เพลินไปกับความมหัศจรรย์ของเปลือกหอย
‘ซอกแซกกรุงเทพฯ’ สัปดาห์นี้ จะพาทัวร์ ‘พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยกรุงเทพฯ’ (Bangkok Seashell Museum) เพื่อชมความมหัศจรรย์ และความสวยงามของเปลือกหอยหายากหลากชนิด รวมไปถึงฟอสซิสเปลือกหอย ที่มีอายุกว่า 350 ล้านปีก่อน
สำหรับ ‘พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยกรุงเทพฯ’ ตั้ง อยู่หัวมุมถนนสีลมซอย 23 เยื้องสี่แยกโรงพยาบาลตากสิน เป็นพิพิธภัณฑ์น้องใหม่ ที่เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากความรัก ความเชี่ยวชาญในเรื่องเปลือกหอยของ ‘คุณสมหวัง ปัทมคันธิน’ แฟนพันธุ์แท้เปลือกหอย 2 สมัย (ปี 2007 และ 2008) นอกจากนี้ ยังได้หุ้นส่วนอย่าง ‘คุณอรพิน ศิริรัตน์’ อีกผู้หนึ่งที่หลงใหลในความสวยงามของเปลือกหอย เข้ามาบริหารจัดการภายในพิพิธภัณฑ์ฯ บวกกับความตั้งใจที่อยากจะให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเปลือกหอยในกรุงเทพฯ เหมือนอย่าง พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย ที่ จ.ภูเก็ต
พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยกรุงเทพฯ แห่ง นี้ มีส่วนจัดแสดงทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน รวบรวมเปลือกหอยไว้ประมาณ 600 สายพันธุ์ กว่า 3,000 เปลือก เริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 1 จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวงศ์ 'หอยจุกพราหมณ์-หอยสังข์ทะนาน' ซึ่งที่มาของชื่อเรียกนั้น ก็มาจากเกลียวของก้นหอย(ส่วนปลายของยอดเปลือก) ที่บิดเป็นเกลียวกลมคล้ายมวยผมของพราหมณ์ มีความหลากหลายทางสายพันธุ์สูง สวยงามทั้งรูปทรง สีสัน และลวดลาย มีขนาดเล็ก ใหญ่มากมาย จึงเป็นที่นิยมของนักสะสมทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีวงศ์หอยมะเฟือง วงศ์หอยโข่งทะเล หอยโข่งบาง โข่งเปลือกบาง วงศ์หอยรังนก วงศ์หอยตีนช้าง หอยกระต่าย รวมไปถึงเจ้าตัวกลมน่ารักๆ อย่าง 'เม่นทะเล' ซึ่งไม่ได้เกี่ยวพันทางสายพันธุ์กับหอย แต่หากมีความสัมพันธ์กันทางห่วงโซ่อาหาร อาทิ เม่นจิ๋วน้ำลึกจากเกาะไต้หวัน เม่นเขียว,เม่นม่วง,เม่นบอลล์ และเม่นระเบิดหนามใหญ่ จากภูเก็ต เป็นต้น
ส่วนไฮไลต์ของชั้นที่ 1 จะอยู่ที่ ‘เปลือกหอยมือเสือยักษ์’ ซึ่ง เป็นหอยสองฝาชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งขนาดและน้ำหนัก โดยหอยมีเสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อาจมีน้ำหนักมากถึง 300 กิโลกรัม สำหรับเปลือกหอยมือเสือชิ้นที่อยู่ในส่วนจัดแสดงนี้ พบตามแนวปะการังน้ำตื้น ชายฝั่งเขตอินโด - แปซิฟิค แต่ยังไม่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด
ในส่วนของพื้นที่จัดแสดงชั้นที่ 2 นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาไปกับ 'เปลือกหอย' รูป ร่างแปลกตามากมาย ไม่ว่าจะเป็น 'วงศ์หอยสังข์มงคล' 'หอยงวงช้าง' 'หอยหัวใจ' มีลักษณะโดดเด่นด้านรูปทรง ที่คล้ายรูปหัวใจ สีสันสวยงาม พบตามแอ่งน้ำระหว่างกอปะการังที่น้ำตื้น เค็มจัด มีความสะอาด 'หอยเพรียงเจาะหินยักษ์' เป็นหอยที่มีวิวัฒนาการปรับปรุงทรงเปลือก โดยสร้างปลอกหินปูนหนาและแข็งไว้ภายนอก ขณะที่ลดขนาดและรูปทรงของฝาทั้งสองไว้ ที่ส่วนลึกสุดบริเวณส่วนต้นของท่อปลอก สายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่นี้ พบจากเกาะพาลาวัน ทางทิศตะวันตกของประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น
ไฮไลต์ของชั้นที่ 2 นี้ คงหนีไม่พ้นฟอสซิลหอยขนาดใหญ่ ที่ถูกค้นพบโดยบังเอิญระหว่างการขุดเจาะชั้นหิน เพื่อสร้างถนนระหว่างเมือง ในประเทศเยอรมัน ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จัดเป็นแอมโมไนต์ จากยุคจูราสสิกตอนต้น อายุประมาณ 180 ล้านปีก่อน โดยฟอสซิลชิ้นนี้ได้มาจากประเทศเดนมาร์ก
มาถึงพื้นที่ส่วนสุดท้าย ชั้นที่ 3 ซึ่งเมื่อขึ้นมาถึงด้านบน สิ่งแรกที่จะเห็นคือ ภาพฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงประทานให้กับผู้แข่งขัน ที่ชนะเลิศเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ตอนเปลือกหอย
พื้นที่ในส่วนจัดแสดงชั้นนี้ จะประกอบไปด้วย เปลือกหอยที่หายาก อย่าง 'วงศ์หอยนมสาวน้ำลึก-หอยนมสาวปากร่อง' ซึ่ง เป็นหอยที่จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของความหายาก และความนิยมในหมู่นักสะสมรุ่นใหญ่ เนื่องจากหอยชนิดนี้ จะอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกตั้งแต่ระดับหลายร้อยเมตร ลงไปถึง พื้นมหาสมุทร มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ช่องเปิดด้านข้างปากของเปลือก ที่คาดว่าอาจเป็นช่องระบายของเสีย รวมถึงใช้เป็นกลไกในการป้องกันตัว 'วงศ์หอยเต้าปูน' หอยขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายหอยเบี้ย แต่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสมมากกว่า ปัจจุบันพบชนิดของหอยเต้าปูนแล้วกว่า 600 ชนิดทั่วโลก มีลวดลายและสีสันที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ 'หอยเต้าปูน' ยัง นับว่าเป็นหอยชนิดหนึ่งที่มีพิษ ออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาทของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่สำคัญหากใครได้สัมผัสเข้า ขอบอกเลยว่าในปัจจุบัน ยังไม่มียาที่จะรักษาพิษของหอยเต้าปูนได้ ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวคนใดที่ชอบดำน้ำดูสัตว์ทะเลหายาก ไม่แน่ใจและไม่ทราบชัดว่าสัตว์หน้าตาสวยงามเหล่านั้นเป็นตัวอะไร อย่าไปจับหรือแตะต้องตัวมันเด็ดขาด เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
นอกจากนี้ยังมี วงศ์หอยสังข์หนาม วงศ์หอยสังข์ปีก วงศ์หอยเม็ดขนุน วงศ์หอยเบี้ย วงศ์หอยเจดีย์ และมุมจัด แสดงเปลือกหอยน้ำจืด อย่าง หอยขมหนามจากทะเลสาบแทนแทนยิกา หอยกาบปุ่ม หอยเรือบิน หอยกาบ หอยเดือยไก่ดำ และหอยกาบน้ำจืดยักษ์จากประเทศจีน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดเปลือกใหญ่ที่สุดในโลก
อีกหนึ่งความแปลกตาที่ไม่เคยเห็นที่ไหนคือ หอยลูกกวาดคิวบา หรือหอยทากโพลีมิต้า นับว่าเป็นหอยทากบกที่มีลวดลายและสีสันที่สดใสที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ชนพื้นเมืองในเกาะคิวบา นิยมเก็บไปทำสร้อยคอหรือเครื่องประดับ อีกทั้งยังถือเป็นมรดกแห่งชาติของคิวบาด้วย นอกจากนี้ ยังมีหอยทากพันธุ์อื่นๆ อย่าง หอยลุ หอยน้ำพริก หอยนกขมิ้น หอยทากยักษ์แอฟริกันและอเมริกาใต้ หอยทากต้นไม้ฟลอริด้า หอยทากทะเลทรายจากประเทศเปรู จัดแสดงไว้ให้ชมกันอีกด้วย
ไฮไลต์สุดท้าย บริเวณชั้น 3 นี้ คือ ซากฟอสซิสฝูงโกเนียไตต์ อายุประมาณ 350 ล้านปีก่อน จากเทือกเขาแอตลาส เมืองไอบูเซอร์ ประเทศโมรอคโค แอฟริกาเหนือ ลักษณะเด่นอยู่ที่ห้องแบ่งภายในตัว มีลักษณะเป็นลายซิกแซก และเพื่อให้เห็นลักษณะเด่นอย่างชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญชาวโมรอคโคจึงได้ทำการขัดแต่งพื้นผิวฟอสซิลแต่ละตัว เพื่อชักนำลวดลายให้ปรากฏเด่นชัดขึ้นมา
วันว่างหรือวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หากยังไม่รู้ว่าจะพาครอบครัวไปเที่ยวที่ไหนดี ลองจูงมือกันไปที่ ‘พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยกรุงเทพฯ’ ดู รับรองว่าจะได้ทั้งความรู้ ความเพลิดเพลิน กลับบ้านไปเพียบ
หมายเหตุ พิพิธภัณฑ์ เปลือกหอยกรุงเทพฯ ตั้งอยู่หัวมุมถนน สีลมซอย 23 เยื้องสี่แยกโรงพยาบาลตากสิน เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชมสำหรับคนไทย 100 บาท (อาจจะแพงไปนิดสำหรับบางคน แต่ถูกมากเมื่อเทียบกับการที่ไม่ต้องเดินทางไปชมไกลถึงภูเก็ต) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.02-234-0291 หรือที่ E-mail : bkkseashellmuseum@gmail.com
ที่มา : เดลินิวส์
Create Date : 02 กรกฎาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2552 15:02:25 น. |
Counter : 3376 Pageviews. |
|
|
|