All Blog
ปางเสน่หา ตอนที่ 16 (ต่อ)


นัยน์ตาพอลเป็นประกายทันที

“อย่าเอ่ยถึงพ่อฉันเด็ดขาด แกจะด่าฉันก็ด่าไปแต่อย่าแตะต้องครอบครัวของฉัน”
“ไป ศรี นี่มันความใคร่ ไม่ใช่ความรัก”
พอลสบตาศรีตรังซึ่งหันมามองตาละห้อย
“พี่ขอยืนยันว่าเป็นความรัก”
“อย่าไปเชื่อมัน”
“ศรีเลือกเอาก็แล้วกัน ว่าจะเชื่อพี่หรือว่าเชื่อเพื่อนของศรี”
ศรีตรังน้ำตาคลอ
“ศรีไม่เลือกใครทั้งนั้น ศรี...”
“กลับบ้าน ศรี พ่อแม่แกฝากให้ฉันคอยดูแลแก อย่าทำให้พ่อแม่ของแกผิดหวัง”
ศรีตรังเดินตามเตชิตออกไปโดยไม่วายหันมามองพอลอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ พอลมองตามด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
พอลถอนใจยาวกับภาพเหตุการณ์ในอดีต
“ศรีตรัง ถ้าหากเธอจะเลือกไอ้เตและสร้างครอบครัวกัน พี่คงทำใจยอมรับได้แล้วใช้ชีวิตของพี่ต่อไป แต่นี่ ...ทุกอย่างมันวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก”
พอลยังคงยืนซึมอยู่อย่างนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นปรายดาวเดินสะพายกระเป๋าลงมาเตรียมจะออกไปข้างนอก เดนนิสซึ่งกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ชำเลืองมองแว่บหนึ่ง
“จะไปไหนจ๊ะ ดาว”
“ออกไปธุระหน่อยค่ะ”
“พี่จะไปเป็นเพื่อน” ปรกเดือนบอก
“ไม่ต้องค่ะ ดาวไปคนเดียวได้ ดาวทำกายภาพจนแข็งแรงดีแล้ว พี่เดือนไม่ต้องเป็นห่วง”
ปรายดาวเดินออกไป โดยปรกเดือนมองตามอย่างเป็นห่วง
“โธ่เอ๊ย น้องเธอโตจนจะแต่งงานมีลูกมีผัวอยู่แล้ว ยังห่วงเป็นเด็กๆ อยู่ได้... ดีไม่ดี เขาอาจจะนัดเจอกับพอลมันข้างนอก” ปรกเดือนลุกเดินออกไปเงียบๆ “นี่! ฉันไม่ชอบพูดคนเดียวนะ”
เดนนิสตะโกนไล่หลัง ปรกเดือนขึ้นข้างบนอย่างไม่สนใจ เดนนิสขยำหนังสือพิมพ์ทิ้งอย่างหงุดหงิด
ขณะนั้นศรีตรังมาหาพอลที่คอนโดตามนัด พอลงจากรถศรีตรังก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพอลยืนกอดอกพิงเสามองมาที่เธอนิ่งๆ ศรีตรังฝืนยิ้ม
“สวัสดีค่ะ”
“ครับ...สวัสดี ว่าแต่คุณแน่ใจนะ”
“แน่ใจอะไรคะ”
“ว่าจะขึ้นคอนโดกับผม”
ศรีตรังเม้มปากด้วยความโกรธและอาย
“กรุณาใช้คำพูดให้ถูกต้องด้วยค่ะ อย่าลืมว่าเรากำลังพยายามจะลบล้างความรู้สึกไม่ดีระหว่างกัน”
“ไม่ใช่เรา แต่เป็นคุณ เพราะผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับคุณ มีแต่คุณที่รู้สึกเป็นศัตรูกับผม”
“ตกลงเราจะทะเลาะกันต่อมั้ย”
“ขอโทษ” พอลขยับตัวผายมือไปที่ลิฟท์ “เชิญครับ”
ศรีตรังเดินนำ พอลเดินตามด้วยสีหน้าแววตายิ้มนิดๆ
ปรายดาวมาหาเตชิตที่บ้าน พอลงจากรถปรายดาวก็ชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน สีหน้าปรายดาวแปลกใจที่เห็นประตูเปิดเหมือนมีคนมาอยู่
“มาหาใคร” ปรายดาวสะดุ้งเฮือกหันไปมองจึงเห็นเตชิตในร่างปลอมตัว “ถามว่ามาหาใคร”
“อ๋อ เปล่าค่ะ”
“เปล่า แล้วมาชะเง้อมองอะไร หรือว่าจะขโมยของ”
ปรายดาวตกใจ
“อุ๊ย เปล่านะคะ คือคุณเตชิต เจ้าของบ้านหลังนี้เขาเป็นเพื่อนฉัน”
ปรายดาวมองสำรวจตรวจตราเตชิตบ้าง
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร มาทำอะไรที่บ้านคุณเตชิต”
“ดูหน้าไม่รู้หรอกเรอะ เหมือนกันยังกับแกะผมเป็นพี่ชายของมันชื่อ เตโช”
“คุณเตชิตมีพี่ชายด้วยหรือคะ”
“อ้าว ก็ยืนอยู่นี่ไงล่ะว่าแต่คุณเป็นแฟนมันเรอะ” ปรายดาวตกใจอีกรอบ
“บอกแล้วว่าเป็นเพื่อน”
“จะเข้าไปคุยกันข้างในก่อนมั้ย”
ปรายดาวรีบส่ายหน้าทันที
“ไม่ค่ะ...ฉันผ่านมาดูกำลังจะไปแล้ว”
ปรายดาวเดินกลับมาที่รถ เตชิตเดินตามมา ปากก็พูดไปด้วย
“เตชิตมันเป็นตำรวจ แต่ตอนนี้กลายเป็นผัก”
ปรายดาวหันขวับมามองด้วยสีหน้าแววตาไม่พอใจ
“คุณนี่ไม่มีมารยาทเลย มาอยู่บ้านเขาแล้วยังพูดถึงเจ้าของบ้านอย่างไม่สุภาพ”
“อยากมาอยู่ที่ไหน ผมอยู่ของผมสบายๆ เขาก็ตามมาให้ดูแลมรดก นี่ถ้าไอ้เตชิตมันเกิดตายจริงๆ ผมมีหวังรับเละ”
ปรายดาวเม้มปาก สะบัดหน้าขึ้นรถแล้วขับออกไป เตชิตโบกมือให้หย็อยๆ
ส่วนที่คอนโดพอล พอลรินน้ำเย็นมาวางบนโต๊ะรับแขกในขณะที่ศรีตรังยังยืนอยู่กลางห้อง
“ไม่ชอบนั่งหรือครับ”
ศรีตรังเดินมาทรุดตัวลงนั่ง ในขณะที่พอลนั่งตรงข้าม
“น้ำสะอาดดื่มได้ครับ ไม่มีการใส่ยาอะไรทั้งนั้น”
“ยังไม่กระหายค่ะ”
“ผิดกับผม กระหายบ่อย” ศรีตรังนั่งนิ่งไป “เราจะทำอะไรกันดี”
“ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ”
“แถวนี้ร้านอาหารอร่อยๆ เยอะ เดี๋ยวโทรสั่งมาได้ ไม่ต้องออกไปให้เปลืองน้ำมัน”
“แล้ว ...จะนั่งเฉยๆ อยู่อย่างนี้หรือคะ”
“ผมถึงได้ขอความเห็นคุณไงว่าเราจะทำอะไรกันดี”
“ขอโทษนะคะ ถ้าเราจะเป็นเพื่อนกันก็ไม่ควรพูดจาลามกสองแง่สองง่าม”
“เดี๋ยว...เดี๋ยว...เดี๋ยว เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ผมหมายถึงเราจะเล่นเกมหรือดูดีวีดี...เอาอย่างนี้ลงไปกินกาแฟกัน”
“ดีค่ะ”
ศรีตรังลุกขึ้นพอลเดินนำไปที่ประตูแล้วเบี่ยงตัวให้ศรีตรังนำออกไป
“เอาลาเต้ 2 ที่ค่ะ”
ศรีตรังสั่งพนักงานเสิร์ฟ เมื่อเข้ามานั่งในร้านกาแฟ
“ทำไมคุณสั่งลาเต้ให้ผม”
“เพราะพี่เพชรชอบค่ะ”
“เอาอีกแล้ว พี่เพชรอีกแล้ว ตั้งแต่พบกันครั้งแรกจนวันนี้คุณยังคิดว่าผมเป็นพี่เพชรอีกหรือ”
ศรีตรังมองพอลแน่วแน่ แล้วตัดสินใจ
“พี่เพชร ศรีรู้ว่าคุณคือพี่เพชร ทำไมพี่ถึงไม่ยอมรับ ศรีทำอะไรให้พี่โกรธนักหนาหรือคะ ศรีอยากให้เราเปิดใจพูดกันดีๆ” พอลมองออกไปนอกร้านพยายามสร้างกำแพงขวางไว้ไม่ให้ใจอ่อน “วันนั้นเราจากกันด้วยความเข้าใจผิด พี่เพชรจะให้โอกาสศรีสักครั้งไม่ได้หรือคะ”
พอลหยิบถ้วยกาแฟขึ้นจิบนิดหนึ่งแล้ววางลง
“ผมไม่ชอบลาเต้ คราวหน้าถ้าจะสั่งให้ผมกรุณาสั่งคาปูชิโน่”
“พี่เพชร”
พอลมองสบตาศรีตรังตรงๆ
“เอาเป็นว่าถ้าผมรู้ว่าพี่เพชรของคุณอยู่ที่ไหนผมจะบอกเขาให้รู้ก็แล้วกัน”
“ทำไมต้องโกหกด้วย ไม่มีใครในโลกหรอกที่เหมือนกันขนาดนี้ เหมือนกระทั่งน้ำเสียงไม่เหมือนอย่างเดียวคือพี่เพชรเป็นคนจริงใจ”
“ทำไมคุณถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้ ผมบอกไม่รู้กี่หนแล้วว่าผมชื่อพอล ไม่ใช่เพชร คุณก็ยังใช้ความพยายามสารพัดวิธีที่จะยัดเยียดให้ผมเป็นนายเพชรนายกรวดนั่นให้ได้...ทำไมไม่ลองไปตื้อคนอื่นดูล่ะเขาเห็นหน้าสวยๆ ของคุณ เขาอาจจะหยวนๆ ยอมรับก็ได้” พอลมองทั่วตัวศรีตรัง “ผมคิดว่า น่าจะมีผู้ชายอีกมากมายที่อยากจะเป็นพี่เพชรของคุณใจจะขาด”
“เลวที่สุด”
“ฮึ สาวสวยตามหาคนรักเก่า เป็นมุกที่น่าสนใจไม่เลว แต่บังเอิญผมไม่สนน่ะ เพราะผมไม่ใช่ผู้ชายหน้าโง่”
ศรีตรังยกถ้วยกาแฟสาดใส่หน้าพอล พอลและทุกคนในร้านสะดุ้งเฮือก
“พอกันที อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีกเด็ดขาด”
ศรีตรังเดินออกไป พอลหยิบทิชชูเช็ดกาแฟที่หน้าอย่างใจเย็น
ศรีตรังเดินน้ำตาไหลพรากกลับมาที่รถ
“ไอ้พี่เพชรบ้าๆ ไอ้พอลด้วย บ้าที่สุด ฉันเกลียดหมดเลย เกลียด เกลียด เกลียด”
ศรีตรังขึ้นรถแล้วร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบทิชชูมาเช็ดน้ำตา ศรีตรังเชิดหน้าอย่างทรนงแล้วขับรถออกไป
ส่วนพอลเมื่อกลับถึงคอนโด พอลทิ้งตัวลงนั่งแล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ศรีตรังยกกาแฟสาดใส่หน้า
“พอกันที อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีกเด็ดขาด”
“ศรีตรัง เธอสะอาดและบริสุทธิ์เกินไป จนพี่ไม่อาจดึงเธอให้ตกต่ำลงมาตามพี่ได้ เธอไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
พอลพึมพำออกมาแล้วทอดถอนใจยาว
ส่วนศรีตรัง เธอขับรถไปเรื่อยๆ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“พอกันที ฉันจะหน้าด้านหน้าทนครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
ศรีตรังบอกตัวเองด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว
พอลยังคงนั่งอยู่ในอิริยาบถเดิมจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอลหยิบขึ้นดูก่อนจะกดรับ
“ว่าไงจ๊ะ ดาว อ๋อ...ได้ซิ อีกประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมง พี่จะไปถึง”
พอลเก็บโทรศัพท์สูดลมหายใจยาว แล้วหยิบกุญแจรถเดินออกไป
ปรายดาวนั่งจิบน้ำผลไม้รอพอลอยู่ที่ร้านอาหาร จนกระทั่งพอลเดินตรงเข้ามาหา
“ขอบคุณค่ะ ที่มา”
“ทำไมพูดย่างนั้นล่ะ ดาวต้องการพบ ...พี่ก็ต้องมาหาอยู่แล้ว” บริกรเดินเข้ามารับคำสั่ง “เอาเหมือนคุณผู้หญิงก็แล้วกัน” บริกรเดินออกไป พอลจึงหันมาทางปรายดาว “ไหน...จะให้พี่ทำอะไร”
“ความจริง ดาวก็ไม่อยากรบกวนพี่พอล แต่พอดีเรื่องมันแปลกๆ วันนี้ดาวไปบ้านพี่เตชิตมา”
พอลเลิกคิ้วมองปรายดาวอย่างแปลกใจ
“อย่าถามเลยนะคะว่าดาวไปทำไม พอดาวไปถึงก็เจอพี่ชายผู้กองเตชิตค่ะ” พอลชะงัก
“ไอ้เตมันมีพี่ชายด้วยเรอะ”
ปรายดาวมองพอลอย่างแปลกใจ
“พี่พอลพูดเหมือนรู้จักสนิทสนมกับเค้า”
“ก็...นิดนึง เอาเถอะ เรื่องนี้พี่จะลองไปดูให้”
“ขอบคุณค่ะ เอ้อ... พี่พอลทราบไหมคะว่า ตอนนี้ผู้กองเป็นยังไง”
“พี่ไม่ได้ติดตาม แต่ถ้าดาวอยากรู้พี่ก็จะดูให้”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
พอลมองปรายดาวอย่างเพ่งพิศ

ส่วนศรีตรังเมื่อกลับถึงบ้าน ศรีตรังนั่งกอดเข่าซึมอยู่ในห้องจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ศรีตรังปล่อยให้เสียงดังครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบดู
“จะโทรมาทำไมอีก” ศรีตรังลังเลครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจปิดโทรศัพท์ “บอกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”
พอลค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าเศร้าๆ
ที่บ้านปรกเดือน...ปรกกำลังนั่งแปรงผมอยู่ในห้องขณะที่เดนนิสเดินเข้ามา
“ฉันจะไปต่างจังหวัดสัก 5 วันนะ”
“จังหวัดไหนคะ”
“ทำไมจะต้องให้รายงานทุกอย่างด้วย เธอเป็นแค่เมีย ไม่ใช่แม่”
“ขอโทษค่ะ”
“พรุ่งนี้เช้าจัดกระเป๋าเดินทางให้ด้วย”
“ค่ะ”
ปรกเดือนเดินขึ้นเตียงนอน ขณะที่เดนนิสเดินเข้าห้องน้ำ
ทางด้านศรีตรังขณะที่เธอกำลังเตรียมตัวจะเข้านอน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นศรีตรังลุกเดินมาเปิดประตูจึงพบเจนจิรายืนส่งยิ้มหวานให้
“จะนอนแล้วหรือจ๊ะศรี” ศรีตรังพยักหน้า “พรุ่งนี้เจนไม่อยู่นะจ้ะจะขอลาไปเปิดหูเปิดตา”
“เจน”
“เจนรู้ว่าศรีจะพูดอะไร แต่รับรองว่าศรีไม่เป็นอะไรแน่ๆ แถมยังจะมีความสุขมากๆ เสียด้วย”
“ตามใจ”
“ขอบใจมากจ้ะ ศรีเนี่ยใจดี๊ ใจดี แล้วจะซื้อขนมมาฝาก”
เจนจิราเดินออกไปจากห้อง ศรีตรังมองตามอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด
เช้าวันรุ่งขึ้นศรีตรังเดินออกมาสูดอากาศด้วยท่าทางสบายใจขึ้น
“ลุงสมคะ”
สมซึ่งกำลังขี่จักรยานจะเลี้ยวไป หันมามองแล้วขี่วกกลับมา
“ด้วยความเคารพ มีอะไรจะให้ผมทำให้หรือครับ”
“ศรีอยากรู้ว่าหายไปไหนกันหมดหรือคะ บ้านเงียบเชียว”
“อ๋อ ป้าจุกับลุงพงษ์ไปเยี่ยมลูกๆ ครับ ด้วยความเคารพ ส่วนคุณทศคุมคนงานในไร่ ส่วน...”
“พอแล้วค่ะ”
“ยังมีอีกคนนึงครับ...คุณเจนจิรา”
“เออ เขาหายไปไหนแต่เช้า”
“เห็นมีรถมารับไปน่ะครับ”
สีหน้าศรีตรังใคร่ครวญครุ่นคิด
“แล้วเห็นหรือเปล่าคะว่าใครมารับ”
“ด้วยความเคารพ ไม่เห็นครับ แต่ดูคุณเจนเบิกบานมาก”
ศรีตรังพยักหน้าช้าๆ
เจนจิรามาเจอกับเดนนิส ทั้งคู่มีความสุขด้วยกัน แล้วเจนจิราก็ถ่ายวีดีโอเก็บไว้
หลายวันต่อมา ขณะที่ปรกเดือนเดินออกมาจากห้องน้ำสัญญาณมือถือของเดนิสดังขึ้น ปรกเดือนเดินมาหยิบจะเอาลงไปให้เดนนิสแต่แล้วก็ชะงักก้มมองโทรศัพท์อย่างลังเล และด้วยความอยากรู้ปรกเดือนจึงเดินกลับมานั่งบนเตียงเปิดวีดีโอดูภาพที่ส่งมา ปรกเดือนเบิกตากว้างด้วยความตกใจและไม่คาดคิดเมื่อเห็นภาพเดนิสและเจนจิราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ปรกเดือนโยนโทรศัพท์ไปบนเตียงแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
ขณะนั้นเดนิสอยู่ในห้องทำงานและกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เฮ้ย ช่วงนี้ต้องเพลาๆ หน่อย อย่าห้าวนัก...พวกตำรวจกำลังกวาดล้างหนักด้วย จะส่งอะไรต่ออะไรกันก็อย่าทะลึ่งให้พาดพิงมาถึงอั๊วนะเว้ย อย่าให้อั๊วเดือดร้อน”
ประตูเปิดออกอย่างแรงด้วยอารมณ์โกรธปนหึงของปรกเดือน
“เสี่ย”
“ไปก่อน ฉันกำลังพูดธุระสำคัญ”
“เรื่องของเดือนก็สำคัญเหมือนกัน นี่ค่ะ”
ปรกเดือนวางโทรศัพท์มือถือลงตรงหน้าเดนนิส เดนนิสมองแล้วพูดโทรศัพท์
“แค่นี้ก่อน เดี๋ยวอั๊วโทรกลับไปใหม่” เดนนิสวางโทรศัพท์ลงแล้วมองปรกเดือนด้วยสายตาเย็นชา
“มีอะไรก็ว่าไป”
“เสี่ยนั่นแหละมีอะไรจะพูดเรื่องวีดีโอนั่น”
เดนนิสผลักมือถืออย่างไม่สนใจ
“ก็แค่ผู้หญิงคนนึง”
“ไม่ใช่ค่ะ นั่นมันเจนจิราที่เสี่ยบอกว่าเลิกกับเขาไปแล้ว แถมยังตามล่าเอาชีวิต จนเขาต้องหนีหัวซุก
หัวซุน”
เดนนิสลุกยืนตบโต๊ะ
“โว้ย แล้วไง ฉันตามฆ่ามัน เธอก็ว่าบาปกรรม ไอ้ครั้นพอฉันให้อภัย เธอก็ยังมาโวยวายอีก ตกลงจะเอายังไงกันแน่”
“มันไม่ใช่แค่ให้อภัย นั่นเสี่ยกำลังนอนกับมัน”
“โธ่เอ๊ย ก็อีแค่นอน”
“เสี่ยพูดเอาแต่ได้ ขนาดเดือนสนิทกับพอลแค่เพื่อนธรรมดา เสี่ยยังโกรธแทบจะฆ่ากันตาย แค่นี้...เสี่ยกับนังเจนจิรานั่น...” ปรกเดือนยิ่งพูดน้ำตายิ่งไหลออกมา
“ฉันเป็นผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหาย”
ปรกเดือนส่ายหน้าร้องไห้โฮออกไป เดนนิสถอนใจเฮือกแล้วกดโทรศัพท์หาเจนจิรา
“สวัสดีค่ะ เสี่ยขา”
“เธอส่งวีดีโอ มาทำไม”
“เสี่ยเห็นแล้วหรือคะ ชอบมั้ยคะ”
“เมียฉันก็เห็น เห็นก่อนฉันเสียอีกแล้วเธอคิดว่าเขาจะชอบมั้ยล่ะ”
“อุ๊ยตายจริง เจนต้องกราบงามๆ ขอโทษด้วยค่ะ เจนไม่ได้ตั้งใจซักนิด...ฝากกราบเท้าขอโทษคุณปรกเดือนด้วยนะคะ”
“ทีหน้าทีหลังห้ามสะเพร่าแบบนี้อีก ไม่งั้นเจอตบ”
“ค่ะ ต่อไปเจนจะระวังตัว เสี่ยอย่าโกรธเจนนะคะ”
เดนนิสปิดโทรศัพท์ แล้วลุกเดินออกไป ขณะที่เจนจิรายิ้มออกมาอย่างสะใจ
“เยส!”
ปรกเดือนกลับเข้าห้องหยิบเสื้อผ้าเพื่อพับใส่กระเป๋า เดนนิสตามเข้ามาพอเห็นถึงกับชะงัก
“นั่นจะไปไหน”
“ไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้ค่ะ เดือนทนอยู่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
ปรกเดือนพูดไปเก็บเสื้อผ้าไป เดนนิสเข้ามาดึงมือปรกเดือนไว้
“เธอจะไปไหนไม่ได้”
“ทำไมคะ เสี่ยจะฆ่าเดือนหรือ”
“เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ฉันรักเธอ เธอก็รู้ แล้วยังจะลูกอีกล่ะ ลูกเธอจะต้องมีพ่อ”
“ไม่จำเป็น ถ้าจะมีพ่อที่ไม่ต้องการเขา ก็อย่ามีเสียดีกว่า ... เสี่ยเองก็ไม่ต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจจะพาเจนจิราหรือใครมาอยู่ที่นี่...”
“ไม่มีทาง เธอเป็นเมียคนเดียวของฉัน ผู้หญิงอื่นล้วนแต่นางบำเรอทั้งนั้น” เดนนิสกุมมือทั้งสองของปรกเดือนไว้ “อย่าทิ้งฉันไปนะเดือน เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีค่า”
“ถ้ามีค่าของเสี่ยหมายถึงทะเบียนสมรสที่สลับซับซ้อนของเรา...”
“ฉันไม่ได้หมายถึงอะไรทั้งนั้น แต่หมายถึงเธอ... ฉันสัญญาว่าจะไม่ยอมให้เจนจิราเข้ามาวุ่นวายกับเธออีก”
ปรกเดือนมองเดนนิสด้วยสายตาแน่วแน่
“ถ้าเดือนขอร้องให้เสี่ยเลิกกับเขาล่ะคะ” เดนนิสนิ่ง ปรกเดือนดึงมือออกแล้วจัดเสื้อต่อ “ไม่เป็นไร
ค่ะ ถ้าเสี่ยทำไม่ได้เดือนก็เป็นฝ่ายไปเอง”
“ที่ทำไม่ได้ไม่ใช่เพราะฉันรักเขา แต่เพราะฉันยังต้องใช้งานเขาอยู่ และเป็นงานที่สำคัญด้วย”
“หมายถึงงานผิดกฏหมาย”
เดนนิสหัวเราะ
“ตั้งแต่อยู่กันมาเธอเห็นฉันทำอะไรที่ถูกกฏหมายบ้างล่ะ”
“เดือนอยากให้เสี่ยเลิก” ปรกเดือนบอกเสียงอ่อนลง “เงินทองที่เสี่ยหามาได้ก็มากมาย เดือนอยากให้เราเป็นครอบครัวธรรมดาๆ ไม่ต้องรวยล้นฟ้าก็ได้แต่มีความสุขสงบ”
“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ คนเคยขี่หลังเสือจะให้ลงมาคงยาก” เดนนิสกอดปรกเดือนไว้อย่างอ่อนโยน “ตกลงไม่ไปแล้วนะ”
ปรกเดือนถอนหายใจยาว







Create Date : 19 มีนาคม 2555
Last Update : 19 มีนาคม 2555 10:33:49 น.
Counter : 286 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]