Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

หมอชีวกหรือชีวกโกมารภัจจ์เป็นใคร






หมอชีวกหรือชีวกโกมารภัจจ์เป็นใคร







เขียนโดย หมอข้างรั้ว






วันนี้รู้สึกคิดถึงเพื่อนๆ เพราะคร่ำเคร่งกับตำราเรียน
ไม่มีเวลาไปทักทาย ให้รู้สึกเงียบเหงา
เหตุผลสำคัญก็ตรงความลังเล รักพี่เสียดายน้อง
ว่าจะหยุดเรียนหันมาเขียนงานให้เป็นเรื่องเป็นราวดีไหม



ใจก็ยังเสียดาย ก็เรียนมาตั้งเยอะแล้ว
อุตส่าห์ดูตำรับตำรามาก็มาก เดินทางลุยป่าฝ่าดง
ไปศึกษาหาดูต้นยาก็ดูมีความสุขดี
ตัดสินใจอยู่สักพัก จะรักหรือว่าจะเลิก




วันนี้ได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง เขาแนะนำให้เอามาลงในนี้
แบ่งให้เพื่อนๆอ่านกันบ้าง นับว่าเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
เพราะจะได้ถือโอกาสทบทวนไปในตัว
และได้มาเขียนอะไรในนี้ เพราะหายไปนานๆก็คิดถึงค่ะ
สรุปว่าจะเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
ลุยให้จบเลยดีกว่า ฮา ฮา


.
.
.



เรามาเริ่มกันที่ประวัติหมอชีวกกันเลยดีกว่านะคะ
เริ่มกันตั้งแต่สมัยพุทธกาล
เรื่องมีอยู่ว่าหมอชีวกนั้นเกิดที่เมืองราชคฤห์แคว้นมคธ
เป็นบุตรของนางคณิกา (หญิง งามเมือง)
ชื่อว่าสาลวดี นางสาลวดีมีครรภ์ เกรงว่าค่าตัวจะตกจึงเก็บตัวอยู่จนคลอด
ครั้นคลอดแล้วก็ให้คนรับใช้เอาทารก ไปทิ้งที่กองขยะ



เมื่อเวลาเช้าตรู่ เจ้าชายอภัย โอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสาร
เสด็จไปเข้าเฝ้า ผ่านไปทางนั้นพอดี
เห็นผู้คนกำลังรุมล้อมทารกอยู่ เมื่อทรงทราบว่าทารกนั้นยังมีชีวิต
จึงได้โปรดให้นำไปให้นางนมเลี้ยงไว้ในวัง




เจ้าชายอภัย ให้ชื่อแก่ทารกนั้นว่า ชีวก (ผู้ยังเป็น)
และเพราะเหตุที่เป็นผู้อันเจ้าชายเลี้ยงจึงได้มีสร้อยนามว่า
โกมารภัจจ์ (ผู้อันพระราชกุมารเลี้ยง)

หมอชีวกจึงมีชื่อเต็มๆว่า ชีวกโกมารภัจจ์




ครั้นชีวกเจริญวัยขึ้น ก็คิดแสวงหาศิลปวิทยา จึงได้เดินทางไปศึกษา
วิชาแพทย์กับอาจารย์แพทย์ทิศาปาโมกข์ ที่เมืองตักศิลา
ปกติคนทั่วไปต้องศึกษาถึง ๗ ปี
มีอยู่วันหนึ่ง อาจารย์ให้ชีวก ถือเสียมไปตรวจดู
ทั่วบริเวณ ๑ โยชน์รอบเมืองตักศิลา เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่ตัวยา
ชีวกหาไม่พบ กลับมาบอกอาจารย์ ๆ ว่า ไม่พบสิ่งใดที่ไม่ใช่ตัวยา
ต้นไม้ทุกต้นล้วนเป็นตัวยาทั้งสิ้น



อาจารย์จึงให้ท่านจบในเวลาเพียงสี่ปี สำเร็จการศึกษามีวิชาแล้ว
ชีวกเดินทางกลับยังนครราชคฤห์
เมื่อเสบียงหมดในระหว่างทาง ได้แวะหาเสบียงที่เมืองสาเกต
โดยอาสารักษาภรรยาเศรษฐีเมืองนั้นซึ่งเป็นโรคปวดศีรษะมานานถึง ๗ ปี
รักษาจนภรรยาเศรษฐีหายโรค
ได้รางวัลมากมาย เป็นเงิน ๑๖,๐๐๐ กหาปณะ
พร้อมด้วยทาสีทาสาและรถม้าเดินทางกลับถึงนครราชคฤห์




นำเงินและของรางวัลทั้งหมดไปถวายเจ้าชายอภัย
เป็นค่าปฏิการะคุณที่ได้ทรงเลี้ยงตนมา
เจ้าชายอภัยโปรดให้หมอชีวกเก็บรางวัลนั้นไว้เป็นของตนเอง
ไม่ทรงรับ โปรดให้หมอชีวกสร้างบ้านอยู่ในวังของพระองค์



ต่อมาไม่นานเจ้าชายอภัยนำหมอชีวกไปรักษาโรคริดสีดวง
แด่พระเจ้าพิมพิสารแห่งมคธ ทรงหายประชวร
พระราชทานเครื่องประดับของสตรีชาววัง ๕๐๐ นางให้เป็นรางวัล
หมอชีวกไม่รับ ขอให้ทรงถือว่าเป็นหน้าที่ของตนเท่านั้น



พระเจ้าพิมพิสารจึงโปรดให้หมอชีวก
เป็นแพทย์ประจำพระองค์ ประจำฝ่ายในทั้งหมด
และประจำพระภิกษุสงฆ์ อันมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข



หมอชีวกได้รักษาโรคร้ายสำคัญหลายครั้ง
ผ่าตัดรักษาโรคในสมองของเศรษฐีเมืองราชคฤห์
ผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้ของบุตรเศรษฐี เมืองพาราณสี
รักษาโรคผอมเหลืองแด่พระเจ้าจัณฑปัชโชตแห่งกรุงอุชเชนี
และถวายการรักษาแด่พระพุทธเจ้าในคราวที่พระบาทห้อพระโลหิต
เนื่องจากเศษหินจากก้อนศิลา
ที่พระเทวทัตกลิ้งลงมาจากภูเขา เพื่อหมายปลงพระชนม์ชีพ




ด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้า ปรารถนาจะไปเฝ้าวันละ ๒-๓ ครั้ง
เห็นว่าพระเวฬุวันไกลเกินไปจึงสร้างวัดถวายในอัมพวัน
คือสวนมะม่วงของตนเรียกกันว่า ชีวกัมพวัน
(อัมพวัน ของหมอชีวก)




อาจารย์พิเชษฐ์เคยเล่าให้ฟังว่า
หมอชีวกเคยปรุงพระโอสถถวายพระพุทธเจ้า
เป็นโอสถที่ปรุงเป็นพิเศษ เป็นยาอายุวัฒนะ
แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงรับ บอกเลือกที่จะดับขรรค์ปรินิพพาน
หมอชีวกเสียใจมากได้ทิ้งตำรายานั้นไป
ไม่มีผู้ใดพบว่าเป็นตำรับยาใดและสูญหายไปในที่สุด




หลังจากนั้นไม่นานท่านก็เข้าใจ
เพราะสุดท้ายเราทุกคนก็ต้องตาย
และในที่สุดหมอชีวกได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน




แพทย์แผนไทยเป็นแพทย์องค์รวม
ที่สอนให้เราอยู่กับธรรมชาติ เรียนรู้การพึ่งพาตนเอง
รับผิดชอบตนเอง ดูแลตนเอง
ไม่ใช้ชีวิตโดยประมาท กินอยู่อย่างชาญฉลาด
อาจารย์ทวีเคยบอกไว้ว่า คนที่กินอยู่อย่างประมาท
ทำลายสุขภาพตนเอง
ด้วยการดื่มกิน และผลักภาระรับผิดชอบ
ไปไว้ที่หมอและโรงพยาบาล
มักเห็นกันในสังคมปัจจุบันมากขึ้น


เราควรเป็นหมอ ให้ตัวเราเอง คอยดูแล อาหารการกิน
การออกกำลังกาย
โรงพยาบาลน่าจะเป็นคำตอบสุดท้าย
หากว่าเราดูแลตัวเองดีดี





แอมอร


ท้ายเรื่อง ขอบคุณคุณนน non-lock ที่กรุณาแนะนำให้นำเรื่องมาลงบล็อก
ทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่าง ไม่ต้องทิ้งร้างไปจากบล็อก
ได้ทบทวนเนื้อหา ไปพร้อมๆกัน
และได้นำความรู้เรื่องแพทย์แผนไทยมาแบ่งปันผู้อื่นด้วย
ขอบคุณค่ะ




ฝากแปะประชาสัมพันธ์งานของคุณSongPee
เพื่อนคนไหนสนใจ กดที่รูปเลยค่ะ





โครงการ "I love u, Mom!"














 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2553
6 comments
Last Update : 21 กรกฎาคม 2553 14:19:13 น.
Counter : 2330 Pageviews.

 

ตามมาดูคนแรกตามสัญญาครับ ... น่าสนใจมากครับ แต่ยังอ่านไม่จบนะ เดี๋ยวมาอ่านต่อ...

 

โดย: non lock 21 กรกฎาคม 2553 14:36:27 น.  

 

สวัสดีครับ พี่แอม
ไม่ได้แวะมาทักทายนานเลยครับ
พืชทุกชนิดเป็นยา แต่จะเป็นยาพิษ หรือ ยารักษาโรค อยู่ที่ผู้ปรุงยา

ภาพหมอชีวกโกมารภัจจ์ จากวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

 

โดย: เศษเสี้ยว 21 กรกฎาคม 2553 14:46:57 น.  

 

ถูกต้องแล้วก๊าบ
เราควรเป็นหมอให้ตัวเราเอง เพราะหมอน้อยแต่คนป่วยปัจุบันเยอะเหลือใจ

 

โดย: taklomklom 21 กรกฎาคม 2553 19:03:59 น.  

 

..อ่านแย้ว..เหมือนโดนยัยแอมดุอะ...

..โดนตรงที่ม่ายกินอยู่อย่างฉลาด..แปลว่า..กิน

ดะ..ตามใจปาก..(แฮะๆ)

..เรยต้องปายโรง'บาล..แง แง ..Photobucket

 

โดย: อ๋อซ่าส์ 21 กรกฎาคม 2553 23:06:52 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่แอม






 

โดย: กะว่าก๋า 22 กรกฎาคม 2553 7:08:05 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน ติวเลขออนไลน์

 

โดย: swkt (tewtor ) 11 เมษายน 2554 15:55:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


peeamp
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]




บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า


.....

สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง


..............^^....
และความสุขในปัจจุบัน

ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้

....^^.....^^......


โดยไม่ต้องรอคอย

ความสุขของอนาคต



ปูปรุง








New Comments
Friends' blogs
[Add peeamp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.