"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics

การนอน กับสุขภาพ

การนอน กับสุขภาพ


การนอนคือการพักผ่อน หลังจากที่เราเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่จะนอนอย่างไรไม่ให้เสียสุขภาพ และให้สุขภาพดี ผมได้รวมเกร็ดความรู้ ทั้งข้อห้าม และสิ่งที่ควรทำ ก่อนนอนมาบอกต่อกัน เพื่อสุขภาพที่ดี แข็งแรง อายุยืนยาว กันทั่วหน้าครับ








การอดนอน นอกจากจะทำให้สุขภาพไม่ดี ทำงานไม่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังเสี่ยงตายด้วยโรคหัวใจอีกด้วย (แต่นอนมากไป ก็เสี่ยงตายกับโรคอย่างอื่น)
นักวิจัยมหาวิทยาลัยวอวิคและคอลเลจ ลอนดอนของอังกฤษ ร่วมกันศึกษาพบว่า คนที่อดหลับอดนอน มีโอกาสเสี่ยงที่จะตาย ส่วนใหญ่ด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ มากพอๆกับที่คนนอนมาก ก็เสี่ยงกับอัตราการเสีย ชีวิตด้วยโรคอื่น ที่ไม่ใช่โรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ

ศาสตราจารย์ฟรานเซสโก แคปปัคซิโอ โรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยวอวิค ได้รายงานผลการศึกษาว่า ผู้ที่นอนน้อยลง คืนหนึ่งนอนจาก 7 ชม. เหลือแค่ 5 ชม. เท่านั้น จะเสี่ยงกับอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุขึ้นอีก 1.7 เท่า โดยเฉพาะจากโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเป็น 2 เท่า และผู้ที่นอนนานเกิน 8 ชม.ทุกคืน ก็จะเสี่ยงที่จะตายด้วยโรคส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่โรคหัวใจ และหลอดเลือด มากยิ่งกว่าผู้ที่ใช้เวลานอนตามปกติ

เขาอธิบายว่า ผู้ที่นอนน้อยจะมีปัจจัยเสี่ยงเพราะการมีน้ำหนักเกิน และเป็นโรคเบาหวานแบบที่ 2 บางครั้งบางคราวทำให้เสียชีวิตลงได้ แต่การที่นอนมากก็เกี่ยวพันกับอัตราการ เสี่ยงชีวิต กลับมาต่างออกไป ด้วยเหตุที่ยังไม่อาจหาสาเหตุได้ “บางคนเชื่อว่าอาจจะเป็นเพราะเกี่ยวพันกับความซึมเศร้า หรือไม่ก็เป็นเพราะมีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำต้อย”. การนอนที่เพียงพอ และพอดีๆ จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด








แต่เมื่อคุณจะเข้านอน ควรรู้เรื่องข้อห้ามในการนอนบ้าง เพื่อให้การนอน เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด หรือไม่มีโทษปะปนไปพร้อมกัน เริ่มด้วยกิจกรรมต่างๆก่อนเข้านอน ได้แก่

1.งดออกกำลังกายในตอนเย็นหลังเลิกงาน เป็นความเข้าใจผิดๆ ว่าการเล่นกีฬาหลังเลิกงาน จะทำให้เหนื่อยจนคุณอยากจะนอน คุณเข้าใจผิด เพราะ การออกกำลังกาย ช่วงหัวค่ำจะทำให้ร่างกายสดชื่นตื่นตัวต่างหาก

2.ก่อนนอนอย่าดื่มน้ำมากเกินไป ตั้งแต่เวลา 18 นาฬิกาเป็นต้น ไปจงลดการบริโภคของเหลว แต่ระหว่างวัน ควรดื่มน้ำมากๆ

3.ฝึก ชี่กง(ลมปราณ) ชี่กงเหมาะมากสำหรับสงบ ความคิดและจิตใจ เพื่อขจัดความอ่อนเพลีย ในไม่ช้าคุณจะเรียนรู้ที่จะทำท่าที่ชวนให้ง่วงนอน

4.รับประทานอาหารค่ำ แต่หัวค่ำ ควรหลีกเลี่ยงการเข้านอน ขณะอาหารยังย่อยอยู่ ควรรอให้ผ่านไปสัก 2-3 ชั่วโมงหลังอาหารมื้อนี้ แล้วจึงค่อยเข้านอน

5.เดินย่อยอาหารมื้อค่ำ เป็นการรอเวลาจากข้อ 4 ในการรอเข้านอน ทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น ไม่อึดอัด

6.อย่าเข้านอนเพราะว่า "ถึงเวลานอนแล้ว" แต่จงเชื่อนาฬิกาในตัวคุณเอง โดยสังเกตุจากร่างกาย ที่จะสื่อให้ทราบเมื่อถึงเวลา อย่างเช่น การหาวนอน อาการแสบตา ความรู้สึกประเภท "ลานหมด" หัวจะทิ่มลงท่าเดียว หนังตาเริ่มหย่อน ความรู้สึกว่าจะหลับแล้ว แต่ถ้าคุณพลาดสัญญาณต่างๆเหล่านี้ไปแล้ว คุณจะต้องรอไปอีกอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง กว่าที่จะให้ร่างกายง่วงขึ้นอีกครั้ง เพราะคนเราต่างมีความรู้สึกง่วงนอนต่างกัน ฉะนั้นถ้าง่วงนอนแล้วก็ควรรีบนอนเลย เพื่อจะได้ไม่เกิดอาการนอนไม่หลับ

7.อย่านอนผิดเวลาทุกวัน อย่างถ้าคุณรับประทานอาหารเวลาเดิม ก็แนะนำว่าควรเข้านอนเวลาเดิมเป็นประจำ อย่างเช่น ปกตินอน 4ทุ่ม ก็ขอให้นอน 4 ทุ่มทุกวัน มิฉะนั้นจะเกิดความเสี่ยงที่จะง่วงนอนผิดเวลา

8.การอาบน้ำร้อน การทำเช่นนี้มี ปฏิกริยา กล่อมประสาทให้ง่วงนอน (สำหรับแปดในสิบหน) วิธีการคือ เพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นจาก 35 ถึง 39 องศาเซลเซียส หรือคุณเพียงแต่แช่เท้าในน้ำร้อนก็ได้ ซึ่งจะต่อเนื่องถึงอุณหภูมิของร่างกาย และมีผลผ่อนคลายกลุ่มร่างแหเส้นประสาท เส้นโลหิต หรือ หลอดน้ำเหลือง ให้ปฏิบัติก่อนเข้านอน

9.อย่าใส่นาฬิกาข้อมือนอน เพราะขณะที่นาฬิกาทำงานไปเรื่อยๆ นั้น ล้วนปล่อยพลังงาน ถ้าใส่นาฬิกาข้อมือนอน จะมีผลต่อสุขภาพระยะยาว

10.ไม่ควรนอนหลับไปพร้อมๆ กับโทรศัพท์ หรือวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ๆ ใครที่ชอบใช้มือถือเป็นนาฬิกาปลุกยามเช้า กรุณาเก็บมือถือไว้ห่างๆ เพราะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่าโทรศัพท์มือถือ จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาขณะเปิดเครื่องไว้ และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้ มีผลกับระบบประสาท เพราะฉะนั้น ตอนนอนก็ควรปิดโทรศัพท์มือถือซะดีกว่า

11.อย่าหลับไปพร้อมกับเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้ายังไง ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมด เพราะการหลับทั้งๆที่ เครื่องสำอางยังคาอยู่ที่ผิวหน้า จะทำให้เกิดปัญหาด้านผิวพรรณระยะยาว

12.อย่าใส่ยกทรงนอน (สำหรับสาวๆ เท่านั้น ชายหนุ่มไม่ต้องงง) เพราะนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันพบว่า การใส่ยกทรงนานเกิน12 ชั่วโมง จะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทรวงอกได้ ฉะนั้นก็อย่าใส่ยกทรงนอนเลย








แต่ในภาวะเศรษฐกิจที่ปวดร้าวในปัจจุบัน ถ้าเราเครียดมากๆ บางคนก็อาจมีปัญหานอนไม่หลับ ซึ่งนั่นเป็นอาการหนึ่ง ที่แสดงถึงภาวะจิตใจที่วิตกกังวล ความเครียด และซึมเศร้า ซึ่งถ้าใครได้ประสบปัญหานี้บ่อยๆ และเป็นเวลานาน นับว่าเป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง จึงขอแนะนำข้อควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติเมื่อมีปัญหานอนไม่หลับ ดังนี้

1. ควรทิ้งปัญหาที่วิตกกังวลไว้นอกห้องนอน ไม่นำมาคบคิดอีกก่อนนอน ซึ่งอาจทำได้ยากมาก สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องงาน หรือครอบครัว การบังคับจิต หรือใจไม่ให้คิดนั้น เป็นเรื่องยาก ต้องฝึกและค่อยเป็นค่อยไป หรือต้องใช้ทริกอย่างอื่นช่วย



2. บอกเลิกกิจกรรมทุกอย่าง สามชั่วโมงก่อนนอน ที่คร่ำเคร่งและใช้สติปัญญา หยุดอ่านหนังสือถ้ามันจุดจินตนาการของคุณให้ทำงาน ผลักดันให้ ฝัน หรือใช้ความคิดใคร่ครวญ

3. การจดบันทึกปัญหา หรืองานที่ยังกังวลไว้ในสมุดบันทึก เพื่อรอไว้แก้ไขเมื่อตื่นนอน อาจช่วยคลายความกังวลลงได้ เพราะปัญหานั้นๆ ควรคิดแก้ไข ในเวลาตื่น ไม่ใช่เวลานอน การนอนให้หลับ และมีสมองปลอดโปร่งตอนตื่น จะทำให้เรามีสติคิดแก้ไขปัญหาได้ดีกว่า

4. อย่าคาดหมายล่วงหน้า พยายามอย่านึกคิดล่วงหน้า ถึงการนัดหมาย เพราะว่าความกังวล จะทำให้คุณนอนไม่หลับ

5. ควบคุมการหายใจ ร่างกายเพิ่มการหายใจในระดับทรวงอกเอง หายใจเข้าช้าๆ และลึกๆ โดยใช้ท้องแบบสบายๆ ไม่ต้องฝืน และ ต่อเนื่องกัน จากนั้นหายใจออกแล้วหยุดไว้สองวินาที ก่อนหายใจใหม่อีกครั้ง การหยุดช่วงสั้นๆ ทำให้ระบบประสาทสงบลง ให้ปฏิบัติการหายใจนี้ ในท่านอนเหยียดยาวก่อนนอน

6. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ วิธีนี้ช่วยลดภาวะตึงเครียด สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ การนอนง่าย คือบังคับควบคุมความรู้สึกของสายตาและไม่คิดอะไร ขณะนอนหลับ ระบบสัมผัสทั้ง 5 ของเราจะได้พักผ่อนเต็มที่ เริ่มต้น จากการมอง การรับกลิ่น การรับรส การสัมผัส และสุดท้ายการได้ยิน

7. ผ่อนคลายตัวเองด้วยการหลับตา จินตนาการถึงการอาบน้ำ ฝักบัวเย็นฉ่ำที่ราดรดลงมาจาก ศีรษะแล้วไหลไปตามลำคอ นำพาความเครียดทั้งวัน ที่ผ่านมาให้ไหลไปตามทางน้ำ หรือใช้วิธีหายใจลึกๆ ผสานกับการคิดแต่ในแง่ดี เช่น "ฉันยอมหลับอย่างวางใจ" หรือ "ฉันรู้สึกผ่อนคลาย เต็มที่"

8. การหาว จะช่วยผ่อนคลายได้ และทำให้อยากนอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้ยืดแขนยืดขาด้วย

9. วางมือทั้งสองข้างบนหน้าท้อง ความร้อนจากมือช่วยผ่อนคลาย อวัยวะภายในช่องท้องที่ขวางการไหลเวียนพลังงาน

10. ควรตื่นนอนเป็นเวลา และไม่นอนกลางวัน (เอาแค่งีบก็พอ)

11. ไม่ควรสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์ ชา กาแฟ เมื่อใกล้เวลาเข้านอน

12. ไม่กินอาหารมันมาก หรืออาหารหนักก่อนนอน อย่างน้อย 3 ชั่วโมง

13. ไม่ควรทำสิ่งที่กระตุ้นสมองให้ขบคิด เช่น การเล่นเกมส์ประลองเชาวน์ หรือการถกเถียงกันรุนแรง

14. ไม่ควรชำเลืองมองนาฬิกาข้างเตียงบ่อยๆ

15. รับประทานอาหารที่ช่วยให้นอนหลับง่ายๆ เช่น
15.1 เครื่องดื่มอุ่นๆ ก่อนนอน ประเภทมอลต์สกัด เช่น โอวัลติน หรือ ไมโล
15.2 เครื่องดื่มชาสมุนไพร เช่น แคโมไมล์ ไลม์บลอสซัม วาเลอเรียน
15.3 นมชนิดหวานทำให้หลับได้ง่าย และผลิตภัณฑ์จากนม เพราะน้ำตาลจะช่วยทำให้เซลล์สมองดูดซึมกรดอะมิโน Tryptophan จากกระแสโลหิต ให้เปลี่ยนเป็น Serotonin เพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย ควรเลือกผลิตภัณฑ ์จากนมที่ย่อยได้ง่ายที่สุด อย่างโยเกิร์ต (นมเปรี้ยว) นมข้น และ เนยแข็ง สีขาว ดีกว่าพวกเนยแข็งที่ ไขมันสูง และผ่านการหมักเชื้อ
15.4 อาหารจำพวกแป้ง โดยแป้งมีฤทธิ์คล้ายยาระงับความวิตกกังงล หรือทำให้กลูโคสในกระแสเลือดสูงขึ้น กระตุ้นการหลั่ง Serotonin
15.5 น้ำผึ้ง ซึ่งเคยใช้เป็นยาระงับประสาทอ่อนๆ มานานแล้ว โดยชงผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยในนมอุ่นๆ หรือ ชา สมุนไพร
15.6 แอปเปิ้ล ผักกาดหอม อาหารเหล่า นี้เป็นเพื่อนกับความง่วง เพราะประกอบด้วยสารหลักในตัวยาที่ออกฤทธิ์ วิตามิน และเอ็นไซม์ ที่เป็นสื่อกลางช่วยให้ง่วงเหงาหาวนอน สำหรับอาหารค่ำ ควรเลือกอาหารจำพวก ปลานึ่ง ผักนึ่ง และผลไม้ที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหาร ที่มีไขมัน ผลิตภัณฑ์จากหมูเนื้อ เครื่องเทศ และ เครื่องปรุงรส
15.7 ลดปริมาณอาหาร และ กลูไซด์ (อินทรียสาร ใน คาร์โบไฮเดรต) มื้อค่ำ หลีกเลี่ยง น้ำตาล ของหวานที่หวานจัด น้ำผึ้ง น้ำอัดลม เพราะเสี่ยงที่จะเสริมให้ โลหิต มีปริมาณ กลูโคส ต่ำกว่าปกติในตอนกลางคืน

16. สังเกตสิ่งทำแล้วหลับได้ดี เพื่อจะได้นำมาใช้ใหม่ ในค่ำคืน ที่นอนไม่หลับสักที

17. ปรับปรุงสภาพของห้องนอนให้มีสภาพเหมาะสมกับการนอน ได้แก่
17.1 ลดเสียงรบกวน เสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมต่างๆ จะลดทอนการนอนหลับ ลองหาสำลีอุดหูหรือติดกระจกซ้อนสองชั้น ปูพรมตลอดห้อง ใช้เพดานเก็บเสียง
17.2 ที่นอน เป็นเรื่องสำคัญ ควรเลือกฟูก ขนาดที่นอนที่ใหญ่หน่อย(ถ้าเป็นไปได้) ขนาด 160 คูณ 200 ซ.ม. กว้างกว่าฟูกมาตรฐานขนาด 140 คูณ 190 ซ.ม. หรือไม่ก็ไปหาฟูกแบบอเมริกัน เลือกตามชอบใจว่าจะเป็น คิงไซส์ ขนาด 190 คูณ 200 ซ.ม. หรือ ที่นอนที่ไม่นุ่มจนเกินไป
17.3 ตรวจสอบทิศทาง สำหรับการวาง เตียงนอน คือให้ ศีรษะ หันไปทางทิศเหนือ เท้าหันไปทางทิศใต้ ตามทิศทางของคลื่นแม่เหล็กโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าให้ศีรษะหันไปทางทิศตะวันออก
17.4 สีผนังห้องนอน การใช้สีฟ้ากลางๆ เป็นสีสำหรับ การนอนที่ดีที่สุด
17.5 ลดแสงสว่าง ลดไฟฟ้าในห้องนอนของคุณ หรือปิดตาสักครู่ก่อนดับไฟ จะช่วยให้ร่างกายปรับความสมดุลง่ายขึ้น โดยช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงคือ 2-3 นาที และปฏิบัติกลับกันในตอนเช้า
17.6 ไม่ควรนำต้นไม้ใบเขียวไว้ในห้องนอน เพราะต้นไม้ ที่อยู่ภายในห้องนอนจะมาแย่งออกซิเจนเราหายใจ ถ้าอยากได้ต้นไม้มาตั้งในห้องนอนจริงๆ ก็ควรเป็น ต้นไม้ปลอม จะดีกว่า
17.7 อุณหภูมิภายในห้องนอน ควรให้อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20 ถึง 25 องศาเซลเซียส
17.8 น้ำมันหอม ทำห้องนอนให้เป็นเสมือนสปา มีกลิ่นหอม ช่วยผ่อนคลายความเครียด กังวล








ถ้าทำได้ขนาดนี้ แล้วยังนอนไม่หลับอีก การงีบในตอนกลางวัน ก็อาจช่วยผ่อนคลายปัญหาการนอนลงได้บ้าง ผมเคยมีเพื่อนที่ทำงาน เคยเป็นดาราสาวทางจอแก้วที่ดังพอสมควร เขาทำงานประจำอยู่ เธอจะใช้การงีบในตอนกลางวันช่วยแก้การนอนไม่พอเพียง แต่เธอจะใช้เวลางีบหลังเที่ยง เมื่อหยุดพักกลางวัน พอเที่ยงครึ่งเธอถึงไปทานอาหาร วิธีนี้จะได้กำไร 2 ต่อ ทีเดียว คือได้พักผ่อน และไม่ทำให้อ้วน เมื่อทานอาหารเสร็จก็ขึ้นมาทำงานเลย (ถ้าทานอาหารก่อน แล้วขึ้นมางีบ จะทำให้อ้วนได้) นอกจากนั้นการงีบในตอนกลางวันยังมีผลดีต่อสมองอีกด้วย








นักวิทยาศาสตร์เมืองเบียร์พบคุณประโยชน์ของการงีบหลับกลางวัน แม้แต่ช่วงสั้นๆ เพียงแค่ 6 นาที ก็ช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ ทำคะแนนในการทดสอบความจำได้ดี

วารสาร “เดอะ นิว ไซเอนติสท์” วารสารวิทยาศาสตร์อันมีชื่อเสียง รายงานว่า นักวิจัยของมหาวิทยาลัยดุสเซลดอร์ฟได้ศึกษาเพื่อจะดูว่าจะต้องงีบหลับนานเท่าใด จึงจะทำให้ความจำดีขึ้น และพบว่าเพียงชั่วงีบแผล็บเดียวก็เห็นผล จากการศึกษานับสิบเรื่อง ทำกันเพื่อค้นหาความเกี่ยวพันของการนอนกับความจำ และได้พบหลักฐานอันชัดเจนว่า วัฏจักรการหลับและตื่นตามธรรมชาติเป็นส่วนสำคัญอันหนึ่ง

(อย่างไรก็ดี ศาสตราจารย์จิม ฮอร์น แห่งศูนย์วิจัยการนอน มหาวิทยาลัยลูโบโรของอังกฤษ แสดงความเห็นว่า “แม้ว่าการศึกษาจะน่าสนใจ แต่เขายังไม่เชื่อเท่าใดนักว่า ผลในการบำรุงความจำจะบริสุทธิ์” ความคิดที่ว่า การงีบหลับแค่ 6 นาที ก็ช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ นับว่าแปลกและควรจะฟังหูไว้หู เคยมีทฤษฎีบางอันเห็นว่า ขบวนการเกี่ยวกับความจำของสมองจะเกิดช่วงตอนหลับสนิท ซึ่งมักจะต้องนอนหลับไปแล้วนานไม่ต่ำกว่า 20 นาที)

ดังนั้น การงีบหลับสักครึ่งชั่วโมงในตอนเที่ยง น่าจะได้ประโยชน์ดีที่สุด อย่างน้อย ก็ไม่ทำให้ไปสัปหงกในเวลางานตอนบ่าย จะถูกเจ้านายเพ่งเล็งเอา


TraveLArounD



รวบรวมจาก
หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ , ไทยรัฐ
//www.thairath.co.th/
นพ.จรัสพล รินทระ
//www.clinicneo.co.th/




 

Create Date : 23 เมษายน 2552    
Last Update : 23 เมษายน 2552 17:59:19 น.
Counter : 3157 Pageviews.  

ซดกาแฟจัดประสาทหลอน

ซดกาแฟจัดประสาทหลอน ฤทธิ์คาเฟอีนซ้ำเติมร่างกายให้เครียดจัด


นักวิจัยเมืองน้ำชากล่าวเตือนว่า ผู้ที่กินกาแฟ ชา ช็อกโกแลต หรือเครื่องดื่มเสริมพลัง ที่มีคาเฟอีนมากๆ อาจจะมีอาการประสาทหลอนได้ เห็นผีเห็นสาง หรือแว่วเสียงแปลกๆ

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเดอแฮม กล่าวว่า คอกาแฟที่ดื่มกาแฟต้มหรือชง เกินกว่าวันละ 3 ถ้วย หรือเทียบเท่ากับกาแฟสำเร็จ 7 ถ้วย อาจจะมีโอกาสเกิดประสาทหลอน มากกว่าคนที่ดื่มเพียงวันละถ้วย มากกว่ากันถึง 3 เท่า

หากแต่บรรดานักวิชาการ ต่างพากันคัดค้านว่า การศึกษายังไม่ได้เป็นการพิสูจน์ถึงความเกี่ยวพันที่ไม่เป็นทางการ และได้ย้ำว่า การมีอาการประสาทหลอน ไม่ใช่เครื่องแสดงอาการทางจิตที่แน่ชัด และกล่าวว่าคนทั่วไปที่ต่างก็เคยได้ยินเสียงแปลกๆ ก็มีอยู่มากประมาณร้อยละ 3

ทางหัวหน้าคณะวิจัยนายไซมอน โจนส์ นักศึกษาปริญญาเอก วิชาจิตวิทยา โต้ว่า ครั้งนี้เป็นการศึกษาถึงประสบการณ์ของการมีประสาทหลอน จากสาเหตุต่างๆ อย่างกว้างๆหนแรก อาจกล่าวสรุปได้ว่า กาแฟได้ไปช่วยซ้ำเติมให้ความเครียดของจิตใจ และอารมณ์ให้กลับหนักยิ่งขึ้น


ข่าวจาก : นสพ ไทยรัฐ
//www.thairath.co.th/news.php?section=technology&content=119331




 

Create Date : 25 มีนาคม 2552    
Last Update : 25 มีนาคม 2552 18:19:31 น.
Counter : 676 Pageviews.  

เร่งออกกำลังช่วงวัยอายุ 50 ปี ยืดอายุได้อีก 2 ปี

เร่งออกกำลังช่วงวัยตอนอายุ 50 ปี ยืดอายุออกได้ อีก 2 ปี



คณะนักวิจัยของสวีเดน ได้ความรู้จากการศึกษาจากหนุ่มใหญ่วัย 50 ปี เรือนพันคนว่า คนเราสามารถยืดอายุตัวเองขึ้นอีกได้ หากว่าโหมออกกำลัง เมื่อช่วงย่างเข้าวัยกลางคนให้มากขึ้น ไม่แพ้ผู้ที่เลิกสูบบุหรี่ได้

ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยอัปปศาลายังได้พบด้วยว่า แม้ผู้ที่อยู่ในวัย 50-60 ปี ก็ยังอาจจะมีอายุยืนยาวออกไปได้ พอๆกันกับเพื่อนวัยกลางคนที่ออกกำลังอยู่เป็นประจำ

ผู้เชี่ยวชาญการสาธารณสุขยังกล่าวเสริมด้วยว่า รายงานผลการศึกษาแสดงว่า ไม่มีใคร แก่เกินกับการออกกำลัง และบอกแจ้งว่าขาดการออกกำลังระดับสูง หมายถึงการออกกำลังด้วย การเล่นกีฬาหรือการปลูกต้นไม้ดายหญ้าอย่างคร่ำเคร่ง ในแต่ละอาทิตย์ นานไม่ต่ำกว่า 3 ชม.

รายงานผลการศึกษาพบว่า กลุ่มผู้ที่โหมออกกำลังหนักขึ้น เมื่อตอนช่วงอายุ 50 ปี จะยืดอายุให้ยืนยาว ได้นานกว่าคนที่เอาแต่นั่งๆนอนๆ 2.3 ปี และนานกว่าคนที่ออกกำลังระดับปานกลาง 1.1 ปี


ดังนั้นการออกกำลัง จึงเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่ง ที่ช่วยเสริมให้อายุยืนยาวขึ้นได้ ขนาดคนสูงอายุ ก็ยังยืดได้บ้าง ถ้าเป็นหนุ่มสาวที่สภาพร่างกายยังดี ไม่ทรุดโทรม หรือมีอวัยวะที่เสื่อมสภาพ ก็น่าจะทำให้สามารถยืดอายู ขึ้นไปได้อีกมากทีเดียว เป็น 10 ปี ไม่ใช่แค่ 2-3 ปี เท่านั้น !!!

TraveLArounD



ข่าวจาก : นสพ.ไทยรัฐ
//www.thairath.co.th/news.php?section=technology&content=126827




 

Create Date : 25 มีนาคม 2552    
Last Update : 25 มีนาคม 2552 18:15:31 น.
Counter : 1773 Pageviews.  

กินปลามันๆเป็นประจำ เพื่อป้องกันความจำเสื่อม กับเป็นอัมพาต


กินปลามันๆเป็นประจำ เพื่อป้องกันความจำเสื่อม กับเป็นอัมพาต


นักวิจัยชาติสแกนดิเนเวียแนะนำให้กินปลาทูน่าและปลาที่มีไขมัน จะป้องกันความจำเสื่อม และลดความเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตลงได้

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคุโอเปียว ที่ฟินแลนด์ กล่าวว่า ได้พบในการศึกษาด้วยการตรวจสมองผู้สูงอายุ วัยไม่ต่ำกว่า 65 ปีขึ้นไป 3,660 คน เพื่อดูประโยชน์ของการกินปลาที่มีต่อร่องรอยเนื้อตายบนสมอง พบว่า ผู้ที่กินปลาพวกที่มีกรดไขมันโอเมกา-3 อุดม ที่ย่างหรือปิ้งไม่ใช่ทอด อาทิตย์ละ 3 มื้อ จะลดโอกาสที่จะพบรอยเนื้อตายมากถึงเกือบ ร้อยละ 26 ในขณะที่ผู้ที่กินเพียงอาทิตย์ละหนึ่งหน ก็ลดโอกาสลงได้ร้อยละ 13 เทียบกับคนที่เกลียดปลา หากแต่ว่าผู้ที่กินปลาที่ซึ่งทำให้สุกด้วยการทอด จะไม่ได้คุณประโยชน์ เรื่องนี้อันใดเลย

ปลาที่มีกรดไขมันโอเมกา-3 มักได้แก่ ปลาแซลมอน ซาร์ดีน เฮอริง และอาหารอย่างอื่น เช่น ถั่ววอลนัท มีคุณประโยชน์ในทางป้องกันการอักเสบ และลดโอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจให้น้อยลงด้วย


ข่าวจาก นสพ.ไทยรัฐ
//www.thairath.co.th/news.php?section=technology&content=99681




 

Create Date : 25 มีนาคม 2552    
Last Update : 25 มีนาคม 2552 18:04:03 น.
Counter : 628 Pageviews.  

นั่งสมาธิมีอานุภาพบำบัดโรค

นั่งสมาธิมีอานุภาพบำบัดโรค กดความดันโลหิตให้ ลดลงได้


ข่าวนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่พิสูจน์เรื่องของพุทธศาสนา ว่าเป็นเรื่องอย่างวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่เรื่องของศาสนาและความเชื่อ ที่มักจะมีผู้ไม่รู้ คอยโจมตีว่าศาสนาเป็นเรื่องงมงาย พิสูจน์ไม่ได้ หรือวิทยาศาสตร์ ไม่รับรอง ซึ่งความจริงแล้ว เรื่องของพุทธศาสนา เป็นเรื่องจริง ที่นักวิทยาศาสตร์ ยังคิดสร้างเครื่องมือ ที่จะมาพิสูจน์ไม่ได้มากกว่า


ข่าวที่1 : นั่งสมาธิมีอานุภาพบำบัดโรค กดความดันโลหิตให้ ลดลงได้

นักวิจัยมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ของสหรัฐฯ ศึกษาพบการนั่งสมาธิเป็นคุณกับ ผู้มีอาการความดันโลหิตสูงอย่างมาก ไม่แต่เพียงช่วยให้คลายเครียดลงเท่านั้น หากยังช่วยควบคุมความดันโลหิตได้อีกด้วย โดยไม่เกิดมีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่น และแสลงต่อยาลดความดันโลหิตอย่างใด
คณะนักวิจัยได้มุ่งศึกษาค้นคว้า เพื่อจะนำเอาการนั่งสมาธิ มาใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง รายงานผลการศึกษากล่าวว่า การฝึกนั่งสมาธิมีอานุภาพช่วยให้ความดันโลหิตตัวบนลดลงได้ 4.7 ขีด และความดันตัวล่างลดลงไป 3.2 ขีด
ดร.เจมส์ ดับบลิว แอนเดอสัน ศาสตราจารย์ วิชาอายุรศาสตร์ ผู้เป็นหัวหน้าคณะ บอกหนักแน่นว่า การทำให้ความดันโลหิตลด จะช่วยให้โอกาสที่จะเป็นโรคหลอดโลหิตแดงแข็งลดต่ำลง โดยไม่ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน เหมือนกับการใช้ยาแต่อย่างใด “การเอาการนั่งสมาธิเข้ามาช่วย ก็เท่ากับการใช้ยาลดความดันโลหิตอีกขนานหนึ่งมาเสริม ได้โดยปลอดภัยและไม่ยุ่งยาก”



ข่าวที่ 2 : สหรัฐอเมริกาใช้การเข้าฌานสมาธิ ช่วยชีวิตคนไข้ โรคหัวใจล้มเหลว

นักวิจัยอเมริกัน รู้สึกตื่นเต้นเมื่อค้นพบว่า การเข้าฌานสมาธิ ช่วยให้คนไข้โรคหัวใจล้มเหลว มีอาการทุเลาสบายดีขึ้นได้อย่างประหลาด
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ได้ศึกษากับกลุ่มคนไข้โรคหัวใจล้มเหลวที่เป็นคนผิวสี 23 คน และเลือกเอาจำนวนครึ่งหนึ่ง ให้เข้าฝึกเข้าฌานสมาธิ เป็นเวลา 6 เดือน รายงานผลการศึกษาแจ้งว่า หลังจากนั้นทำการทดสอบโดยให้ออกกำลังเดินกันนาน 6 นาที เปรียบเทียบกัน ปรากฏว่ากลุ่มที่ทำสมาธิอาการทุเลาขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ และไม่ต้องกลับเข้านอนโรงพยาบาลอีกน้อยรายกว่ากันด้วย
หมอโรเบิร์ต ชไนเดอร์ นักวิจัยอาวุโสของมหาวิทยาลัยการจัดการ ที่เมืองแฟรฟิลด์ รัฐไอโอวา กล่าวว่า โรคหัวใจวายเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่อันหนึ่งของสหรัฐฯ “ถ้าหากเราสามารถทำอะไรสักอย่าง โดยที่การแพทย์สมัยใหม่ไม่อาจทำได้ จะเป็นคุณประโยชน์กับวงการแพทย์อย่างใหญ่หลวง”
หมอโรเบิร์ตกล่าวว่า การเข้าฌานสมาธิเป็นสิ่งที่ฝึกได้ง่าย เพียงแต่ปฏิบัติวันละ 2 หน หนละ 15-20 นาทีเท่านั้น โดยการทำจิตให้ว่าง ลืมสิ่งต่างๆไปเสีย ปล่อยใจให้สงบนิ่ง เป็นสภาวะทางด้านสรีรวิทยา ร่างกายตกอยู่ในสภาพพักผ่อนอย่างแท้จริง และซ่อมแซมรักษาตัวเองได้
ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการศึกษาได้กล่าวว่า การเข้าฌานสมาธิ จะช่วยยกคุณภาพชีวิตและความสามารถในการปฏิบัติของคนไข้โรคหัวใจล้มเหลว ขณะนี้กำลังเตรียมจะจัดตั้งศูนย์ศึกษาอิทธิพลของการทำฌานสมาธิ ของคนไข้โรคหัวใจล้มเหลว ขนาดใหญ่ขึ้นอีกหลายแห่ง


แพทย์สมัยใหม่ของฝรั่ง เดี๋ยวนี้ เขาเริ่มยอมรับเรื่องของ “จิต” ที่เป็นเรื่องของ “สมาธิ” มากขึ้น เพราะฝรั่งสนใจศาสนาพุทธมากขึ้น เข้าใจมากขึ้น จึงยอมรับมากขึ้น เมื่อเห็นผลของการทำ สมาธิ ว่ามีผลทางร่างกาย และจิตใจจริงๆ ไม่ใช่เรื่องโม้ หรือ ปาฏิหารย์ อีกต่อไป จึงหันมาศึกษา คันคว้าวิจัย ในเรื่องนี้กันมากขึ้น และไม่ใช่เพื่อจับผิด แต่เพื่อการนำเอาองค์ความรู้ ที่เขาไม่เข้าใจ เข้าไม่ถึง มาใช้ได้อย่างมีประสิทธภาพ และพยายามเรียนรู้ และเข้าใจเรื่องเหล่านี้มากขึ้น นั่นเอง

เราชาวพุทธ แท้ๆ จะยังมัวไปหลงระเริง กับความเชื่อที่ไม่ถูกทิศ ถูกทาง อยู่อีกหรือ

TraveLArounD


ข่าวจาก นสพ.ไทยรัฐ
//www.thairath.co.th/news.php?section=technology&content=82910
//www.thairath.co.th/news.php?section=technology&content=39570




 

Create Date : 25 มีนาคม 2552    
Last Update : 25 มีนาคม 2552 17:59:02 น.
Counter : 890 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.