Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
10 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
จัดบ้านให้สมองดี ตอน “จัดบ้านพัฒนาความจำ”



เชื่อหรือไม่การจัดบ้านเป็นการกระตุ้นให้สมองทำงานได้ดี
ไม่เชื่อลองจัดดู "หนูดี" แนะนำเทคนิคการจัดบ้านอย่างฉลาด

ตอนที่แล้วเราคุยกันเรื่องการจัดบ้านให้ดีกับสมอง บนพื้นฐานงานวิจัยของ Caine & Caine’s (1993)
กันไปแล้วในเรื่องการไม่ปล่อยบ้านให้รก และการดูแลเรื่องอารมณ์
วันนี้ เรามาดูกันต่อเรื่อง “ความจำ” ซึ่งเป็นเรื่องบาดใจของใครหลายคนกันดีกว่าค่ะ

สมองเรามีระบบความจำสองแบบ เราแบ่งง่ายๆ เป็น “การจำแบบท่องจำ
เช่น เวลาที่เราต้องท่องจำวิชาต่างๆ หรือ จำข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่จำเป็น
และ “การจำแบบลงมือทำ” เช่น การขี่จักรยาน การเล่นคอมพิวเตอร์

เมื่อเรารู้ว่า สมองมีการจำอยู่สองแบบ คือ ท่องจำ กับ ลงมือทำ
เราจึงต้องจัดมุมของบ้านไว้ให้การจำทั้งสองแบบ
เช่น มีมุมสำหรับการท่องจำที่ต้องใช้ความสงบนิ่งและความคิด ไม่ควรมีเสียงรบกวน
หรือหากจะมีเสียงเพลงก็ควรต้องเลือกเพลงบรรเลง
ควรมีกลิ่นหอม เช่น มีเทียนอโรมา หรือ ใช้พ็อตพู หรือใบเตยแห้ง มะลิแห้งก็ได้
มุมนี้ควรสงบและผ่อนคลายมากที่สุด

ส่วนอีกมุมหนึ่งคือ “การจำแบบลงมือทำ”
ก็ควรใช้กับกิจกรรมที่ต้องฝึกซ้อม เช่น การเล่นเปียโน การขี่จักรยาน การเล่นขิม การต่อรถยนต์
กิจกรรมที่สองนี้ต้องใช้พื้นที่กว้างและเสียงมักดัง
แต่ก็เป็นความจำอีกประเภทหนึ่งที่สมองต้องการเช่นเดียวกัน

สมองย่อยข้อมูลทั้งภาพรวมและรายละเอียดปลีกย่อยพร้อมกัน
คนมักคิดว่าสมองซีกซ้ายและซีกขวาของเราทำงานแยกส่วนกัน
แต่สิ่งที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์คือ สมองทั้งสองซีกทำงานสอดประสานกันอยู่ตลอดเวลา
ด้วยการสื่อสารผ่านเส้นใยไฟเบอร์ตรงกลางชุดหนึ่งที่ชื่อว่า “คอร์พัส โคลอสซั่ม”
สมองจะทั้งเห็นภาพรวมและประมวลผลรายละเอียดปลีกย่อยไปพร้อมกัน ไม่แยกจากกันโดยสิ้นเชิงค่ะ
รวมถึงการที่คนชอบเชื่อว่า สมองซีกซ้ายเป็น “นักวิเคราะห์” และสมองซีกขวาเป็น “นักจินตนาการ”
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว มนุษย์เรามีทั้งสองสิ่งอยู่ในตัวตลอดเวลา

แนะนำวิธีจัดบ้าน
หากเราเห็นลูกชอบวาดรูป ชอบสีสัน ก็อย่าเพิ่งเหมาว่า ลูกฉันเป็นศิลปิน
หรือถ้าเราเห็นลูกช่างซักช่างถามช่างสังเกต ก็อย่าเพิ่งรีบสรุปว่าลูกฉันโตขึ้นเหมาะเป็นนักวิทยาศาสตร์
เราไม่มีวันสรุปได้ง่ายดายเช่นนั้นตั้งแต่ลูกยังอายุน้อยหรอกค่ะ
เพราะจริงแล้ววันหนึ่งลูกอาจเลือกเป็นทั้งคู่เลยก็ได้
ดังนั้น หน้าที่ของเราในบ้าน คือ การจัด “เวที” ไว้ให้ลูกแสดงความสามารถทั้งสองด้าน
ให้สมกับที่เขามีสมองทั้งสองซีก
วันหนึ่งข้างหน้าเมื่อต้องก้าวไปในโลกใบใหญ่ๆ
ลูกของเราก็จะได้มีตัวเลือกมากกว่าหนึ่งค่ะ

สมองไม่ได้เรียนรู้เฉพาะด้วยสมองเท่านั้นนะคะ ร่างกายก็ช่วยเรื่องเรียนรู้ได้เช่นกัน
การออกกำลังกายเป็นเครื่องบำรุงสมองชั้นดี
ทำให้สมองได้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง ทำให้สมองโล่ง คิดได้ดีขึ้น

สมองเรามีน้ำหนักแค่ประมาณ 2% ของร่างกาย
แต่ต้องการออกซิเจนไปใช้ถึง 20% ของการหายใจหนึ่งครั้งของเราทีเดียวนะคะ
คิดดูก็แล้วกันว่า การนำออกซิเจนขึ้นไปสมองนั้น สำคัญแค่ไหน

ส่วนอาหารก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน สมองต้องการอาหารดีๆ ไปหล่อเลี้ยง
โดยจัดกลุ่มง่ายๆ ว่าอาหารสมองคือ อาหารจากพืช + อาหารจากสัตว์

และวิธีรับประทานก็คือ
รับประทานอาหารพืช (ข้าวกล้อง ผักใบเขียว เมล็ดถั่ว เต้าหู้ ฯลฯ) ให้มากกว่า อาหารจากสัตว์
ส่วนอาหารกลุ่มที่ต้องระวังคือ “อาหารขยะ” อันประกอบด้วยแป้งขัดขาวและน้ำตาลทรายขาว
แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้ทานน้อยที่สุดค่ะ คนมักกังวลว่า กินอาหารอะไรดีถึงบำรุงสมอง
แต่หนูดีว่า อะไรก็ไม่สำคัญเท่า กินอาหารสุขภาพครบหมู่ กินให้ตรงเวลา ไม่อดไม่หิวนานเกินไป
เท่านั้นก็สุดยอดแล้วค่ะ

พูดถึงเรื่องร่างกายแล้ว ก็ต้องพูดถึงเรื่องห้องครัวอย่างแน่นอน เพราะอาหารคือสิ่งที่เราใช้บำรุงร่างกาย
แต่สิ่งหนึ่งที่เราอาจมองข้ามไปก็คือ ทุกครั้งที่เราบำรุงร่างกายเราก็กำลังบำรุงสมองไปด้วยพร้อมกัน

สิ่งที่พ่อแม่เลือกซื้อมาใส่ไว้ในตู้ในครัว จะมีผลกับพฤติกรรมการกินของลูกไปตลอดชีวิต
วิธีการเลือกอาหารเข้าครัวของบ้านสมองดี จะประกอบด้วยข้าวซ้อมมือเป็นหลักไว้ก่อน
งดใช้น้ำตาลขัดขาวโดยสิ้นเชิง เลี่ยงไปใช้น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง
ใช้เกลือทะเลสะอาดที่ผสมไอโอดีน เลือกผักสดสะอาดที่มีอย่างน้อย 5 สีในหนึ่งวันเสมอ
รับประทานเนื้อสัตว์ได้ แต่สลับกับเต้าหู้พอสมควร

ส่วนพ่อแม่ เนื่องจากใช้ร่างกายมาหลายสิบปีแล้ว
สักเดือนละครั้งควร “ล้างพิษ” เสียหนึ่งวันในสุดสัปดาห์
ด้วยวิธีที่เหมาะกับตัวเอง (ปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ)
และถ้าเราทำสิ่งนี้ให้ลูกเห็นจนชินแล้ว
เขาจะมีพฤติกรรมการกิน ที่เป็นมิตรกับสมองเขาไปตลอดเวลาที่เหลือในชีวิตค่ะ


ทั้งการฝึกความจำ การออกกำลังกาย และการกินอาหารตามที่สมองต้องการนั้น เป็นเรื่องที่ดีมาก
และที่น่าสนุกที่สุดก็คือ เราสามารถเริ่มทำสิ่งเหล่านี้ได้ในบ้านของเราเองค่ะ


โดย : หนูดี วนิษา เรซ
ข้อมูลโดย : //www.bangkokbiznews.com
ที่มา : //www.dmh.go.th


สารบัญตกแต่งบ้าน และ จัดสวน



Create Date : 10 เมษายน 2554
Last Update : 10 เมษายน 2554 19:51:08 น. 0 comments
Counter : 1904 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.