All Blog
ปางเสน่หา ตอนที่ 17 (ต่อ)


พอลขับรถผ่านมาทางบ้านศรีตรังทำท่าจะเลยออกไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจถอยหลังมาจอด พอลเปิดประตูรถลงมาแล้วมองออกไปโดยรอบ

“เงียบจัง”
พอลเดินเข้าไปในบ้านแล้วชะงักเมื่อเห็นศรีตรังนอนหลับอยู่บนโซฟา พอลยืนมองภาพนั้นครู่หนึ่ง แล้วทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทีสบายๆ ศรีตรังเองก็นอนหลับอย่างสบาย พอลมองภาพนั้นเพลินๆ ศรีตรังเหมือนจะรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมาจึงสบตากับพอล ศรีตรังผุดลุกขึ้นทันที ในอารมณ์ทั้งโกรธทั้งอาย
“ไม่มีมารยาท”
“อ้าว ก็นึกว่าคุณตั้งใจจะนอนหลับให้ผมดู”
“ฉันเนี่ยนะ จะบ้าเรอะไง” ศรีตรังโวยลั่น
“ใครจะไปรู้ล่ะ ปกติคนนอนหลับต้องมีกรน ...ต้องน้ำลายไหล...แต่คุณกลับทำนอนสวย”
“คนบ้า ฉันไม่ใช่คนเสแสร้ง”
“อ้อ งั้นก็หมายความว่า คุณเป็นคนนอนสวยน่ะซิ น่าสนใจแฮะ”
“ไม่มีอะไรจะทำรึไง ถึงได้มานั่งจับผิดคนนอน”
“อ้าว ถ้าจับถูกก็มีเรื่องน่ะซิ”
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่พูดหวานๆ เหมือนที่พูดกับพี่เพชรของคุณอีกแล้วเรอะ”
“ออกไป”
“น่า ลองพยายามดูอีกที เผื่อผมอาจจะใจอ่อนยอมรับเป็นพี่เพชรบ้าง”
ศรีตรังขบกรามแน่นถลึงตาใส่พอลอย่างจะกินเลือดกินเนื้อแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป พอลก้าวยาวๆ ตาม พอลเดินตามมาจับแขนศรีตรังไว้
“ปล่อย”
“ทำไมเราจะพูดดีๆ กันบ้างไม่ได้” ศรีตรังหันมาจ้องหน้าพอลเขม็ง “จ้องหน้าผมทำไม”
“คนอย่างคุณพูดไปก็ไม่รู้เรื่อง แล้วฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับคุณด้วย” เสียงมอเตอร์ไซค์ แล่นเข้ามา
ศรีตรังหันไปโบกมือเรียก “ลุงสม คุณทศ ทางนี้ค่ะ”
ทั้งคู่ขี่มอเตอร์ไวค์เข้ามา ตรีทศมองพอลอย่างไม่เป็นมิตรนัก
“ด้วยความเคารพ สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ”
“ดูเหมือนคุณพอลกำลังจะกลับ ใช่มั้ยครับ นายศรีตรัง”
“ค่ะ”
ศรีตรังพูดยังไม่ทันขาดคำ โทรศัพท์ศรีตรังก็ดังขึ้น ศรีตรังยิ้มทันทีที่เห็นเบอร์
“สวัสดีคะ พี่ธากรณ์”
ศรีตรังพูดพลางเดินห่างออกไป ประมาณเป็นเรื่องส่วนตัว พอลมองตาม
“ด้วยความเคารพ คุณธากรณ์ที่เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ “ไทยก้าวหน้า” ไงครับ” สมบอก
“ใครถามครับ”
“ด้วยความเคารพ นั่นซิครับ”
พอลมองศรีตรังหงุดหงิดแว่บหนึ่งแล้วขึ้นรถขับออกไป
“สมน้ำหน้า” ตรีทศบอก
“สมน้ำหน้าใครครับ” ตรีทศหันมามอง ใบหน้าซื่อๆ ของสม สมนึกว่าตัวเองลืมแล้วรีบพูด “ด้วยความเคารพ”
“สมน้ำหน้าตัวเองครับ”
“อ้อ ...อ...”
ส่วนที่บ้านจุรีขณะนั้นปรายดาวโทรคุยกับปรกเดือน
“ที่นี่สบายมากเลยค่ะ พี่เดือน อากาศดี๊ ...ดี แล้วป้าจุที่ดาวอยู่ด้วยก็ใจดีดาวชอบหมดทุกคน ... อ้อ ยกเว้นคนนึง”
“ใครจ๊ะ”
“ไม่อยากเอ่ยชื่อค่ะ พี่เดือนต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ อย่าลืมไปหาหมอแล้วก็ทานยาบำรุงที่หมอให้”
“จ้ะ ไม่สืบหรอก ดาวก็เหมือนกันนะ ดูแลตัวเองดีๆ”
“ค่ะ พี่เดือนพักผ่อนมากๆ นะคะ แล้วดาวจะโทรไปใหม่”
“จ้ะ พี่รักดาวนะ”
“ดาวก็รักพี่เดือนเหมือนกันค่ะ”
ปรกเดือนวางโทรศัพท์ลง สีหน้าแววตาเหมือนโล่งใจ
ค่ำวันนั้นเดนนิสเดินเข้าบ้าน ดดยมีลุกน้องสองคนถือถุงตามเข้ามา แจ๋วรีบเดินมารับ
“คุณดาวกลับมาหรือยัง”
“ยังค่ะ”
เดนนิสหน้าตึงขึ้นมาทันที
“แล้วคุณเดือนล่ะ”
“อยู่บนห้องค่ะ”
เดนนิสพยักหน้าแล้วเดินขึ้นบ้านไป แจ๋วถือของไปเข้าครัวขณะลูกน้องเดินออกไป
ปรกเดือนนอนหลับอยู่ในห้องขณะที่เดนนิสเปิดประตูเข้ามา เดนนิสเดินมาหยุดยืนมองปรกเดือน
ปรกเดือนขยับตัวลืมตาตื่น
“กลับแล้วหรือค่ะ” ปรกเดือนลุกขึ้นนั่ง
“แจ๋วบอกว่า ยัยดาวยังไม่กลับ”
“ค่ะ แต่แกโทรมาบอกแล้วว่าแกอยู่ต่างจังหวัด แล้วจะอยู่ที่นั่นสักพักนึง”
เดนนิสซึ่งกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ หันขวับมาทันที
“ไปอยู่ต่างจังหวัด จังหวัดไหนกัน”
“แกไม่ยอมบอกค่ะ”
“แล้วพอลล่ะ รู้หรือเปล่า”
“ทราบค่ะ แกโทรไปบอกเขาเหมือนกัน”
“พอลว่ายังไง”
“เขาก็เป็นห่วงน่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”
“ดี เจริญมาก นึกจะไปไหนก็ไป แถมพี่สาวกับคู่หมั้นก็ไม่สนใจเสียด้วย” ปรกเดือนลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู “นั่นจะไปไหนล่ะ”
“ไปดูกับข้าวให้เสี่ยค่ะ”
“ไม่ต้อง ฉันกินมาแล้ว”
“ถ้าเสี่ยไม่ว่าอะไร ช่วงนี้เดือนขอแยกไปนอนห้องยัยดาวนะคะ”
“ตามใจ จะไปนอนไหนก็ตามใจ”
ปรกเดือนเดินออกไป เดนนิสมองตามอย่างหงุดหงิด
เดนนิสแต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก แต่พอเดินออกมาเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น แจ๋วเดินออกมารับ แล้วรีบถือโทรศัพท์ตามมาส่งให้เดนนิส
“เสี่ยค่ะ โทรศัพท์คุณพอลค่ะ”
“ว่าไง” เดนนิสถามทางโทรศัพท์
“ผมโทร หาเสี่ยทั้งวัน แต่เสี่ยไม่รับโทรศัพท์”
“เออ ฉันยุ่งทั้งวันจนลืมเปิดโทรศัพท์”
“ดาวเขาไปทำงานต่างจังหวัดครับ เห็นบอกว่าอยากจะไปค้นหาตัวเองสักพักนึ่ง”
“มันอยากไปก็ให้มันไป ลำบากมากๆ เข้าก็กลับมาเอง”
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันไม่ได้ห้ามอะไร แต่ก็บอกเขาว่า อยากเมื่อไหร่ก็บอกจะได้
ไปรับ”
“แล้วเขาว่ายังไง”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ นอกจากขอบคุณที่ผมไม่ได้ห้าม”
“เรื่องของพวกนาย 2 คน ฉันไม่เกี่ยว มีแค่นี้ใช่มั้ย”
“ครับ”
เดนนิสส่งโทรศัพท์คืนให้แจ๋ว
“คืนนี้ ฉันไม่กลับนะ”
“ค่ะ”
เดนนิสเดินออกไป แจ๋วเอาโทรศัพท์กลับไปวาง
คืนนั้นปรายดาวโทรศัพท์ไปคุยกับพอล
“กลางคืนที่นี่เงียบ แล้วก็เย็นสบายดีจังเลยค่ะ”
“พี่ดีใจที่ดาวชอบ”
“ไม่ใช่ชอบธรรมดา ชอบมากด้วยค่ะ ขนาดอยู่ในห้องนี่ ยังได้กลิ่นหอมของดอกไม้เลย ไม่รู้ว่ากลิ่นดอกอะไร เดี๋ยวดาวว่าจะลงไปดูซักหน่อย”
“ระวังอย่าออกไปไกลนักล่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ ดาวอยู่แค่หน้าบ้านนี่เอง แค่นี้ก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวจะโทรไปบอกว่าดอกอะไร”
“ตกลงครับ”
ปรายดาววางโทรศัพท์ลงแล้วเปิดประตูออกไป
ปรายดาวเดินออกมาพร้อมไฟฉายในมือ ปรายดาวฉายไฟมองไปโดยรอบ ขณะเดินไปตามกลิ่นดอกไม้
“น่าจะอยู่แถวนี้ “
ปรายดาวฉายไฟไปทางโน้นทางนี้จนมาฉายโดนหน้าเตชิตพอดี
“ว้าย” ปรายดาวตกใจไฟฉายตกจากมือ
“ผมเอง ไม่ต้องกลัว”
“ไม่ต้องกลัวได้ไงล่ะ อยู่ดีๆ ก็โผล่พรวดออกมา ...” ปรายดาวชะงัก แล้วจ้องหน้าเตชิตเขม็ง “คุณมาแถวนี้ทำไม”
“ผมก็เดินมาเรื่อย อากาศดีอย่างนี้ พระจันทร์ก็เต็มดวง จะนอนก็เสียดาย” ปรายดาวหันหลัง จะเดินกลับ “เสียงหวาน”
ปรายดาวหันขวับมาอย่างหงุดหงิด
“หยุดเรียกฉันว่าเสียงหวานเสียที เก็บนิทานของคุณเอาไว้หลอกเด็กเถอะ”
“ผมไม่ได้หลอกคุณ เรื่องสร้อย เรื่อง ...”
“คุณสืบเอาได้ทั้งนั้น คุณเป็นตำรวจนี่ แต่ตำรวจอย่างคุณก็ไม่ต่างจากพวกผู้ร้ายหรอก เดี๋ยวชื่อเตชิต แล้วกลายเป็นเตโช คุณใช้ความเชื่อใจของฉันเอามาเล่นเป็นของสนุก คอยดูนะ ฉันจะกระชากหน้ากากของคุณออกมาคุณศรีตรังจะได้ตาสว่างเสียที”
ปรายดาวเดินกลับเข้าบ้าน เตชิตมองตามอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ปรายดาวเดินขึ้นบันไดมา ขณะนั้นจุรีเดินลงมา
“นั่นใคร”
ปรายดาวเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าปรายดาวปะทะกับแสงจนดูเหมือนเมื่อครั้งเป็นวิญญาณ จุรี
ตกใจสะดุ้งเฮือก
“อะลัดตั๊ดต๊า ผีหลอก”
ปรายดาวกระโจนพรวดเดียวไปกอดจุรี
“ผี...ผีที่ไหนคะ”
“คะ...คะ... คุณ ..คุณหนูเผือก โอย ป้าจะเป็นลม”
“ไหน...ไหนคะผี” จุรีจ้องหน้าปรายดาว ปรายดาวสบตางงๆ “อะไรหรือคะ”
“ขอโทษค่ะ ป้านึกว่าคุณดาวเป็น...เป็น ...”
“เป็น...ผีหรือคะ” จุรีพยักหน้าหวาดๆ ปรายดาวหน้าเสีย “ดาว...ดาวเหมือนผีมากหรือคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่...แต่ว่า ...เฮ้อ ... ป้าไม่รู้จะพูดยังไง”
“งั้นก็เล่าให้ดาวฟังตั้งแต่ต้นซิคะ”
“อุ๊ย ใครเขาพูดเรื่องแบบนี้ตอนค่ำๆ กันบ้าง เข้านอนเถอะค่ะ แล้วค่อยเล่าตอนเช้า”
ปรายดาวพยักหน้า ทั้งสองแยกย้ายกันเข้าห้อง
จุรีเข้ามาในห้องแล้วเดินมาที่เตียง
“เห็นตอนกลางวันยังไม่เท่าไหร่ แต่พอเห็นตอนกลางคืนให้ตายเถอะ เหมือนเปี๊ยบ เฮ้อ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น จุรีสะดุ้งโหยง “คะ...คะ...ใคร... ใครคะ”
“ดาวเองค่ะ”
“เฮ้อ”
“ป้าเปิดประตูให้หน่อยซิคะ ดาวนอนไม่หลับอยากคุยกับป้า”
“เอาไว้ตอนเช้าไม่ดีกว่าหรือคะ”
“ป้าง่วงแล้วหรือคะ”
“ค่ะ”
“งั้นขอโทษค่ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้”
ปรายดาวเดินกลับไปที่ห้อง
ปรายดาวเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วล้มตัวลงนอน
กลางดึกคืนนั้นขณะที่ปรายดาวนอนหลับสนิท ร่างเสียงหวานลืมตาขึ้นแล้วลุกออกจากร่างปรายดาว เสียงหวานหันมามองปรายดาวแล้วเดินผ่านประตูห้องออกไป

ร่างเสียงหวานเดินเหมือนลอยไปเรื่อยๆ จนมาถึงบ้านสม เสียงหวานค่อยๆ เงยขึ้นมอง ขณะนั้นเตชิตกำลังนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง...แต่มีใครบางคนเดินมาหยุดที่หน้าเตียง ร่างเสียงหวานก้มลงมองเตชิต
เตชิตลืมตาตื่นขึ้นมา
“เสียงหวาน”
เสียงหวานตกใจ หันหลังกลับเดินแกมวิ่งผ่านประตูออกไป
“เสียงหวาน”
เสียงหวานวิ่งออกมาท่ามกลางลมแรง และหมอกควัน โดยมีเสียงเตชิต ร้องเรียกสะท้อนก้องไปก้องมา
“เสียงหวาน...เสียงหวาน ... เสียงหวาน ...”
ปรายดาวสะดุ้งตกใจตื่น ท่ามกลางเสียงลมแรง
“ฝันไปนั่นเอง”
ปรายดาวลุกเดินไปที่หน้าต่างซึ่งขณะนั้นฝนกำลังจะตก ปรายดาวปิดหน้าต่างแล้วเดินกลับมาที่เตียง
“เป็นเพราะผู้กองเตชิตเตโชนั่นแหละ ที่ทำให้ฝันว่าเป็นเสียงหวาน”
ปรายดาวล้มตัวลงนอนแต่สีหน้าเหมือนใคร่ครวญครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่จุรีกำลังกวาดบ้านอยู่ ปรายดาวเดินลงมา
“ป้าจุ มาค่ะ ดาวทำเอง”
“ไม่ต้องค่ะ ป้าทำจะเสร็จแล้ว เช้านี้คุณดาวจะทานข้าวที่นี่หรือว่าที่บ้านคุณหนูศรีตรังคะ”
“ดาวไม่อยากไปกวนเธอน่ะค่ะ แค่มาของานทำนี่ก็เกรงใจจะแย่”
“โถ อย่าคิดมากซิคะ คุณหนูศรีตรังน่ะเธอใจดี อีกอย่างพอสร้างบ้านพักในรีสอร์เสร็จ คุณหนูเธอก็ต้องจ้างพนักงานอยู่ดี ...ถ้าหิว คุณดาวเข้าไปดูในครัวด้านหลังนะคะ ป้าทำไข่ดาวไส้กรอกไว้ให้ น้ำผลไม้อยู่ในตู้เย็นค่ะ”
“เดี๋ยวดาวทานพร้อมป้าดีกว่า”
ปรายดาวเข้ามาในครัวเปิดฝาชีออกวางไว้มุมหนึ่ง
“หอมน่ากินจัง”
ปรายดาวลงนั่งขณะจุรีเปิดตู้เย็นหยิบน้ำผลไม้คั้นมาวางให้ปรายดาว ส่วนตัวเองเป็นกาแฟ
“ป้าติดกาแฟค่ะ”
ปรายดาวนิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วบอกออกมา
“เมื่อคืนดาวฝันว่า ดาวชื่อเสียงหวาน” จุรีชะงักมองปรายดาวอย่างอึดอัด “... มีคนบอกว่า ดาวเคยเป็นดวงวิญญาณติดอยู่กับบ้านหลังหนึ่งที่นี่ ป้าจุเล่ามาเถอะค่ะ”
“คุณดาวคะ”
“ป้าจุเคยเห็นดาวใช่ไหมคะ” จุรีพยักหน้า “ป้าจุช่วยเล่าให้ดาวฟังหน่อยค่ะ”
“ที่แรก ป้าเห็นก่อนค่ะ ป้าเข้าไปทำความสะอาดในบ้านนั้น แล้วป้าก็เห็น...” จุรีชี้ปรายดาวแบบหวาดๆ “ คุณ...ดาว...แต่ป้ากลัวมากป้าจุดธูปไปบอกคุณดาวว่าอย่ามาหลอกมาหลอน! เวลาป้าจะเข้าไปในบ้านหลังนั้น ป้าต้องตะโกนว่า “อะลัดตัดต๊า” เป็นอันรู้กันว่าคุณหนูจะไม่มาปรากฎตัว” ระหว่างจุรีเล่า ปรายดาวฟังอย่างสนใจ “จนกระทั่งผู้กองเตชิตมา คุณหนูถึงได้ปรากฎกายให้เห็น คุณเตชิตน่ะน่าสงสารนะคะ..เธอน่ะกลัวคุณดาวมากในตอนแรก จนกระทั่งเริ่มชิน แล้วก็ไม่กลัวในที่สุด”
ปรายดาวสูดลมหายใจยาว
ทางด้านดนนิสขณะนั้นกำลังคุยกับเจนจิรา โดยมีเจ็งยืนเยื้องไปข้างหลัง
“เธอคิดว่าเป็นไปได้ไหม ที่ปรายดาวจะไปอยู่ที่ไร่สุขศรีตรังนั่นอีก”
“เจนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ค่ะ”
เดนนิสมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
“ดาวมีความเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่นั่น!”
“ฎมันก็พูดยากนะค่ะ เพราะที่เจนไปอยู่ที่นั่นก็ยังไม่รู้เลยว่าเพราะใครแต่ถ้าจะให้เดา คนที่เป็นไปได้ที่สุดก็น่าจะเป็นผู้กองเตะ..เอ๊ย! เตชิต แต่ปรายดาวนี่...” เจนจิราชะงัก “จริงซิคะ”
“อะไร”
“เสี่ยจำที่เจนเคยเล่าให้ฟังได้มั้ยค่ะ ที่ผู้กองเตชิตรูปปรายดาวมาให้เซ็นชื่อแล้วอีกตอนนึง ก็เมื่อคราวที่เราไปค้างที่รีสอร์ทสุขศรีตรัง เจนเห็นภาพดาวนั่นแหละปลิวออกมา”
“แม่เจ้าของไร่ นั่นต้องรู้ดีแน่ ไอ้เจ้าพอลของเราก็ไปติดพันอยู่เหมือนกัน เรื่องนี้ฉันถึงใช้เธอแทนที่จะใช้มัน”
“เป็นไปได้มั้ยคะว่า พอลนี่แหละคือเกลือเป็นหนอน”
“ฉันก็เคยคิดอย่างนั้น ถึงได้ใช้มันไปฆ่าไอ้เตชิต”
“แล้วคุณเตชิตก็นอนโคม่าอยู่โรงพยาบาลที่ปากช่อง”
เดนนิสและเจนสบตากัน
“ทำไมถึงต้องเป็นปากช่อง”
“นั่นซิค่ะ ทำไมต้องปากช่อง”
“เธอปลอมตัวไปดูไอ้เตชิตซิ”
“ได้เลยค่ะ”
สีหน้าเจนจิราดูมาดมั่น กระตือรือร้นจะทำงานเต็มที่
เตชิตมาหาศรีตรังที่บ้าน ศรีตรังหันกลับมามองเตชิตอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด
“เต แกจะมาหมกตัวอยู่แต่ที่นี่ไม่ได้ หูตาไอ้เดนิสมันมากมายเป็นสับประรด”
เตชิตมีสีหน้ากังวลแวบหนึ่ง
“ไม่ต้องเป็นห่วงคุณหนูเผือก ฉันดูแลให้เอง”
“ระวังตัวแกเองด้วย ดันทะลึ่งรับยัยเจนจิรามาอยู่ด้วย ไม่รู้แม่นั้นคาบอะไรไปบอกไอ้เดนิสบ้าง”
ศรีตรังนิ่งคิด “พอลเป็นคนฝากเจนจิราไว้ที่นี่”
“แกคิดว่าเป็นแผนเหรอ”
“ก็ไม่รู้ละ ตำรวจก็เป็นปตุชน มีทั้งดีทั้งชั้วอยู่แล้ว” ศรีตรังถอนใจเฮือก “ฉันบอกแกแล้วไงว่า เพชรเอาจจะเคยเป็นคนดี แต่นั้นมันเมื่อ 10 ปี ก่อน เขาเข้ามาโดยสวมชื่อตำรวจที่ตายไปแล้ว คนดีๆ ที่ไหนจะทำกัน”
ศรีตรังกัดปาก แล้วนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“แล้วที่เขาฝากปรายดาวมาล่ะ”
เตชิตถอนใจ สีหน้าขรึมลง
“ฉันคิดว่าเขาจริงใจและจริงจังกับปรายดาว”
เตชิตกับศรีตรังต่างพยายามระงับความเซ็งๆ ที่ท่วมท้นเข้ามา
ระหว่างนั้นที่โรงพยาบาลเจนจิราปลอมตัวเป็นพยาบาลเข็นโต๊ะวางเครื่องมือวัดความดัน และปรอทเดินตรงมาที่ห้องเตชิต เจนจิรามองซ้ายมองขวาแล้วจับลูกบิดประตูจะเปิดเข้าไป
“เฮ้ คุณ คุณพยาบาล” เจนจิราลอบถอนใจเซ็งๆ แล้วหันมา ธงถือถ้วยกาแฟเย็นเดินแกมวิ่งตรงมา
“ไม่ต้องครับ คุณหมอเพิ่งเข้ามาดูเดี๋ยวนี้เอง”
“อ้าว วันนี้เวรดิฉันนะคะ”
“แต่เมื่อกี้คุณหมอมาเองเลยครับ”
เจนจิราเม้มปาก
“โอเค ค่ะ”
เจนจิราเข็นรถเดินกลับไป ธงทรุดตัวลงนั่งดูดกาแฟ
เจนจิราแอบมาโทรศัพท์รายงานเดนนิส
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยหาโอกาสใหม่”
“เจนคิดว่า น่าจะยังไม่รู้สึกตัวค่ะ เท่าที่ดูภายนอก มีตำรวจเฝ้าอยู่คนเดียว”
“พรุ่งนี้ฉันจะส่งไอ้เจ็งไปช่วย”
“ค่ะ เจนรักเสี่ยมากนะค่ะ”
“รักฉันก็ตั้งใจทำงาน”
“ค่ะ”
เจนจิราเดินออกไป
ส่วนที่ไร่สุขศรีตรังขณะนั้นเตชิตกำลังปรึกษากับสมเรื่องคนงานกำลังก่อสร้างรีสอร์ท เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเตชิตหยิบมารับ
“ว่าไง จ่าธง”
“วันนี้มีเหตุการณ์แปลกๆ ครับ คุณหมอธวัชเข้ามาในห้องตามที่จัดกันไว้แล้วอยู่ดีๆ มีพยาบาลอีกคน จะมาวัดความดันกับวัดไข้”
“แล้วไง ได้เข้าไปหรือเปล่า”
“ไม่ครับ ผมมาทันพอดี”
“จะใช่พยาบาลจริงหรือไม่จริงเราไม่รู้แต่จ่าธงต้องระวังมากกว่าเดิม”
“ครับผม”
เตชิตปิดโทรศัพท์ สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด แล้วตัดสินใจโทรศัพท์หาเสนา เสนาคุยโทรศัพท์กับเตชิตด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เฮ้ย นี่แสดงว่ามันเริ่มสงสัยแล้ว นายต้องระวังหน่อย ไอ้ที่ปลอมเป็นเตโชเที่ยว ไปไหนต่อไหนน่ะ เลิกเด็ดขาด”
“อ้าว แล้วบ้านผมล่ะครับ”
“ฉันจะส่งตำรวจไปเฝ้าเอง”
“ขอบคุณมากครับ ผู้กำกับ”
“อย่าให้พลาดเด็ดขาดเชียวนะ ไอ้เต”
“ครับผม”

เตชิตวางโทรศัพท์ลง ถอนใจเฮือกใหญ่







Create Date : 24 มีนาคม 2555
Last Update : 24 มีนาคม 2555 1:26:32 น.
Counter : 302 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]