Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
11 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
วิมาน ตลาด ปราสาททราย

มหัศจรรย์งานปั้นทราย

การเดินทางไปต่างจังหวัดแบบที่คนรักการพักผ่อนชื่นชอบ หลายคนว่า เวลาไปต่างจังหวัดต้องตื่นแต่เช้าตรู่
ยิ่งเช้าเท่าไร ยิ่งใช้เวลาได้คุ้มค่ามากเท่านั้น อาจจะจริง หากนั่นคือการเดินทางไกล
แต่สำหรับวันพักผ่อนคราวนี้ เรามีจุดหมายอยู่ที่เมืองแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ
ไปทางทิศตะวันออกเพียง 85 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นจะตื่นเช้า สาย บ่าย ยังไงก็เที่ยวทัน
(อย่าให้ถึงกับตื่นค่ำเลยก็แล้วกัน)

เวลานัดหมายคือ 10 โมงเช้า แต่กว่าเราจะออกตัวจากกรุงเทพฯ ได้ก็เล่นเอาหิวข้าวเที่ยง (บอกแล้วว่า
เวลาเหลือเฟือ) จากถนนบางนา-ตราด รถของเราเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 314 (บางปะกง-ฉะเชิงเทรา)
ที่บริเวณสี่แยกบางปะกง ขับแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงจุดหมายแรกของวัน

ปราสาททราย เป็นประติมากรรมทรายในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย
(ป้ายเขาโฆษณาว่าอย่างนั้น) เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30-18.30 น. เราไปถึงตอนเที่ยงกว่าๆ
แม้จะหิวจนตาลาย แต่เพราะประติมากรรมทรายแกะสลักที่งดงามวิจิตรบรรจง
ทำให้เราลืมเรื่องปากท้องไปชั่วขณะ

"Welcome to Sand Castle" แม้ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่ก็ดูเหมือนเราจะโดนเสน่ห์จากพ่อมดน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์
เข้าให้แล้ว เพราะนอกจากจะดูละม้ายคล้าย แดเนียล แรดคลิฟฟ์ พระเอกในเรื่องที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
ประติมากรรมชิ้นนั้นยังเหมือนมีความเคลื่อนไหวอยู่ในที
ด้วยองค์ประกอบและตัวละครที่สอดคล้องกับเรื่องราวในภาพยนตร์

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ บอกว่าปราสาททรายแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อร่วมฉลองปีมหามงคล เนื่องในวโรกาส
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา โดยจัดเป็นงานมหกรรมปั้นทรายขึ้น
และเชิญนักปั้นทรายมืออาชีพจากประเทศต่างๆ มาสร้างปรากฏการณ์ร่วมกับทีมปั้นทรายตัวแทนประเทศไทย
อีกหลายทีม

ลักษณะพิเศษของการปั้นทราย คือ เมื่อไล่อากาศออกจากทรายจนหมดทรายจะมีความหนาแน่น
สามารถปั้นหรือแกะเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ หรือตามภาพได้
ซึ่งจะสวยงามมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ทักษะและจินตนาการของนักปั้น

แปดริ้ว,ฉะเชิงเทรา,ท่องเที่ยว

เราเดินตามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เข้าไปภายในห้องนิทรรศการ ซึ่งแบ่งเป็นโซนต่างๆ 3 โซน
เลี้ยวซ้ายเข้าไปในเต็นท์โดมขนาดใหญ่ คือ

โซนที่ 1 แสดงงานปั้นเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพด้านต่างๆ ของในหลวง
ไม่ว่าจะเป็น โครงการฝนหลวง วงดนตรีแจ๊ส โครงการพระราชดำริ ฯลฯ โ

แปดริ้ว,ฉะเชิงเทรา,ท่องเที่ยว


โซนที่ 2 ถูกจัดแสดงในรูปของ light&sound หรือเต็นท์มืด
แสดงงานปั้นเกี่ยวกับสถานที่สำคัญในประเทศไทย เช่น วัดโสธร วัดพระแก้ว เป็นต้น
บุคคลสำคัญอย่าง หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สุนทรภู่ ฯลฯ
รวมถึงวรรณคดีเอกของชาติ เช่น พระอภัยมณี รามเกียรติ์ และวรรณคดีไทยกินรี

แปดริ้ว,ฉะเชิงเทรา,ท่องเที่ยว

ผ่านมาจนถึงโซนที่ 3 โซนนี้แสดงงานปั้นเกี่ยวกับเอกลักษณ์และสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วโลก
เช่น หอไอเฟล ประตูแบรนเดนเบิร์ก โคลอสเซียม อนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ นักรบทาส (gladiators)
ระบำฟลาเมงโก รูปปั้นเด็กฉี่ โรงละครโอเปร่า กำแพงเมืองจีน สุสานจิ๋นซี ฯลฯ

เราใช้เวลาอยู่ในปราสาททรายเกือบๆ 1 ชั่วโมง เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปมุมนั้น
ลองปั้นทรายที่มุมนี้ จนความหิวเดินทางมาเยือนอีกรอบ
คราวนี้คงไม่ปล่อยให้กระเพาะรอนาน เรารีบเดินทางไปยังจุดหมายใหม่ทันที


บ้านใหม่ ตลาดเก่า
"กุยช่าย 2 ไชโป๊ว 2 เต้าหู้ 2 เผือก 2 หน่อไม้ 2 น้ำซุป 2 ด่วนจ้า" สิ้นเสียงสั่งการ บริกรในร้านก็กระวีกระวาด
จัดเตรียมน้ำอัญชันเย็นๆ ชื่นใจมาดับร้อนให้ลูกค้า เพราะเกรงว่าอาการหิวจัดจะกำเริบจนถึงขั้นอาละวาด

แป้งนุ่มๆ กับไส้ผักหอมๆ จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรโบราณ แล้วตามด้วยน้ำซุปกระดูกหมูร้อนๆ
หวานกลมกล่อมอย่าบอกใคร เดาว่าไม่น่าจะเกิน 2 นาที ที่อาหารเหล่านั้นถูกจัดการอย่างไม่เหลือซาก
เพิ่งเข้าใจคำว่า "พริบตาเดียว" ก็คราวนี้เอง

แปดริ้ว,ฉะเชิงเทรา,ท่องเที่ยว

ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนของการทำความรู้จักกับอาหารที่รับประทานเข้าไป เมนูนี้เรียกว่า ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ
เป็นอาหารสูตรดั้งเดิมของชาวอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่มีขายในตลาดเก่าบ้านใหม่ (งงมั้ย?)

ตลาดบ้านใหม่ เป็นตลาดโบราณ 100 ปี ที่อยู่คู่กับชาวเมืองแปดริ้วมานมนาน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
ด้านหนึ่งติดกับถนนศุภกิจ ส่วนอีกด้านติดแม่น้ำบางปะกง
หากใครแวะนมัสการหลวงพ่อโสธร แล้วจะนั่งเรือท่องเที่ยวมาขึ้นที่ตลาดบ้านใหม่ก็สะดวกไปอีกแบบ

จริงๆ แล้วตลาดบ้านใหม่เคยรุ่งเรืองมากสมัยที่การสัญจรทางน้ำยังอยู่ในความนิยมอันดับ 1
ต่อเมื่อมีการตัดถนน สร้างเส้นทางเดินเท้าใหม่ๆ พาหนะอย่างเรือในน้ำจึงค่อยๆ ถูกลดความสำคัญลง
ฉุดให้บรรยากาศการค้าขายในตลาดบ้านใหม่เงียบเหงาลงไปถนัดตา เราเดินตามตรอกเล็กๆ เข้าไป

ภาพของเรือนแถวไม้โบราณ ที่สร้างติดกัน และอยู่ชิดกับริมน้ำก็ผ่านเข้ามาในมโนทัศน์
ใช่ว่าเราจะย้อนอดีตได้ดังแม่มณีในทวิภพ แต่สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์เหล่านั้นคือ
ความจริงที่ยังปรากฏอยู่ในยุคปัจจุบัน และเสน่ห์ของบ้านโบราณก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้ใครต่อใครพากันมา
รำลึกถึงอดีตที่นี่

"อันนี้อะไร ขายยังไง แล้วอันนั้นเท่าไร เป็นของโบราณหรือเปล่า..."
สารพัดคำถามจากคนเมืองที่แม่ค้าพ่อค้าย่านนั้นต่างคุ้นชิน

"กุ้งโสร่งค่ะ ทำจากกุ้งสับ เห็ดหอม ผสมกันปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วเอาเส้นหมี่เหลืองมาพันรอบๆ
เหมือนนุ่งโสร่งให้มัน แล้วเอาไปทอด กินกับน้ำจิ้มไก่ธรรมดาก็อร่อยแล้ว ซื้อหรือเปล่าคะ 7 ลูก 20 บาท"
แม่ค้าตาหวานร่ายกรรมวิธีการปรุงอย่างละเอียด ก่อนที่เราจะควักเงินจ่ายค่าที่เธอมีน้ำใจเผยสูตรความอร่อย

อยากจะดับคาวด้วยกาแฟโบราณรสกลมกล่อมที่ร้านกาแฟเฮียคุณ แต่พอไปถึงก็พบว่า
มีลูกค้าต่อคิวรอกันยาวเหยียดแล้ว นับๆ ดูน่าจะเกิน 10 เลยเปลี่ยนใจเดินไปที่ร้านกาแฟแป๊ะเอ๊ย
บรรยากาศดีไม่แพ้กัน แต่เหมือนฉายหนังซ้ำ แล้วความอดทนของเราก็ช่างจำกัดจำเขี่ย
ไม่เคยรออะไรนานๆ ได้เลย ว่าแล้วก็ผละจากร้านนั้นไปอีกอย่างนึกเสียดาย

แต่...ความคาวยังไม่ทันหาย ความคาว (ใหม่) ก็เข้ามาแทรกอีก คราวนี้เป็นของกินเล่นชุดใหญ่
ทั้งถุงทอง กุยช่าย กุ้งเหยียด ขนมผักกาด ฯลฯ สารพัดความอร่อยที่ขนมาขายกันในตลาดบ้านใหม่
ทำเอากระเพาะโอดครวญกันเลยทีเดียว

เมื่อหนังท้องตึงเต็มที่ ไม่สามารถรับอะไรได้อีกนอกจากน้ำ เราจึงขับรถมุ่งหน้าไปทางอำเภอคลองเขื่อน
เพื่อหาที่นั่งจิบกาแฟสดรสดี ท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวของนาข้าว สวนมะม่วง และสวนหมาก

แปดริ้ว,ฉะเชิงเทรา,ท่องเที่ยว

ดินของเรา วิมานของเรา
ภาพท้องทุ่งเขียวขจีที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ก็สดสวยอิ่มตาจนรู้สึกคล้ายกับว่า
มีใครนำแว่นกรองแสงมาครอบไว้บนเลนส์ตา มากกว่าสีสัน ฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นของธรรมชาติที่หอมประหลาด
เหมือนกลิ่นหลังฝนตกที่คุ้นเคย ฉันเดินตามกลิ่นหอมๆ นั้นไปจนถึงบ้านสวนหลังหนึ่ง

ตุ๊กตาดินเผาหน้าหมูอารมณ์ดีหลายตัววางอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวสด ห่างออกไปคือบ้านดินหลังเล็ก มีโมบาย
น่ารักๆ แขวนอยู่ด้านหน้า แม่ไก่ตัวใหญ่ฟักไข่อยู่ในกองฟาง เต่าดิน 2 ตัวหันหลังให้กัน ที่นี่ "คุ้มวิมานดิน"

"เป็นความฝันของตัวเองมาตั้งนานแล้วว่าอยากมีบ้านสวนเล็กๆ สำหรับชีวิตในบั้นปลาย
มาใช้ชีวิตแบบสงบสุข เรียบง่าย อยู่แบบพอเพียง ก็มาได้ที่ดินที่นี่ประมาณ 8 ไร่ มาแรกๆ ก็ทำเถียงนา
เห็นว่ามีดินเยอะก็เริ่มปั้นดิน จากนั้นก็ชวนชาวบ้านรอบๆ มาทำด้วย"
พรรษา สิงห์โตแก้ว หรือ มด เจ้าของคุ้มวิมานดิน บอก

เพราะเป็นทายาทช่างปั้นตระกูลเก่าแห่งอยุธยา (เครื่องปั้นดินเผาคลองสระบัว)
ทำให้ซึมซับความชอบมาจากงานปั้นของบรรพบุรุษ มด บอกว่า
ด้วยงานที่ทำ (บริษัททัวร์ และบริษัทรับตกแต่งสวน) ทำให้เธอต้องเข้ามาเกี่ยวพันกับงานปั้นดินอย่างเลี่ยงไม่ได้

"ต้องเดินทางไปหาของตกแต่งสวนอยู่เนืองๆ ก็มักจะเห็นแต่งานด่านเกวียน งานเกาะเกร็ดตลอด
เลยรู้สึกว่า อยากทำเอง เราเลยมาลองทำดู รูปแบบของคุ้มวิมานดินจึงไม่เหมือนใคร เพราะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ชาวบ้านทำเองกับมือ เรารู้สึกว่ามันสวยนะงานแฮนด์เมด แล้วอีกอย่างคือ เราได้แบ่งปัน"

อาจไม่ได้สร้างรายได้ให้มากมายถึงขั้นร่ำรวย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ก็ภูมิใจที่ดินในมือของตัวเองขายได้
และทำท่าว่าจะขายดีมากๆ ด้วย

แปดริ้ว,ฉะเชิงเทรา,ท่องเที่ยว

ขาเขียวเย็นๆ เสิร์ฟมาในแก้วขนาดพอเหมาะ เรานั่งจิบชาอยู่ใต้ชายคาของ "กาแฟเจ้าคุ้ม" บ้านดินที่เปิดโล่ง
ลมยามบ่ายอ่อนกำลังลงทุกที ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่รู้สึกร้อนอบอ้าว เพราะต้นไม้เขียวๆ กับน้ำใสๆ ในร่องสวน
ทำให้บรรยากาศโดยรอบเย็นสบาย เย็น สบาย จนเกือบหลับคาเก้าอี้

"เรย์ แมคโดนัลด์ เรียกคุ้มวิมานดินว่า Open Gallery เราว่ามันใช่เลย" มด ปลุกเราจากภวังค์ของความง่วง
ก่อนจะพาเดินผ่านร่องสวนไปยังโรงปั้น ซึ่งมดบอกว่า ที่นี่เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบทำกิจกรรม
นอกจากจะได้ผลงานที่ปั้นเองกลับบ้านแล้ว สองมือที่เปรอะเปื้อนดินอยู่เป็นนานสองนาน
ยังเป็นธรรมชาติบำบัดชิ้นเอกที่หาจากสปาหรูๆ ที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

"ที่นี่มีเส้นทางปั่นจักรยานเป็นวงกลม เป็นถนนลาดยางอย่างดี ขี่ไปทางไหนก็จะมาบรรจบที่เดิมคือ คุ้มวิมานดิน
มีสวนมะม่วง สวนผัก แก้วมังกร สวนหมากขนาดใหญ่ ชาวบ้านที่นี่เขาส่งหมากไปพม่า แล้วก็มีเลี้ยงกุ้ง
ทำเกษตรแบบผสมผสาน อย่างที่นี่เขาจะดังมากเรื่องมะม่วงน้ำดอกไม้
ชาวบ้านมีใบประกาศเกี่ยวกับมะม่วงนี้เป็นปึกๆ แต่ก็แปลกนะที่ไม่ได้รับการโปรโมท

ปลายปีอยากทำเทศกาลดอกไม้สีม่วง เพราะที่นี่มีดอกไม้สีม่วงเยอะ
ต้อยติ่ง เทียนหยด บลูฮาวาย พยับหมอก คือมีเยอะ สีโทนๆ นี้"

ภาษิตเม็กซิโก กล่าวไว้ว่า "มดที่เคลื่อนไหว ทำได้มากกว่าวัวที่ม่อยหลับ"
(an ant on the move dose more than a dozing ox.) อันนี้จริงหรือเปล่าต้องถามเจ้าของที่ชื่อ "มด" อีกที

.......

การเดินทาง
ฉะเชิงเทราอยู่ใกล้กรุงเทพฯ เพียง 85 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้หลายรูปแบบ ทางรถยนต์
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ 4 เส้นทาง คือ

1.จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 304 (กรุงเทพฯ-มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา)

2. จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 34 (บางนา-ตราด)
จากนั้นเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 314 (บางปะกง-ฉะเชิงเทรา)

3.จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 3 (ผ่านสมุทรปราการ-บางปะกง)
จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 314 (บางปะกง-ฉะเชิงเทรา)

4. ใช้เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 314 (บางปะกง-ฉะเชิงเทรา)

สำหรับรถโดยสารประจำทาง มีให้บริการทุกวันทั้งแบบธรรมดาและปรับอากาศ
สามารถเลือกใช้บริการได้ที่สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) สอบถามโทร.0-2936-2852-66 ต่อ 311, 442
หรือบริษัทฉะเชิงเทราขนส่ง จำกัด โทร.0-2936-4041
หรือสะดวกจะไปที่สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) ก็สอบถามที่ โทร.0-2391-8097
ขากลับติดต่อ สถานีขนส่งจังหวัดฉะเชิงเทรา โทร. 0-3851-4482

ส่วนใครที่อยู่ใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปขึ้นคิวรถตู้ที่อยู่ข้างๆ century
ก็สามารถเดินทางมาฉะเชิงเทราได้เหมือนกัน

แต่ที่ง่ายและประหยัดมากกว่านั้นคือ การเดินทางโดยรถไฟ
ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยมีรถไฟไปฉะเชิงเทราทุกวัน วันละ 11 ขบวน
สอบถามรายละเอียด โทร.1690, 0-2220-4334, 0-2220-4444 หรือ สถานีรถไฟฉะเชิงเทรา โทร.0-3851-1007

มาถึงฉะเชิงเทราแล้วจะไปสถานที่ต่างๆ อย่างไร
หากไม่มีรถยนต์ส่วนบุคคลให้ใช้รถสองแถวที่มีบริการมากมาย
คนแปดริ้วใจดี สอบถามได้ว่าควรขึ้นรถสายอะไร บริเวณไหน
หรือถ้ามาหลายคนก็สามารถเหมารถสองแถวไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ ราคาตามแต่ตกลง
ถ้ามาน้อยคนอาจเลือกใช้บริการรถตุ๊กตุ๊ก ราคาก็ตามแต่ตกลงเช่นกัน

คุ้มวิมานดิน เปิดให้บริการเฉพาะวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น.
โทร. 08-1866-8700, 08-7825-1338

ปราสาททราย ดำเนินการก่อสร้างและจัดแสดงโดย บริษัท เอ็ดดูเทนเม้นท์ แพลนเน็ท จำกัด
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.30-18.30 น. โทร. 0-3851-5120

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 โทร. 0-3731-2282, 0-3731-2284

เรื่องโดย : นิภาพร ทับหุ่น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ


Create Date : 11 กรกฎาคม 2552
Last Update : 11 กรกฎาคม 2552 13:57:58 น. 3 comments
Counter : 1975 Pageviews.

 
รายละเอียด ละเอียด จริงๆ ค่ะ
ขอบคุณมาก ๆ เลย



โดย: bettygirl วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:03:10 น.  

 
ไกล้แค่นี้เอง เดี่ยวไว้ไปเที่ยวบ้างดีกว่าครับ


โดย: wheel we go วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:44:35 น.  

 
ขอแปะ link ท่องเที่ยวของเราไว้หน่อยนะคับ

เทศกาลปีใหม่โล้ชิงช้า ปีใหม่ของชนเผ่าอาข่า ทัวร์3วัน2คืน เริ่ม 2,3,4,กันยายน52

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=khundoi&group=3


//www.hilltribeguide.com/autopage/show_page.php?h=1&s_id=3&d_id=4




โดย: guide doi วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:01:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.