Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
27 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

เยี่ยมอุบลฯ - ยลจำปาสัก

เยี่ยมอุบลฯ-ยลจำปาสัก

อุบลราชธานี เมืองที่แม่น้ำโขง ชี มูล ไหลมาบรรจบ เป็นชุมชนเก่าแก่ ที่มีมนุษย์อยู่อาศัยต่อเนื่องกันมายาวนาน

ก่อนจะได้รับการสถาปนาเป็นเมือง ในราชอาณาจักรไทยเมื่อกว่า 200 ปีที่ผ่านมา ด้วยที่ตั้งที่เหมาะสม
ทำให้เมืองอุบลราชธานีเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ และคับคั่งด้วยมรดกทางวัฒนธรรม
ปัจจุบันเมืองอุบลราชธานีกลายเป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคม การค้า และการท่องเที่ยวของภาคอิสาตอนล่าง

นับว่าโชคดีที่เราไปเยือนเมืองอุบลฯ ในช่วงเวลาของการทำและแห่เทียนพรรษา
ใน "งานประเพณีเทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2552"
ซึ่งมีความเป็นมานับย้อนไปได้อย่างน้อยก็ถึงปี พ.ศ.2470 ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าเป็นช่วงที่ชาวจังหวัดอุบลราชธานี
ได้ทำต้นเทียนกัน อย่างจริงจัง ต่อมาราวปี พ.ศ.2495 ได้มีการฟื้นฟูศิลปะการทำต้นเทียน
และเทศกาลแห่เทียนพรรษาของจังหวัด โดยมีการประกวดเทียนพรรษา 2 ประเภท คือ
ประเภทมัดรวมติดลาย และประเภทติดพิมพ์

ราว พ.ศ.2502 มีการทำเทียนพรรษาด้วยการแกะสลักบนต้นเทียนโดยตรง ทำให้ในปีต่อๆ มา
มีการจัดประกวดต้นเทียนเป็น 3 ประเภท คือ ประเภทมัดรวมติดลาย ประเภทติดพิมพ์ และประเภทแกะสลัก
จากนั้นมาประเพณีการประดิษฐ์และจัดขบวนแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี จึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยในขบวนแห่จะมีการฟ้อนรำ โห่ร้องกันอย่างสนุกสนาน
และหลังจากที่ได้แห่เทียนไปรอบเมืองแล้ว จึงนำต้นเทียนพรรษาไปถวายตามคุ้มวัดต่างๆ

เยี่ยมอุบลฯ-ยลจำปาสัก
ฉีดน้ำรักษาอุณหภูมิขบวนแห่เทียนพรรษา

การจัดสร้างขบวนแห่เทียนพรรษาเยี่ยงนี้ นับว่าต้องอาศัยทั้งทุน ฝีมือ และที่สำคัญคือความคิดสร้างสรรค์
เพื่อให้ผลงานที่ออกมานอกจากจะบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ยังสามารถสะท้อนถึงเหตุการณ์สำคัญ
ในช่วงเวลานั้นๆ ได้อีกด้วย ที่พิเศษคือมีการเชิญศิลปินจากต่างประเทศมาร่วมสร้างผลงานศิลปะโดยใช้เทียน
กลายเป็น "งานแสดงเทียนประติมากรรมเทียนนานาชาติ" ซึ่งในปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 4 แล้ว

จากเรื่องประเพณีเราหันมาเริ่มรายการเที่ยวธรรมชาติ ด้วยการเดินทางไปที่ อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ
เพื่อชมความสวยงามของแก่งกลางลำน้ำมูลที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมองเห็นแก่งขนาดใหญ่กลางลำน้ำในช่วงฤดูแล้ง

เที่ยวนี้เราได้พี่ชายเจ้าหน้าที่ป่าไม้ใจดี พาเดินท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ
ตามเส้นทางมีจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ ถ้ำหมาใน ถ้ำพระ
ซึ่งเคยมีการพบหลักฐานทางโบราณคดีในอารยธรรมขอม และในถ้ำก็จะมีชาวบ้านเอาไม้มาค้ำเพดานถ้ำไว้
เป็นสัญลักษณ์ของการค้ำ หรือทำนุบำรุงทั้งธรรมชาติและพระพุทธศาสนา

แต่ที่พี่ป่าไม้ดูจะภูมิใจนำเสนอเป็นพิเศษคงต้องยกให้ น้ำตกรากไทร พูดถึงน้ำตกอาจจะนึกถึงน้ำไหลโครมคราม
แต่น้ำตกรากไทรที่นี่เก๋ไก๋ด้วยสายน้ำน้อยๆ นับพันนับหมื่นที่ไหลลงตามรากไทรจากหน้าผาลงพื้น

ไหนๆ มาถึงนี่แล้วก็ควรจะแวะไปเยี่ยม อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เสียด้วย ชมภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า 3 พันปี
ราว 300 ภาพ ที่เรียงรายติดต่อกันอยู่บนผนังหน้าผายาวถึง 170 เมตร
รวมทั้งชมจุดชมวิวแม่น้ำโขง และจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นจุดแรกของประเทศไทย

น้ำตกแสงจันทร์
ตะวีนลับฟ้าที่สามพันโบกน้ำ และน้ำตกแสงจันทร์

อีกอย่างที่พลาดไม่ได้เมื่อไปเยือน คือการไปชม น้ำตกแสงจันทร์ (น้ำตกลงรู)
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม น้ำตกลงรูเกิดจากธารน้ำวนบนลานหินทราย
ก่อเกิด หลุมกุมภลักษณ์ (Pot Hole) ทำให้เพดานถ้ำทะลุจนน้ำไหลลอดลงมาคล้ายแสงของพระจันทร์
บ้างก็ว่าจะให้ดีต้องมาเห็นตอนคืนเดือนเพ็ญ มองลอดรูน้ำตกขึ้นไปก็จะเจอกับพระจันทร์ดวงกลมโต
อะไรจะโรแมนติกได้ขนาดนั้น

ไม้ค้ำถ้ำที่ถ้ำพระ อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ
ไม้ค้ำถ้ำที่ถ้ำพระ อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ

จากน้ำตกแสงจันทร์ เราเดินทางต่อไปที่ หาดสลึง บ้านสองคอน จากท่าเรือหาดสลึงเราชวนกันลงเรือหางยาว
ล่องชมทิวทัศน์และแหล่งท่องเที่ยว ริมแม่น้ำโขง อาทิเช่น ปากบ้อง หรือส่วนที่แคบสุดของน้ำโขงในประเทศไทย
มีความกว้าง 56 เมตร และ หาดหงส์ ซึ่งเป็นเนินทรายขนาดใหญ่ริมน้ำโขง

พอเย็นย่ำตะวันรอน เราก็เดินทางถึงที่หมายสุดท้ายของวันที่พลาดไม่ได้ คือ การสัมผัสความงดงามทางธรรมชาติ
ที่ สามพันโบก แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ของจังหวัดอุบลราชธานี เราโชคดี (อีกแล้ว) มีโอกาสได้พบกับ
เรืองประทิน เขียวสด คุณครูโรงเรียนบ้านสองคอน ผู้ค้นพบและบุกเบิก สามพันโบก แห่งนี้

สามพันโบก
อีกมุมของสามพันโบก

อาจารย์เรือง อธิบายว่า คำว่า "โบก" เป็นภาษาอีสาน ที่ใช้เรียกขานลักษณะของรูที่ถูกกัดเซาะลงไปในพื้นหิน
จนเป็นแอ่ง ซึ่งจะปรากฏให้เห็นตามเกาะแก่งในลำน้ำต่างๆ หลุมรูเหล่านี้เองที่ทำให้เกิด "น้ำวน"
ซึ่งจะพบเห็นได้ทั่วไปในลำแม่น้ำโขงช่วงนี้

อาจารย์เรืองเล่าว่า ชื่อเสียงของสามพันโบกเริ่มจากกลุ่มนักถ่ายภาพที่เดินทางเข้ามาเก็บความงาม ก่อนจะเริ่ม
มีการนำภาพไปโพสต์ตามเว็บไซต์ต่างๆ ก่อนจะมาโด่งดังขึ้นไปอีก เมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยใช้
สามพันโบกเป็น สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาที่มี "พี่เบิร์ด" ธงไชย แมคอินไตย์ แสดงนำ

เที่ยวสามพันโบกถ้าจะให้ดีต้องช่วงที่น้ำน้อย คือ
ตั้งแต่ประมาณวันที่ 10 ธันวาคมเป็นต้นไปจนถึงเดือนพฤษภาคม
เพราะจะเห็นเกาะแก่งกลางแม่น้ำที่โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาให้ได้ชมความงามกัน
บางช่วงเกาะแก่งโผล่พ้นน้ำให้เดินติดต่อกันได้หลายกิโลเมตร หรือจะมาเยี่ยมสามพันโบกในคืนเดือนหงาย
ก็จะได้เห็นแสงเดือนสาดไล้ไปตามหลุม ร่องบนเกาะแก่ง...ก็งามไปอีกแบบ แต่แนะนำว่าอย่ามาช่วงสงกรานต์
เป็นดี เพราะแทนที่จะได้ชมธรรมชาติจะได้ชมสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า คน เต็มไปหมด

ที่นี่นอกจากความสวยงามของหินรูปร่างต่างๆ รวมถึงหาดทรายที่สวยงามเช่นหาดหงส์และถ้ำพญานาคแล้ว
ที่นี่ยังมีสระน้ำกลางแผ่นหินที่กว้างใหญ่ มีน้ำใสสะอาดขังตลอดปี เรียกกันว่า สระมรกต หรือ "บุ่งน้ำใส"
จากการส่งตัวแทนกระโดดลงไปทดสอบความเย็นของน้ำได้ผลว่า...ใช้ได้

เรือของเราแวะขึ้นเยี่ยมเกาะกลางน้ำย่อมๆ ที่นอกจากสภาพพื้นผิวที่เป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนโลกพระจันทร์แล้ว
ความงามของสีสันที่แปรเปลี่ยนบนฟ้ายามเย็นสะกดให้เราต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่ จนตะวันลับฟ้า
โดยเฉพาะบรรดานักถ่ายภาพที่มาด้วยกัน กว่าจะยอมเก็บกล้องขนของกลับได้
ก็พระจันทร์เกือบจะตรงหัวแล้วนั่นละ

เช้าวันถัดมา ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง เราออกเดินทางไปยังด่านช่องเม็ก
ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากร เดินทางสู่เมืองปากเซ เมืองสำคัญของแขวงจำปาสัก
ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เราออกเดินทางไปลงเรือ ณ ท่าเรือบ้านนากระสัง
ล่องเรือสู่เกาะดอนคอน ข้ามสะพานไปยังเกาะดอนเดช เพื่อไปชม น้ำตกหลี่ผี มหาน้ำตกแห่งมหานทีสี่พันดอน

น้ำตกหลี่ผี
น้ำตกหลี่ผี - ทดสอบความเย็นที่สระมรกต

ชื่อหลี่ผี ฟังดูอาจจะน่ากลัวไปหน่อย คำว่า "หลี่" เป็นภาษาลาว หมายถึงเครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่งทำจากไม้ไผ่
ใช้วางขวางลำน้ำ เมื่อปลาว่ายหรือโจนเข้าในหลี่แล้วก็จะติดออกมาไม่ได้ ส่วนคำว่า ผี หมายถึง ศพคนตาย
ชื่อหลี่ผีได้มาจากการพบศพทหารลอยมาติดเป็นจำนวนมากในสมัยสงครามอินโดจีน

สัมผัสแรกของการเที่ยวน้ำตกหลี่ผีคือ ความกว้าง ใหญ่ และกระแสน้ำที่ไหลแรงส่งเสียงครืนๆ
ดูมาดูไปเหมือนทะเลมากกว่าน้ำตก เที่ยวที่นี่ต้องเตือนกันไว้ก่อนว่าถ้าเป็นช่วงน้ำหลากแรง
หรือจุดที่มีป้ายเตือนห้ามลงเล่นน้ำ แปลว่า "ห้ามจริงๆ" เพราะมีผู้กล้าเอาชีวิตมาทิ้งกันบ่อยๆ

น้ำตกคอนพะเพ็ง
บางมุมจากน้ำตกคอนพะเพ็ง

อีกหนึ่งน้ำตกที่ได้ไปเยือนคือ น้ำตกคอนพะเพ็ง เจ้าของฉายา "ไข่มุกแม่น้ำของ" เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน
เขตแม่น้ำโขงตอนล่างก่อนจะไหลลงสู่ประเทศ กัมพูชา เป็นอีกที่ที่ลืมภาพน้ำตกไหลเอื่อยๆ แบบบ้านเราไปได้เลย
เพราะแม้ว่าชั้นของหินจะไม่สูงมากนัก แต่กระแสน้ำจำนวนมหาศาลหลายสายไหลบ่าถาโถมกระหน่ำลงมาจาก
ชั้นหินราวกับจะ ถล่มทลายแก่งหินอย่างดุดันและเกรี้ยวกราดสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
จนได้รับขนานนามว่าเป็น "ไนแองการาแห่งเอเชีย"

เสียดายเรามีเวลาอยู่ที่จำปาสักน้อยไปหน่อย จะให้ดีถ้าไปถึงจำปาสักควรหาเวลาไปเที่ยวน้ำตกผาส้วมและ
น้ำตกตาดฟานเสียด้วย ให้ครบสูตรการเที่ยวน้ำตก เพราะแต่ละที่ก็มีดีที่ความงามแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนกัน

เช้าวันต่อมา เราออกเดินทางไปสู่เขตเมืองเก่าจำป่าสัก ที่ตั้งของ วัดพู ศาสนสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น
มรดกโลกแห่งที่สองของประเทศลาวที่มี ความเก่าแก่กว่า 1,600 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาภู
ห่างจากตัวเมืองเก่าจำปาสักประมาณ 6 กิโลเมตร

จากจุดจอดรถเราต้องเดินต่อไปตามทางเดินโบราณเพื่อขึ้นสู่วัดพูท่ามกลาง แดดร้อนเปรี้ยง
ทำเอาหลายๆ คนคิดถึงเสื้อแขนยาวขึ้นมาทันที เสียเหงื่อสังเวยเทพเจ้ากันถ้วนหน้า ความโดดเด่นของวัดพูอยู่ที่
ตัวปราสาทที่สร้างบนภูเขา มีการแกะลวดลายสลักเป็นนางอัปสรและทวารบาลตามแบบปราสาทขอม

ในอดีตที่ตั้งของวัดพูเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของแหล่งอารยธรรมโบราณ ถึง 3 สมัยด้วยกันคือ
อาณาจักรเจนละในช่วงศตวรรษที่ 6-8 ถัดมาเป็นยุคของอาณาจักรขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร
และสุดท้ายอาณาจักรล้านช้างได้เปลี่ยนเทวาลัยในศาสนาฮินดูให้เป็นวัดในพุทธ ศาสนานิกายเถรวาท

มาถึงนี่คนนำทางบอกว่าต้องไม่พลาดไปชมภาพสลักตรีมูรติ ขนาดเกือบเท่าคนจริง ซึ่งหมายถึงเทพเจ้าทั้ง 3 องค์
ผู้เป็นใหญ่สูงสุดในศาสนาฮินดูได้แก่ พระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม และชมหินแกะสลักรูปหัวช้างเชื่อว่า
เป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายสมัยขอมเรืองอำนาจ และชม บ่อน้ำเที่ยง หรือ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันว่า
ไหลจากยอดเขาผ่านศิวลึงค์ศักดิ์สิทธิ์ลงมาสู่ถ้ำเบื้องล่าง

สำหรับคอประวัติศาสตร์แนวซาดิสต์เล็กน้อย ไกด์บอกให้ไปดูหินแกะสลักรูปจระเข้ เป็นก้อนหินขนาดใหญ่
แกะสลักเป็นร่องลึก เชื่อกันว่าในสมัยโบราณใช้เป็นแท่นบูชายัญทั้งมนุษย์และสัตว์เพื่อสังเวย เทพเจ้า

เช้าวันต่อมาเราปิดท้ายรายการเยือนจำปาสักด้วยรายการชอปปิ้งล้วนๆ เริ่มด้วยสินค้าของฝากของที่ระลึก
พร้อมกับดูวิถีชีวิตชาวลาวที่ตลาดดาวเรือง ของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นของสด ปลา พืชผักต่างๆ
ชาวลาวซื้อไปทำอาหารเสียเป็นส่วนใหญ่ อย่างเราจะให้ซื้อปลาเป็นตัวๆ ก็คงไม่ไหว
ได้แต่สวมบทพระยาน้อยชมตลาด เดินชมบรรยากาศตลาดยามเช้าไปพอได้อารมณ์
กลับมาช้อปกันต่ออีกรอบที่ร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี ณ ด่านช่องเม็ก
ก่อนจะกลับมาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อเดินทางกลับสู่จังหวัดอุบลราชธานี

เคยรู้สึกแบบนี้ไหม...เวลาไปเที่ยวต่างบ้านต่างเมือง ถึงจะสนุกสุขสันต์ขนาดไหน
แต่ความรู้สึกบางอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือความรู้สึกในนาทีที่ได้กลับมายืนบนผืนดินไทยอีกครั้ง
ได้เวลา "กลับบ้านเรารักรออยู่" กันเสียที


ที่พัก-เดินทาง
ไปอุบลฯ ถ้าไปรถยนต์ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ไปสระบุรี เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ)
ต่อด้วย ทางหลวงหมายเลข 24 (สายโชคชัย-เดชอุดม) ไปจนถึงอุบลราชธานี
หรือใช้ เส้นทางกรุงเทพฯ- นครราชสีมา แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 226
ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และเข้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี

รถโดยสารประจำทาง
จากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ (ถนนกำแพงเพชร หมอชิต 2) ทุกวัน
สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2936-1880, 0.2936-0657, 0.2936-0667, 0.2936-2852
ที่อุบลราชธานี โทร.0-4524-1831

รถไฟ
มีรถด่วนกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ทุกวัน และยังมีรถธรรมดาจากนครราชสีมา- อุบลราชธานี
และสุรินทร์-อุบลราชธานี อีกด้วย
รายละเอียดสอบถามได้ที่หน่วยบริการเดินทาง โทร.0-2223-7010, 0-2223-7020

เครื่องบิน
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีเครื่องบินรับส่งผู้โดยสารระหว่างกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ทุกวัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2280-0060, 0-2628-2000
หรือที่จังหวัดอุบลราชธานี โทร. 0-4531-3340-3 หรือจะบินไปลงท่าอากาศยานนานาชาติปากเซก็ได้

จากอุบลฯ ไปจำปาสัก
เริ่มต้นที่ด่านพรมแดนช่องเม็ก จากนั้นเดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 10 ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร
จะถึงสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ข้ามแม่น้ำโขงไปก็จะถึงเมืองปากเซ เมืองหลวงของแขวงจำปาสัก
การเดินทางจากพรมแดนช่องเม็กเข้าไปเมืองปากเซ สามารถใช้บริการของสถานีขนส่งลาว
ที่อยู่ห่างจากด่านตรวจคนเข้าเมืองลาวระยะทาง 300 เมตร
มีทั้งรถโดยสารประจำทาง รถสองแถว วันละหลายเที่ยว หรืออาจใช้บริการรถยนต์รับจ้างซึ่งเร็วกว่า

โดย : ชาธิป
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2552
3 comments
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 17:24:06 น.
Counter : 1766 Pageviews.

 

คอนพะเพ็ง หลี่ผี ยิ่งใหญ่อลังการ

 

โดย: Innocent IP: 96.255.16.241 28 กรกฎาคม 2552 6:42:55 น.  

 

"ปีใหม่โล้ชิงช้า ชาวอาข่า"
ทัวร์เริ่มวันที่ ๒-๓-๔ กันยายน ๕๒
ความงดงามทางวัฒนธรรมของชนเผ่า และประเพณีที่หาดูได้ยากยิ่งในสมัยนี้
ร่วมสัมผัสประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวชนเผ่าอาข่าที่แฝงไว้ซึ่งความสวยงาม และเคารพในธรรมชาติ
ผู้ประสานงาน somsakbannok@yahoo.com Tel 081-7655352 ;053-737373
www.hilltribeguide.com

 

โดย: พรานไพร ณ.ดอยบ่อ (guide doi ) 28 กรกฎาคม 2552 9:43:13 น.  

 

ขอเก็บข้อมูลด้วยนะคะ

 

โดย: อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที 7 สิงหาคม 2552 13:05:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.