จัดบ้านให้สมองดี ตอน “จัดบ้านพัฒนาความจำ”
เชื่อหรือไม่การจัดบ้านเป็นการกระตุ้นให้สมองทำงานได้ดี ไม่เชื่อลองจัดดู "หนูดี" แนะนำเทคนิคการจัดบ้านอย่างฉลาด
ตอนที่แล้วเราคุยกันเรื่องการจัดบ้านให้ดีกับสมอง บนพื้นฐานงานวิจัยของ Caine & Caine’s (1993) กันไปแล้วในเรื่องการไม่ปล่อยบ้านให้รก และการดูแลเรื่องอารมณ์ วันนี้ เรามาดูกันต่อเรื่อง “ความจำ” ซึ่งเป็นเรื่องบาดใจของใครหลายคนกันดีกว่าค่ะ
สมองเรามีระบบความจำสองแบบ เราแบ่งง่ายๆ เป็น “การจำแบบท่องจำ” เช่น เวลาที่เราต้องท่องจำวิชาต่างๆ หรือ จำข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่จำเป็น และ “การจำแบบลงมือทำ” เช่น การขี่จักรยาน การเล่นคอมพิวเตอร์
เมื่อเรารู้ว่า สมองมีการจำอยู่สองแบบ คือ ท่องจำ กับ ลงมือทำ เราจึงต้องจัดมุมของบ้านไว้ให้การจำทั้งสองแบบ เช่น มีมุมสำหรับการท่องจำที่ต้องใช้ความสงบนิ่งและความคิด ไม่ควรมีเสียงรบกวน หรือหากจะมีเสียงเพลงก็ควรต้องเลือกเพลงบรรเลง ควรมีกลิ่นหอม เช่น มีเทียนอโรมา หรือ ใช้พ็อตพู หรือใบเตยแห้ง มะลิแห้งก็ได้ มุมนี้ควรสงบและผ่อนคลายมากที่สุด
ส่วนอีกมุมหนึ่งคือ “การจำแบบลงมือทำ” ก็ควรใช้กับกิจกรรมที่ต้องฝึกซ้อม เช่น การเล่นเปียโน การขี่จักรยาน การเล่นขิม การต่อรถยนต์ กิจกรรมที่สองนี้ต้องใช้พื้นที่กว้างและเสียงมักดัง แต่ก็เป็นความจำอีกประเภทหนึ่งที่สมองต้องการเช่นเดียวกัน
สมองย่อยข้อมูลทั้งภาพรวมและรายละเอียดปลีกย่อยพร้อมกัน คนมักคิดว่าสมองซีกซ้ายและซีกขวาของเราทำงานแยกส่วนกัน แต่สิ่งที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์คือ สมองทั้งสองซีกทำงานสอดประสานกันอยู่ตลอดเวลา ด้วยการสื่อสารผ่านเส้นใยไฟเบอร์ตรงกลางชุดหนึ่งที่ชื่อว่า “คอร์พัส โคลอสซั่ม” สมองจะทั้งเห็นภาพรวมและประมวลผลรายละเอียดปลีกย่อยไปพร้อมกัน ไม่แยกจากกันโดยสิ้นเชิงค่ะ รวมถึงการที่คนชอบเชื่อว่า สมองซีกซ้ายเป็น “นักวิเคราะห์” และสมองซีกขวาเป็น “นักจินตนาการ” ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว มนุษย์เรามีทั้งสองสิ่งอยู่ในตัวตลอดเวลา
แนะนำวิธีจัดบ้าน หากเราเห็นลูกชอบวาดรูป ชอบสีสัน ก็อย่าเพิ่งเหมาว่า ลูกฉันเป็นศิลปิน หรือถ้าเราเห็นลูกช่างซักช่างถามช่างสังเกต ก็อย่าเพิ่งรีบสรุปว่าลูกฉันโตขึ้นเหมาะเป็นนักวิทยาศาสตร์ เราไม่มีวันสรุปได้ง่ายดายเช่นนั้นตั้งแต่ลูกยังอายุน้อยหรอกค่ะ เพราะจริงแล้ววันหนึ่งลูกอาจเลือกเป็นทั้งคู่เลยก็ได้ ดังนั้น หน้าที่ของเราในบ้าน คือ การจัด “เวที” ไว้ให้ลูกแสดงความสามารถทั้งสองด้าน ให้สมกับที่เขามีสมองทั้งสองซีก วันหนึ่งข้างหน้าเมื่อต้องก้าวไปในโลกใบใหญ่ๆ ลูกของเราก็จะได้มีตัวเลือกมากกว่าหนึ่งค่ะ
สมองไม่ได้เรียนรู้เฉพาะด้วยสมองเท่านั้นนะคะ ร่างกายก็ช่วยเรื่องเรียนรู้ได้เช่นกัน การออกกำลังกายเป็นเครื่องบำรุงสมองชั้นดี ทำให้สมองได้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง ทำให้สมองโล่ง คิดได้ดีขึ้น
สมองเรามีน้ำหนักแค่ประมาณ 2% ของร่างกาย แต่ต้องการออกซิเจนไปใช้ถึง 20% ของการหายใจหนึ่งครั้งของเราทีเดียวนะคะ คิดดูก็แล้วกันว่า การนำออกซิเจนขึ้นไปสมองนั้น สำคัญแค่ไหน
ส่วนอาหารก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน สมองต้องการอาหารดีๆ ไปหล่อเลี้ยง โดยจัดกลุ่มง่ายๆ ว่าอาหารสมองคือ อาหารจากพืช + อาหารจากสัตว์
และวิธีรับประทานก็คือ รับประทานอาหารพืช (ข้าวกล้อง ผักใบเขียว เมล็ดถั่ว เต้าหู้ ฯลฯ) ให้มากกว่า อาหารจากสัตว์ ส่วนอาหารกลุ่มที่ต้องระวังคือ “อาหารขยะ” อันประกอบด้วยแป้งขัดขาวและน้ำตาลทรายขาว แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้ทานน้อยที่สุดค่ะ คนมักกังวลว่า กินอาหารอะไรดีถึงบำรุงสมอง แต่หนูดีว่า อะไรก็ไม่สำคัญเท่า กินอาหารสุขภาพครบหมู่ กินให้ตรงเวลา ไม่อดไม่หิวนานเกินไป เท่านั้นก็สุดยอดแล้วค่ะ
พูดถึงเรื่องร่างกายแล้ว ก็ต้องพูดถึงเรื่องห้องครัวอย่างแน่นอน เพราะอาหารคือสิ่งที่เราใช้บำรุงร่างกาย แต่สิ่งหนึ่งที่เราอาจมองข้ามไปก็คือ ทุกครั้งที่เราบำรุงร่างกายเราก็กำลังบำรุงสมองไปด้วยพร้อมกัน
สิ่งที่พ่อแม่เลือกซื้อมาใส่ไว้ในตู้ในครัว จะมีผลกับพฤติกรรมการกินของลูกไปตลอดชีวิต วิธีการเลือกอาหารเข้าครัวของบ้านสมองดี จะประกอบด้วยข้าวซ้อมมือเป็นหลักไว้ก่อน งดใช้น้ำตาลขัดขาวโดยสิ้นเชิง เลี่ยงไปใช้น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง ใช้เกลือทะเลสะอาดที่ผสมไอโอดีน เลือกผักสดสะอาดที่มีอย่างน้อย 5 สีในหนึ่งวันเสมอ รับประทานเนื้อสัตว์ได้ แต่สลับกับเต้าหู้พอสมควร
ส่วนพ่อแม่ เนื่องจากใช้ร่างกายมาหลายสิบปีแล้ว สักเดือนละครั้งควร “ล้างพิษ” เสียหนึ่งวันในสุดสัปดาห์ ด้วยวิธีที่เหมาะกับตัวเอง (ปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ) และถ้าเราทำสิ่งนี้ให้ลูกเห็นจนชินแล้ว เขาจะมีพฤติกรรมการกิน ที่เป็นมิตรกับสมองเขาไปตลอดเวลาที่เหลือในชีวิตค่ะ
ทั้งการฝึกความจำ การออกกำลังกาย และการกินอาหารตามที่สมองต้องการนั้น เป็นเรื่องที่ดีมาก และที่น่าสนุกที่สุดก็คือ เราสามารถเริ่มทำสิ่งเหล่านี้ได้ในบ้านของเราเองค่ะ
โดย : หนูดี วนิษา เรซ ข้อมูลโดย : //www.bangkokbiznews.com ที่มา : //www.dmh.go.th
สารบัญตกแต่งบ้าน และ จัดสวน
Create Date : 10 เมษายน 2554 |
Last Update : 10 เมษายน 2554 19:51:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1904 Pageviews. |
|
|
|
|
|