Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
9 เมษายน 2554
 
All Blogs
 

จัดบ้านง่ายๆ ทั้งประหยัดไฟ-ช่วยคลายร้อน



'เดือนเมษายน' เดือนที่ร้อนที่สุดในรอบปีผ่านไปแล้ว หากแต่ความร้อนไม่ได้ผ่านไปด้วย
แต่จะยิ่งทำให้เราร้อนอบอ้าวไม่สบายตัวมากขึ้น เนื่องจากเดือนพฤษภาคมเป็นการเริ่มต้นของฤดูฝน
อากาศจะมีความชื้นสัมพัทธ์สูงทำให้รู้สึกอบอ้าว เมื่อรวมกับอุณหภูมิที่ร้อนอยู่แล้ว
ทำให้ร่างกายของเรา ไม่สามารถระบายความร้อนที่เกิดขึ้นภายในร่างกายออกไปได้
เป็นเหตุให้เรารู้สึกไม่สบายตัว และแม้ว่าการใช้เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อคลายร้อน
จะเป็นทางออกที่คนส่วนใหญ่เลือกปฏิบัติ แต่จริงๆ แล้วยังมีแนวทางอื่นๆ ที่ช่วยคลายร้อนได้
และยังเป็นการประหยัดไฟ เพื่อรับกับวิกฤติน้ำมันแพงได้อีกด้วย

ดร.พัฒนะ รักความสุข อาจารย์ประจำสายวิชาเทคโนโลยีวัสดุ คณะพลังงานและวัสดุ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และนักวิจัยเครือข่ายของบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงาน
และสิ่งแวดล้อม (JGSEE) กล่าวว่า
การที่คนเราจะรู้สึกสบายตัวได้นั้น ประกอบด้วยปัจจัยของอุณหภูมิ ความชื้น
และกระแสลมที่พัดผ่านร่างกาย กระบวนการเผาผลาญอาหาร (Metabolism)

ในร่างกายของคนเราเปรียบเสมือนเครื่องจักรผลิตความร้อนขึ้นภายในตัว
จึงจำเป็นต้องมีการระบายความร้อนออก เพื่อให้อุณหภูมิภายในร่างกายลดลง
การเกิดเหงื่อเป็นกระบวนการระบายความร้อนภายในตัวเรา
หากร่างกายไม่สามารถขับเหงื่อออกจากร่างกายได้ เราจะรู้สึกร้อนอบอ้าวไม่สบายตัว
เช่น เมื่ออากาศมีอุณหภูมิที่สูง ร่างกายจะยิ่งร้อนและขับเหงื่อออกมามาก
แต่หากบริเวณนั้นมีความชื้นสูง ความชื้นจะเป็นตัวสกัดกั้นการขับเหงื่อออกจากร่างกาย
ทำให้เหงื่อไม่สามารถระเหยไปได้ ประเทศไทยในช่วงฤดูร้อนมีอุณหภูมิอากาศและความชื้นสัมพัทธ์สูง
ตามธรรมชาติของประเทศในเขตร้อนชื้น ดังนั้นการสร้างความสบายให้กับร่างกาย
โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศแต่อาศัยกระแสลมให้พัดผ่าน
และนำพาความร้อนออกจากร่างกายไปได้


“การทำให้ตัวเราสบายขึ้นในช่วงที่ทั้งร้อนและอบอ้าวเช่นนี้
ต้องพึ่งพากระแสลมที่จะพัดพาความเย็นสบายมาให้ วิธีการง่ายที่สุดที่จะสัมผัสกับลมเย็นได้
คือการเลือกใส่เสื้อผ้าที่มีความโปร่งสบาย ระบายความร้อนได้ดี ซึ่งอาจจะยังไม่เพียงพอ
อีกแนวทางหนึ่งที่สามารถจะทำได้ คือ การปรับปรุงสภาพของตัวบ้าน
เพื่อเปิดโอกาสให้มีการระบายเข้าออกของลมได้อย่างสะดวก
และระบายความร้อนที่สะสมอยู่ในตัวบ้านออกไป
เริ่มโดยการสังเกตทิศทางของลม ซึ่งลมที่พัดผ่านในช่วงฤดูกาลนี้เป็นลมที่มาจากทิศใต้
จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติการปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในบ้านได้ ดังนี้

1. เปิดช่องหน้าต่าง หรือช่องประตูด้านทิศใต้ และเปิดหน้าต่างหรือประตูด้านตรงข้าม
เพื่อเปิดช่องทางให้ลมสามารถไหลเวียนภายในบ้านได้
จะเป็นการถ่ายเทความร้อนออกไปจากตัวบ้าน และลดความร้อนสะสม

2. ปลูกต้นไม้รอบบริเวณบ้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ ไม้พุ่มเตี้ย หรือหญ้าคลุมดิน
พืชสีเขียวเหล่านี้เมื่อมีการสังเคราะห์แสงจะมีการคายน้ำ ซึ่งจะดูดซับความร้อนและระเหยสู่บรรยากาศ
ทำให้สามารถลดอุณหภูมิรอบบริเวณบ้านได้ เมื่อกระแสลมพัดผ่านจะทำให้เย็นสบายขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
และการปลูกต้นไม้จะช่วยสร้างร่มเงาทำให้แสงแดดกระทบพื้นดิน
ตลอดจนพื้นที่คอนกรีตน้อยลง พื้นที่เหล่านี้มีความสามารถในการดูดซับความร้อน และแผ่ความร้อนได้ดี
ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้รอบๆ บริเวณบ้านมีอุณหภูมิสูงขึ้น

3. การหาอุปกรณ์บังแดด บริเวณหน้าต่างด้านทิศใต้ ทิศตะวันตก หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้
เพื่อบังเงาและไม่ให้แดดสามารถเข้าตัวบ้านได้
หรืออาจทำนั่งร้านปลูกพืชเถ้าไม้เลื้อย ที่จะช่วยเพิ่มความสวยงามและความร่มรื่น ให้กับบ้านได้อีกด้วย

การลดความร้อนสะสมในตัวบ้าน ทำให้ภายในบ้านเย็นขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ
หรืออาจช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้ หากต้องการความเย็นสบายในเวลากลางคืน”

ดร.พัฒนะ ยังกล่าวอีกว่า ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในภาคที่อยู่อาศัยมีสัดส่วนประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์
ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้ภายในประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์
และเป็นที่ทราบกันดีว่าเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ภายในบ้านที่กินไฟมาก
การลดความต้องการในการใช้เครื่องปรับอากาศ จะช่วยให้ทั้งเจ้าของบ้านและประเทศประหยัดเงิน
และพลังงานได้อย่างมาก แต่หากจำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ ก็สามารถประหยัดพลังงานได้
ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เครื่องปรับอากาศ การตั้งอุณหภูมิไว้ประมาณ 27-28 องศาเซลเซียส
พร้อมกับเปิดพัดลมตัวเล็กๆ เบาๆ ส่ายไปมาภายในห้อง ก็สามารถสร้างความสบายได้
และประหยัดพลังงานของเครื่องปรับอากาศได้ถึง 15-20 เปอร์เซ็นต์


ส่วนพัดลมที่เปิดนั้นใช้ไฟฟ้าน้อยมาก ซึ่งโดยทั่วไปต้องการกำลังไฟฟ้าประมาณ 30-80 วัตต์
ขึ้นอยู่กับขนาดและความเร็วของพัดลม ซึ่งน้อยกว่ากำลังไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศมาก
เช่น กรณีเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ขนาด 1 ตัน ความเย็นอาจต้องการกำลังไฟฟ้าสูงถึง 1,100 วัตต์
ดังนั้น การตั้งอุณหภูมิที่ค่าดังกล่าวจะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้อย่างมาก

ที่สำคัญและลืมไม่ได้กับการประหยัดพลังงานของเครื่องปรับอากาศ
ได้แก่ การบำรุงรักษาทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งควรทำอย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน
จะช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 5-10 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นในช่วงหน้าร้อนอย่างนี้ หากต้องการประหยัดไฟ และคลายร้อน
ขอให้เราเริ่มมองหาวิธีปรับปรุงสภาพบ้านให้เหมาะสม และปรับพฤติกรรมการใช้เครื่องปรับอากาศ
ก็จะทำให้เราสบายตัว สบายกระเป๋า พร้อมช่วยชาติประหยัดไฟได้อีกทางหนึ่ง


เรื่องโดย วิญญู วณิชชากร
หมายเหตุ : ข้อมูลจากบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE)
ข้อมูลโดย : //www.bangkokbiznews.com


สารบัญตกแต่งบ้าน และ จัดสวน




 

Create Date : 09 เมษายน 2554
1 comments
Last Update : 9 เมษายน 2554 18:31:34 น.
Counter : 1724 Pageviews.

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: roseapple-poo (roseapple-poo ) 10 เมษายน 2554 11:00:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.