Bloggang.com : ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง : ตกแต่งบ้านไม่ให้เสียเศษ

ตกแต่งบ้านไม่ให้เสียเศษ

ความท้าทายของการตกแต่งบ้าน
ไม่ได้มีแค่เพียงการเนรมิต “วิมานในฝัน” ให้ออกมาสวยหรู ดูดี มีรสนิยมเท่านั้น
แต่การตกแต่งบ้านเป็นงานศิลปะที่ต้องอาศัยความคิดเชิงสร้างสรรค์
และไอเดียค่อนข้างสูงกว่างานศิลปะประเภทอื่น

นั่นเป็นเพราะว่าองค์ประกอบและปัจจัยที่ทำให้บ้านออกมาดูดีนั้น
ไม่ได้ใช้แค่เพียงทฤษฎีการออกแบบอย่างเดียว
แต่ยังประกอบไปด้วยความชอบ, ความพึงพอใจ, ความเหมาะสม
ซึ่งทุกรายละเอียดเหล่านี้ต้องใช้ความอดทน ใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อย
รวมถึงการคำนึงถึงคุณค่าของสิ่งที่นำมาใช้ด้วย

จำไว้ว่าสำนึกที่ดีที่ควรจดจำ (นอกจากการสร้างสรรค์งานให้ออกมาดูดีที่สุด)
ก็คือ “ต้องมีสำนึกโดยการออกแบบให้คุ้มค่ากับทุกอย่างที่สูญเสียไปด้วย”
การออกแบบที่คนออกแบบไม่ลงลึกหรือใช้ความคิดเพียงด้านเดียวนั้น
ถึงงานออกมาดูดีแต่มันก็ไม่มีคุณค่าเพียงพอให้จดจำ!

การตกแต่งภายในนั้น
ประกอบไปด้วยรายละเอียดในทุกตารางนิ้ว ที่มีความหมายต่อการเลือกใช้วัสดุทุกอย่างเป็นอย่างยิ่ง
จะใช้วัสดุอย่างไรไม่ก่อให้เกิด “เศษเหลือ” (หรือพูดให้ง่ายๆ ขึ้นก็คือ “ขยะ” นั่นเอง)
เพราะทุกอย่างล้วนเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น ก่อนจะลงมือตกแต่งจึงควรมีการวางแผนเป็นขั้นๆ คือ

“ถึงจะออกแบบไม่ให้เสียเศษแต่ก็ต้องครบตามจุดประสงค์ด้วย”
แน่นอนว่านี่คือความจริงที่สุดเพราะถ้าออกแบบแบบมัธยัสถ์สุดๆ
(อันผิดจุดประสงค์ของการไม่ให้เสียเศษไปนิดๆ)
แต่บ้านที่ออกมาไม่โดนใจหรือไม่เป็นไปดั่งที่คิดไว้แต่แรก
มันก็ถือว่าเป็นความล้มเหลวของการแต่งบ้านอยู่ดี!

วิธีง่าย ๆ เพื่อไม่ให้พลาดก็คือ
การกำหนดวัสดุอุปกรณ์ กำหนดขนาดตามความเป็นจริงในสเกลที่ละเอียดที่สุด
สามารถจัดประมูลได้โดยราคาไม่ตกหล่น คุมงบประมาณไม่ให้บานปลายได้
โดยใช้วิธีการตีราคาจากแบบออกมาด้วยความยุติธรรม
ไม่มีการตีเผื่อเอาไว้เพราะรายละเอียดในแบบไม่ชัดเจน

“การใช้พื้นที่ที่ไม่เสียเศษ บ้านต้องไม่เกิดที่ว่างที่ไม่สามารถใช้งานได้เลย”
พูดง่ายๆ ก็คือบ้านในทุกมุม ทุกพื้นที่ต้องใช้งานได้เป็นอย่างดี
ไม่ปล่อยให้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในบ้านถูกปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ได้ใช้งานหรือปิดตายเอาไว้
จุดที่ต้องใส่ใจพิเศษคือมุมอับ การเข้าขอบ การเว้าของผนังและการยกสเต็ปของพื้นที่ไร้เหตุผล เป็นต้น

“เข้าใจในธรรมชาติของวัสดุทุกประเภท” นี่คือหัวใจสำคัญของการใช้วัสดุตกแต่งบ้านให้คุ้มค่าที่สุด
เพราะเมื่อเราเข้าใจถึงธรรมชาติของวัสดุทุกประเภท เข้าใจถึงขนาดสัดส่วนที่ผลิตออกมาในตลาด
เราก็สามารถนำมาคิด นำมาคำนวณว่าจะต้องใช้ในปริมาณเท่าไหร่
ในพื้นที่เท่านี้ต้องใช้ปริมาณขนาดไหน เป็นต้น

ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือลักษณะของการปูกระเบื้องและหิน
ถ้าเราคำนวณออกมาไม่ดีหรือไม่รู้ว่า วัสดุที่จะใช้มีขนาดเท่าไหนในตลาดบ้าง
โอกาสที่จะต้องตัดวัสดุทิ้ง เพื่อให้ได้ขนาดพอดีกับพื้นที่ห้องก็มีสูง
...และนั่นก็คือการเสียเศษโดยใช่เหตุด้วย

ส่วนการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการสิ้นเปลืองนั้น
ควรออกแบบให้พอดีกับขนาดไม้อัด
การออกแบบผนังก็ต้องคำนึงถึงหน้ากว้างของวอลเปเปอร์
การเลือกใช้กระจกก็ต้องให้ตัดเศษออกให้น้อยที่สุด เป็นต้น
นั่นก็คือเราจะต้องออกแบบทุกอย่างในบ้านให้ลงตัวกับขนาดของวัสดุ
และอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานผลิต

แค่นั้นยังไม่พอ เราต้องเข้าใจถึงกระบวนการการจบงาน การต่อชิ้นงาน การเข้าขอบ เข้ามุม
เข้าฉากในการประกอบวัสดุต่างๆ รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ด้วย
จำไว้ว่าทุกระยะที่เกิดขึ้นภายในบ้าน จะต้องคิดไปพร้อมกับความเข้าใจในเรื่องขนาด วิธีการผลิต
วิธีการติดตั้ง ไปจนถึงการกำหนดรูปแบบไปพร้อมๆ กันด้วย

“ลดปริมาณขยะลง” วัสดุต่างๆ ที่เราใช้นั้น
เอาเข้าจริงๆ สุดท้ายมันก็เหลือเศษและกลายเป็นขยะในที่สุด ซึ่งเราควรจะทำให้มันเหลือน้อยที่สุด
นอกจากจะไม่เปลืองแล้ว ในทางอ้อมปริมาณการขนขยะก็ลดน้อยลง ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ
ไปจนถึงเป็นการลดโอกาสเกิดลุกลามของไฟเพราะขยะเหล่านั้นด้วย

“คุมงบประมาณไว้ให้ใช้จ่ายคุ้มค่าที่สุด” เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราบริหารเงินได้ดีขนาดไหน
ด้วยว่าจะคุมการใช้เงินได้ขนาดไหน ซื้อได้คุ้มค่า ใช้ได้คุ้มทุนขนาดไหน
มองในมุมกลับกันถ้างบประมาณที่เรากำหนดมาเกิดเหลือ
เรายังสามารถนำไปหาองค์ประกอบอื่นๆ ของบ้านมาเพิ่มเติมเสริมแต่งได้ด้วย

ที่สำคัญ หลายๆ คนอาจจะมองข้ามความรู้สึกนี้ไป นั่นก็คือถ้าสามารถควบคุมงบประมาณไว้ได้ล่ะก็
เจ้าของบ้านก็จะไม่เสียกำลังใจ รวมไปถึงไม่เสียดายเงินที่ทุ่มไปกับบ้านด้วย
ทำให้ไม่เกิดการ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” กับบ้านหลังนี้ซึ่งอาจจะเป็นบ้านหลังแรกและหลังเดียวด้วย

แต่ปัจจัยทั้งหมดที่ว่าไปข้างต้นนั้นจะไม่สัมฤทธิ์ผลเลยถ้าไม่มีการ “ออกแบบบ้าน” ไว้แต่ต้น
จำไว้นะจ๊ะสำหรับคนที่จะตกแต่งบ้านหลังใหม่
ยุคนี้บ้านที่น่าภาคภูมิใจและควรยกย่องไม่ได้เป็นบ้านที่เริ่ดหรู แพงระยับ
แต่เป็นบ้านที่ไม่ผลาญเงินโดยไร้เหตุผล และสามารถใช้สอยอย่างคุ้มค่าได้ทุกมุมนั่นเอง

ที่มา : //www.homeandi.com
ภาพจาก : //www.fotosearch.com

สารบัญ ตกแต่งบ้าน และ จัดสวน

Create Date : 11 เมษายน 2554

Last Update : 11 เมษายน 2554 21:17:41 น.

0 comments

Counter : 1364 Pageviews.