สวยด้วยน้ำ วันละ 2 ลิตร






























น้ำเปล่า สามารถช่วยให้ผิวพรรณดี สวยสดใส
แต่เป็นปัญหาตรงที่ไม่สามารถบังคับให้ดื่มน้ำมาก ๆ ได้
วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์ มีเคล็ดลับในการดื่มน้ำมาก ๆ มาฝากกัน...



1. เริ่มต้นเช้าวันใหม่ทุก ๆ

วันด้วยน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว โดยวางน้ำดื่มไว้ข้างเตียงก่อนเข้านอน
เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าสามารถดื่มน้ำได้ทันทีช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย
ได้ 



2. พกพาน้ำดื่มไปด้วยทุกที่

ทั้งในรถ ระหว่างการเดินทาง ตอนดูทีวี หรือเวลานั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์
ให้วางขวดน้ำไว้บนโต๊ะทำงาน
เพราะจากการศึกษาพบว่ามีคนจำนวนมากดื่มน้ำน้อยเกินไปเมื่ออยู่ในที่ทำงาน

3. ดื่มน้ำ 1 แก้ว
ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน จะช่วยลดอาการหิว
และควบคุมปริมาณการบริโภคอาหารได้ดี

4.ขณะเล่นกีฬา
ควรเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่ร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
โดยดื่มน้ำก่อนและระหว่างการออกกำลังกาย รวมทั้งหลังจากการออกกำลังกายด้วย
เพื่อชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไประหว่างการออกกำลังกาย



ปริมาณน้ำที่
ร่างกายต้องการไม่ต่ำกว่า 2 ลิตรต่อวัน
โดยที่น้ำนี้อาจไม่ได้มีที่มาจากการดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว
อาจเป็นน้ำในส่วนประกอบของอาหารอื่น ๆ ด้วย
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยการรับประทานของแต่ละคนด้วย



รู้อย่างนี้แล้ว หากต้องการมีสุขภาพที่ดี
และมีผิวพรรณที่สดใน
จึงควรดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการให้เพียงพอทุกวันเป็นประจำ.




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เด
ลินิวส์





Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 เมษายน 2553    
Last Update : 24 เมษายน 2553 16:06:07 น.
Counter : 305 Pageviews.  

เลือก ชุดแต่งงาน แบบไหนที่เป็นคุณ??

























































ผู้หญิงทุกคนเมื่อถึงวัน แต่งงาน wedding
ก็คงต้องการให้ตัวเองดูสวยที่สุด ชุดแต่งงาน คือสิ่งสำคัญสำหรับเธอ ซึ่ง
ชุดแต่งงาน แต่ละชุดก็จะมีรูปทรงแตกต่างกันออกไป ว่าแล้วเราก็ไปดูชุด
แต่งงาน เก๋ๆ รวมถึง เคล็ดลับ เทคนิค การเลือก ชุดแต่งงาน
ให้เหมาะกับตัวเรากันดีกว่า



ผู้หญิงทุกคนเมื่อถึงวันแต่งงานก็คงต้องการให้ตัว
เองดูสวยที่สุด และหนึ่งในความสวยงามก็เกิดจากชุดที่สวมใส่
และชุดแต่งงานแต่ละชุดมีรูปทรงและเหมาะกับรูปร่างต่างกันไป
ลองมาดูนะค่ะว่าชุดแต่งงานมีกี่แบบและเหมาะกับคนรูปร่างอย่างไรบ้าง
































ทรงบอล
กาวน์ ( Ball Gown)


         
โครงสร้างของชุดนี้มีลักษณะรัดรูปช่วงเอวให้เล็ก
โดยเส้นเอวอาจอยู่ที่เอวจริง
หรือตัดเผื่อลงมาอีกนิดก็ได้แต่ถ้าเป็นรูปตัววี จะช่วยให้ลำตัวดูยาวขึ้น
ตัวกระโปรงบานพองฟูรอบตัว

         
ชุดประเภทนี้เหมาะสำหรับเจ้าสาวรูปร่างสูง เอวหนา สะโพกใหญ่
เพราะว่าใส่แล้วจะทำให้ดูมีเอวมากขึ้น































ทรง
ปริ๊นเซส (Princess)

         
โครงสร้างของชุดนี้ มาจากพื้นฐานของทรงเอไลน์ ช่วงบนเข้ารูป
แล้วค่อยบานผายออก ในส่วนกระโปรงบานแบบสุ่ม ไม่จำเป็นต้องพองฟูแบบบอลกาวน์
อาจจะเน้นให้พองเฉพาะช่วงหลังก็ได้

         
ชุดนี้เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่ผอมสูงจะใส่สวยที่สุด
เพราะทรงนี้จะมีช่วงปลายกระโปรงยาวมากเป็นพิเศษ
จึงไม่เหมาะกับเจ้าสาวตัวเล็ก...































ทรงเอ
ไลน์ ( A-line )


         
กระโปรงทรงเอไลน์ เป็นกระโปรงที่บานน้อยๆ ไม่มีจีบรูด
แล้วค่อยๆบานออกตั้งแต่เอว-สะโพกลงไป
ใส่แล้วช่วยพลางส่วนบกพร่องของสะโพกและช่วงขาได้

         
จึงทำให้ทรงนี้เหมาะสำหรับเจ้าสาวทุกรูปร่าง
โดยเฉพาะคุณเจ้าสาวที่ไม่ค่อยสูง ทรงนี้จะช่วยทำให้สวยสง่างามได้ยิ่งขึ้น






































ทรง
เมอร์เมด ( Mermaid )


         
เป็นทรงที่พัฒนามาจากทรง เอไลน์ คือ ตัวเสื้อเข้ารูปแต่จะมีช่วงบานต่ำกว่า
คือเริ่มบานตั้งแต่ปลายนิ้วมือลงไป เป็นชุดที่โชว์ช่วงอก เอว และสะโพก
อย่างชัดเจน

         
เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่งมิฉะนั้นช่วงคิดของกระโปรง
อาจจะทำให้คุณดูเตี้ยลงไปถนัดตา






































ทรงสลิ
ปเดรส ( Slip Dress )

         
เจ้าสาวที่ชอบชุดแนวเรียบและมั่นใจในรูปร่าง
ควรลองสวมชุดที่มีโครงสร้างแบบสลิปเดรส
แนบเนื้อนี้เหมือนกระโปรงชั้นในเต็มตัว

         
เหมาะสำหรับเจ้าสาวแนวโมเดิร์นที่ไม่ชอบความซับซ้อนของตัวชุดมากนักแต่ต้อง
มั่น ใจในรูปร่าง ว่าตัวของคุณเองหุ่นดีสมส่วน
เพราะชุดนี้เน้นรูปร่างชัดเจนมาก







































ทรงเอ็มไพร์ ( Empire )

         
เอ็มไพร์เป็นชุดที่มีทรงลักษณะขอบเอวสูง ซึ่งต่อกระโปรงตั้งแต่ใต้อกลงไป
แล้วปล่อยชายบานเล็กน้อยอาจจะเป็นกระโปรงเข้ารูป หรือเอบานก็ได้

         
ชุดทรงนี้เหมาะสำหรับเจ้าสาวรูปร่างเล็กที่มีหน้าอกน้อย
จะทำให้คุณดูสูงโปร่ง แต่ถ้าอกใหญ่ อาจดูล้นเกิน
เพราะทรงนี้จะทำให้ดูอวบอิ่มขึ้น


































ทรงเชท
( Sheath )


         
ด้วยทรงของชุดที่ตรง และทิ้งตัวลงมาอย่างหลวมๆตั้งแต่ช่วงบน
ทำให้ไม่เน้นรูปร่าง แถมยังช่วยปิดบังปัญหาเรื่องต้นขาได้อย่างมิดชิด
แบบของชุดเป็นทรงตรง ไม่มีขอบเอว และไม่รัดรูปมากนัก
ภาพรวมของชุดแบบนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า และหุ่นของผู้สวมใส่

         
เหมาะกับเจ้าสาวสูงเพรียว ร่างเล็กแต่เจ้าสาวที่สะโพกใหญ่ ควรหลีกเลี่ยง
เพราะใส่แล้วอาจทำให้คุณดูมีหน้าท้องได้






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 23 เมษายน 2553    
Last Update : 23 เมษายน 2553 17:56:22 น.
Counter : 683 Pageviews.  

ผิวสวยก่อนมีรอบเดือน



ผิว
สวยก่อนมีรอบเดือน

ระบบฮอร์โมนในร่างกายเราจะเริ่มเมื่อมีประจำเดือน
เป็นวันแรกจนถึงวันสุดท้าย กินเวลาได้ตั้งแต่ 21-40 วัน วงจรการผลิต(ตก)ไข่
คือ เมื่อเกิดการตกไข่และรอการผสมจนกระทั่งฝ่อไป
จะเกิดขึ้นในช่วงหรือประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน
ช่วงสัปดาห์แรกหลังจากหมดประจำเดือนครั้งสุดท้าย
ฮอร์โมนเอสโทรเจนจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดสิวได้สูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันก่อนมีรอบเดือนจะมีโอกาสมากที่สุดที่จะมีผิวที่มัน
เยิ้มและเป็นสิวค่ะ

สิ่งบ่งบอกถึงปัญหาผิวที่เกิดจากระบบฮอร์โมน คือ
มักมีสิวเกิดขึ้นในช่วงอาทิตย์ก่อนจะมีรอบ
เดือน และมีสิวขึ้นมากบริเวณขากรรไกร คางและคอ
ผิวจะเซ้นส์ซิทีฟมากในระหว่างช่วงอาทิตย์ที่ 4 ของระบบรอบเดือน
ช่วงนี้ควรงดการแว๊กซ์ขนและนวดหน้าอย่างยิ่ง
มักจะมีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอและหรือมีขนขึ้นมากผิดปกติบนใบหน้า
หรือบนร่างกายร่วมกับการเกิดสิว อาการนี้อาจเกิดจากระบบฮอร์โมน

แก้ไขแบบง่ายๆ

  1.
เลือกเคลนเซอร์ทำความสะอาดผิวอย่างฉลาด
เมื่อใดที่ผิวอยู่ในสภาพย่ำแย่มากๆให้เลือกใช้เคลนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ
ช่วยละลายการอุดตันของรูขุมขนอย่างที่มีส่วนผสมของ salicylic acid

   
2. เพิ่มขั้นตอนผลัดผิวที่อ่อนโยนเข้าไปในกิจวัตรประจำวัน ทำอาทิตย์ละ 1-2
ครั้งเป็นประจำ
เพื่อช่วยทำให้เซลล์เสื่อมสภาพที่เข้าไปอุดตันในรูขุมขนและกักเก็บน้ำมัน
ส่วนเกิน (ที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน) หลุดออกมาได้ง่ายขึ้น

    3.
ถึงผิวจะมันก็ไม่ควรมองข้ามขั้นตอนการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์
แต่เลือกชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (oil-free)
และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (noncomedongenic)

   4.
ใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิวที่ได้ผล 

   
โปรแกรมดูแลผิว เพื่อแก้ปัญหาสิวก่อนรอบเดือน


   
ช่วงประจำเดือนมาอาทิตย์ที่ 1

สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็คือ
ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะลดต่ำลงอย่างฉับพลันในระหว่างเดือน
ทำให้ผิวพรรณฟื้นตัวจากอาการสิวเห่อก่อนรอบเดือนและทำให้ผิวดูหมองกว่าที่
เคย

สิ่งที่ควรทำ

     -
การดูแลผิวที่สม่ำเสมอและอ่อนโยนเป็นพิเศษ
เลือกกิจวัตรทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน
ใช้เคลนเซอร์ที่ไม่ทำร้ายผิวมากจนเกินไป
แค่ปลายนิ้วก็เพียงพอแล้วที่จะนวดผิวในขณะทำความสะอาด
ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว อย่างอะโลเวร่าหรือชาเขียว

   
-
บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือมาส์กผลัดผิวเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวจาก
การหลุดลอกและช่วยพลิกฟื้นผิวที่หม่นหมองให้ดูสดใสขึ้น
ทิ้งมาส์กไว้บนผิวหน้าประมาณ 10 นาที เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิว
สำหรับสิวที่เหลืออยู่
ซึ่งมีส่วนผสมของสารที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนอย่าง salicylic acid
หรือมีคุณสมบัติช่วยฆ่าแบคทีเรียอย่าง benzoyl peroxide

    -
ปกปิดสิวที่ยังไม่หายด้วยคอนซีลเลอร์ชนิดไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
ซึ่งมีส่วนผสมช่วยกำราบสิวอย่าง salicylic acid หรือ sulfur 

   อาทิตย์หลังการมีประจำเดือนอาทิตย์ที่ 2


ในช่วงนี้
ระดับฮอร์โมนแอสโทรเจนในร่างกายจะลดต่ำลงอย่างถึงที่สุด
และฮอร์โมนอีกตัวในร่างกายคือโปรเจสเตอโรนพุ่งขึ้นสูง
การที่ระดับฮอร์โมนเกกิดการผันผวนนี้ทำให้ผิวมันและเกิดสิวได้

สิ่งที่ควรทำ
    -
รักษาสภาพผิวและการป้องกันในช่วงนี้ถึงแม้ว่าผิวจะยังดูดีอยู่ก็ไม่ควรปล่อย
ปละละเลยนะคะ ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง และทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางใ
ห้สะอาดหมดจดทุกครั้งหลังแต่งหน้าและก่อนเข้านอน 

  -
ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวชนิดเดิมที่ใช้อาทิตย์แรก
ช่วงนี้เน้นความสะอาดของผิวพรรณ ผลัดผิว
โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดผิวจากสารเคมีที่ช่วยส่งเสริมการผลัดผิวตาม
ธรรมชาติ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ กรดไกลโคลิก
กรดแลคติกหรือกรดซาลิไซลิก นัดทรีทเมนท์ผิวหน้า
เพราะเวลานี้ผิวจะไม่เซ้นส์ซิทีฟมากจึงเป็นช่วงที่เหมาะจะดูแลผิวหน้าด้วย
การนวดหรือทรีทเมนต์ต่างๆ 

  
ช่วงไข่ตก อาทิตย์ที่ 3


ช่วงนี้
จะเป็นช่วงที่ผิวดูดีและเนียนใสที่สุดของเดือน
ต้องขอบคุณการเพิ่มของระดับฮอร์โมนแอสโทรเจน
(เอสโทรเจนช่วยรักษาระดับน้ำมันบนผิว)

สิ่งที่ควรทำ

     -
ใช้ผลิตภัณฑ์กำราบสิวและการผลัดเซลล์ผิว
ช่วงนี้ล่ะควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสิวได้แล้วเป็นประจำทุกวันจน
กระทั่งเริ่มมีประจำเดือน เริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการทำความสะอาดผิว
โดยทำความสะอาดผิวทั้งเช้าและเย็น แต่หากว่ามีผิวที่มันมาก
ให้เพิ่มการใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หลังการล้างหน้าเพื่อทำ
ความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก
(แต่หากว่าผิวแห้งมากๆก็ควรเว้นากรใช้โทนเนอร์)
แล้วลองใช้มาส์กพอกผิวที่ช่วยลดการเกิดสิวสำหรับอาทิตย์นี้

     -
ดูแลผิวช่วงก่อนนอนด้วยผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันการเกิดสิว
เลือกที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก แอซิด ไกลโคลิก แอซิด เพอร์รอกไซด์และที ทรี
ออยล์ ใช้กระดาษซับความมัน ในช่วงอาทิตย์นี้และอาทิตย์ถัดไป
พกพาเอาไว้ติดตัวเพื่อซับเอาน้ำมันออกจากผิว 

   อาทิตย์ช่วงก่อนเริ่มมีประจำเดือน อาทิตย์ที่ 4


ช่วงนี้ระดับฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนยัง
เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ฮอร์โมนเอสโทรเจนตกฮวบลง
ช่วงนี้ล่ะบรรดาสิวทุกรูปแบบจะเร ิ่มปรากฎ ผิวจะมีความมันที่สุด

สิ่งที่ควรทำ
    - อ่อนโยนกับผิวพรรณให้มาก
พยายามหลีกเลี่ยงการเกิดบาดแผลบนผิว เช่นการแว๊กซ์ขน การทำเลเซอร์
การขัดผิวและทรีทเมนต์หน้าแบบต่างๆ
ผู้หญิงหลายคนจะพบว่าการทำทรีทเมนต์ผิวแบบใดก็ตามในช่วงนี้จะรู้สึกเซ้นส์ซิ
ทีฟมาก ดูแลผิวบริเวณที่เป็นสิวทั้งเช้าและเย็น(ก่อนนอน)
ด้วยผลิตภัณฑ์แต้มสิว เพิ่มเข้าไปในขั้นตอนการทำความสะอาดวันละ 2
ครั้งทุกวัน

     - ใช้มาส์กพอกผิวสำหรับสิวอย่างน้อย 2
ครั้งในช่วงอาทิตย์นี้ เพื่อชวดลดการอุดตันรูขุมขน
มองหาส่วนผสมที่จะช่วยทำให้สิวแห้งเร็ว คือ sulfur
อำพรางรอยสิวด้วยเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก แอซิด
แล้วเลือกชนิดที่บอกว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน

     -
ครั้งต่อไปที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า
อย่าลืมดูส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ด้วยนะคะ 


   ขั้นตอนการเกิดสิว!!! (เพื่อความรู้นะจ๊ะ)


1.
เมื่อร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน
มักเกิดขึ้นในช่วงก่อน/หลังมีประจำเดือน
ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวขยายใหญ่ขึ้น

2.
เมื่อต่อมไขมันถูกขยายใหญ่ขึ้น
ซึ่งจริงๆแล้วน้ำมันนี้จะเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติของผิว
แต่เมือ่ถูกผลิตออกมามากเกินไป
ยิ่งซ้ำร้ายหากในขณะที่ทำกลังเดินทางจากต่อมไขมันสู่ปากรูขุมขน
เกิดไปผสมเข้ากับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ในรูขุมขน
ทำให้เกิดการเข้มข้นเป็นพิเศษจึงเกิดการอุดตันรูขุมขน
อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

3. ตามปกติ
เซลล์ที่ตายแล้วในรูขุมขนจะค่อยๆถูกกำจัดออกสู่ปากรูขุมขนโดยน้ำมันหรือ
เหงื่อ
แต่เมื่อฮอร์โมนแอนโดรเจนกระตุ้นให้ต่อมไขมันใหญ่ขึ้นและผลิตน้ำมันออกมามาก
ขึ้น เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนก็จะผลิตและตายเร็วขึ้นด้วย
เมื่อมีเซลล์ที่ตายอยู่มาก ก็จะเกิดการอุดตันในรูขุมขนมากขึ้นเป็นทวีคูณ

4.
เมื่อรูขุมขนเกิดอุดตัน บวกเข้ากับเชื้อแบคทีเรีย
ซึ่งปกติแล้วก็อาศัยอยู่ตามผ ิวหนังและรูขุมขน แต่เมื่อเกิดการอุดตัน
เจ้าเชื้อแบคทีเรียตัวนี้ซึ่งไม่ชอบออกซิเจน
ก็จะแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็วผิดปกติ
จนเกิดเป็นสาเหตุของการอักเสบในรูขุมขนขึ้น

5.
เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นแล้ว
เม็ดเลือดขาวในร่างกายก็จะส่งมาเพื่อฆ่าแบคทีเรียนี้
ตอนนี้นั่งเอาที่ทำให้สิวเกิดเป็นตุ่มแดง บวม เจ็บ
และเกิดเป็นหัวหนองในที่สุด







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 22 เมษายน 2553 23:50:49 น.
Counter : 331 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.