ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

Nissan Slyphy 1.6 Eco Test Drive ขับประหยัดสบายๆ สไตล์ท่องเที่ยว

Nissan Slyphy
เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ Saturday, 17 November, 2012 0:09 AM
800x
Nissan Slyphy 1.6 Eco Test Drive
ขับประหยัดสบายๆ สไตล์ท่องเที่ยว
baในช่วงนี้ การทดสอบรถแบบขับประหยัดกำลังได้รับความนิยมจากค่ายรถยนต์ต่างๆ เพราะแต่ละบริษัทก็ต้องการโชว์ประสิทธิภาพในด้านการประหยัดเชื้อเพลิง เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคในยุคน้ำมันแพง ล่าสุดเป็นคิวของ นิสสัน ที่จัดขับประหยัดบนเส้นทางกรุงเทพฯ - เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ ซิลฟี เครื่องยนต์ 1,600 ซีซี เน้นการขับท่องเที่ยวสบายๆ ระยะทางที่ใช้ในการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 120 กิโลเมตร จำกัดเวลาไว้แบบหลวมๆ และไม่มีข้อห้ามใดๆ ระบุเพียงว่าเติมลมยางหน้า/หลัง 31/33 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

baจุดปล่อยตัวอยู่ที่โชว์รูม นิสสัน บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ บริษัท สยามกลการ เทรดดิ้ง จำกัด เริ่มต้นด้วยการกล่าวต้อนรับสื่อมวลชนโดย คุณชนกนันท์ เตชะภัทรพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และสรุปข้อมูลผลิตภัณฑ์โดย คุณภควัฏ ตาปสนันทน์ Assistant General Manager Commercial Car Product Marketing ซึ่งปัจจุบันดูแลในส่วนของรถยนต์นั่งด้วย นอกจากนี้ได้รับเกียรติจาก คุณกิติสร ปุณณะหิตานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามกลการ เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวต้อนรับสื่อมวลชน
Nissan Slyphy
• คุณชนกนันท์ เตชะภัทรพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวต้อนรับสื่อมวลชน
Nissan Slyphy
• คุณภควัฏ ตาปสนันทน์ สรุปข้อมูลผลิตภัณฑ์
Nissan Slyphy
• คุณกิติสร ปุณณะหิตานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามกลการ เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวต้อนรับสื่อมวลชน
800x
baนิสสัน เชื่อว่าผู้ขับทุกคนสามารถขับรถให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เพียงแต่ต้องเรียนรู้วิธีการขับ ซึ่งไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับให้เหมาะสมกับสภาพการจราจร ก่อนการทดสอบจะเริ่มขึ้นจึงได้เชิญวิศวกรของ นิสสัน มาให้ข้อมูลว่า ต้องขับอย่างไรถึงจะประหยัดเชื้อเพลิง รวมถึงการใช้มาตรวัดอัตราสิ้นเปลือง และมาตรวัดแสดงความประหยัด ที่มีใน นิสสัน ซิลฟี ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

baตอนลงทะเบียนก็เจอกับข่าวร้ายว่างานนี้ผมต้องขับคนเดียว เพราะเพื่อนที่ขับคู่กันติดธุระด่วน ไม่สามารถมาร่วมงานได้ แต่ก็มีทีมประชาสัมพันธ์ คุณวิชาญ ศิลปลิขิตพร มานั่งเป็นเพื่อนพร้อมทำหน้าที่เป็นผู้นำทางให้ด้วย รถที่ใช้ในการทดสอบมีทั้งรุ่นสูงสุด 1.6V และรุ่นรอง 1.6E ก่อนออกเดินทางผู้ขับรถแต่ละคันจะต้องดูแลรถของตัวเองว่า ทีมงานของ นิสสัน ได้เติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้ถึงจุดที่กำหนดหรือยัง โดยในการเติมให้เต็มจะไม่ใช้การเขย่า แต่จะเติมแล้วรอให้น้ำมันยุบตัวลงไป และเติมเพิ่มกระทั่งน้ำมันไม่ยุบตัว จากนั้นจึงให้ คุณกิติสร ปุณณะหิตานนท์ เซ็นชื่อบนสติ๊กเกอร์ที่ปิดทับบนฝาปิดที่เติมน้ำมัน เซ็ต 0 ข้อมูลการขับบนชุดมาตรวัด และลงบันทึกเวลาออกเดินทาง

baการเดินทางช่วงแรกจาก บริษัท สยามกลการ เทรดดิ้ง จำกัด ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ไปยังร้านแม็คโดนัลที่จุดพักรถบนมอเตอร์เวย์ ระยะทางไม่ไกลแค่ 60.5 กิโลเมตร แต่ให้เวลามากถึง 80 นาที เพราะเผื่อสภาพการจราจรที่ติดขัด เนื่องจากไม่ได้ขึ้นทางด่วน ให้ใช้เส้นทางพื้นราบต่อเนื่องมอเตอร์เวย์ โชคดีที่ตอนปล่อยตัวเวลา 9.17 น. รถไม่ติดมาก คำนวณเวลาแล้วน่าจะถึงก่อน 10.37 น. พอสมควร (9.17 น. บวกกับ ?1.20 ชั่วโมง)

baแม้จะไม่ได้บังคับเรื่องการเปิดแอร์ แต่ผมก็ต้องเปิดแค่แผ่วๆ และตั้งอุณหภูมิไว้ค่อนข้างสูง ไม่ใช่เพราะคาดหวังเรื่องความประหยัด แต่เพราะไม่ค่อยสบาย ถ้าเปิดแอร์เย็นมากจะคันคอและไอ แต่ด้วยความเกรงใจพีอาร์ที่นั่งไปด้วย เนื่องจากอากาศค่อนข้างร้อนและรถไม่มีฟิล์ม จึงเปิดพอให้เย็นๆ และปรับช่องแอร์ไปทางอื่น ส่วนผมก็ขับแบบเหงื่อซึมไปตลอดทาง และเนื่องจากบอกว่าขับแบบสบายๆ ผมจึงไม่ได้ขับแบบเน้นประหยัดเต็มที่ แค่ขับด้วยความนุ่มนวล รักษาความเร็วให้คงที่ และไม่คิ๊กดาวน์ แต่ใช้ความเร็วไม่ต่ำมาก 100 - 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Nissan Slyphy
baเมื่อเข้ามอเตอร์เวย์การจราจรค่อนข้างโล่ง สามารถใช้ความเร็วนิ่งๆ ได้ ลองคำนวณอีกครั้งพบว่าด้วยระยะเวลาที่กำหนดกับระยะทางที่เหลือ สามารถขับด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ จึงลองลดวามเร็วลงมาเหลือ 60 - 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พบว่ารถพ่วงหรือรถเทรลเลอร์ซึ่งเป็นรถที่ช้าที่สุดบนถนน ยังพยายามจะแซงรถผมที่วิ่งอยู่เลนซ้ายสุด จะหลบออกไปเลนกลางก็เจอกับรถที่เร็วกว่า สุดท้ายถึงตัดสินใจใช้ความเร็วมากกว่ารถพ่วงเล็กน้อย ประมาณ 80 - 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อมีช่วงที่โล่งจริงๆ จึงลดความเร็วลงเพื่อความประหยัด

baเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT นอกจากมีการทำงานที่นุ่มนวลต่อเนื่องแล้ว ยังมีส่วนช่วยเรื่องความประหยัด ด้วยอัตราทดที่แปรผันต่อเนื่อง และมีช่วงกว้าง ช่วงออกตัวใช้อัตราทดสูงให้การตอบสนองที่ดี และเมื่อใช้ความเร็วนิ่งๆ เกียร์จะปรับอัตราทดให้ต่ำลง โดยที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้รอบแค่ประมาณ 2,100 รอบต่อนาทีเท่านั้น ส่วนการเร่งแซงจะไม่มีช่วงรอบตกเมื่อเปลี่ยนเกียร์ขึ้นสูง ช่วยให้เร่งได้อย่างรวดเร็วและทันใจพอสมควร แม้จะเป็นเครื่องยนต์ขนาดกลางๆ 1,600 ซีซี 116 แรงม้า

baแม้จะพยายามขับแบบดึงๆ แล้ว สุดท้ายก็ยังถึงจุดหมายแรกด้วยเวลาที่เร็วกว่ากำหนดถึง 9 นาที ความเร็วเฉลี่ย 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมือนจะช้าแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเร็วเมื่อเปรียบเทียบกับคันอื่นที่ได้ความเร็วเฉลี่ย 35 - 38 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แน่นอนว่าส่งผลถึงอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในชุดมาตรวัดด้วย คันที่ผมขับได้ 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนคันอื่นเลข 2 นำหน้ากันหมด ทำเอาผมเครียดไปเหมือนกัน เพราะช่วงที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการทดสอบ มีระยะทางให้แก้ตัวเพียง 58.3 กิโลเมตรเท่านั้น แถมสภาพการจราจรแถวนั้นจะค่อนข้างหนาแน่น เพราะรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งกันเยอะ เนื่องจากอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง

baออกจากจุดพักรถในเวลา 11.00 น. เวลาที่กำหนดในช่วงนี้ คือ 1.10 ชั่วโมง ต้องถึงปั๊มที่อยู่ห่างออกไป 58.3 กิโลเมตร ในเวลา 12.10 น. เวลาอยู่ในขั้นหลวมๆ สบายๆ ใช้ความเร็วเฉลี่ย 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็จะถึงปลายทางตามเวลาที่กำหนด แต่ก็ต้องเผื่อรถติดด้วย

baช่วงแรกที่ยังอยู่บนมอเตอร์เวย์ ผมเริ่มขับแบบปั้นตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองบ้าง เมื่อลดความเร็วเดินทางลง อัตราสิ้นเปลืองก็ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง คำนวณแล้วว่ายังไงก็ถึงปลายทางก่อนกำหนดแน่ แต่ก็ไม่สามารถใช้ความเร็วแบบคลานๆ ได้ เนื่องจากรถบรรทุกขนาดใหญ่หลายคัน ต้องใช้ความเร็วในการเร่งส่งรถเพื่อขึ้นเนินชันในบางช่วง จึงต้องใช้ความเร็วเท่าๆ กับรถที่ขับช้าที่สุดบนถนน และก็เป็นไปตามคาด คือ เส้นทางช่วงนี้ไม่สามารถรักษาความเร็วคงที่ได้ เพราะเมื่อรถใหญ่แซงกันเอง ก็ต้องขับตามหลังด้วยความเร็วต่ำมาก เมื่อรถบรรทุกหลบซ้าย ก็ต้องเพิ่มความเร็วเพื่อแซงแล้วหลบเข้าซ้ายด้านหน้ารถบรรทุก เพื่อเปิดทางให้รถด้านหลังที่ขับเร็วกว่าแซงขึ้นไป
Nissan Slyphy
baในรถ นิสสัน ซิลฟี มีมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองแบบ Real-Time ที่มาพร้อมมาตรวัดความประหยัด ถ้าเลี้ยงคันเร่งให้อยู่ในโซนประหยัดได้อย่างต่อเนื่อง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็จะลดลง นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองแบบ Real-Time เปรียบเทียบกับอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย เพื่อดูว่าขณะนั้นอัตราสิ้นเปลือง Real-Time ต่ำกว่าหรือสูงกว่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ถ้าอัตราสิ้นเปลือง Real-Time ต่ำกว่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ก็มีแนวโน้มว่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจะลดลงได้อีก

baในส่วนของมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองแบบ Real-Time มีประโยชน์มากในด้านการปรับน้ำหนักเท้าที่ใช้กดคันเร่ง ถ้าไม่มีมาตรวัดนี้ เมื่อกดคันเร่งได้ความเร็วที่ต้องการแล้ว ผู้ขับส่วนใหญ่ก็จะคงน้ำหนักในการกดไว้ แต่ใน นิสสัน ซิลฟี ที่มีมาตรวัดแบบ Real-Time ทำให้เมื่อได้ความเร็วที่ต้องการแล้ว สามารถผ่อนคันเร่งได้อีกนิดโดยที่ความเร็วไม่ลดลง แต่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบ Real-Time เพิ่มขึ้นมาก สามารถใช้ความเร็วที่ต้องการโดยที่เครื่องยนต์มีความประหยัดสูงสุด แต่ก็อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยด้วย ไม่ใช่เพ่งแต่มาตรวัดจนเกิดอุบัติเหตุ

baผมใช้วิธีการขับแบบนี้จนถึงปั๊มน้ำมันปลายทาง ที่จะต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเพื่อคำนวณอัตราสิ้นเปลือง เมื่อถึงปั๊มก็ดับเครื่องยนต์แล้วจอดรถคิว เพราะรถทุกคันจะต้องเติมที่หัวจ่ายเดียวกัน ผมถึงปั๊มก่อนเวลาประมาณ 9 นาที บันทึกข้อมูลการขับ ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 22.2 กิโลเมตรต่อลิตร ระยะทาง 121.7 กิโลเมตร ที่เหลือคือลุ้นว่าจะเติมเพิ่มกี่ลิตร และจะขยับจากตำแหน่งบ๊วยได้หรือเปล่า

baหัวจ่ายที่ใช้เติมมีลูกเล่นด้วยการนำกระดาษแข็งมาปิดช่องบอกจำนวนลิตรที่เติมเพิ่ม การเติมใช้วิธีเดิม คือ หยอดแล้วรอให้น้ำมันยุบตัว คันที่ผมขับหยอดนานมาก จนเพื่อนแซวว่าเติมเยอะเพราะขับเร็ว แซงเพื่อนคันอื่นที่ออกเดินทางไปก่อน เมื่อน้ำมันไม่ยุบแล้วจึงเปิดกระดาษแข็งขึ้น พบว่าเติมน้ำมันเพิ่ม 3.369 ลิตร เป็นเงิน 123.6 บาท อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประหยัดเหลือเชื่อ 36.12 กิโลเมตรต่อลิตร คิดเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 1.01 บาทต่อกิโลเมตร

baเฉลี่ยรถทั้ง 7 คันที่ทดสอบ ได้อัตราสิ้นเปลือง 34.58 กิโลเมตรต่อลิตร ระยะทาง 121.7 กิโลเมตร เวลาเฉลี่ย 133 นาที ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 3.53 ลิตร โดยมีรถที่ประหยัดสูงสุดถึง 40.16 กิโลเมตรต่อลิตร
Nissan Slyphy
baหลังเสร็จสิ้นการทดสอบก็ขับต่อไปอีก 15 กิโลเมตร ไปยังท่าเรือเกาะลอยเพื่อนั่งเรือเร็วไปยังเกาะสีชังซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 12 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที นั่งรถสองแถวต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับร้านอาหารบรรยากาศริมทะเล เป็นส่วนหนึ่งของที่พัก ปารี ฮัท รีสอร์ท อิ่มแล้วแวะเยี่ยมชมสถานที่สำคัญบนเกาะสีชัง ซึ่งถือเป็นเกาะประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของไทย ในอดีตมีพระเจ้าแผ่นดิน 3 พระองค์ คือรัชกาลที่ 4, รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เสด็จมาประพาสโดยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะ เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน พร้อมพระราชทานนามว่า 'พระจุฑาธุชราชฐาน' ตามพระนามของพระราชโอรสที่ประสูติบนเกาะนี้

baแวะพักเหนื่อยที่เรือนไม้ริมทะเล สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่นเดียวกัน เดิมน่าจะเป็นที่พักของชาวต่างประเทศ เพราะดูจากรูปทรงที่แตกต่าง ต่อมาทรงโปรดเกล้าให้ปรับปรุงเป็นที่ประทับแรมของราชวงค์ ในคราวเสด็จมารักษาพระองค์ ก่อนที่จะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐาน ในปี พ.ศ. 2435 ซึ่งทางทีมงาน นิสสัน ใช้สถานที่แห่งนี้ประกาศผลการขับประหยัดและมอบรางวัล ก่อนจะเดินทางกลับไปยังท่าเรือ เพื่อข้ามฝั่งไปขับรถกลับกรุงเทพฯ

baเนื่องจากสภาพร่างกายผมไม่ค่อยปกติ จึงค่อนข้างเหนื่อยล้าจากช่วงขับประหยัดที่เหมาขับคนเดียว ขากลับจึงต้องรบกวนให้ทีมงานของ นิสสัน มาช่วยขับกลับให้ ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มใจ เบาะหน้าข้างผู้ขับมีคุณวิชาญนั่งคุยเป็นเพื่อนกับผู้ขับ ส่วนผมขอหนีแอร์มานั่งบนเบาหลัง แม้จะมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังอยู่บริเวณด้านหลังของที่เท้าแขนกลางเบาะหน้า แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เพราะต้องปิด

baไหนๆ ก็มีโอกาสได้นั่งบนเบาะหลัง จึงถือโอกาสทดสอบความสะดวกสบายไปในตัว เริ่มต้นด้วยการดึงที่เท้าแขนกลางเบาะหลังลงมา ปรับหมอนรองศีรษะให้พอดีและคาดเข็มขัดนิรภัย พบว่ามุมของพนักพิงปรับมาพอเหมาะกับการนั่งนานๆ ผมสูง 170 เซนติเมตร มีพื้นที่เหนือศีรษะเหลือประมาณ 1 นิ้ว บอกให้ผู้โดยสารด้านหน้าซึ่งมีความสูง 180 เซนติเมตรปรับเบาะให้นั่งแบบสบายๆ พบว่าด้านหลังยังมีพื้นที่หัวเข่าเหลือประมาณ 2 นิ้ว

baถ้าย้ายไปนั่งด้านหลังผู้ขับที่สูงประมาณ 170 เซนติเมตร จะมีพื้นที่เหลือประมาณ 4 นิ้ว ขาเบาะยกค่อนข้างสูง สามารถสอดเท้าเข้าไปได้จนสุด ช่วยให้ปรับเปลี่ยนอิริยาบทได้มากขึ้นอีกนิด การเก็บเสียงถือว่าทำได้ดี แม้บางช่วงผู้ขับจะใช้ความเร็วแตะ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็กลับมาถึงโชว์รูม นิสสัน โดยสวัสดิภาพ แม้จะต้องฝ่าฟันกับสภาพการจราจรช่วง 6 โมงเย็นที่ติดขัดคับคั่ง ผู้ขับก็ยังรายงานว่าอัตราสิ้นเปลืองลดลงเหลือประมาณ 18 กิโลเมตรต่อลิตร

ขอบคุณ: บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
Nissan Slyphy
Specification: Nissan Slyphy 1.6V CVT
แบบตัวถัง ซีดาน 4 ประตู
ยาว x กว้าง x สูง 4,615 x 1,760 x 1,495 มิลลิเมตร
ฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร
ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,545/1,540 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดจากพื้น 165 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 1,218 กิโลกรัม
แบบเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Twin C-VTC
ความจุ 1,598 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนการอัด 9.8:1
กำลังสูงสุด 116 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 15.7กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ CVT
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง ทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน/ดิสก์ พร้อม ABS, EBD และ BA
ผู้จำหน่าย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์ 02-257-4200
เวบไซต์ www.nissan.co.th


//www.motortrivia.com/



Create Date : 17 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2555 7:57:08 น. 0 comments
Counter : 4172 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]