Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
หลงรักสายหมอกและทิวสนที่ “ปางอุ๋ง”


แดดยามเช้ากระทบต้นสนและสายหมอก

จุดหมายปลายทางของมหาชนในช่วงที่ฤดูหนาวยังไม่สิ้นสุดนี้ เชื่อว่า “ปางอุ๋ง” ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
คงต้องเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวเป็นอันดับแรกๆ แน่นอน
เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง และเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้

ผู้เขียนเอง ก็ได้ยินชื่อเสียงของปางอุ๋งมานานแล้วเช่นกัน
รวมทั้งได้เห็นภาพถ่ายและเรื่องราวจากผู้ที่ได้ไปเยือนมาเล่าสู่ฟัง
เมื่อฟังมากเข้าๆ ดูรูปสวยๆ มากเข้า ก็ทำให้เกิดความคิดตัดสินใจว่า จะต้องไปเยือนปางอุ๋งให้เห็นด้วยตัวเองเสียที
ว่าที่นี่สวยงามอย่างที่เขาเล่าลือจริงหรือไม่


บรรยากาศตอนเช้าที่ปางอุ๋ง

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักปางอุ๋งนั้น คงต้องอ่านตรงนี้เสียหน่อยว่า “ปางอุ๋ง” หรือที่มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า
“โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” นั้น เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงเห็นว่าพื้นที่ บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่า
มีกองกำลังต่างๆ มีการขนส่ง ปลูกพืชเสพติด รวมไปถึงการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีนาถจึงมีพระราชดำริให้รวบรวม ราษฎรกลุ่มน้อยบริเวณนั้น
และพัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ
โดยมีพระราชประสงค์สร้างความมั่นคงแนวชายแดน พัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น
และฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ สมบูรณ์ยั่งยืนตลอดไป


อ่างเก็บน้ำปางตองยามท้องฟ้าสดใส

เคยเห็นภาพถ่ายสมัยเก่าของปางอุ๋ง ก่อนที่จะมีการพัฒนามาเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ยังเห็นว่าภูเขาเป็นเขาหัวโล้น ต้นไม้ถูกตัดทำลายไปมาก ถนนเข้าหมู่บ้านยังเป็นดินแดง บางช่วงรถเข้าไม่ถึง
แต่เมื่อผ่านไป 20 กว่าปี และเมื่อได้มาเห็นภาพในปัจจุบันด้วยสายตาตัวเองแล้ว
ก็ต้องบอกว่าเปลี่ยนไป เป็นคนละเรื่องทีเดียว เพราะน้ำในอ่างเก็บน้ำช่วยทำให้พื้นที่รอบๆ มีความชุ่มชื้น
ส่งผลไปถึงต้นไม้ที่ปลูกอยู่บริเวณนั้น ทำให้มีสีเขียวชอุ่มไปทั่วทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นป่าสนสองใบ สนสามใบ
และดอกไม้ใบหญ้าทั้งหลาย ทำให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักปางอุ๋งในภาพของอ่างเก็บน้ำนิ่งสงบ
อยู่คู่กับทิวสนเขียวขจีที่ตั้งอยู่อย่างเป็นระเบียบ และกลายเป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางอย่างทุกวันนี้


แพริมน้ำ ที่นั่งเล่นชมวิวของนักท่องเที่ยว

สำหรับการเดินทางมาที่ปางอุ๋งนั้นก็ไม่ยากลำบากแต่อย่างใด เพราะสามารถขับรถมาถึงที่ได้เลย
หรือจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่มา หรือจะนั่งรถสองแถวมาจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนก็ได้เช่นกัน
สำหรับเรา ขอเลือกการนั่งรถสองแถวมีคนขับให้สบายๆ ดีกว่า เพราะเส้นทางที่ผ่านนั้นบางช่วงสูงชัน
มีโค้งหักศอกหลายแห่ง ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ให้มาก

เราใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมาถึงปางอุ๋งในช่วงเวลาสายๆ
ซึ่งแม้แสงแดดจะจัดแค่ไหน แต่อากาศของฤดูหนาวกลางป่าเขานี้ก็ทำให้เรารู้สึกแค่อุ่นๆ เท่านั้น


หงส์เจ้าถิ่นในอ่างเก็บน้ำ

เมื่อมาถึงยังที่พักเราก็จัดการเก็บข้าวเก็บของ เพื่อเตรียมตัวเดินชมให้ทั่วปางอุ๋ง
พูดถึงเรื่องที่พัก ที่ปางอุ๋งนี้ก็มีที่พักให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งแบบบ้านพักอย่างดีพักได้เป็นสิบคน
บ้านพักแบบกระท่อมธรรมชาติริมอ่างเก็บน้ำ
หรือจะไปอาศัยโฮมสเตย์ของชาวบ้านในหมู่บ้านรวมไทย ที่ตั้งอยู่ใกล้กันก็ได้

แต่ถ้าจะให้ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่านั้น ก็ต้องกางเต็นท์นอนริมน้ำใต้ต้นสนกันไปเลย แต่ขอบอกก่อนว่า
สำหรับคนที่จะมาเที่ยวปางอุ๋งในช่วงนี้ก็คงต้องอาศัยนอนเต็นท์
หรือไม่ก็โฮมสเตย์ในหมู่บ้านรวมไทยอย่างเดียวเสียแล้ว
เพราะได้ยินมาว่า บ้านพักในปางอุ๋งมีคนจองเต็มไปถึงเดือนกุมภาเสียแล้ว

เราเองก็ไม่ง้อบ้านพัก เพราะเตรียมเต็นท์มาเองเรียบร้อย (ใครไม่มีเต็นท์สามารถมาเช่าที่นี่ได้)
หลังจากมองหาทำเลเหมาะๆ ฮวงจุ้ยดีๆ ได้แล้วเราก็จัดแจงปักหลักกางเต็นท์ เก็บข้าวเก็บของไว้เรียบร้อยแล้ว
ก็ได้เวลาออกสำรวจพร้อมทั้งเก็บภาพสวยๆ ของปางอุ๋งมาฝากกัน


กางเตนท์พักแรมใต้เงาต้นสน

จากที่เคยเห็นภาพถ่ายปางอุ๋งจากหนังสือ จากอินเตอร์เน็ต หรือจากที่เพื่อนพ้องเอามาอวดให้ชมนั้น ก็ว่าสวยแล้ว
แต่เมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่าของจริงสวยกว่าที่เห็นในภาพอีกหลายเท่าตัว
น้ำในอ่างเก็บน้ำดูนิ่งสงบ มีระลอกคลื่นน้อยๆ จากลมเย็นที่พัดมาเป็นระยะๆ และลมสายเดียวกันนั้น
ก็ทำให้กิ่งและใบของต้นสนเสียดสีกันดังซ่าๆ ฟังแล้วก็เป็นเสียงของธรรมชาติที่ไพเราะไปอีกแบบหนึ่ง

และเมื่อนั่งชมวิวอ่างเก็บน้ำไปเพลินๆ ก็อาจจะได้เห็นดาราแห่งปางอุ๋ง
นั่นก็คือหงส์พระราชทานจากสมเด็จพระราชินี ซึ่งเป็นหงส์ดำและหงส์ขาวอย่างละ 1 คู่ด้วยกัน
แหม... วิวอ่างเก็บน้ำก็สวยจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งมีหงส์มาว่ายน้ำงามสง่าเสริมความงามให้ภาพอีก
งานนี้ เลยกดชัตเตอร์ไม่ยั้งเลยทีเดียว


นอนฟังเสียงน้ำและสายลม

หลังจากอ้อยอิ่งอยู่ตรงอ่างเก็บน้ำและทิวสนอยู่นาน เราก็ขึ้นมาชม "สวนปางอุ๋ง" ด้านบน
ใกล้กับที่ทำการของโครงการพระราชดำริฯ ตรงส่วนที่เรียกว่าสวนปางอุ๋งนี้ จัดสร้างขึ้นมา
ก็เพื่อให้มีพืชพรรณที่กลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศบนที่สูงทด แทนไร่ฝิ่นร้างแต่ดั้งเดิม

ที่สวนปางอุ๋งนี้เขาก็ปลูกพืชที่ให้ประโยชน์ด้านทางอาหาร และยาแพทย์แผนไทย
และสร้างความกลมกลืนกับภูมิประเทศ เช่น อะโวคาโด พลับ สาลี่ บ๊วย อีกทั้งยังมีการตกแต่งด้วยสวนไม้ดอก
ไม้ประดับที่งอกงามได้ในสภาพอากาศหนาวเย็นและมีความชื้นในอากาศสูง เช่น กุหลาบ ไฮเดรนเยีย พวงแสด
อีกทั้งยังมีการพยายามนำพืช และสัตว์ประจำถิ่นของพื้นที่ปางอุ๋งกลับมา เช่น เอื้องแซะและกล้วยไม้ต่างๆ
และสัตว์อย่างเขียดแลว เป็นต้น

ที่สวนปางอุ๋งนี้เองเขาก็มีคำอธิบายถึงที่มาของชื่อ “ปางอุ๋ง” ที่หลายๆ คนอาจยังไม่เข้าใจความหมาย
โดยคำว่า “ปาง” ซึ่งหมายถึงที่พักของคนทำงานในป่า
ส่วน “อุ๋ง” นั้นเป็นภาษาเหนือหมายถึงที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่ มีน้ำขังเฉอะแฉะ
ก็น่าจะหมายถึงที่พักริมอ่างเก็บน้ำนี่เอง


พายเรือเล่นในอ่างเก็บน้ำปางตอง

เมื่อออกมาเดินเล่นแล้วก็ควรจะเดินดูให้ทั่ว อย่าลืมเดินออกมาที่หมู่บ้านรวมไทย
เพื่อชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ด้วย ที่หมู่บ้านรวมไทยนี้เอง ที่มีบ้านหลายหลังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพัก
ใน รูปแบบของโฮมสเตย์ ซึ่งก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการพักแรมที่น่าสนใจไม่น้อย

เดินชมปางอุ๋งในตอนกลางวันก็สวยสมใจแล้ว
แต่ช่วงเวลาที่ปางอุ๋งสวยที่สุดคงต้องเป็นตอนเช้า ตอนที่เพิ่งตื่นนอนนี่แหละ
เช้านี้พวกเราตื่นเเต่เช้าโดยไม่ต้องเสียเวลาปลุก เพราะตั้งใจไว้ว่าจะเก็บภาพสายหมอกลอยเรี่ยผ่านผิวน้ำมาให้ได้
และก็ไม่เสียเที่ยว เพราะในตอนเช้าเมื่อโผล่หน้าออกจากเต็นท์มาแล้ว
เราก็ได้เห็นหมอกหนาปกคลุม อยู่ทุกตารางนิ้วของปางอุ๋งและอ่างเก็บน้ำ เมื่อลมเย็นๆ พัดมา
นอกจากจะทำให้เราหนาวยะเยือกแล้ว ก็ยังทำให้ได้เห็นสายหมอกไหลลอยฟุ้งไปทั่วอีกด้วย
ยิ่งเวลาที่พระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขาขึ้นมาแล้วสาดแสงทะลุหมอก และทำให้ ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นสีทองนั้น
สวยงามจนบรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว


ไปเยี่ยมฝูงแกะได้ที่พระตำหนักปางตอง

และหากได้มาเยือนปางอุ๋งแล้ว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่อยู่ไม่ห่างจากปางอุ๋งนัก ก็คือ “บ้านรักไทย”
หมู่บ้านที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวจีนยูนนาน หรือจีนฮ่อชุดเดียวกับกองพล 93 (ก๊กมินตั๋ง)
ที่อพยพมาอยู่เมืองไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีบรรยากาศแบบจีนยูนนาน
และมีของขึ้นชื่อในเรื่องของชาและอาหารจีนยูนนาน ไม่ว่าจะเป็นขาหมู-หมั่นโถ หมูพันปี ไก่ตุ๋นยาจีน ฯลฯ

อีกทั้งยังสามารถชมวิถีชีวิตและสีสันบ้านดิน และไม่ควรพลาดชมจุดชมวิวบ้านรักไทย
ที่มีลักษณะเป็นเนินเหนือทะเลสาบทางเข้าหมู่บ้าน มองลงไปเห็นบ้านเรือนแทรกตัวอยู่ในหุบเขา และอ่างเก็บน้ำ
ที่นี่ในหน้าหนาวช่วงเช้าจะมีหมอกลอยขาวโพลนจนถูกยกให้เป็น “เขื่อนในหมอก” บรรยากาศดีไม่น้อย


บรรยากาศในหมู่บ้านรักไทย

สำหรับใครที่ขับรถมาเองหรือเหมารถมาเที่ยว ก็อย่าลืมแวะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในเส้นทางด้วย
เช่น พระตำหนักปางตอง ซึ่งเป็นเรือนประทับแรมของในหลวง และพระราชินีเมื่อพระองค์เสด็จแปรพระราชฐาน
อยู่บนเขาสูง ที่บ้านปางตอง ในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงปางตอง มีทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม
ศูนย์ไผ่ศึกษาแม่ฮ่องสอน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งใหม่
โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมและอนุรักษ์ไผ่ มีชนิดพันธุ์ไผ่หก เป็นชนิดหลัก

วนอุทยานถ้ำปลา ถ้ำกว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 1.50 เมตร มีน้ำไหลจากถ้ำใต้ภูเขาตลอดเวลา และมีปลาตัวโตๆ
เช่นปลาพลวงมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก น้ำตกผาเสื่อ น้ำตก 6 ชั้น
ชั้นที่คนนิยมเที่ยวมากที่สุดคือชั้นผาเสื่อ ซึ่งมีน้ำตกกระทบแผ่นหินกระเด็น เป็นฝอย
สองข้างมีแผ่นหินลักษณะคล้ายเสื่อปูลาดอยู่จำนวนมาก



เชิญไปชิมชาและซื้อของที่ระลึกได้ที่บ้านรักไทย

โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ตั้งอยู่ที่บ้านรวมไทย ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ ประมาณ 44 กม. การเดินทางจาก กทม.ไปยังแม่ฮ่องสอน
มีสายการบินพีบีแอร์บินตรงสู่สนามบินเมืองแม่ฮ่องสอน(ช่วงธ.ค.- มี.ค.) สอบถามที่โทร.0-2261-0222
และจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน สามารถนั่งรถสองแถวจากตลาดสายหยุดมายังปางอุ๋งได้
โดยมีรถขาไป 2 รอบ คือ 09.00 น. และ 14.00 น.

ที่พักภายในโครงการพระราชดำริ ปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) มีทั้งบ้านพักและบริการให้เช่ากางเต็นท์
(พื้นที่รับได้วันละ 80 เต็นท์ ควรโทรจองที่กางเต็นท์ก่อน) โทร.0-5369-2056
และรวมไทยเกสต์เฮาส์ มีทั้งบ้านพักราคา 250-500 บาท
และมีบริการให้เช่ากางเต็นท์ (นำเต็นท์มาเองเสียค่าสถานที่ 50 บาท) โทร.0-5361-1244

ขอความกรุณานักท่องเที่ยวช่วยกันดูแล และรักษาสถานที่เมื่อมีโอกาสแวะเยี่ยมชมหรือพักแรม


ที่มา :
//www.showded.com/myprofile/mainblog.php?user=anjang&jnId=18225
//www.lannacorner.net/lanna2008/article/article.php?type=A&ID=562


Create Date : 11 ธันวาคม 2552
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 13:10:29 น. 4 comments
Counter : 1438 Pageviews.

 
แวะมาเจิมค่า
ภาพวิวทิวทัศน์สวยบาดใจมาก

อยู่แค่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเชียงใหม่ แต่ไม่เคยไปเลยค่ะ
ต้องหาทางไปให้ได้ซักวัน


โดย: JinnyTent วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:15:32:10 น.  

 
สวยจัง อยากดูรูปใหญ่ ๆ จังครับ


โดย: ibozla วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:16:19:08 น.  

 
สวยจังเลยค่ะ น่าไปมากๆเลย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นึงที่ตั้งใจไว้เลยค่ะว่าต้องไปให้ได้ ยิ่งมาเห็นรีวิวแบบนี้ อีกไม่นานได้แพ็คกระเป๋าไปนอนชมความงามแน่เลยค่ะ ^^


โดย: คุณแม่น้องปอ IP: 58.10.27.25 วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:17:46:08 น.  

 
111


โดย: pjojo1998@gmail.com IP: 119.42.88.47 วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:20:44:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.