|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ท้องร่อง ไม้ผล คนรักสวน
เมื่อปลายปีก่อน บ้านและสวนได้จัดโครงการประกวดสวนจัดเองครั้งที่ 4 ในครั้งนั้น คุณมหัณณพ ซิมพิทักษ์ เป็น ผู้หนึ่งที่ผ่านเข้ารอบ 10 สวนสุดท้าย จำได้ว่าสวนแห่งนี้เป็นอีกสวนที่สร้างความประทับใจให้ไม่น้อย แม้เสร็จสิ้นโครงการไปแล้ว หากแต่เจ้าของสวนก็มิได้นิ่งเฉย ยังคงดูแลและหาต้นไม้ใหม่ๆมาเพิ่มให้กับสวน ทำให้สวนนี้ร่มรื่น และยังคงความสมบูรณ์อยู่เสมอ การกลับมาเยือนสวนนี้อีกครั้ง จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านบ้านและสวน
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในย่านที่เรียกได้ว่า เป็นแหล่งปลูกพลูใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ แต่เมื่อความนิยมในการรับประทานหมากพลูเริ่มจางไป บรรยากาศความเป็นท้องร่องสวนจึงค่อย ๆเลือนหายไปในที่สุด หากแต่ยังมีร่องรอยเก่าๆในบริเวณนี้ ที่หลงเหลือไว้เตือนความทรงจำอยู่ไม่ น้อย ไม้ผลหลายต้นในบ้านยืนยันอายุของตนได้เป็นอย่างดี ลิ้นจี่ต้นใหญ่ยังออกลูกสะพรั่งเต็มต้น ส่วนชมพู่ม่าเหมี่ยวก็ขยันออกลูกเสมอ แถมด้วยขนุนที่ยังคงให้ผลใหญ่ไม่แพ้ไม้ผลต้นอื่น ๆ จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าในกรุงเทพฯปลูกลิ้นจี่ได้ด้วยหรือ แต่หากย้อนประวัติกันเข้าจริง ๆ ย่านฝั่งธนบุรีก็เป็นอีกแหล่งที่ผลิตผลไม้ได้มากมายหลายชนิด ไม่แพ้ที่ไหน ๆ แถมยังอร่อยเสียด้วย
คุณมหัณณพและคุณแม่ช่วยกันเล่าถึงความเป็นไปของที่ดินแถบนี้ ให้เราฟังว่า "สมัยก่อนแถวนี้เป็นร่องสวนหมดเลย ปลูกต้นพลูกันเป็นแถว บ้านคุณป้าที่อยู่ติดกัน ยังมีบางส่วนของท้องร่องสวนหลงเหลือให้เห็นอยู่ พอความนิยมในการกินหมากเริ่มน้อยลงก็พลอยเลิกทำสวนไปด้วย จึงถมที่ตรงนี้ขึ้นมา ต้องถมอยู่หลายครั้งเหมือนกันเพราะดินท้องร่องสวนยุบตัวง่าย ใช้ทั้งทรายและดินหลายคันรถ ถมทิ้งไว้หลายปีจึงค่อยสร้างบ้านหลังนี้
"ส่วนไม้ผลที่มีอยู่ก็ปลูกมานานแล้ว โดยเฉพาะลิ้นจี่คงสัก 40-50 ปีได้ ต้นเลยใหญ่ร่มครึ้มอย่างที่เห็น แต่ปีนี้ลิ้นจี่ให้ผลสู้ปีที่แล้วไม่ได้ และออกผลค่อนข้างช้า พอเจออากาศร้อนผลเลยแตก แถมยังเจอฝนเข้าไปอีกก็ร่วงกันใหญ่ เท่าที่สังเกตดูปีเว้นปีผลจะใหญ่เล็กสลับกันไป แต่เราปลูกทานเองในบ้านจึงไม่ได้ดูแลต้นเต็มที่ นี่ก็ถือว่าออกเยอะนะยังมีเหลือแจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน ซึ่งทุกคนชอบกันหมด" เจ้าของบ้านเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
สำหรับสวนเล็กๆแห่งนี้ใช้ พื้นที่บริเวณหน้าบ้านทั้งสองฝั่งถนนทางเข้าบ้าน เน้นปลูกไม้ประดับใบเป็นกลุ่มโดยรอบโคนต้นไม้ ริมรั้ว และขอบแนวทางเดิน มีทั้งเฟิร์น พลูด่าง และเดหลี บนต้นไม้เกาะไม้แขวนรวมทั้งไม้อิงอาศัยผูกไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นเฟิร์นชนิดต่าง ๆ เคราฤษี เดป ทำให้สวนดูชอุ่มจากด้านล่างถึงด้านบน บางจุดเพิ่มความเพลิดเพลินด้วยน้ำไหลรินเบา ๆจากประติมากรรมในสวน และโอ่งน้ำผุดขนาดย่อมในบ่อที่เลี้ยงปลาหางนกยูง มีการวางแนวทางเดินโดยรอบสวนทำให้เข้าถึงทุกจุดได้ง่าย จัดมุมนั่งเล่นโดยใช้โต๊ะและเก้าอี้ไม้เก่า ทำให้ดูกลมกลืนกับสวนร่มรื่นอายุหลายปีแบบนี้
"ต้นไม้ส่วนใหญ่ผมซื้อ จากร้านต้นไม้ทั่วไป บางทีก็ไปจตุจักรบ้าง ปลูกเองมาเรื่อย ๆ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมจะเข้าสวนตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงคอยดูแลต้นไม้ อย่างพลูด่างที่ปลูกอยู่เต็มพื้นสวน ก็ใช้วิธีเด็ดเป็นท่อนมาจิ้มลงดินไป เรื่อย ๆ ผมเป็นคนเห็นต้นไม้โทรมไม่ได้ต้องคอยตัดแต่ง รดน้ำ โดยเฉพาะสวนนี้มีแต่ไม้ใบในร่มทำให้ต้องรดน้ำมากเป็นพิเศษ ปัญหาที่พบคือหญ้าจะตายบ่อย โดยเฉพาะในจุดที่ร่มมาก ๆปลูกหญ้าไม่ได้ต้องใช้วิธีโรยกรวด และปลูกไม้คลุมดินในที่ทนร่มแทน" น้ำเสียงที่เล่าบ่งบอกถึงความรัก ความเอาใจใส่ต้นไม้ทุกต้นในสวน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สวนแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยสีเขียวของใบไม้ที่ชูช่อ ผลิยอดและใบอ่อน ๆ อวดความสะพรั่งอยู่เสมอ
เจ้าของสวนทิ้งท้ายกับเราว่า "จะว่าไปคนที่ใช้สวนบ่อยที่สุดกลับไม่ใช่ผมหรอกครับ กลายเป็นเด็กๆ และหลานๆเข้ามาวิ่งเล่นกันสนุกสนานมาก ญาติพี่น้องก็มากันบ่อยจนคุณแม่หายเหงาไปเลยครับ"
Tips การดูแลสวนป่า
1. พื้นที่เดิมมีการถมที่ โดยใช้ทรายสลับกับดิน หากปลูกต้นไม้ลงไปโดยตรงธาตุอาหารอาจมีไม่เพียงพอในการเจริญเติบโต จึงใช้วิธีใส่ดินผสมลงไปในบริเวณแปลงต้นไม้ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร
2. ในช่วงฤดูฝนโรยปุ๋ยคอกในแปลงต้นไม้ ร่วมกับปุ๋ยละลายช้า ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องคอยใส่บ่อย ๆประมาณ 3 หรือ 6 เดือนครั้ง
3. ตัดแต่งต้นไม้เป็นครั้งคราวโดยเฉพาะใบแห้ง หรือส่วนที่เกิดโรค รวมทั้งหากต้นไม้มีการแตกกอใหม่ และทำให้แปลงปลูกเริ่มแน่นควรตัดแยกออกมา ปลูกในบริเวณอื่น
4. เนื่องจากสวนมีความชื้นสูงเพราะอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างร่ม บริเวณทางเดินและลานอิฐมอญมักเกิดตะไคร่เสมอ จึงควรขัดออกเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันพื้นลื่น
จากถนนทางเข้าบ้าน เมื่อมองเข้าไปในสวนจะรู้สึกว่ามีต้นไม้แน่นทึบ ยามแดดอ่อน ๆตอนเช้าตกกระทบบนใบไม้นานาชนิดจะเกิดสีเขียวอ่อนแก่สลับกันไป ทำให้สวนดูมีมิติน่าสนใจ
กลุ่มต้นไม้บริเวณหน้าบ้านใช้แว่นแก้วและดาดตะกั่วปลูกคลุมดิน เพิ่มสีสันมุมนี้ด้วยสีแดงของหมากผู้หมากเมีย และสีเหลืองทองของการะเกดหนูด่าง
เนื่องจากมุมนี้ล้อมด้วยต้นลิ้นจี่และชมพู่ม่าเหมี่ยว จึงร่มครึ้มไม่สามารถ ปลูกหญ้าได้ เจ้าของเลยปรับเปลี่ยนเป็นลานอิฐมอญวงกลม นอกจากจะเชื่อมต่อพื้นที่ทางเดินกับเก้าอี้นั่งเล่นแล้ว ยังช่วยเพิ่มสีสัน อื่น ๆให้กับสวนที่เขียวครึ้มแห่งนี้
ชิงช้าไม้ในสวน มุมโปรดของหลายคนในบ้าน รองรับด้วยพื้นหินทรายสลับกับกรวดอีกลูกเล่นบนพื้นสวน
เมื่อมองผ่านประติมากรรมหินทรายรูปพระพิฆเนศ ซึ่งเป็นจุดหยุดสายตาในมุมสวน จะเห็นเส้นสีแดงของม่านบาหลีห้อยลงมาเป็นสาย เจ้าของบ้านปลูกให้เลื้อยขึ้นไปบนต้นลิ้นจี่ ทำให้รากห้อยปรกลงมา
บ่อน้ำผุดเล็ก ๆช่วยสร้างความเพลิดเพลินในสวน สังเกตว่าแม้จะใช้ไม้ใบหลายชนิด หากแต่พยายามเลือกให้มีสีสันต่างๆกัน ทำให้สวนไม่ได้มีสีเขียวเพียงอย่างเดียว
รอบทางเดินปลูกไม้คลุมดินตลอดแนว ซ้ายมือคือต้นแก้วที่เริ่มแตกใบน้อยลง เจ้าของบ้านจึงนำไม้แขวน เช่น เคราฤาษี มาเกาะ และปลูกม่านบาหลีให้เลื้อยขึ้นคลุมบดบังกิ่งแห้ง
มุมนั่งเล่นหน้าบ้านเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสวนธรรมชาติแห่งนี้
ไม้ใบในร่มหลายชนิดปลูกรอบโคนต้นไม้ มีทั้งเศรษฐีก้านทอง คล้าเสือโคร่ง ฟิโลเดนดรอน และสาวน้อยประแป้ง
ท้องร่อง ไม้ผล คนรักสวน
เรื่อง : "วรัปศร" ภาพ : ชัยพฤกษ์ โพธิ์แดง เจ้าของ-จัดสวน : คุณมหัณณพ ซิมพิทักษ์ ที่มา : //www.baanlaesuan.com
สารบัญค้น เรื่อง แต่งบ้าน จัดสวน ที่มีในบล็อกค่ะ คลิกที่นี่ค่ะ
Create Date : 07 เมษายน 2553 |
Last Update : 7 เมษายน 2553 14:46:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 7044 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|