|
เลียบริมโขง เมืองอุบล : Part VIII
ความเดิมตอนที่แล้ว
รถตู้ย้อนกลับลงมาตามเส้นทางเพื่อเข้าสู่อุทยานแห่งชาติผาแต้มอีกครั้ง ระหว่างทางมองไม่เห็นแม้กระทั้งเพิงขายอาหารเลย ... และในระหว่างทางนั้น เราพอจะแวะเที่ยวชมน้ำตกได้บ้าง ก็เลยเลี้ยวรถมุ่งหน้าสู่น้ำตกสร้อยสวรรค์
รถจอดในที่จอดรถแล้ว แต่ในวันธรรมดาอย่างนี้ ร้านอาหารก็ไม่ขายซะอีก พวกเราก็เลยเดินกระปลกกระเปลี่่ย เพลียแดด มุ่งหน้าไปเสาะหาน้ำตก เดินขึ้นเขา ถึงป้ายบอกทาง ...เพื่อนขอนั่งพัก ไม่เดินต่อ เรากับนู่เมี่ยง ยังเดินต่อ ซึ่งคราวนี้เดินลัดเลาะลงเขา ตามเสียงน้ำไป
ในที่สุดก็มาถึงน้ำตกซะที
น้ำตกสร้อยสวรรค์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่เกิดจากลำธาร 2 สาย คือ ห้วยสร้อย และห้วยไผ่ที่ไหลจากหน้าผาคนละด้านมาบรรจบกันซึ่งสูงประมาณ 20 เมตร มองดูคล้ายสร้อยที่แขวนคอ บริเวณน้ำตกเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณมีมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว น้ำตกสร้อยสวรรค์จะสวยงามมากในช่วงปลายฤดูฝนเช่นเดียวกับน้ำตกอื่น ๆ ในบริเวณนี้ การเดินทาง ตามทางหลวงหมายเลข 2112 กิโลเมตรที่ 20 เลี้ยวขวา 5 กิโลเมตร ถึงบริเวณลานจอดรถยนต์เดินเท้าอีก 500 เมตร
น้ำน้อยจัง เสียแรงเดินชะมัด ... แต่ก็ยังอุตส่าห์มีคู่หนุ่มสาว นั่งจู๋จี๋ริมน้ำตก ถ่ายรูปกัน เราต้องรอนานมาก กว่าจะถ่ายภาพนี้มาได้ ....เก็บภาพได้แล้ว กลับ
เอาล่ะ ...ในที่สุด ก็เจอร้านอาหารตามสั่ง ข้างทางก่อนเข้าเขตอุทยาน ได้หม่ำมื้อเที่ยงกันราวๆ เกือบบ่าย 3 โมง อิ่มกันแล้ว ก็มีแรงเที่ยวต่อ ไม่หวั่นแม้แดดจะยังแรง
เรามาถึง เสาเฉลียง กันซะที ที่จังหวัดอุบลราชธานี มีเสาเฉลียงหลายจุดมาก แต่ที่เราได้เที่ยวชมก็คือ ภายในบริเวณใกล้เขตอุทยานแห่งชาติผาแ้ต้ม
เสาเฉลียง อยู่ก่อนถึงผาแต้มประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นเสาหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมนับล้านปี มีลักษณะคล้ายดอกเห็ดเรียงรายกันอยู่มากมาย ซึ่งหินดังกล่าวจะปรากฏเห็นซากเปลือกหอย กรวด ทราย อยู่ในเนื้อหิน ซึ่งนักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า เมื่อประมาณล้านกว่าปีมาแล้ว บริเวณนี้คงจะเป็นทะเลมาก่อน ชาวบ้านบริเวณนี้เรียกเสาหินที่คล้ายดอกเห็ดนี้ว่า เสาเฉลียง ซึ่งแผลงมาจากคำว่า สะเลียง ที่หมายถึง เสาหิน บริเวณนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวชมแต่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง
แหงนคอมองเสาเฉลียงจากเบื้องล่างแล้ว อ่านป้ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ก็พบกว่า บริเวณนี้เป็น "ลานหินแตก" ด้วย เดินตามลูกศรขึ้นไปชมกันหน่อย
การซ้อนก้อนหินแบบนี้ บ่งบอกถึงความเชื่ออะไรบางอย่าง ที่เรายังไม่รู้
รอยแตกเป็นทางยาวบนพื้น แสดงให้เห็นว่าโลกเรามีการเคลื่อนตัว แถวถิ่นอีสานคงมีแนวรอยเลื่อนที่อาจเกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้ ข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์และนักธรณีวิทยา บ่งบอกว่า พื้นที่อีสานเคยเป็นทะเลมาก่อน เคยมีภูิเขาไฟ ...เราพบหลักฐานยืนยันได้ตามนั้น
กระโดดข้ามรอยแยกไปมา...น่าหวาดเสียวนะ แหงนหน้ามองฟ้า ยังคงใสกระจ่าง ปุยเมฆกระจายตัว น่ารักจริงๆ ต้นหญ้าแห้ง บ่งบอกถึงความร้อนแล้งของพื้นที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ว่า เมฆก็ยังบอกรักพวกเรา
บอกลาเสาเฉลียงเรากำลังจะไปชมไฮไลท์อีกอย่างของทริปกันแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล. ข้อมูลสถานทีท่องเที่ยว //thai.tourismthailand.org/what-to-see-do/sights-attractions/info-page/destination/ubon-ratchathani/cat/3/attraction/895/parent/181/lang/2/
Create Date : 30 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2554 21:12:52 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1403 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: นู๋เมี่ยง IP: 58.9.77.141 วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:18:40 น. |
|
โดย: ณงลักษณ์ IP: 58.8.59.227 วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:35:01 น. |
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:19:57 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|