เยือนนครพนม ชมถิ่นไทย-เวียดนาม
ช่วงนี้หลายพื้นที่ หลายอณูของเมืองไทยมีฝนฟ้าเทลงมาให้เราๆ ได้เย็นชุ่มฉ่ำสบายกายคลายความร้อนลงได้บ้าง บางคนถึงกับไม่อยากที่จะลุกออกจาก
ที่นอนด้วยซ้ำไป แอบขอนอนต่อเวลาเป็นว่าเล่น... พูดไปแล้วน้ำผึ้งเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ แหม... ก็อากาศดีซะขนาดนี้ใครจะร้อนจะหนาวกันซะขนาดไหน ก็อย่าลืมที่จะดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ เดี๋ยวจะอดเที่ยวพักผ่อนยาวๆที่จะถึงนี้อย่างสถานที่ท่องเที่ยวของทริปนี้ที่ น้ำผึ้งจะแนะนำอยู่ที่ จ.นครพนม ค่ะ ที่นี่นอกจากจะเป็นเมืองริมโขงที่น่าอยู่และสงบเงียบแล้ว ยังเป็นดินแดนคู่ความสัมพันธ์อินโดจีนที่มีเรื่องราวน่าสนใจอีกด้วยค่ะ
อย่างที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า ภายนอกตึกดูเก่าๆ แต่ซ่อนด้วยความสวยแนวคลาสสิก เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสสไตล์คอเรียน ออกแบบโดยใช้ผนังรับน้ำหนัก ภายในตัวอาคารมีนิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองนครพนม จากห้องแรก เราจะได้รู้จักกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดท่านแรก ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด นับจากการปฏิรูปการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 5 และยังเป็น ผู้อำนวยการสร้างอาคารหลังนี้อีกด้วยนะคะ มีภาพของท่านผู้ว่าฯ แต่ละท่านทั้งที่เคยอยู่ที่จวนหลังนี้และไม่ได้อยู่ที่จวนหลังนี้ค่ะ
ห้องถัดไปก็จะเป็นห้องเก็บรวมภาพย่านเก่าของเมืองนครพนมไว้ ตัวเมืองจะเรียบยาวตามแม่น้ำโขง ถนนเส้นเรียบแม่น้ำโขงคือถนนสายหลักสายแรกของ จ.นครพนม ค่ะ เมืองนครแห่งอีสาน ดินแดนสองฝั่งแม่น้ำโขงแถบนี้เดิมทีเป็นที่ตั้งของอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ตัวเมือง ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำโขง (ฝั่งลาว) บริเวณทางใต้ปากเซบั้งไฟตรงข้ามกับ พระธาตุพนมในปัจจุบัน ผู้คนในเมืองนครพนมจะอยู่รวมกันอย่างกลมกลืน มีทั้งคนญวนคือ คนไทยเชื้อสายเวียดนาม คนจีนและคนลาว แต่เดิมในประวัติศาสตร์ประเทศไทย กับประเทศลาวนั้น เป็นเมืองเดียวกันในอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ และ มรุกขนคร ต่อมาได้แยกกันตอนที่มีสงครามฝรั่งเศสยึดเมืองลาวไป ภาพที่จัดแสดงอยู่ภายในก็จะเป็นภาพที่ให้คนในนครพนม ได้มีส่วนร่วมในการส่งเข้ามาประกวด ไม่ว่าจะเอาภาพมาจากที่ไหนก็ตามนะคะ
และห้องถัดไปจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและก็ศิลปกรรมของทางนครพนมนะคะ จากนั้นเราเดินตามรอยพ่อไปที่ชั้น 2 ซึ่งเรา ก็จะได้เห็นภาพเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาเยี่ยมราษฎร ปีพ.ศ. 2498 ทำให้เกิดภาพประวัติศาสตร์ภาพนี้ นี่ก็คือ แม่เฒ่าตุ้มที่รอรับเสด็จถวายดอกบัว 3 ดอก ทำให้เป็นภาพที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คน ภาพนี้เกิดขึ้นที่นครพนมบริเวณสามแยกชยางกูรทางไปพระธาตุ พนมค่ะ และหลังจากที่เราได้เยี่ยมชมนิทรรศการภายในจวนหลังเก่านี้เรียบร้อย เราเข้าไปกันที่ “เฮือนเฮือไฟ” หรือเรือนเรือไฟกันต่อค่ะ
สำหรับเฮือนเฮือไฟนี้นะคะ เป็นเรือน ที่จัดแสดงภาพ และเล่าเรื่องราวประเพณีและวัฒนธรรมการไหลเรือไฟของชาวจ.นครพนม ซึ่งมีความน่าสนใจมาก ไม่แพ้ที่อื่นเลยล่ะค่ะ จากจวนผู้ว่าฯ เราเดินมา ได้สักพักเราก็ต้องมาสะดุดอยู่ที่หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ซึ่งเป็นเหมือนสิ่งแทนความขอบคุณของชาวเวียดนามที่มีต่อผืนแผ่นดินไทย ก่อนที่จะอพยพกลับประเทศเวียดนามไปเมื่อปีพ.ศ. 2503 แต่ถ้าหาก อยากจะซึมลึกกับวัฒนธรรมไทย–เวียดนาม มากกว่านี้ ก็ต้องไปที่หมู่บ้านมิตรภาพ ไทย-เวียดนามค่ะ ที่หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม หรือหมู่บ้านนาจอก เป็น หมู่บ้านเก่าแก่ ชาวบ้านส่วนใหญ่มีเชื้อสายเวียดนามทั้งสิ้น และที่นี่ก็มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะเป็นหมู่บ้านที่ท่านโฮจิมินห์ได้เคยเข้ามาพักอาศัยนานถึง 2 ปี ก่อนที่จะกอบกู้อิสรภาพได้สำเร็จอีกด้วยนะคะ งานนี้เราได้เข้าชมบ้านของลุงโฮได้อย่างเต็มที่ บ้านของท่านโฮจิมินห์เป็นบ้านชั้นเดียว หน้าบ้านมีต้นมะพร้าว 2 ต้น ที่ท่านปลูกเอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และรหัสที่เข้าใจกันในกลุ่มกอบกู้อิสรภาพ ภายในบ้านเป็นที่พักและที่ทำงานที่เรียบง่าย ซึ่ง สมัยก่อนเวลาที่ท่านส่งข่าวสารถึงสมาชิกในกลุ่ม ก็จะใช้นกพิราบที่เลี้ยงไว้ในบ้านเล็กๆ หลังนี้ ส่งข่าวอีกด้วยล่ะค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ คุณผู้อ่านคงรู้สึกว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่กลับมีเรื่องที่น่าสนใจมากมายใช่ไหมล่ะค่ะ น้ำผึ้งอยากจะบอกนะคะว่า การที่เราได้มาเยือนนครพนมครั้งนี้ ได้ทั้งความสนุก และก็ความรู้มากมายเลย นอกจากเป็นเมืองสงบและน่าอยู่ ยังเป็นเมืองที่สานสัมพันธภาพมิตรภาพดีๆ ระหว่างเพื่อนบ้านไว้อย่างเหนียวแน่นด้วยล่ะค่ะ ถ้าหากคุณผู้อ่านมีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่ จ.นครพนม นะคะ
ที่มา โพสต์ทูเดย์
Create Date : 04 กรกฎาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2552 15:04:51 น. |
Counter : 1382 Pageviews. |
|
|
|