<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
7 มิถุนายน 2554
 

เลียบริมโขง เมืองอุบล : Part XII


ความเดิมตอนที่แล้ว

ตั้งแ่ต่เริ่มออกทริปท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ไม่่ว่าจะทริปสั้นหรือทริปยาว
เรื่องและภาพที่เราหยิบออกมาเขียนถึงนี้ ยาวขึ้น ยาวขื้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรนะ ...แม้เวลาจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม
พอเริ่มต้นดูภาพ เริ่มเขียน ความทรงจำและความรู้สึก ณ วันนั้นๆ จะผ่านเข้ามาทุกครั้ง
ทริปนี้ก็เลยเดินหน้าเข้าสู่ตอนที่ 12 และเป็นเหตุการณ์ในวันที่ 3 ของการเดินทาง

บ่ายสี่โมงกว่าๆ รถตู้ก็พาเราเข้าถึงตัวเมืองอุบลราชธานี
เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว ก็ขอใช้บริการรถตู้ในเต็มที่ก่อนเข้าที่พัก
แวะเข้าวัดกันอีก (ตามเคย)



วัดสุปัฎนารามวรวิหาร ตั้งอยู่อยู่ถนนสมเด็จ เป็นวัดธรรมยุติ วัดแรกของจังหวัดอุบลราชธานี มีสถานะเป็นพระอาราม หลวงชั้นตรี จัดสร้างโดยพระราชศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดยได้เริ่มสร้างวัดในปี พ.ศ. 2393 แล้วเสร็จปี พ.ศ. 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯพระราชทานนามว่า “วัดสุปัฎนาราม” อันหมายถึง วัดที่มีสถานที่ตั้งเหมาะสม เป็นท่าเรือที่ดี สิ่งสำคัญในวัดคือพระอุโบสถ ซึ่งมีขนาดกว้าง 20 เมตร ยาว 34 เมตร สูง 22 เมตร สถาปนิกผู้ออกแบบคือ หลวงสถิตย์นิมานกาล (ชวน สุปิยพันธ์) นายช่างทางหลวงแผ่นดิน ลักษณะของพระอุโบสถแบ่งเป็นสามส่วน คือ ส่วนหลังคาเป็นศิลปะแบบไทย ส่วนกลางเป็นศิลปะตะวันตก และส่วนฐานเป็นศิลปะแบบขอม ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธานของวัด คือ พระสัพพัญญูเจ้า เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย




พอเข้าวัดแล้วใจสงบเสมอ...พวกเราก็ถ่ายรูปกันอย่างสำรวมเต็มที่
มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะไปหมด



นอกระเบียงพระอุโบสถมีแท่งหิน ...เข้าใจว่าเป็นป้ายอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ
พบว่ามีสลักเป็นภาษาญวนด้วย ...
เรามองพระอุโบสถจริง สลับกับภาพถ่ายในแผนที่ท่องเที่ยว
เปลี่ยนไปเยอะเลย ...แผนที่เราเก่าแล้ว
ภาพเดิมนั้น มีการทาสีตัดเส้นลวดลาย แต่ปัจจุบันเป็นสีขาว....ขาวจนสะท้อนแสงแดด



ออกจากวัดสุปัฎฯ ไปไม่ไกลนักก็เข้าวัดสำคัญประจำจังหวัดอีกวัดหนึ่ง
ซึ่งก็ได้เวลาโรงเรียนเลิกพอดีเลย ...เด็กๆ เยอะจริงๆ



วัดศรีอุบลรัตนาราม (วัดศรีทอง) ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของศาลากลางจังหวัด ถนนอุปราช สร้างเมื่อ พ.ศ. 2398 วัดนี้มีพระอุโบสถที่สร้างตามแบบพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรฯ กรุงเทพฯ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง คือ “พระแก้วบุษราคัม” เป็นพระพุทธปฏิมากรปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน แกะสลักจากแก้วบุษราคัม ตามตำนานเล่ากันว่า พระวรราชภักดี(พระวอ) พร้อมด้วยบุตรหลานของพระตาคือ ท้าวคำผง ท้าวทิดพรหมและท้าวก่ำ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี ได้อัญเชิญพระแก้วบุษราคัมมาจากกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) เดิมทีพระแก้วบุษราคัมประดิษฐานอยู่ที่บ้านดอนมดแดง และได้อัญเชิญมาประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีอุบลรัตนารามในเวลาต่อมา ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช ทางราชการได้ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาที่วัดศรีอุบลรัตนาราม พร้อมทั้งได้อัญเชิญพระแก้วบุษราคัมเป็นองค์ประธานในพิธี โดยถือว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสืบกันมาแต่โบราณกาล



องค์พระประธานอยู่ระหว่างบูรณะ ส่วนพระแก้วบุษราคัมอยู่บนสุดจ๊ะ


ออกจากวัดนี้ตั้งใจจะแวะอีกวัด ปรากฎว่าโบสถ์ปิดแล้วล่ะ
ก็เลยให้รถตู้ส่งพวกเรายังที่พัก "โรงแรมราชธานี" จ่ายเงิน ให้ทิป แล้วร่ำลากันไป
เอาไว้เที่ยวอุบลครั้งหน้า จะกลับมาใช้บริการใหม่



เข้าห้อง...ล้างหน้าล้างตา แล้วมาพบกันอีกครั้งตอนหกโมงเย็น
ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ที่พักของพวกเราใกล้ตลาดโต้รุ่งซะด้วย



พอเข้าตัวเมืองก็ได้สัมผัสอากาศเย็น (ยังไม่ถึงกับหนาว)
ได้โอกาสสวมเสื้อแจ๊กเก็ต และผ้าพันคอแล้ว
เดินกอดอกวนเวียนดูอาหารไปทีละแถว ...จนครบ
มาลงตัวกันที่ "อาหารญวน"


ข้าวจี่-ปอเปี๊ยะแบบทอดและไม่ทอด-แหนมเนือง-ปากหม้อ


อิ่มของคาวก็ย้ายโต๊ะ ...ไปหม่ำของหวานอุ่นๆ "น้ำเต้าหู้" กันก่อน
เวลายังหัวค่ำนัก ...ไปเดินเล่นรับลมหนาว แถวศาลหลักเมืองกันต่อ



ศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่ บนถนนศรีณรงค์ ทางทิศใต้ของทุ่งศรีเมือง และอยู่ทางทิศเหนือของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี เริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2515 และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2519

เสาหลักเมืองนั้น กรมศิลปากร ได้ออกแบบเป็นยอดบัวตูม โดยใช้ไม้ราชพฤกษ์


กราบขอพรจากเ้จ้าพ่อประจำศาลหลักเมืองแล้ว ก็เดินเข้าร้านขายของที่ระลึก
บางคนได้โปสการ์ด บางคนไม่ได้อะไร และเราได้เสื้อยืด
ตั้งใจว่าของที่ระลึกจากการเดินทางของตัวเอง จะหาเสือยืดชื่อจังหวัดต่างๆ เก็บไว้
แล้วก็ได้สมใจ ตั้ง 2 ตัว....

กลับเข้าห้องพัก ...อาบน้ำอุ่น และซุกตัวนอนในผ้าห่มอุ่น
ภาวนาให้พรุ่งนี้เราตื่นมาเจออากาศหนาว ...จะได้สมอยาก



โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล. ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย > //thai.tourismthailand.org/where-to-go/cities-guide/attractions/destination/ubon-ratchathani/
ข้อมูลศาลหลักเมือง > //www.foodtravel.tv/travelShow_Detail.aspx?viewId=657



Create Date : 07 มิถุนายน 2554
Last Update : 8 มิถุนายน 2554 16:50:26 น. 4 comments
Counter : 1360 Pageviews.  
 
 
 
 
นัทธ์..ทานอาหารญวนที่ร้านไหน.. ใช่ "อินโดจีน" หรือเปล่าในเมืองอุบล
 
 

โดย: ณงลักษณ์ IP: 58.8.65.70 วันที่: 8 มิถุนายน 2554 เวลา:17:18:42 น.  

 
 
 
พี่ณงคะ จำชื่อร้านไมไ่ด้ค่ะ อยู่ในตลาดโต้รุ่งนั่นแหละ แล้วก็เลือกสั่งจาก 2 ร้านค้ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:7:28:29 น.  

 
 
 
ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวทางอีสานเลยครับ
จังหวัดอุบลราชธานีนี่แหละครับที่อยากไปมาก โดยเฉพาะวัดหลวงพ่อชา
 
 

โดย: คนขับช้า วันที่: 11 มิถุนายน 2554 เวลา:14:19:34 น.  

 
 
 
พิชญ์ก็เป็นคล้ายๆกันเลยค่ะ พอเข้าวัดแล้วจะรุ้สึกใจเราิน่งๆขึ้นเยอะ แล้วจะถ่ายรูป พูดคุย ก็จะรำรวมไปได้เองเลย
 
 

โดย: pichayaratana วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:9:50:03 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com