<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 พฤษภาคม 2553
 

ทริปภูเก็ต : Part IV - วัดพระทอง - อนุสาวรีย์ - พิพิธภัณฑ์





ความเดิมตอนที่แล้ว

เช้าวันที่ 2 ไม่ได้นัดกันอย่างเป็นกิจลักษณะแบบคณะทัวร์
แต่ทุกคนก็พร้อมออกเที่ยวกันในเวลา 8 โมงเช้่า
แล้วก็พากันเดิน..ทริปยาจก..เดินกันเป็นกิโล ก็ไม่ค่อยรู้สึกเมื่อย
มุ่งหน้าหาร้านอาหารเช้า เิติมพลังกันก่อน
แน่นอน...ระหว่างทางเราก็เก็บภาพตึกเก่าอีกตามเคย
แสงยามเช้า ..ให้ภาพที่แตกต่างจากที่ถ่ายเก็บไว้เมื่อยามบ่าย



ตึกพิพิธภัณฑ์ภูเก็ต-ไทหัว ..ที่อ่านจากคู่มือแล้ว น่าแวะมาก
แต่ยังเช้าอยู่ ..ไม่เปิดประตู ก็ต้องเดินผ่านไปก่อน
เดินมาถึงสามแยกถนนสตูล ก็ถึงร้านขนมจีนป้ามัย



เพื่อนที่เคยมา ..ไม่แน่ใจว่าถูกที แต่ป้ายชื่อร้านก็บ่งบอกอยู่
และท้องก็ร้องเตือนกันแล้ว ...กินเลยละกันนะ
ขนมจีนที่ร้านนี้ ให้ตักน้ำยาเอง และมีบุปเฟต์สารพัดผักอยู่บนโต๊ะ
มีน้ำยาปลา น้ำยาปู น้ำพริก แกงไตปลา แกงเขียวหวาน เราก็เลยตักน้ำยาราดมา 2 อย่างเลย
แกะไข่ต้มอีก 1 ฟอง ตักผักสารพัดใส่ไป ...เท่านี้ก็อิ่ม
เพื่อนเรา แกะห่อหมกให้ชิม...ขอสรุปว่า ...ห่อหมกอร่อยกว่าน้ำยาอ่ะ
คือ เราเข้าใจเอาเองว่า น้ำยาแบบปักษ์ใต้ต้อง "เผ็ด" กินที่กรุงเทพฯ เราก็ว่าเผ็ดแล้วนะ
ที่นี่ "ควร" เผ็ดกว่าที่กทม.ดิ ... แต่ไม่ใช่ค่ะ
ไม่รู้ว่า เป็นร้านแนะนำแล้ว ก็เลยต้องทำรสกลางๆ ให้คนต่างชาติและคนไทยภาคกลางกินได้รึป่าวนะ
แต่เราก็เห็นชาวบ้านกินอย่างเอร็ดอร่อย ...อ้อ อีกอย่างที่อร่อยคือ ชาร้อนค่ะ
ได้รสชาติเดียวกับที่มะละกาเลยล่ะ ชอบ ชอบ

กินอิ่มกันแล้ว ...ก็ย้อนกลับมาที่ตลาด หารถไปเที่ยวกัน
เจรจารถสองแถวไม่เป็นผลสำเร็จ ...แพงไป เล่นคิดราคาต่อเที่ยวกันเลย
งั้นก็ ใช้บริการรถประจำทางสาธารณะเลยละกัน ..รถโพถ้อง..สองแถวไม้แบบท้องถิ่น
เส้นทางอำเภอเมือง ไปอำเภอถลาง คนละ ? บาท (คิดตามระยะทาง) - ไปแล้วอ่ะ



นั่งเอ้อระเหย รับลมเย็นๆ ค่อยๆ วิ่งและจอดรับ-ส่งผู้โดยสารไปตามเส้นทาง
ยาวนานประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงปากทางเข้า วัดพระทอง ซะที


โพถ้อง หน้าตาแบบนี้ ไปหม้าย ไปหม้าย (อ่านแบบสำเนียงใต้นะ )


::วัดพระทอง (วัดพระผุด) ::
อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 21 กิโลเมตร ไปตามถนนเทพกษัตรีผ่านสี่แยกอำเภอถลาง ถึงที่ว่าการอำเภอถลางทางด้านขวาจะมีทาง แยกเข้าวัดพระทอง วัดนี้มีพระพุทธรูปผุดขึ้นจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ เมื่อคราวศึกพระเจ้าปะดุง ยกพลมาตีเมืองถลาง พ.ศ. 2328 ทหารพม่าพยายามขุดพระผุดเพื่อนำกลับไปพม่า แต่ขุดลงไปคราวใดก็มีฝูงแตนไล่ต่อยจนต้องละความพยายาม ต่อมาชาวบ้านได้นำทองหุ้มพระพุทธรูปที่ผุดจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ ดังปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน




พระผุดองค์ใหญ่ที่เห็นนั้น สร้างครอบองค์จริงไว้
และองค์พระผุดจำลอง ด้านขวามือนั้นแหละ คือขนาดเท่าองค์จริงที่ขุดพบ
นอกจากนี้ ภายในพระวิหาร ยังประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวัน
ภายนอกมีรูปปั้นเด็กขี่ควายที่เป็นผู้พบองค์พระตามตำนานด้วย



พระวิหารนี้สร้างขึ้น ครอบองค์พระในภายภายหลัง
เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมไทยกลาง..ที่ตกแต่งด้วยลายปูนปั้น
ส่วนพระอุโบสถนั้น พวกเราไม่ได้แวะเข้าไปชมใกล้ๆ มองห่างเห็นว่าปิด



สิ่งที่น่าสนใจมากๆ อีกอย่างหนึ่งในวัดนี้คือ “พิพิธภัณฑสถานวัดพระทอง”
หลวงพ่อเจ้าอาวาสเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการรวบรวมโบราณวัตถุข้าวของเครื่องใช้ของชาวภูเก็ต
เช่น “จังซุ่ย” เสื้อกันฝนชาวเหมืองแร่ดีบุก รองเท้าตีนตุกของสตรีเชื้อสายจีนที่ต้องมัดเท้าให้เล็ก
ตามค่านิยมของสังคมสมัยนั้น รวมทั้ง "เสื่อไม้ไผ่" และ "หมอนไม้ไผ่"ที่ชาวจีนหอบหิ้วมาจากเมืองจีน เมื่อครั้งลงเรืออพยพย้ายถิ่นฐาน
แล้วก็ยังมีหมอนกระเบื้องที่มักใช้หนุนนอนเวลาสูบฝิ่น พร้อมด้วยข้าวของอีกมากมาย
จัดวางเป็นหมวดหมู่ พร้อมคำอธิบาย ...
และมีคนเฝ้าดูแล ที่ช่างสนทนาบอกเล่าเรื่องราว (ถ้าถาม)
พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 07.00 น. – 17.00 น แต่ห้ามถ่ายภาพ
เพราะเกรงว่า เผยแพร่ไปจะกลายเป็นช่องทางให้เกิด "ใบสั่ง" จากนักสะสมก็ได้

พวกเราใช้เวลาที่วัดนี้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ จนเลยเที่ยงจึงค่อยเดินออกมาปากทาง
รอรถโพถ้อง อยู่นานสองนาน ...จะเข้าเมืองเลย ก็กลัวเสียเที่ยว ไหนๆ ก็มาถึงถลางแล้ว
ก็แวะเที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติถลางด้วยเลยละกัน

เพื่อนๆ ก็ตามใจเราอีก ...ตกลงกันตามนั้น
พอรถมา ..ก็นั่งมองทางจนมาลงที่สี่แยกอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีย์-ท้่าวศรีสุนทร



อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทร ตั้งอยู่ที่สี่แยกท่าเรือ ห่างจากตัวเมืองภูเก็ต 12 กิโลเมตร เป็นอนุสาวรีย์ที่ชาวภูเก็ตร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อปี 2509 เพื่อเชิดชูเกียรติวีรสตรีผู้กล้าหาญแห่งเมืองถลาง


ประวัติของ 2 วีรสตรีเชื่อว่าคงได้เรียนกันมาแล้ว ...เราไม่หาข้อมูลมาแปะนะ (กลัวเรื่องจะยาวไป)
ครั้งนี้ ไม่ได้ข้ามถนนไปกราบไหว้ใกล้ๆ ได้แต่ยกมือไหว์จากริมถนน
มีภาพสมัยเด็กเลือนลางในความทรงจำว่า ..เราเคยแหงนคอมอง 2 วีรสตรีนี้
แ่ต่ครังนี้ กลับไม่ค่อยรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอนุสาวรีย์แต่อย่างใด
หรือเราโตขึ้น หรือถนนกว้างขึ้น เบียดบังบริเวณวงเวียนให้แคบลง

รับความร้อนจากไอแดดมามากแล้ว ...ขนมจีนป้ามัยย่อยสลายดูดซึมไปทั่วร่างแล้ว
ใกล้สี่แยกเป็นตลาด ...อาหารเที่ยงก็หาเอาแถวนี้เลยละกันนะ
แต่ตลาดบ่าย..ไม่ค่อยมีอะไรขายมากนัก
สุดท้ายก็ต้องนั่งกิน "ขนมจีน" กันอีกรอบ ...ลองชิมน้ำยา ..เด็ดกว่าป้ามัยอีกนะเนี่ย

เราไม่ชอบกินอาหารเดิมซ้ำในวันเดียว เพราะฉะนั้นก็เลยขอสั่งอะไรแปลกๆ



โอต้าว จานนี้ไม่ได้ผัดร้อนๆ แต่แกะจากถุงมาให้
เจ้าของร้านขนมจีนคงรับมาขายอีกต่อนึงอ่ะนะ
นี่ก็เป็นอาหารพื้นเมืองอีกอย่างนึง ..ตำราบอกว่าคล้ายหอยทอด-ออส่วน
แต่เรากินยังไง ก็ไม่เห็นได้ความรู้สึกแบบกินหอยทอดเลย
เหมือนผัดมะกะโรนีผสมผัดไทใส่เผือก มากกว่านะ ก็อร่อยดีล่ะ ..รึว่าหิว กินอะไรอร่อยหมดเลย

เอ้า..กินอิ่มแล้ว ก็เดินต่อ จากสี่แยกเดินไปอีกไม่ไกลก็ถึง พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ถลาง



ดูสภาพเพื่อนเราก็พอจะนึกถึงความร้อนกันได้ ...เหมือนแดดกำลังเผายังไงไม่รู้
ถนนก็กำลังขยาย ต้นไม้ข้างทางก็ไม่มี
พอถึงพิพิธภัณฑ์แล้วก็เลยรีบจ่ายค่าเช่าชม แล้วเราไปรับแอร์ในห้องจัดแสดง
ไม่มีแอร์ ...รึเปิดไม่ครบก็ไม่รู้ ..เราไม่รู้สึกถึงความเย็นเท่าไหร่

:: พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติถลาง ::
ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร ห่างจากอนุสาวรีย์ไปทางถนนสายป่าคลอก ประมาณ 200 เมตร ตัวอาคาร ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงเป็นบ้านท้องถิ่นของชาวภูเก็ต มี 2 หลัง อาคารหลังแรกจัดแสดงเรื่องก่อนประวัติศาสตร์ชายฝั่งทะเลตะวันตก สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์เมื่ออารยธรรมอินเดียเผยแพร่เข้ามา ประวัติและวิธีการทำเหมืองแร่ดีบุก และสวนยางพารา ศิลปะพื้นบ้านและชาติพันธุ์วิทยาของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่บริเวณคาบสมุทรมลายู สำหรับอาคารหลังที่สองจัดแสดงฉากและเรื่องราวของศึกถลาง ชีวิตความเป็นอยู่และประเพณีที่น่าสนใจของชาวจีนในภูเก็ต และเรื่องราวความเป็นมาและถิ่นอาศัยของชาวเลในภูเก็ต


ช่วงที่เข้าชมนั้น มีพวกเราแค่ 6 คนเท่านั้นเอง..
ทำไม "พิพิธภัณฑ์" จึงไม่เป็นที่สนใจกันนะ
...ประเทศไทยไม่ได้มีพิพิธภัณฑ์ทุกจังหวัดซะหน่อย (ทั้งๆ ที่ควรจะมี)
ในห้องจัดแสดง ..ก็ได้รับการปรับปรุง ถึงไม่เคยเข้ามาก่อน แต่เราก็รู้สึกได้ว่า ได้รับการปรับปรุงนะ
มีการจำลองชีวิตความเป็นอยู่ โดยใช้ "หุ่น" แบบที่ได้เห็นที่มะละกาเลยล่ะ
เสียอย่างเดียว ..คำอธิบายสิ่งของที่จัดแสดง ไม่ชัดเจน
ถ้าคนเข้าชมมากๆ เจ้าหน้าที่คงใส่ใจในการพัฒนาปรับปรุงมากขึ้นนะ ..เราหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น


มุมด้านนอก..จัดสร้างหมู่บ้านชาวเลจำลองไว้ด้วยล่ะ


เวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมงแล้ว ..เพื่อนๆ เริ่มเนื่อยและเหนื่อย เฉาแดดกันหมดแล้ว
แต่ความมุ่งมั่นที่จะเที่ยวต่อของเรายังไม่หมด ...
ต้องไปเริ่มต้นกันที่ตลาดตามเดิม...
คราวนี้รอรถโพถ้องนานมากกกกกกกกกกก
นานจนอยากจะโบกรถบรรทุกเข้าเมืองกันเลยทีเดียว
แต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยง ...จะขึ้นรถบัสก็ได้แค่เข้าเมือง ต้องต่อรถจากบขส.อยู่ดี
ก็เลยได้แต่นั่งรับไอร้อน..รอรถอยู่ใกล้ๆ ป้อมตำรวจ...มาเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้นแล้วกันนะ


โปรดติดตามตอนต่อไป

ข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยว >> //thai.tourismthailand.org/destination-guide/phuket-83-1007-1.html



Create Date : 03 พฤษภาคม 2553
Last Update : 22 ธันวาคม 2553 22:21:07 น. 19 comments
Counter : 1491 Pageviews.  
 
 
 
 
ยังไม่เคยไปภูเก็ตเลยผม ..มีแต่แพลนๆกันไว้
แต่พอใกล้วันไป ..คนนั้นไม่ว่าง คนนี้ป่วย
ก็เลยต้องยกเลิกทริปไปหลายครั้งละ!!


เดี๋ยวจะหาโอกาสแบ็คแพ็คไปคนเดียวเลยดีกว่า!!
 
 

โดย: เด็กส่งแก๊ส วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:41:40 น.  

 
 
 
คุณเด็กส่งแก๊ส >> ยินดีมากค่ะ ที่มาเที่ยวตาม blog เรา
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:26:09 น.  

 
 
 

จะไปเที่ยวเชียงราย ในวันพรุ่งนี้ ฝากบ้าน สัก๒-๓วันนะคะ เกศสุริยง
สร้างกริตเตอร์

กลับมาจะรีบแวะมาทักทายเลยค่ะ มีความสุขมากๆนะคะคุณนัทธ์
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:15:32 น.  

 
 
 
คงเพราะเราไปเห็นอนุสาวรีย์ใหญ่ๆโตๆมาเยอะมั้ง
ครับ
เวลามาเปรียบเทียบกับ อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทร
เลยดูเล็กไปถนัดตา แม้วีรกรรม
ก็ดูเหมือนมีนักประวัติศาสตร์ตั้งคำถาม
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:45:11 น.  

 
 
 
ครูเกศ >>

คุณชาญ >> ก็อาจเป็นได้
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:21:45 น.  

 
 
 
ตามมาชมเมืองภูเก็ตครับ มุมมองและเส้นทางท่องเที่ยว
ทำให้เห็นสมบัติของคนภูเก็ตที่ซ่อนอยู่ แต่ไม่ยากกับการค้นหาของคนที่ตั้งใจ

การที่พิพิธภณฑ์ของไทยมีคนเข้าดูน้อย อาจเป็นเพราะว่า
จัดแบบวิชาการ จริงจัง ขึงขัง จนนึกภาพออกก่อนไปถึง

พิพิธภัณฑ์ได้เสนอตัวหรือปรับปรุงให้เข้าถึงชุมชนบ้าง
แล้ว เหลือแต่ว่าความคิดความสนใจของคนในประเทศจะ
ปรับตัวยอมรับในพิพิธภัณฑ์ของเราได้มากแค่ไหน
 
 

โดย: Insignia_Museum วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:13:50 น.  

 
 
 
คุณ Insignia_Museum >> นั่นซินะ ..เราว่าชุมชน มีส่วนสร้างให้พื้นที่ของตัวพัฒนา
อย่างพิพิธภัณฑ์วัดพระทอง ..ก็เกิดด้วยความร่วมมือของคนในพื้นที่ และทำออกมาได้ดีด้วยล่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:04:47 น.  

 
 
 
อัพมาถึงวันที่ 2 แล้วหรือจ๊ะ เรื่องของเธอลงรายละเอียดดีจังเลย

พูดถึงพิพิธภัณฑ์ ... เราเพิ่งไปชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ (ภูกุ้มข้าว) ที่จังหวัดกาฬสินธุ์มาช่วงวันหยุดแรงงาน ที่นั่นเขาจัดได้ดีมาก อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ มีการจัดโครงรูปไดโนเสาร์ เห็นแล้วจะโอ้โห เด็กๆ ชอบและสนุกมาก ที่นั่นยังมีแหล่งขุดค้นซากไดโนเสาร์ของจริงเปิดให้เข้าชมอีกด้วย เสียดายเรามีเวลาที่นั่นเพียง 1-2 ชั่วโมง

ความจริงเมืองไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมอีกมาก ถ้ารู้จักทำเสนอดีๆ ให้ผู้ใหญ่/ เด็กๆ เข้าใจง่าย เราว่าอีกหน่อยผู้คนก็จะเที่ยวพิพิธภัณฑ์กันมากยิ่งขึ้นเองจ๊ะ

ปล. ดนตรีประกอบเรื่องเล่ามันไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่นะเธอ
 
 

โดย: นู๋เมี่ยง (มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:25:19 น.  

 
 
 
คุณนู๋เมี่ยง >> เริ่มติดใจพิพิธภัณฑ์แล้วใช่ปะ...งั้นเราก็ยังทัวร์ด้วยกันได้
เราว่าพิพิธภัณฑ์รุ่นหลังๆ (หรือรุ่นเก่าที่เริ่มปรับปรุง) คงเข้าใจคนเข้าชมแล้วล่ะ
ก็เลยจะมีมุมให้คนชม สามารถเรียนรู้ด้วยวิธีอื่นได้อีก นอกจากการอ่านป้ายอ่ะนะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:51:53 น.  

 
 
 
ลืมบอกไปว่า ...เพลงประกอบเรื่องเล่าชุดนี้ เป็นเพลงคลาสสิค ชุด Summer ..
เลือกเพลงชุดนี้ เพราะภูเก็ต "ร้อนมาก"
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:13:10 น.  

 
 
 
ปกติรสเผ็ดในอาหารใต้ไม่ได้เน้นเผ็ดจัดไฟลุก แต่เน้นเข้มข้นถึงเครื่องแกงมากกว่านะ ยกเว้นก็ีมีเหมือนกันบางร้านที่เน้นเผ็ดจริงๆ ส่วนโอต้าว ไหงมันเป็นสีแดงอย่างนั้นล่ะนั่น ปกติมันจะคล้ายหอยทอด แต่ความกรอบกรุบจะอยู่ระดับออส่วน แต่ถ้ากินแล้วอร่อย ก็ไม่เป็นไรหรอก ^^

คนไทยไม่ค่อยเที่ยวพิพิธภัณฑ์เพราะพิพิธภัณฑ์ไม่น่าเที่ยว หรือเพราะคนไม่เที่ยว ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่พิพิธภัณฑ์น่าจะน่าเที่ยวและมีเยอะๆ เพราะเราชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์ แฮ่..
 
 

โดย: อออ IP: 202.176.89.115 วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:57:06 น.  

 
 
 
คุณอออ. >> เราคุ้นความเผ็ดจากร้านอาหารปักษ์ใต้ และจากเพื่อนบ้านค่ะ เผ็ดว่าร้านป้ามัยอีก

เราก็ชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์เช่นกัน ขอบอยู่กับอดีต
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:53:35 น.  

 
 
 
ไม่เคยไปครับภูเก็ต สงสัยถ้าจะไปต้องมาลอกข้อสอบ Blog นี้ซะแล้ว

ขอบคุณที่แวะไปอวยพรวันเกิดนะครับ
 
 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:39:23 น.  

 
 
 
คุณต่อ >> ด้วยความยินดีค่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:50:30 น.  

 
 
 
มาตามคุณนัทธ์เที่ยวค่ะ เรายังไม่เคยไปภูเก็ตเลยล่ะค่ะ
มายกมือว่าชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์ อีกคนนะคะ มีความสุขกับอดีตเช่นกันค่ะ
 
 

โดย: pichayaratana วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:14:20:18 น.  

 
 
 
คุณพิชญ์ >> ตามกันไปเรื่อยๆ นะคะ ยังไม่จบซะที
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:07:56 น.  

 
 
 


เห็นแร้วอยากได้ไปเที่ยวบ้างจัง
 
 

โดย: แฟนหล่อ วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:0:32:04 น.  

 
 
 
คุณแฟนหล่อ >> ตามเที่ยวใน blog ไปก่อนนะคะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:17:51:16 น.  

 
 
 
ทักทายยามสายๆครับ
แวะมาเที่ยวภูเก็ตด้วยคนครับ พระผุดสวยมากครับ
พิพิธภัณฑ์ตึกเก่าๆ ชอบมากๆครับ
 
 

โดย: pragoong วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:10:21:42 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com