Bloggang.com : ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง : 5 บ้านสวยด้วยทิวทัศน์

5 บ้านสวยด้วยทิวทัศน์

Loft ไทยๆ สไตล์นอก
เจ้าของบ้าน คุณฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวณิช

การสร้างบ้านสักหลังหนึ่ง สิ่งแรกที่หลายๆ คนทำก็คือการตัดต้นไม้
แต่ความจริงแล้วต้นไม้ที่มีอยู่ในพื้นที่แต่เดิมนั้น สามารถนำมาปรับรวมกับผังบ้านได้อย่างกลมกลืน
เช่นเดียวกับบ้านสไตล์ Loft หลังนี้
ที่เจ้าของบ้านยื่นโจทย์ข้อแรกแก่สถาปนิกเลยว่า เก็บต้นไม้ที่มีอยู่ด้วยนะ!

“ผมรักและหวงแหนต้นไม้ทุกต้นในพื้นที่นี้
จึงกลายเป็นโจทย์ให้กับสถาปนิก ว่าต้องพยายามเก็บต้นไม้ที่มีอยู่ให้มากที่สุด
คนในบ้านสามารถนั่งและนอนที่ไหนก็ได้ ทุกอย่างต้องเปิดโล่งให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
มองเห็นทัศนียภาพได้โดยรอบ ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมใส่ตัวตนของชาวตะวันออกลงไปด้วย”
คุณฤกษ์ฤทธิ์ว่า

ความน่าอยู่ของบ้านหลังนี้ก็คือได้ใกล้ชิดกับต้นไม้ รวมทั้งมีทัศนียภาพที่งดงามนั่นเอง
คณะกรรมผู้ทรงคุณวุฒิแห่งนิตยสารบ้านและสวน ให้ความเห็นที่คัดเลือกบ้านหลังนี้
ให้ติด 1 ใน 10 ของปี 2551 ว่า “จังหวะดี, มีสัดส่วน เอาวัสดุมาใช้ร่วมกันได้อย่างน่าสนใจ”

สวรรค์บนดิน
เจ้าของบ้าน คุณนิโคลัสและคุณเนตรภัทร เฮเกอร์

บ้านที่มีท้องทุ่งโล่ง ๆ ไกลสุดลูกหูลูกตาน่าจะเป็นบ้านในฝันที่หลายคนอยากจับจองเป็นเจ้าของ
โดยเฉพาะคนในเมือง ที่คงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับบ้านบรรยากาศแบบนี้หรอก
บ้านสวย-ท้องทุ่งกว้าง...นี่มันบ้านที่เราสามารถเห็นได้แค่ในหนังนี่
ถ้าอย่างนั้นคุณนิโคลัสและคุณเนตรภัทรก็คงเป็นพระเอกและนางเอกสินะ

เจ้าของบ้านเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างบ้านหลังนี้ว่า “พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นนากระเทียมเก่า
ตอนแรกยังไม่ได้ทำอะไรจึงปล่อยให้ชาวบ้านทำนากระเทียมไปก่อน
แต่พอสร้างบ้านเสร็จก็ปล่อยพื้นที่รอบบ้านเป็นทุ่งโล่งเฉยๆ แค่ดูแลตัดหญ้าไม่ให้รกเท่านั้น”

วิถีชีวิตแบบชาวทุ่งแสนเรียบง่ายเช่นนี้ล่ะ ที่ขาดหายไปในวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ในเมือง
นี่จึงเป็นบ้านที่น่าอยู่อีกบ้านหนึ่ง บ้านที่ทำให้เจ้าของบ้านดูมีชีวิตแสนสงบสุข
โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของนิตยสารบ้านและสวนให้ความเห็นว่า
“สง่า, เรียบง่าย ดูเป็นชีวิตที่สงบนิ่ง”

บ้านสีเทา
เจ้าของบ้าน คุณนพดล ประเสริฐกุล

แม้ว่าสุเมธแอนด์เดอะปั๋งจะเคยร้องเพลงสุดไพเราะเมื่อหลายปีก่อนว่า “ถึงแม้ทะเลจะไม่มีปลาน้ำจืด...”
แต่ทะเลมีแรงบันดาลใจให้กับทุกคนเสมอๆ (เกี่ยวกันมั้ยนี่?)
เช่นเดียวกับบ้านสีเทาหลังนี้ ที่เจ้าของได้แรงบันดาลใจมาจากทะเลเช่นเดียวกัน...
เพียงแต่ว่ามันเป็นทะเลในฤดูที่หลายๆ คนไม่อยากไป

“สีเทาของบ้านได้แรงบันดาลใจมาจากทะเลตอนหน้ามรสุม ทะเลแบบนั้น...ท้องฟ้าจะเป็นสีเทา
รู้สึกว่าได้อารมณ์และมีพลังงานมาก”
คุณนพดลเจ้าของบ้านเล่าถึงแรงบันดาลใจ ซึ่งเมื่อเขานำสีเทามาใช้กับบ้านแล้ว
ทำให้ “พอถึงตอนเย็นตัวบ้านแทบจะกลืนไปกับท้องฟ้าด้านหลังเลย”

ไม่ใช่แค่สีเทาที่ทำให้สัมผัสกับทิวทัศน์ภายนอกแบบเต็มที่เท่านั้น
การออกแบบภายในก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน

คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของนิตยสารบ้านและสวนให้ความเห็นว่า
“ภายในเปิดโล่ง เลือกวัสดุได้เหมาะสม สามารถมองทะลุเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอก
อีกทั้งยังนำไปใช้เป็นแรงบันดาลใจในการทำ Guest House ได้”

ปลูกต้นไม้แทนความรัก
เจ้าของบ้าน คุณศิริวิทย์ ริ้วบำรุง

นี่คือบ้านที่น่าอยู่ไม่น้อย ด้วยบรรยากาศของบ้านที่ดูโปร่ง โล่ง เย็นสบาย
ซึ่งก็ต้องชมเจ้าของบ้าน ที่รู้จักปรับปรุงบ้านให้เหมาะสมกับความต้องการของ ตนเอง
สามารถใช้เป็นที่พักอาศัยได้อย่างสบายใจ หรือจะใช้สอนศิลปะตามแบบที่เจ้าของบ้านรักก็ลงตัว...

“เมื่อก่อนบ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ พอรื้อออกก็เอาไม้ไปสร้างเรือนไม้แบบเปิดโล่งไม่มีผนัง
และใช้พื้นที่บริเวณนี้เป็นสถานที่สอนศิลปะให้แก่เด็กๆ
ส่วนเรือนท่าน้ำสร้างตามมาทีหลัง เพราะอยากมีที่นั่งมองแม่น้ำและใช้สอนนักเรียนกลุ่มเล็กๆ ได้ด้วย”
คุณศิริวิทย์บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจ

ความน่าอยู่ของบ้านหลังนี้ก็คือ “ความเย็น”
ซึ่งเป็นความเย็นใน 2 มิติตามที่คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากนิตยสารบ้านและสวนให้ความเห็นเอาไว้ว่า
“ขอเรียกว่าบ้านเย็น ที่เรียกว่าเย็นก็เป็นเพราะร่มเงาของต้นไม้
และเย็นเพราะมิตรไมตรีของผู้อยู่อาศัยนั่นเอง”

พิงเขาหิน อิงต้นไม้
เจ้าของบ้าน Mr.Robert Powell & Mrs.Lieve Aerts-Powell

ด้วยทำเลที่ตั้งของบ้านซึ่งดูแคบชัน แต่กลับเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจในการปลูกบ้านสักหลัง
เนื่องจากมีทิวทัศน์โดยรอบที่งดงามนั่นเอง ทั้งท้องฟ้าและทะเลที่แข่งกันส่งสีครามออกมาเย้ายวนตา
นั่นทำให้ Mr. and Mrs. Powell ตัดสินใจสร้างบ้านพักที่ “พิงเขาหินและอิงต้นไม้” ขึ้นมา

“เราคิดทันทีว่าจะสร้างบ้านแสนพิเศษบนเนื้อที่แคบชันนี้
ที่เต็มไปด้วยหมู่หินแกรนิตเรียงราย แทรกตัวอยู่ใต้ร่มมะนาวป่าและไทร
เบื้องหน้าคือทิวทัศน์ท้องฟ้า มหาสมุทรและเกาะต่างๆ ที่มีแนวแผ่นดินใหญ่ทอดตัวอยู่เบื้องหลัง”
ทั้งสองเล่าถึงแรงบันดาลใจ

ความโดดเด่นที่ทำให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านน่าอยู่
ก็คือการได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติในแบบที่ไม่ทำลายธรรมชาติ

โดยคณะกรรมการจากนิตยสารบ้านและสวนให้ความเห็นว่า
“เหมือนได้กลับคืนสู่สามัญ เป็นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ไม่ใช่การทำลาย
แต่เป็นการเสริมเติมแต่งและตามมันไปโดยไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลง”

ข้อมูลโดย : //www.baanlaesuan.com
ที่มา : //www.homeandi.com

สารบัญ ตกแต่งบ้าน และ จัดสวน

Create Date : 14 มิถุนายน 2554

Last Update : 14 มิถุนายน 2554 15:36:21 น.

0 comments

Counter : 4314 Pageviews.