จิตศรัทธาของชาวบ้านยังไม่เสื่อมคลาย จึงมีการบูรณะปฏิสังขรณ์กันเรื่อยมา แม้ว่าการบูรณะบางวัดออกจะเลยเถิดไปบ้าง แต่นั่นก็คงเป็นวิธีการสืบสานพระศาสนาอีกทางนึง อย่างไรก็ตาม เราก็ได้แต่หวังว่า กรมศิลปากร จะมีเวลา มีบุคลากร และมีงบประมาณ เข้ามาช่วยตรวจสอบและดูแลการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดราษฎร์บ้าง ก่อนที่ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จะลดคุณค่าของงานพุทธศิลป์เหล่านี้ลงไป ผ่านไปแล้ว 5 วัดใช้เวลาไปเพียง 2 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นเอง ทำเวลาอันน่าดูเลยนะเนี่ย เหลืออีกแค่ 4 วัด ยังไงก็ ติดตามตอนต่อไป ปล. ข้อมูลประวัติเรียบเรียงจากเวปไซค์ของวัด วัดนางนอง >> //www.nangnong.com/news/nangnong/histrory1.html วัดหนัง >> //watnang.com/history/history.html
Create Date : 18 เมษายน 2553
Last Update : 21 ธันวาคม 2553 23:30:30 น.
10 comments
Counter : 2710 Pageviews.
โดย: nikanda วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:4:50:24 น.
โดย: นัทธ์ วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:7:11:38 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:9:40:27 น.
โดย: นัทธ์ วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:13:59:54 น.
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:21:51:30 น.
โดย: นัทธ์ วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:22:10:48 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:9:54:44 น.
โดย: นัทธ์ วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:8:39:58 น.
นัทธ์
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [? ]
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
กลัวคุณนัทธ์จะแอบด่าในใจ 555+
แต่ว่างเว้นจากบล็อกไปเยหลายวัน
ตามเก็บบล็อกคุณนัทธ์ไม่ทันเลยค่ะ
จะค่อยๆ ตามเก็บ ตามดูบรรยากาศ
ไปอย่างช้าๆ เรื่อยๆ ..เที่ยวเยอะจริงๆ