Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
23 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
'ขี่ม้า-ล่องเรือ' รอบแก่นกระจาน

ขี่ม้า ล่องเรือ รอบแก่นกระจาน
ผจญภัยในอ้อมกอดขุนเขา-ทะเลสาบ

อำเภอแก่งกระจาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของจังหวัดเพชรบุรี
มีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน จึงมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้
และสัตว์ป่านานาชนิด อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยด้วย
สร้างความรื่นรมย์ให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้เสมอ

จากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าหลากหลายแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจึงก่อเกิด
“หมู่บ้านต้นแบบการเรียนรู้” โดย ศูนย์เรียนรู้ชุมชนอำเภอแก่งกระจาน ณ หมู่บ้านน้ำทรัพย์ นี้
ถือเป็นแหล่งรวบรวมภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งไม่เพียงแต่รณรงค์ให้คนในชุมชน
ช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทุกคนในชุมชนยังน้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในการดำรงชีพอยู่อย่างพอเพียง
จนได้รับคัดเลือกเป็น “หมู่บ้านท่องเที่ยว OVC” (OTOP VILLAGE CHAMPION)

ขี่ม้า ล่องเรือ รอบแก่นกระจาน

นอกจากศูนย์ชุมชนบ้านน้ำทรัพย์แห่งนี้จะเป็นหมู่บ้านต้นแบบแห่งการเรียนรู้ ในด้านต่าง ๆ แล้ว
ที่นี่ยังมีกิจกรรมอีกมากมาย ให้เราเพลิดเพลินด้วยการขี่ม้ารอบ หมู่บ้านและชมความงามท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่
สูดอากาศบริสุทธิ์เย็นสบายรอบเขื่อนแก่ง กระจาน ชูชาติ วรรณขำ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 บ้านน้ำทรัพย์ บอกว่า
ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวจะขี่ม้าไม่เป็นก็ตาม แต่สามารถฝึกได้ เพียงใช้เวลาไม่นาน
โดยม้าที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวขี่ชมธรรมชาติ และตามฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ มีทั้งหมด 12 ตัว
เป็นม้าของศูนย์ฯ และของชาวบ้านที่นำมาฝึกให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นพาหนะ
ถือเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในการประหยัดน้ำมันและสร้างรายได้ ให้แก่ชาวบ้านในชุมชน
หากใครสนใจอยากทดลองขี่ม้ามีเจ้าหน้าที่คอยสอนให้ตั้งแต่วิธีการขึ้นขี่ วิธีบังคับม้า
จนกระทั่งขี่เป็นและขี่ออกไปชื่นชมธรรมชาติได้ คิดชั่วโมงละ 500 บาท
เชื่อว่าใช้เวลาในการฝึกไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถขี่ม้าออกไปชมธรรมชาติรอบ ๆ แก่งได้อย่างสนุกสนานแล้ว
เพราะม้าที่นำมาให้บริการเป็นม้าที่ฝึกฝนมาอย่างดีและเชื่องมาก

“เจ้าอ้อ” เป็นม้าที่เชื่องมากทีเดียว เพราะเราใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถขี่บังคับเจ้าอ้อฉายเดี่ยวได้อย่างสบาย
โดยที่เด็กฝึกไม่ต้องเดินตามมาคอยบังคับให้ เพียงดึงเชือก 2 เส้น ที่คล้องม้าอยู่แล้วกระตุกพร้อมกัน
เป็นสัญญาณบอกให้ม้าหยุดเดิน แต่ถ้าอยากให้ม้าเดินก็ใช้ส้นเท้าสองข้างกระแทกข้างลำตัวม้าพร้อม ๆ กัน
ม้าก็จะพาเดินไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงทางเลี้ยวซ้าย-ขวา ก็กระตุกเชือกข้างนั้น ม้าก็จะพาเลี้ยวไปตามทาง
รู้สึกว่าง่ายกว่าขับรถเสียอีก แต่บังเอิญเราตื่นเต้นมากไปหน่อยกระตุกเชือกไม่หยุด (มือสั่น)
เจ้าอ้อเลยพาเดินวนซะเวียนหัว

หลังจากขี่ม้ากันจนเหนื่อยแล้วมา “ล่องเรือในทะเลสาบ” ชมกระชังเลี้ยงปลาของชาวบ้าน
ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการฟื้นฟูสัตว์น้ำหน้าบ้านของบ้านน้ำทรัพย์ สำหรับอ่างเก็บน้ำหรือทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้
มีขนาดใหญ่กว่า 30,250 ไร่ เกิดจากการสร้างเขื่อนดินปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขาจนกลายเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย
กลางผืนน้ำกว้างใหญ่ที่โอบ ล้อมด้วยธรรมชาติของทิวเขา จึงเหมาะแก่การนั่งเรือเที่ยวชมเกาะแก่งและทิวทัศน์
ท่ามกลางแสงรำไร สีส้มอมฟ้า บรรยากาศยามพระอาทิตย์อัสดงได้อย่างงดงาม

ขี่ม้า ล่องเรือ รอบแก่นกระจาน

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีพื้นที่กว่า 1 ล้าน 8 แสนไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอแก่งกระจาน
อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยอุทยานแห่งนี้จะได้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 3 ในอนาคต
ด้วยสภาพผืนป่าที่กว้างใหญ่อากาศเย็นสบายตลอดปี จึงเป็นที่นิยมของนักท่องดูนก ดูผีเสื้อ
และผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบผจญภัยมักจะมากางเต็นท์ พักแรมในป่า

คืนนี้เราจึงพักกางเต็นท์นอนที่ “หน่วยพิทักษ์แม่ เสลียง (โป่งลึก)” บนอุทยานฯ
เมื่อรับประทานอาหารฝีมือชาวบ้านเสร็จแล้วรีบมุดเต็นท์เข้านอนเพราะข้างบนนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้
หากหมดแสงจากเทียนที่จุดไว้แล้วป่านี้ก็จะมืดมิด

ค่ำนี้ขอนอนพักกายหลับตาลงใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิทมีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ และดวงดาวส่องแสงรำไร
เคล้าคลอเสียงสัตว์ร้องและลมพัดผ่านกระทบเต็นท์กระเพื่อมเป็นระยะ ๆ
ความเย็นจากลมเล็ดลอดผ่านตามช่องระบายอากาศมากระทบผิวให้โหยหาไออุ่นจากคนนอนข้าง ๆ
คืนนี้ช่างแสนยาวนานเสียจริง

เสียงนกร้องยามเช้าออกหาอาหารท่ามกลางหุบเขาปลุกให้เราตื่นขึ้นมาผจญภัยกัน
ต่อด้วยการ “ล่องแก่งแม่น้ำเพชร” ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งต้นน้ำจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ที่นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมล่องแก่งชมธรรมชาติของสองฟากฝั่งแม่น้ำเพชร
เราเริ่มล่องแพไม้ไผ่ด้วยการใช้ไม้ถ่อตามกระแสน้ำไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นแม่น้ำไปจนถึงศูนย์ศิลปาชีพโป่งลึก
เพื่อ ชมวิถีชีวิตของชาวกะหร่างบ้านโป่งลึก ที่พักอาศัยอยู่ในป่าลึก มีรายได้เลี้ยงชีพจากการทอผ้าและปักผ้า

โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวนีย์ในการช่วยเหลือประชาชนบ้านบางกลอย
และบ้านโป่งลึกพร้อมพระ ราชทานเงินช่วยเหลือ ทางอำเภอแก่งกระจานจึงได้จัดทำโครงการศูนย์ศิลปาชีพ
บ้านบางกลอย-โป่งลึกขึ้น มีวัตถุประสงค์ในการฝึกอาชีพทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย
และการปักไหมบนผ้าเป็นลวดลายต่าง ๆ ให้กับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อเป็นรายได้อย่างยั่งยืน

การมาท่องเที่ยวครั้งนี้จึง ได้รับความสนุกสนานหลากหลายรูปแบบอย่างครบครัน
ไม่ว่าจะเป็นการขี่ม้า ล่องเรือ เดินป่า ล่องแก่ง พร้อมกับซึมซับวิถีชีวิตของชาวกะหร่างในป่าลึก
รวมทั้งทัศนียภาพและบรรยากาศ ที่เราไม่เคยได้สัมผัสเช่นนี้ในเมืองกรุงกลับไปเป็นความประทับใจอย่างไม่รู้ลืม
และพร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อชักชวนนักท่องป่าเขาลำเนาไพร ลองไปผจญภัยกันสักครั้งหนึ่งในชีวิต.

สีสันรายทาง
การเดินทาง เส้นทางที่สะดวกและใกล้ที่สุด หากเดินทางด้วยรถยนต์ จากกรุงเทพฯ
ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (สายธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และอำเภอปากท่อ
แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ไปจังหวัดเพชรบุรี รวมระยะทางประมาณ 123 กิโลเมตร
หรือจากกรุงเทพฯ ใช้ทาง หลวงหมายเลข 4 ผ่านนครปฐม ราชบุรี ไปยังเพชรบุรี เป็นระยะทาง 166 กิโลเมตร
เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งสายใต้ กรุงเทพฯ รถโดยสารธรรมดาออกทุก 25 นาที
รถปรับอากาศออกทุก 45 นาที เดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพฯ (สถานีหัวลำโพง)
และสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) มีไปเพชรบุรีทุกวัน

อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม
อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม

บ่อน้ำพุร้อนหนองหญ้าปล้อง
บ่อน้ำพุร้อนหนองหญ้าปล้อง

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง หากมาถึงเมืองเพชรแล้วพอ มีเวลาเหลืออย่าลืมแวะไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมพันกร
ณ อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อเป็นสิริมงคลหรือไป บ่อน้ำพุร้อน ในอำเภอหนองหญ้าปล้อง
ซึ่งอยู่ติดกับอำเภอแก่งกระจาน จากความเชื่อเล่ากันว่าหากได้ลงแช่หรืออาบน้ำพุร้อน
จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายความเครียด ลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ระบบไหลเวียนโลหิตดี
ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย และบรรเทาอาการหวัดได้ดี

ขนมหม้อแกง ชมพู่

ของฝากริมทาง ของฝากเมืองเพชรที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น ขนมหม้อแกง
ที่กลายเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของจังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ยังมีข้าวเกรียบงาดำ บ้าบิ่น ทองหยิบทองหยอด
ฝอยทอง เม็ดขนุน ลูกชุบ และของหวานต่าง ๆ ที่ทำจากตาล ส่วนผลไม้ได้แก่ ชมพู่ ลูกตาล.

กรวิกา คงเดชศักดา รายงาน
ที่มา เดลินิวส์



Create Date : 23 กรกฎาคม 2552
Last Update : 23 กรกฎาคม 2552 18:23:29 น. 3 comments
Counter : 1777 Pageviews.

 


ไปเพชรก็หลายครั้ง..แต่ยังไม่ได้ไปแก่งกระจานเลย


โดย: akae วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:29:18 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนครับ


โดย: wheel we go วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:06:57 น.  

 

"ปีใหม่โล้ชิงช้า ชาวอาข่า"
ทัวร์เริ่มวันที่ ๒-๓-๔ กันยายน ๕๒
ความงดงามทางวัฒนธรรมของชนเผ่า และประเพณีที่หาดูได้ยากยิ่งในสมัยนี้
ร่วมสัมผัสประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวชนเผ่าอาข่าที่แฝงไว้ซึ่งความสวยงาม และเคารพในธรรมชาติ
ผู้ประสานงาน somsakbannok@yahoo.com Tel 081-7655352 ;053-737373
www.hilltribeguide.com


โดย: พรานไพร ณ.ดอยบ่อ (guide doi ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:14:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.