Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
17 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

11 ข้อน่ารู้ สำหรับยางรถยนต์

11 ข้อน่ารู้ สำหรับยางรถยนต์

คำถามคำตอบในส่วนต่อไปนี้ จะช่วยให้ท่านมีความเข้าใจถึงการดูแลรักษายางอย่างถูกวิธี

1. ยางที่ใช้อยู่ควรจะเติมลมกี่ปอนด์ ?
การเติมลมยางให้ได้อัตราที่ถูกต้อง คือสิ่งสำคัญและจำเป็นที่สุดของการดูแลรักษายาง
ยางที่ใช้อยู่ ควรสูบลมให้ได้ตามอัตราสูบลมที่โรงงานผู้ผลิตรถยนต์ได้กำหนดไว้
โดยปกติแล้วอัตราสูบลมที่ถูกต้องและเหมาะสม สำหรับรถแต่ละชนิดที่โรงงานผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้นั้น
จะระบุไว้ในแผ่นโลหะหรือสติ๊กเกอร์ ที่ติดไว้บริเวณสันประตูหรือเสากลางข้างตัวรถ
หรือติดไว้ในช่องเก็บของภายในรถ นอกจากนั้นยังมีระบุไว้ในหนังสือคู่มือการใช้รถอีกด้วย

แต่หากท่านมิได้ใช้ยางขนาดเดียวกันกับยางที่ติดรถมา ท่านควรขอคำแนะนำ
เกี่ยวกับอัตราสูบลมยางที่เหมาะสม จากโรงงานผู้ผลิตรถยนต์หรือร้านจำหน่ายยางที่ได้มาตราฐาน

สำหรับยางอะไหล่ ท่านควรสูบลมไว้ให้มากกว่ามาตราฐาน 3-4 ปอนด์
และลดลงให้กลับสู่อัตราปกติเมื่อนำไปใช้


2. การใช้ลมอ่อนเกินไป จะมีผลอย่างไรต่อยางที่ใช้อยู่ ?
การใช้ยางที่สูบลมไว้ต่ำกว่าอัตราที่เหมาะสมถูกต้อง หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่าลมอ่อนเกินไปนั้น
นับเป็นศัตรูตัวสำคัญต่ออายุการใช้งานของยางทีเดียว อีกทั้งยังจะส่งผลเสียอย่างมากต่อยางที่ใช้อยู่
กล่าวคือในขณะรถวิ่ง ยางจะเกิดความร้อนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมากกว่าที่ควรจะเป็น
ความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักจะลดน้อยลงกว่ามาตราฐาน และสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น


3. ควรตรวจเช็คลมยางเมื่อไร ?
ท่านควรตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอประมาณอาทิตย์ละครั้ง
หรือทุกครั้งก่อนเดินทางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ กล่าวคือวิ่งมาไม่เกิน 1.5–2.0 กิโลเมตร
เพราะขณะที่รถวิ่งนั้น ความดันลมในยางจะเพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
หากท่านทำการตรวจเช็คอัตราลมในขณะนั้นก็จะได้ค่าที่ไม่ถูกต้อง
ดังนั้น จึงควรตรวจเช็คอัตราลมในขณะที่ยางยังเย็นอยู่หรือประมาณ 2-3 ชั่วโมงหลังการใช้งาน

ท่านไม่ควรใช้วิธีสังเกตด้วยตาว่าลมยางของท่านอ่อนเกินไปหรือยัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากยางที่ท่านกำลังใช้อยู่เป็นยางเรเดียล
ท่านควรตรวจเช็คลมโดยให้เกจ์วัดลมที่ได้มาตรฐาน
ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากห้างสรรพสินค้า หรือตามร้านจำหน่ายยางที่ได้มาตราฐาน


4. ทำไมถึงต้องมีการสลับยาง
วัตถุประสงค์หลักของการสลับยาง ก็เพื่อให้ยางทุกเส้นมีการสึกที่เท่ากัน
ดังนั้นท่านควรศึกษาคู่มือการใช้รถเกี่ยวกับคำแนะนำในการสลับยาง
ซึ่งโดยปกติแล้วท่านควรสลับยางทุกๆ 9,000-13,000 กิโลเมตร
หากรถของท่านเป็นรถใหม่ ท่านควรจะสลับยางในทันทีที่ท่านใช้รถครบ 10,000 กิโลเมตรแรก

หากยางเกิดการสึกที่ไม่สม่ำเสมอ
ท่านควรรีบปรึกษากับร้านผู้ชำนาญงาน เพื่อตรวจเช็คศูนย์ล้อ ถ่วงล้อ ตลอดจนระบบช่วงล่างโดยทันที

โรงงานผู้ผลิตรถยนต์มักจะแนะนำให้เติมลมยางล้อหน้า และล้อหลังต่างกัน
ดังนั้นเมื่อสลับยางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ท่านก็ต้องปรับระดับความดันลมของยางล้อหน้า และล้อหลังให้ถูกต้อง


5. ทำไมต้องมีการถ่วงล้อ
หากเกิดการกระจายน้ำหนักไม่ถูกต้องของยางและกะทะล้อ จะก่อให้เกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นขณะที่รถวิ่ง
อันจะมีผลเสียต่ออายุการใช้งานของยาง ระบบช่วงล่างของรถ ตลอดจนความสะดวกสบายในการขับขี่
การถ่วงล้อจะช่วยให้เกิดการกระจายน้ำหนักที่ถูกต้องของยาง และกะทะล้อ
ซึ่งการถ่วงล้อก็สามารถกระทำได้โดยเพิ่มน้ำหนักลงไป ณ จุดใดจุดหนึ่งที่ขอบกะทะล้อ


6. เมื่อไรจึงควรจะถ่วงล้อ
ยางและกะทะล้อ ควรส่งเข้ารับการบริการถ่วงล้อในทันทีที่
เมื่อมีการเปลี่ยนยางใหม่, เมื่อมีการสลับยาง สลับกะทะล้อ, เมื่อนำยางที่ใช้แล้วมาใส่กะทะล้อที่ใช้อยู่,
เมื่อยางแตกและได้รับการปะยางเป็นที่เรียบร้อย,
เมื่อมีการถอดยางออกจากกะทะล้อหรือใส่ยางกลับเข้ากะทะล้อ, เมื่อเกิดการสั่นสะท้านขณะที่รถวิ่ง,
เมื่อเกิดการสึกไม่สม่ำเสมอ ท่านควรส่งรถเข้ารับบริการถ่วงล้อจากร้านยางที่ได้มาตรฐานเท่านั้น


7. การตั้งศูนย์ล้อคืออะไร
การตั้งศูนย์ล้อ คือการทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบังคับเลี้ยว ระบบช่วงล่างล้อและยาง
ทำงานสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง ซึ่งจะทำให้รถวิ่งได้ตรง ไม่ดึงไปทางซ้ายหรือขวา
ระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวของรถนั้น มีชิ้นส่วนต่างๆ มากมายที่มีการเคลื่อนไหวขณะรถวิ่ง
และย่อมจะมีการสึกหรอเกิดขึ้น ซึ่งมีผลทำให้ศูนย์ล้อผิดเพี้ยนไปจากสเป็คที่ถูกต้อง

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับตั้งศูนย์ล้อ เพื่อให้ได้ค่าตามที่กำหนดไว้ในสเป็คของรถ
นอกจากนั้น ศูนย์ล้อยังขึ้นอยู่กับความสูงของตัวรถกับพื้นถนน และการกระจายน้ำหนักลงบนล้อรถด้วย
กล่าวคือ เมื่อรถถูกใช้งานนานขึ้น คอยส์สปริง บุช ลูกยางต่างๆ ก็เริ่มหมดอายุ
ความสูงและการกระจายน้ำหนักของรถก็ผิดไปจากมาตรฐานเดิม
อันจะส่งผลให้ศูนย์ล้อผิดพลาดไปจากสเป็ค

เมื่อใดก็ตามที่ศูนย์ล้อไม่ถูกต้องตามสเป็ค
ล้อรถกับตัวถัง หรือล้อข้างซ้ายกับล้อข้างขวาก็จะไม่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน
จะเป็นผลให้รถวิ่งไม่ตรงหรือเกิดอาการแฉลบ หรือพวงมาลัยดึงไปข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้ยางสึกผิดปกติ


8. ทำไมต้องมีการปรับตั้งศูนย์ล้อ
เพราะการที่รถมีศูนย์ล้อที่ไม่ถูกต้อง นอกจากจะทำให้ยางเกิดการสึกที่ผิดปกติแล้ว
ยังมีผลต่อระบบควบคุมบังคับทิศทางของรถด้วย
ดังนั้น หากรถของท่านที่มีอาการผิดปกติในการควบคุมบังคับทิศทางของรถ
หรือท่านสังเกตเห็นว่ายางที่ใช้อยู่ มีลักษณะสึกที่ไม่สม่ำเสมอหรือผิดปกติ
ก็สามารถบ่งชี้ได้ว่าศูนย์ล้อรถของท่านจำเป็นต้องได้รับการตรวจเช็ค และปรับตั้งศูนย์ล้อแล้ว
และแม้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนี้ แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ท่านจะต้องใช้ในการซื้อยางชุดใหม่ ซ่อมแซมช่วงล่าง
และที่สำคัญคืออันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นต่อทรัพย์สินและชีวิตของท่าน


9. มีคำแนะนำอย่างไร เมื่อต้องการเปลี่ยนยางชุดใหม่
ในการเลือกยางรถยนต์ สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ
ประเภทรถยนต์ รถยนต์หนัก รถยนต์เบา
สมรรถนะความเร็วรถ ความเร็วปกติ ความเร็วสูง
ลักษณะการขับขี่ ขับช้า ขับเร็ว หรือขับเร็วมาก
สภาพพื้นผิวถนน ถนนเรียบ ถนนขรุขระ ถนนทราย
สภาพภูมิอากาศ ร้อน หนาว ฝนตกชุก
ใช้ยางกับกะทะล้อให้ถูกต้องตามที่กำหนดโดยโรงงานผู้ผลิตรถยนต์
และกะทะที่ใช้จะต้องไม่บิดเบี้ยวหรือเป็นสนิม

อย่าเลือกใช้ยางที่มีขนาดเล็กกว่ายางที่ติดรถมา
ทั้งนี้เพราะยางที่มีขนาดเล็กกว่า ย่อมมีประสิทธิภาพในการรับน้ำหนักบรรทุกได้น้อยกว่า
(รวมทั้งน้ำหนักตัวรถด้วย) ฉะนั้น ควรใช้ยางให้ถูกตามขนาดที่กำหนดโดยโรงงานผู้ผลิต
หรือตามคำแนะนำจากร้านจำหน่ายยางที่ชำนาญงานเท่านั้น

ควรใช้ยางชนิดเดียวกัน ดอกเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการขับขี่อย่างเต็มที่
ท่านควรตระหนักว่า ยางต่างชนิดกัน ย่อมมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน
และมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่แตกต่างกันด้วย
อนึ่ง หากท่านมีความจำเป็นต้องใช้ยางที่ต่างชนิดหรือดอกยางต่างกัน
ก็ควรจะใช้ยางชนิดหรือดอกเดียวกันในเพลาเดียวกัน

หากท่านมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยางต่างขนาดกัน ให้ใช้ยางที่มีซีรีส์เท่ากันในเพลาเดียวกัน
และให้ใช้ยางซีรีส์ต่ำกว่าเป็นยางหลัง ส่วนยางซีรีส์สูงกว่าเป็นยางหน้า

เมื่อท่านเปลี่ยนยางใหม่แล้ว ท่านควรขับรถด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้ชินกับยางชุดใหม่เสียก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่เบรครถ เร่งความเร็วรถ เข้าโค้ง หรือใช้รถขณะฝนตก
ทั้งนี้เพราะยางชุดใหม่ อาจให้ความรู้สึกที่ผิดไปจากยางชุดเก่าที่ท่านเคยใช้

ข้อควรระวังเกี่ยวกับความปลอดภัย
การถอดหรือใส่ยางเข้ากะทะล้อ ควรกระทำโดยผู้ชำนาญงานเท่านั้น

มิฉะนั้นอาจเกิดความเสียหายและอันตรายขณะถอดใส่ได้


10. จะทำอย่างไรเมื่อรถเกิดอาการสั่นสะท้าน
อาการสั่นสะท้านย่อมแสดงว่า มีสิ่งผิดปกติกับรถที่ใช้อยู่และควรได้รับการแก้ไขโดยทันที
มิฉะนั้นจะส่งผลเสียต่อยางที่ใช้ระบบช่วงล่าง ตลอดจนระบบพวงมาลัย
เมื่อเกิดอาการสั่นสะท้านขึ้น ท่านควรตรวจเช็คการสึกของยาง
เพราะลักษณะการสึกจะทำให้ท่านพอทราบถึงสาเหตุของการสั่นสะท้าน และวิธีการป้องกัน


11. นิสัยการขับรถมีผลต่อการสึกของยางหรือไม่
นิสัยการขับรถของแต่ละท่าน จะมีผลต่อการสึกของยางก่อนกำหนด
ฉะนั้นเพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถ ท่านควรหลีกเลี่ยงนิสัยการขับต่อไปนี้
ออกรถและหยุดรถอย่างรุนแรง, การหักเลี้ยวอย่างรุนแรง, การขับรถปีนขอบถนน, ขับเบียดฟุตบาท,
การขับโดยไม่หลบหลุม ก้อนหินหรือสิ่งกีดขวาง


ข้อควรปฏิบัติบำรุงรักษายางรถยนต์
1. ตรวจเช็คลมยางทั้ง 4 ล้อ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
2. ควรสูบหรือเติมลมยางมาตรฐานที่ทางโรงงานผู้ผลิตกำหนด (ขณะที่ยางเย็น)
3. การเพิ่มหรือลดลมยางให้มีความสัมพันธ์กับน้ำหนักบรรทุก
4. เมื่อขับรถออกต่างจังหวัดหรือใช้ความเร็วสูง ควรเพิ่มลมยางมากกว่าปกติ 3-5 ปอนด์/ตารางนิ้ว
5. อย่าลดลมยางในขณะที่ฝนตกหรือวิ่งบนถนนเปียก
เพราะอาจจะทำให้การยึดเกาะถนน และประสิทธิภาพการรีดน้ำของดอกยางลดลงด้วย


ที่มา : //www.goodyear.co.th


เรื่องที่เกี่ยวข้อง :
ความสำคัญของดอกยางรถยนต์
สารพันการดูแลยางรถยนต์
มานับอายุขัยของยางกันเถอะ


สารบัญ รู้เรื่องรถ




 

Create Date : 17 มกราคม 2552
0 comments
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 22:09:28 น.
Counter : 1129 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.