All Blog
ปางเสน่หา ตอนที่ 5



หลังจากเตชิตกลับไปแล้ว ศรีตรังใคร่ครวญครุ่นคิดถึงคำพูดที่เตชิตบอกเตือน

“ศรี แกต้องระวังอย่าให้พวกมันใช้รีสอร์ทแกเป็นที่ซื้อยาเสพติดก็แล้วกัน”
ศรีตรังมีสีหน้าเด็ดขาดอย่างยอมไม่ได้
“ไม่ได้ ยอมไม่ได้เด็ดขาด”
“อะลัดตั๊ดต๊า” ศรีตรังสะดุ้งหันมามอง จุรียืนจ้องศรีตรังอย่างประหลาดใจ “คุณหนูทำท่าเหมือนกำลังจะไปบู๊กับใครเลยค่ะ”
“ใช่แล้วค่ะ ป้าจุคอยจับตาดูให้ดีนะคะ ศรีจะจับมันให้ได้คาหนังคาเขา”
“จับใครคะ”
“ผู้ร้าย”
ศรีตรังเดินออกไปด้วยสีหน้าท่าทางมั่นอกมั่นใจสุดๆ โดยจุรีมองตามยังงงไม่หาย
ขณะนั้นคณะของเดนนิสอยู่ที่ที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ติดเขา บรรยากาศดีมาก เจียงมองไปโดยรอบด้วยสีหน้ารื่นรมย์ ส่วนเดนนิส พอล ดูที่ดินด้วยสีหน้าราบเรียบไม่บอกอารมณ์
“ต๊าย สวยจังเลยค่ะ ซื้อเลยนะคะเสี่ย เจนเชียร์”
เจนจิราบอก เดนนิสโอบไหล่เจน ขณะหันมาขอความเห็นจากพอล
“นายว่าไง...พอล”
“แหม...จะต้องถามลูกน้องทำไมคะ”
“พอลไม่ใช่ลูกน้อง”
เดนนิสวนทั้นทีทำให้เจนจิราถึงกับเหวอ
“อ้าว”
“แต่เหมือนน้องมากกว่า ฉันรักและไว้ใจพอลมากที่สุด”
เจียงตวัดสายตามองพอลแว่บหนึ่งด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เจนจิราหัวเราะรื่น
“ตายจริง ขอโทษนะคะพอล เจนไม่รู้ว่าเสี่ยไว้ใจคุณขนาดนั้น”
“ต้องขอบพระคุณเสี่ยน่ะครับที่ให้เกียรติผม”
“ตกลงนายว่าไง จะซื้อหรือไม่ซื้อดี”
“ผมคงให้คำแนะนำไม่ได้หรอกครับ เพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้”
“ซื้อไว้เถอะครับ เสี่ย” เจียงบอก ทุกคนหันมามอง “จะซื้อไว้ทำกำไร หรือจะสร้างรีสอร์ทก็ได้ บรรยากาศทั้งดีกว่าแล้วก็สวยกว่ารีสอร์ทสุขศรีตรังที่เราไปพักอีก”
“เจนเห็นด้วยค่ะ แล้วยังเอาไว้ให้เช่าถ่ายหนังถ่ายละครได้อีก ...เหนือสิ่งอื่นใด เราจะได้เอาไว้มาพักผ่อนกันเวลาที่เครียดๆ ไงคะ ธรรมชาติสวยๆ อย่างนี้ อากาศดีๆ อย่างนี้ เป็นยารักษาความเครียดได้ดีที่สุด”
“ฉันจะเอาไว้ปรึกษาเดือนเขาอีกที” เจนจิราหน้าหงิกทันที ขณะที่พอลเหลือบมองเดนนิสแว่บหนึ่ง เดนนิสหันมามองพอล “นายว่าเดือนจะชอบไหม”
เดนนิสมองพอลเหมือนจะหยั่งให้ลึกซึ้ง
“ผมคงให้คำตอบเสี่ยไม่ได้หรอกครับ เพราะผมไม่ใช่คุณปรกเดือน”
เดนนิสเบือนหน้ากลับไปมองทิวทัศน์เบื้องหน้า
“แต่นายก็สนิทกับเขามากนี่” พอลนิ่งไป “แดดชักจะแรงแล้ว กลับกันเถอะ”
เดนนิสเดินไปที่รถ เจนจิรากอดแขนไม่ยอมห่าง ติดตามด้วยพอลและเจียง
พอลขับรถเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านพักเดนนิส เจียงทำคล่องแคล่วลงมาเปิดประตูรถให้เดนนิสขณะที่พอลลงมาเปิดประตูให้เจนจิรา บริเวณพุ่มไม้ห่างออกไปขระนั้นศรีตรังกำลังส่องกล้องมองความเคลื่อนไหวของทุกคน
“ศักดิ์ศรีไปอยู่ไหนหมด เฮอะ ต้องพินอบพิเทาโก้งโค้งเปิดประตูให้เด็กพ่อค้ายาเสพติด”
ศรีตรังพึมพำอย่างเจ็บใจ เจนจิรากอดแขนเดนนิสเดินจะเข้าบ้านแต่นึกได้จึงหันกลับมา
“แก 2 คนจะไปเที่ยวไหนก็ไป ถ้าต้องการตัวเมื่อไหร่จะโทร.ตาม”
“เข้าใจแล้วใช่มั้ยจ้ะ”
“ครับ”
“นายพอลล่ะ”
“ครับ”
เดนนิสโอบไหล่เจนจิราเดินเข้าไป พอลเบือนหน้ากลับมาแล้วชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นเงาคนหลบแว่บไปหลังต้นไม้
“แกจะไปไหนหรือเปล่า” เจียงถามพอล
“ไม่”
“ดี งั้นฉันจะได้ไปเยี่ยมป้าซักหน่อย อยู่เลยที่นี่ไปไม่ไกลเท่าไหร่”
พอลพยักหน้า เจียงขึ้นรถขับออกไป พอลทำเป็นเดินไปที่บ้านพักตัวเองซึ่งอยู่หลังถัดไป ศรีตรังส่องกล้องมองตาม
แต่จู่ๆ พอลทำเป็นเปลี่ยนใจเดินย้อนกลับมา เหมือนจะเดินชมวิวแถวๆ นั้น ศรีตรังยังส่องกล้องมองตาม
พอลเดินเรื่อยๆ เข้ามาโดยมีศรีตรังสะกดรอยตามมาเรื่อยๆ พอลหยุดเดินเมื่อมาถึงมุมหนึ่งแล้วหยิบมือถือขึ้นมา
ศรีตรังหลบวูบหลังพุ่มไม้พลางชะเง้อมอง
“โทร.ถึงสาวคนไหนอีกล่ะ”
ศรีตรังพูดยังไม่ทันขาดคำเสียงโทราศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ศรีตรังรีบกดรับด้วยความตกใจตาไม่ได้มองโทรศัพท์แต่มองพอลแบบหวั่นๆ ว่าจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอ
“ฮัลโหล”
“อยากจะคุยด้วยก็ออกมา ไม่ต้องทำลับๆ ล่อๆ แอบหลังต้นไม้ให้มันยุ่งยากหรอก”
ศรีตรังสะดุ้ง ก้มมองโทรศัพท์แล้วเงยหน้ามองไปทางพอล พอลหันกลับมามองตรงที่ศรีตรังแอบอยู่แล้วกวักมือเรียก
“บ้าเอ๊ย ซวยชะมัด”
ศรีตรังนึกฉุนตัวเอง
“แอบปลื้มผมละซีท่า”
พอลบอกทางโทรศัพท์ ศรีตรังผุดลุกขึ้นแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงเดินตรงไปหาขณะที่พอลเก็บโทรศัพท์เช่นกัน
“ฉันเนี่ยนะ ปลื้มคุณ”
ศรีตรังโวยลั่นมาก่อนตัว
“ก็ถ้าไม่ปลื้มจะต้องถือกล้องส่องทางไกลคอยแอบมองผมทำไม”
“เพราะฉันไม่ไว้ใจคุณน่ะซิ” พอลเลิกคิ้ว “เกิดคุณขนยาเสพติดเข้ามาในรีสอร์ทของฉัน ฉันก็ซวยซิ”
พอลกางแขนออก
“จะค้นตัวมั้ย”
ศรีตรังทั้งโกรธทั้งอาย
“บ้า ทุเรศ โรคจิต”
“อ้าว อุตส่าห์ยอมให้ค้นตัวยังมาหาว่าโรคจิต ที่คุณแอบส่องกล้องมองผมมิโรคจิตกว่าเรอะ”
ศรีตรังกระทืบเท้าอย่างลืมตัว
“บอกว่าไม่ได้แอบมอง”
พอลยังยั่วต่อ
“กล้องยังอยู่ในมือคุณอยู่เล้ย หลักฐานจะจะ”
“ไอ้คนหลงตัวเอง”
“ก็ยังดีกว่า หลงคนอื่นแบบคุณ”
“คนอะไร ไม่เคยพบเคยเห็น ทุเรศอ่ะ”
ศรีตรังสะบัดหน้าหันหลังเดินกลับ พอลตะโกนตาม
“แน่ใจหรือว่าไม่เคยพบเคยเห็น”
ศรีตรังชะงัก หยุดเดินแล้วค่อยๆ หันกลับมา
“ว่าไงนะ”
“อะไรว่าไง”
พอลแกล้งทำหน้าตาย
“เมื่อกี้คุณพูดว่า แน่ใจหรือที่ฉันไม่เคยพบเคยเห็นคุณ”
“ก็ใช่น่ะซิ เราเคยพบเคยเห็นเคยทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้มาตั้งหลายครั้ง ทำไม...หรือคุณคิดว่า เราเคยผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อ”น
ศรีตรังเม้มปากแล้วจะเดินย้อนกลับไป พอลมองตามสีหน้ากวนๆ ค่อยๆ เปลี่ยนกลับเคร่งขรึม
ศรีตรังเดินโครมๆ เข้ามาในบ้านพักเตชิตแล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด เตชิตกอดอกมองตามอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ”
“อยากจะฆ่าคน”
“ใครฮึที่ซวยขนาดนั้น” ศรีตรังนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นพรวดพราด สีหน้าขึงขัง จนเตชิตสะดุ้งเฮือก “เฮ้ย”
“ไอ้เต”
เตชิตค่อยๆ ถอยไป 2-3 ก้าว
“ทำไมแกตาขวางๆ พิกลวะ”
“อย่าบ้าน่า คุณหนูเผือกเสียงหวานของแกอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า”
“แกจะทำไม หรืออยากจะมี Connestion กับผีบ้าง”
“ฉันจะวานให้เขาไปสืบดูในบ้านพักคุณชายเผือกหน่อย”
เสียงหวานปรากฏตัวขึ้น
“ฉันไปไม่ได้หรอกค่ะ”
เตชิตมองเสียงหวานแล้วหันมามองศรีตรัง
“เขาบอกว่าไปไม่ได้”
“ทำไมถึงไปไม่ได้”
“นอกจากคุณจะเข้าไปกับฉันด้วย”
เสียงหวานบอก เตชิตหันมามองศรีตรังแล้วบอกตามที่เสียงหวานบอก
“นอกจากผมจะเข้าไปกับเขาด้วย”
“ทำไม”
“คือ ...”
“งั้นแกก็เข้าไปกับเขา” ศรีตรังสรุป เตชิตถึงกับสะดุ้ง
“เฮ้ย”
“งั้นก็ได้ค่ะ”
เสียงหวานตอบรับ เตชิตหันขวับมาทางเสียงหวาน
“คุณเป็นผี แต่ผมเป็นคนนะ”
“ฉันจะบังคุณให้ไงคะ”
“แน่ใจเหรอว่าทำได้”
“ไม่แน่หรอกค่ะ แต่คุณก็ยังเคยบอกให้ฉันลองดูเลย”
ตลอดเวลาที่ทั้งคู่พูดกัน ศรีตรังมองเตชิตทีแล้วหันไปมองที่ว่างที่เตชิตพูดด้วยที
“ตกลงว่ายังไง” ศรีตรังขัดขึ้นมา
“บอกเธอว่าตกลงค่ะ”
เตชิตหันมาทางศรีตรัง
“เขาบอกว่าตกลง แต่ฉันไม่ตกลง”
“เฮ้ย วิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของแกไปไหนหมดวะ”
“อ๋อ ออกจากร่างไปตั้งแต่รู้แน่ว่า ผู้กำกับเสนาร่วมมือกับไอ้เจ้าพ่อยาเสพติดแล้ว มิน่า ถึงได้สั่งให้ปล่อยไอ้เจียงไป ทั้งๆ ที่กว่าจะจับได้ ฉันต้องวางแผนแทบตาย นี่ดูเหมือนมันจะมากับไอ้เดนนิส...ไอ้พอลด้วย...ยังคิดอยู่เลยว่า ฉันจะไปลาออก”
“ไม่ได้”
เสียงหวานกับศรีตรังบอกออกมาพร้อมกัน เตชิตมองกราดทั้ง 2 คน แล้วบอกออกมา
“ได้”
“แกคิดดูดีๆ นะ ไอ้เต”
“อ๋อ ฉันคิดแล้วคิดอีกมาตั้งแต่ตื่นนอนตอนตี 4 แล้ว”
เตชิตเป็นฝ่ายทรุดตัวลงนั่งขณะที่เกาหัวเซ็งๆ จนผมยุ่ง
ขณะนั้นด้านนอกพอลแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่มองบ้านพักเตชิตอย่างครุ่นคิด
“เข้าไปหาใครตั้งนาน”
ศรีตรังยกสองมือเกาหัวจนหัวยุ่ง แล้วเดินมานั่งใกล้ๆ เตชิตพร้อมตบบ่าให้กำลังใจ
“ฟังฉันให้ดีนะ ไอ้เต”
“ไม่ฟัง”
“แกต้องกู้ศักดิ์ศรีของตำรวจดีๆ และตัวของแกกลับคืนมา”
“เพื่อนคุณพูดถูกนะคะ”
“เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ”
“คุณหนูเผือกเห็นด้วยกับฉันเรอะ”
“ใช่ค่ะ” เสียงหวานตอบรับทั้งที่ศรีตรังไม่ได้ยิน
“ไอ้เต แกต้องคิดให้ดี เพราะแกไม่ใช่แค่กู้ศักดิ์ศรีของตำรวจดีๆ แล้วก็ตัวแกเองเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เยาวชนของชาติรอดพ้นจากภัยร้ายแรงของมันด้วย ... นี่มันเรื่องระดับชาติเลยนะเว้ย”
“ถ้าไม่เห็นแก่ศักดิ์ศรีก็เห็นแก่ชาติเถอะค่ะ”
เตชิตเกาหัวบ้างจนหัวยุ่ง
พอลกำลังจะกลับแต่แล้วก็ชะงัก เมื่อประตูเปิดออก เตชิตและศรีตรังเดินหัวยุ่งออกมา พอลเบิกตากว้างแล้วขบกรามแน่น
“หัวหูยุ่งออกมากันเลย”
ศรีตรังโอบคอเตชิตไว้
“ดีมาก เพื่อนรัก เราจะร่วมมือกันทลายไอ้แก๊งค์นรกนี้ให้ได้”
“ผู้หญิงอะไร น่าไม่อาย” พอลต่อว่าเบาๆ เตชิตขยี้ผมศรีตรัง
“ไปได้แล้ว”
ศรีตรังหัวเราะ พลางเดินมาขึ้นมอเตอร์ไซค์ ศรีตรังโบกมือให้เตชิตพร้อมกับตะโกนบอก
“ไปละเต คืนนี้พบกัน”
“ทั้งกลางวันกลางคืนเลยเรอะ” ศรีตรังขี่รถออกไป เตชิตมองตามพลางโบกมือให้อย่างอารมณ์ดี แล้วกลับเข้าบ้าน
“ไอ้เต”
พอลนึกแค้นเตชิต
ส่วนที่บ้านพักเดนนิส ขณะนั้นเดนนอนหลับสนิท เจนจิราค่อยๆ ขยับลุกขึ้นจากเตียงหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเดินย่องๆ ออกไปข้างนอกโดยเปิดและปิดประตูเบาๆ
เจนจิราหลบออกมาโทรศัพท์หาปรกเดือน ปรกเดือนเดินมาหยิบโทรศัพท์ซึ่งดังอยู่ขึ้นมาพูด
“ฮัลโหล”
“ผู้หวังดีอีกแล้วละค่ะ คุณเดือนขา แหม...ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันเลยนะคะเนี่ย อุ๊ย อย่า...อย่าเพิ่งวางสายซิคะ เดี๋ยวจะอดรู้อะไรดีๆ”
“คงไม่ดีมากกว่ามั้ง”
“แหม คมคาย คืองี้ค่ะ ฉันจะโทร.มาบอกว่า สามีของคุณกับนางเอกสาวแสนสวย เพิ่งจะเสพสุขอันซาบซ่านเสร็จไป...อ้อ เสี่ยน่ะหลับไปแล้วละค่ะ คงอีกนานกว่าจะตื่น ... เพลียไงคะ” ปรกเดือนกำโทรศัพท์แน่น เจนจิราทำเป็นถอนใจยาวอย่างมีความสุข “เฮ้อ...อ...อ อากาศที่นี่ดีจังเลย..แล้วน้องเจนยังยุให้เสี่ยซื้อที่สร้างรีสอร์ทไว้พักผ่อนที่ปากช่องด้วยนะคะ ถ้าคุณเดือนอยากมาพักบ้าง ลองคุยกับน้องเจนดีๆ เธอก็คงจะอนุญาตค่ะ ตายจริงปล่อยให้ฉันพูดอยู่คนเดียว...คุณเดือนจะไม่กล่าวอะไรบ้างหรือคะ”
“หน้าด้าน”
ปรกเดือนกระแทกโทรศัพท์ลง
“สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความเลยอดแนะนำเมนูสุขภาพเลย”
เจนจิราลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างรื่นรมย์
ปรกเดือนเดินออกมาด้วยสีหน้าแววตาเจ็บช้ำ ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นแจ๋วยืนมองอยู่
“คราวหน้าขอแจ๋วพูดได้ไหมคะ หน้าด้านมันยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงแบบนั้น”
“แจ๋ว”
“ขา ...”
“ไม่ใช่เรื่องของเรา”
ปรกเดือนเดินเลยไปข้างบน โดยแจ๋วมองตามอย่างเห็นใจสุดๆ
ปรกเดือนเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องแล้วทรุดตัวลงนั่ง ปรกเดือนเงยหน้า กระพริบตาถี่ๆให้น้ำตาไหลย้อนกลับลงไป ในที่สุดหลังจากตั้งสติได้ปรกเดือนหยิบโทรศัพท์มากดหาพอล พอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“มีอะไรหรือครับ เดือน”
“เสี่ยกับแม่ดารานั่นเขากำลังมีความสุขกันมากใช่ไหมคะ”
“เขาโทร.ไปเล่าอะไรให้คุณฟังหรือ”
“แล้วใช่มั้ยล่ะคะ”
“ถ้าถามผม ... ผมก็ว่าปกติ ...เสี่ยน่ะค่อนข้างเฉื่อยๆ ด้วยซ้ำ เจนจิราคงจะแกล้งใส่ไข่ให้คุณหึง”
“เดือนไม่ได้หึง แต่มันโกรธ ...โกรธมาก”
“เดือน” พอลลากเสียงอ่อนเป็นเชิงปลอบ
“เดือนตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะขอหย่าและคุณก็ไม่ต้องมาห้ามเสียให้ยาก”
“ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็สุดแล้วแต่คุณเถอะ เรื่องนี้คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวคุณเอง”
“ขอบคุณค่ะ ที่ไม่ทำให้เดือนลังเล...คุณละค่ะเที่ยวสนุกไหม”
“ผมตามมาคอยอำนวยความสะดวกให้เสี่ยมากกว่า”
“ถามจริงๆ คุณไม่คิดจะแยกตัวออกมาบ้างหรือคะ สิ่งที่คุณทำอยู่มันทั้งเสี่ยงและผิดกฏหมาย”
“ผมถลำลึกลงไปมากแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ ทุกคนมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ”
“ขอบคุณที่หวังดี...” มีเสียงโทรศัพท์ดังซ้อนขึ้นมา “เดี๋ยวนะเดือน ผมมีสายซ้อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดือนไม่มีอะไรแล้ว”
ปรกเดือนปิดโทรศัพท์แล้ววางลง พอลรับอีกสาย
“ครับ เสี่ย”
“มาหาฉันหน่อยซิ”
“ครับ”
พอลเก็บโทรศัพท์แล้วเดินออกไป
ขณะนั้นเจนจิรากำลังชี้ชวนให้เดนนิสดูโน่นดูนี่ ในขณะที่พอลเดินตรงเข้ามา
“ลูกน้องรูปหล่อหน้าตาดีของเสี่ยมาแล้วค่ะ”
เจนจิราบอก เดนนิสหันไปมองด้วยสีหน้าราบเรียบเช่นเดียวกัน เจนจิราเบือนหน้ามามองเดนนิสหัวเราะคิก
“แนวเดียวกับเจ้านายเลย”
“แถวนี้มีที่ไหนให้เที่ยวบ้าง”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน คงจะต้องถามคนในรีสอร์ท”
“ฉันนึกว่านายจะรู้ดีเสียอีก”
“ผมแค่มาไหว้พระเท่านั้น ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่อื่น”
“แปลก...”
“งั้นเราเดินเล่นในบริเวณรีสอร์ทนี่ก็ได้ค่ะ เย็นมากแล้ว แดดไม่แรงอากาศก็เย็นๆ ดี”
“คุณกับเสี่ยเดินเล่นกันไปก่อน ผมจะไปถามคนในรีสอร์ทให้”
“ไม่ละ ขี้เกียจเดิน นายไปถามหาร้านอร่อยๆ ไว้กินมื้อเย็นดีกว่า”
“ครับ” พอลขยับออกเดิน
“เดี๋ยวค่ะ”
พอลหันกลับมามอง เจนจิรากอดเดนนิสแล้วอ้อน
“ให้เจนไปกับพอลได้ไหมคะ”
“ถ้าไม่กลัวเมื่อยก็เชิญ”
เดนนิสเดินกลับเข้าไปในบ้าน เจนจิราเบือนหน้ากลับมามองพอล
“ไปค่ะ”
พอลขยับให้เจนจิราออกเดินก่อน แล้วตัวเองออกเดินตาม
พอลกับเจนจิราเดินมาได้สักครู่ จู่ๆ เจนจิราก็หยุดเดินหันมาหาพอลที่เดินเยื้องห่างๆ ข้างหลัง
“เดินไปด้วยกันก็ได้ค่ะ พอล”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เป็นไรซิคะ เพราะฉันไม่ชอบที่ต้องคอยหันหลังไปคุย มาเถอะน่า ฉันไม่กัดคุณหรอก” พอลเดินขึ้นมาเจนจิรา
ปรายตามองแว่บหนึ่ง “รูปร่างหน้าตาดี อย่างคุณน่าจะไปเป็นนายแบบหรือไม่ก็ดารามากกว่าจะมาเป็นเบ๊” พอลยังคงมีสีหน้าปกติ “ฉันจะฝากให้เอาไหม” พอลยังคงเงียบ เจนจิราจะพูดต่อแต่พอลเดินแยกไปที่บริเวณหน้าบ้านพักเต “เดี๋ยว จะไปไหนน่ะ” พอลไม่ตอบแล้วเดินไปกดกริ่งหน้าประตู เจนจิราเดินตามหา “รู้จักคนในบ้านเหรอ”
พอลยังไม่ทันตอบ เตชิตเปิดประตูออกมา พอลรีบทักขึ้นก่อนโดยทำเหมือนไม่รู้จัก
“สวัสดีครับ ขอยืมมอเตอร์ไซค์คุณหน่อยได้ไหม เดี๋ยวเอามาคืน”
“ฉันพักอยู่บ้านถัดไป 2 หลังเองค่ะ”
เจนจิราบอก เตชิตพยักหน้า
“รอเดี๋ยว ผมจะไปเอากุญแจมาให้”
“ขอบคุณมาก”
เตชิตเดินกลับเข้าบ้านไป เจนจิราหันมามองพอลทึ่งๆ
“เห็นหน้าไม่รับแขกอย่างนี้ แต่คุณก็มีมนุษย์สัมพันธ์เหมือนกันนะ”
ขณะนั้นเสียงหวานกำลังยืนอยู่ที่หน้าต่างด้วยสีหน้าตื่นเต้นเมื่อเห็นเจนจิรา
“จริงๆ นะคะ ฉันรู้จักผู้หญิงคนนั้น”
“ก็ดาราชื่อเจนจิราไง”
“ใช่แล้ว ใช่จริงๆ ด้วย คุณไปถามเขาซิว่าจำฉันได้หรือเปล่า”
“จะให้ผมไปบอกเขาว่า คุณชื่ออะไรล่ะ”
เตชิตประชด เสียงหวานหน้าจ๋อยลง
“นั่นซิ ...” เสียงหวานชะงัก ดีใจเหมือนนึกได้อีก “ รูปไง เอารูปวาดฉันไปให้เขาดู”
“อยู่ดีๆ คุณจะให้ผมสุ่มสี่สุ่มห้าไปถามเรอะ”
“ว้า อะไรๆ ก็ไม่ได้”
เสียงหวยานมองออกไปอีกแล้วชะงัก เมื่อเห็นพอล
“ผู้ชายคนนั้นฉันก็ว่าคุ้นๆ หน้าเหมือนกัน”
“โฮ้ย เที่ยวได้คุ้นกับผู้คนเขาไปทั่วเชียวนะ”
เตชิตถือกุญแจรถออกไป
“ก็มันจริงนี่”
เตชิตเอากุญแจรถไปให้พอล พอลขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีเจนจิราซ้อนท้าย
“พอล ตกลงจะเป็นนายแบบหรือเปล่า”
เจนจิราถามพอลต่อ
“ถ้าตกลง แล้วใครจะมาทำงานให้เสี่ยแทนผมล่ะ” เจนจิราหัวเราะคิกคัก แล้วกอดเอวพอลแน่น “อย่ากอดแน่นนักซิคุณ ผมยังไม่อยากเดือดร้อน”
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า”
พอลเลี้ยวรถไปตามเส้นทาง
ส่วนเตชิต เขานั่งหลับตาอย่างใช้ความคิด เสียงหวานยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“นอนหลับหรือคะ”
เตชิตลืมตาขึ้นแล้วชะงัก เมื่อเห็นหน้าเสียงหวานอยู่ใกล้ๆ ดวงตาที่มองเสียงหวานค่อยๆอ่อนเชื่อมลง ทำท่าสูดกลิ่นหอมเบาๆ
“หอมจัง” แสงและหน้าเสียงหวานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพู ด้วยความเขินอาย “คุณใส่น้ำหอมอะไรน่ะ” เสียงหวานถอยออกมา หรุบตาลงต่ำ “แปลก... กลิ่นของคุณ”
เสียงหวานเงยหน้าทันที
“ทำไมคะ”
“ไม่เหมือนกลิ่นซากศพ”
เสียงหวานค่อยๆ หน้าเสียลง แล้วสะเทือนใจลึกซึ้ง
“แต่ฉันก็เป็นแค่ซากศพ”
“ไม่เอาน่า” เตชิตกระแอมแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อกี้ผมไม่ได้หลับ แต่กำลังใช้ความคิด” เตชิตจับจ้องมองเสียงหวานอย่างจริงจัง “... ว่าจะเอารูปคุณให้นางเอกคนนั้นดูยังไงดี เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจ แบบ...”
เสียงหวานกระตือรือร้นทันที
“แบบหลอนๆ หน่อยใช่ไหมคะ”
“ได้อย่างนั้นก็ดี คุณพอจะทำได้หรือเปล่า”
“ไม่แน่ใจค่ะ แต่เพื่อนฉันทำได้แน่ๆ”
เตชิตสะดุ้ง
“เพื่อนคุณ”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ฉันลืมไปว่าคุณกลัวเขา”
เตชิตชะงัก แล้วทำยืด
“ผมน่ะเรอะกลัวเพื่อนคุณ ไม่มีทาง ก็คุณผมยังไม่กลัวเลยนี่”
“งั้นก็ดีเลย คืนนี้ ฉันจะพาเขามาประชุมด้วย ดีมั้ยคะ”
เตชิตสะดุ้งเฮือกแล้วรีบฉีกยิ้ม เมื่อเสียงหวานหันมาจ้องหน้า
“คุณไม่ต้องตอบ ฉันก็รู้จากสีหน้าของคุณว่าดีแน่ๆ เลย”
เตชิตกลืนน้ำลาย แต่ยังคงฉีกยิ้ม โดยที่ตายังคงหวาดๆ เลยกลายเป็นยิ้มแหยๆ ขณะที่เสียงหวานยิ้มกริ่ม

พอลขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านศรีตรัง แล้วก้าวลงมาพร้อมดึงหมวกกันน๊อคออก
“อะลัดตั๊ดต๊า คุณชายเผือก” จุรีทักพอ ล พอลสะดุ้งขณะที่เจนจิราทำหน้าเหวอ “อุ๊ย ขอประทานโทษค่ะ”
เจนจิราหายเหวอ แล้วหัวเราะคิก
“ป้าเรียกพอลว่า คุณชายเผือกหรือจ้ะ”
“แต่ป้าไม่ได้เป็นคนริเริ่มนะคะ”
จุรีรีบแก้ตัว พอลสีหน้าขรึมลง
“ฉันจะมาขอคำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว”
“อ๋อ... มีเยอะไปหมดเลยค่ะ แต่ป้าต้องไปถามคุณหนูเจ้านายป้าก่อนนะคะ”
จุรีหันหลังกลับจะเดินเข้าบ้าน
“ป้าจ๋า”
เจนจิราเรียก จุรีหันขวับมาทันที
“ขา”
“ทำไมต้องปิดตาซ้ายด้วยล่ะจ้ะ หรือว่าเป็นตาแดง”
“เปล่าค่ะ” จุรีมองซ้ายมองขวา และลดเสียงลง “ตาข้างซ้ายป้ามีซิกส์เซ้นท์ค่ะ เปิดเมื่อไหร่เป็นเจอผีเมื่อนั้น”
เจนจิราชะงัก
“ที่นี่มีผีด้วยหรือคะ”
“เดินกันให้ว่อนเลยละค่ะ”
จุรีดดินกลับเข้าไป ขณะที่เจนจิราเบิกตากว้างแล้วยกมือปิดปากตัวเอง
จุรีเดินกลับเข้าบ้านแล้วแทบจะถลาเข้ามาหาศรีตรังด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“อะลัดตั๊ดต๊า”
“รู้แล้ว” ศรีตรังขัดขึ้นทันทีทำให้
“อ้าว” จุรีอ้าปากค้าง
“ศรีได้ยินเสียงรถ ก็เลยไปชะโงกหน้าต่างดู”
“อ้อ” ศรีตรังลุกเดินจะเข้าไปข้างใน “คุณหนู คุณชายเผือกอยู่ข้างนอกค่ะ”
“ศรีจะไปหาอะไรกินในครัว หิว” ศรีตรังเดินเข้าไป แล้วกลับออกมาใหม่ “อ้อ บอกเขาว่าที่ปากช่องนี่ไม่ได้สวยแค่ปากแต่สวยตลอดทุกระยะไปยันท้ายช่อง เชิญเลือกเที่ยวโดยสะดวกได้ทุกช่อง”
“อะลัดตั๊ดต๊า ...มึนอ่ะ”
จุรีเดินยิ้มแห้งๆ ออกมา
“เจ้านายป้าล่ะ”
“เธอหิวค่ะ เลยเข้าไปหาอะไรรับประทานในครัว”
จุรีอ้อมแอ้มบอก พอลสีหน้าขรึมลงอีก
“ต๊าย”
“แต่ก็ไม่ได้นิ่งดูดายนะคะ เธอฝากให้ป้ามาบอกว่า เชิญคุณเที่ยวโดยสะดวก ตั้งแต่ปากช่องยันท้ายช่อง เพราะสวยไปหมดทุกช่วง”
พอลขบกราม ขณะที่เจนจิรายกมือทาบอกแล้วเบิกตากว้าง
“อุ๊ยตายแล้ว”
เมื่อกลับมาบ้านพักเจนจิราเล่าเรื่องนี้ให้เดนนิสฟัง เดนนิสนิ่วหน้าหันมาทางเจนจิรา
“แล้วไอ้พอลมันว่ายังไง”
“ไม่ว่าอะไรสักคำค่ะ แต่ดูหน้าก็รู้ว่าโกรธมาก ... เจนว่าพอลกับเจ้าของรีสอร์ทนี่ต้องรู้จัก แล้วก็เคยเป็นคู่แค้นกันมาก่อนแน่ๆ”
“เรื่องของมัน ถ้าให้ช่วยมันก็บอกเราเอง”
เจนจิรานิ่งคิดครู่หนึ่ง
“เป็นผู้หญิงด้วยนี่คะ”
เดนนิสเหยียดยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง
“มิน่า มันถึงได้ชอบมาที่นี่บ่อยๆ”
“แต่เจนไม่ชอบขี้หน้าแม่นั่น เรื่องมาก...เว่อร์”
นัยน์ตาเดนนิสเป็นประกายแว่บหนึ่ง มองเจนเหมือนระแวง
“เธอคงไม่ได้หึงไอ้พอลมันนะ”
เจนจิราสะดุ้ง แล้วหัวเราะคิกคัก
“คุณนั่นแหละกำลังหึงเจน” เจนจิรากอดและอ้อนเดนนิส “มีคุณอยู่ทั้งคน เจนไม่มีตาจะไปมองใครแล้วละค่ะ”
เดนนิสเมินหน้าไปอีกทาง สีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อกลับมาบ้านพักพอลโทรหาศรีตรัง ศรีตรังมองเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้วยิ้มสะใจนิดๆ ก่อนจะกดรับ
“ว่าไง พอล”
ศรีตรังแกล้งลากเสียงกวนๆ
“อยากเป็นจุดสนใจนักหรือไง”
“ไปกินรังแตนมาหรือ...พอล” พอลขบกรามพยายามระงับความโกรธ “ทำไมเงียบไปล่ะ พอล ขับรถเก๋ง ก็มีตุ๊กตาหน้ารถ
ขี่มอ’ไซค์ก็มีสก๊อย เนื้อหอมจังเลยนะพอล แต่ละนางไม่มีซ้ำหน้าเสียด้วย”
พอลพยายามระงับอารมณ์ และทำเสียงเป็นนัยๆ บ้าง
“ผมไปทำอะไรให้คุณเจ็บปวดหรือ ถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาเขม่นกันนัก”
“Oh! no. เปล่าเลยพอล แล้วทำไมพอลถึงทุรนทุรายอยากจะพบฉันนักอย่าบอกนะว่า...”
“ไม่มีทาง” พอลบอกอย่างฉุนจัด
“ฮั่นแน่ ร้อนตัวละซี พอล”
พอลปิดโทรศัพท์ทันทีอย่างหงุดหงิด ศรีตรังเลื่อนโทรศัพท์มาตรงหน้า แล้วพูดราวกับโทรศัพท์กับเป็นพอล
“ฉุนเป็นเหมือนกันหรือพอล... สะใจอ่ะ”
ศรีตรังปิดโทรศัพท์ แล้ววางลงอย่างสบายอกสบายใจ

ค่ำวันเดียวกันนั้นบรรยากาศภายในรีสอร์ทเงียบสงบ ศักดิ์สิทธิ์ซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง มีเครื่องรางของขลังรายล้อมรอบตัว ท่าทางศักดิ์สิทธิ์ดูหวาดกลัว เหลียวซ้ายแลขวาครู่หนึ่ง แล้วหยิบโทรศัพท์มากดหาอ้อย
ขณะนั้นอ้อยกำลังนั่งดูทีวีอยู่ อ้อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วนิ่วหน้าทำเสียงจึ๊กจั๊กอย่างหงุดหงิดขัดอกขัดใจ อ้อยชั่งใจครู่หนึ่ง จึงรับโทรศัพท์
“อะไรอีกล่ะ ศักดิ์”
“อ้อย ศักดิ์กลัว”
“กลัวก็นอนหลับเสียซิ”
“นี่เพิ่งทุ่มกว่าเอง” อ้อยถอนใจเฮือก “อ้อยมาอยู่เป็นเพื่อนศักดิ์ได้มั้ย”
“จะบ้าเหรอ”
“งั้นศักดิ์ไปอยู่กับอ้อยก็ได้”
“แม่อ้อยได้ด่าเปิงน่ะซิ ตั้งสติหน่อยศักดิ์ ศักดิ์อยู่ในบ้าน แล้วลุงหมอแกให้เครื่องรางของขลังมากขนาดนั้น ผีมันทำอะไรศักดิ์ไม่ได้หรอก”
“มันชอบมายืนมอง”
“ศักดิ์ก็อย่าไปมองมันซิ ... เท่านี้นะ” อ้อยปิดโทรศัพท์ แล้วถอนใจเฮือก “ยิ่งนับวันยิ่งสติแตก เก็บเอาไว้อันตรายมาก”
อ้อยเอนหลังพิงพนัก สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ขณะนั้นพงษ์ศักดิ์นั่งทำงานอยู่หน้า Com. ศักดิ์สิทธิ์เดินเข้ามาหา
“คุณพ่อ”
“อ้าว ศักดิ์” ศักดิ์สิทธิ์เดินเข้ามานั่ง ขณะพงษ์ศักดิ์มองเพ่งพิศ “ยังไม่เลิกกลัวผีอีกเรอะ”
ศักดิ์สิทธิ์สะดุ้งเฮือก
“พ่อ”
“แกนี่ท่าทางจะต้องไปหาจิตแพทย์แล้ว”
“ผมไม่ได้บ้านะครับ”
“แต่ก็ใกล้เคียงแล้วละ”
“ไม่มีใครเข้าใจผม ไม่มีเลยจริงๆ”
ศักดิ์สิทธิ์ตะเบ็งเสียง
“แล้วแกจะให้ทำยังไง หรือจะให้พ่อไปบอกผีอะไรนั่นว่าอย่ามาหลอกหลอนแกเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นแกก็บอกเขาให้มาพบพ่อหน่อย”
“คุณพ่อ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ”
“เอางี้ แกมานอนที่นี่ก็แล้วกัน เผื่อเขามา พ่อจะช่วยเจรจาให้”
“ครับ ... งั้นผมไปเอาหมอนกับผ้าห่มมาก่อนนะครับ”
“เออ”
ศักดิ์สิทธิ์เดินออกไป แล้วรีบผลุบกลับเข้ามาอีก
“คุณพ่อ”
“อะไรอีกล่ะ”
“ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยซิครับ”
พงษ์ศักดิ์ถอนใจเฮือก
ส่วนที่บ้านพักเตชิต เตชิตค่อยๆ วางรูปเสียงหวานลงบนโต๊ะ ในขณะที่เสียงหวานยืนชะโงกมองจากหน้าต่าง
“มาแล้วค่ะ” เตชิตสะดุ้ง หันกลับมา “จะให้เขาเข้ามาข้างใน หรือว่าจะออกไปหาเขาข้างนอกดีคะ”
“ไม่เอาทั้งสองอย่าง” เตชิตรีบบอก
“อ้าว”
“คุณไปบอกกับเขาเลยว่าลงมือได้ทันที”
“แล้วถ้าเขาอยากจะปรึกษา”
“ก็ให้พูดกับคุณแทน”
“แล้ว...”
“เลิกซักเสียทีได้มั้ย เอาเป็นว่าคุณตัดสินใจเองโดยไม่ต้องมาถามผม เพราะเราพูดกันไปหมดแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ”
เสียงหวานเดินผ่านประตูออกไป เตชิตค่อยๆ ขยับมาแอบดูจากหน้าต่าง จึงเห็นสองสาวพูดกัน โดยเกษรินมองมาทางหน้าต่างเป็นระยะๆ เตชิตรีบหลบ
ศักดิ์สิทธิ์ปูที่นอนหน้าเตียงพงษ์ศักดิ์เสร็จแล้วลุกขึ้นเดินไปส่งผ้ายันต์ให้พงษ์ศักดิ์ซึ่งกำลังทำงานอยู่
“อะไร”
“ผ้ายันต์กันผีครับ”
“เอามาทำไม”
“ให้คุณพ่อติดตัวไว้ครับ”
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกับเขา” พงษ์ศักดิ์ชะงักแล้วจ้องศักดิ์สิทธิ์ “หรือว่าแกรู้จัก”
“โธ่ ผมจะไปรู้จักกับผีได้ยังไง” ศักดิ์สิทธิ์เก็บผ้ายันต์ใส่กระเป๋าเสื้อ “ไม่เอาก็อย่าเอา”
“ตอนที่เขายังมีชีวิต แกเคยหักอกเขาใช่ไหม”
“ตรงกันข้ามเลยครับ” สีหน้าและน้ำเสียงศักดิ์สิทธิ์เศร้าลงอย่างลืมตัว พงษ์ศักดิ์มองเขม็ง
“แกเคยรู้จักเขาจริงๆ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมนอนละ ง่วงจัง”
ศักดิ์สิทธิ์เดินมาล้มตัวลงนอน
ทางด้านเดนนิส ขณะนั้นเดนนิสกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เจนจิราซึ่งอาบน้ำเสร็จกำลังแปรงผมอยู่ พอแปรงผมเสร็จ เจนจิราลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างแล้วชะงักเมื่อเห็นเกษรินยืนหันหลังอยู่ใต้ร่มไม้
“ใครน่ะ... เสี่ยคะ มีผู้หญิงมายืนอยู่หน้าบ้านค่ะ”
“ช่างเขาเถอะน่า”
“เจนออกไปดูนะคะ”
“ตามใจ”
เจนจิราหยิบเสื้อคลุมมาสวม แล้วเดินออกไป
เจนจิราเดินออกมายังจุดที่เห็นเกษริน แต่พอมาถึงเกษรินก็ต้องชะงักเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาเกษริน
“หายไปไหนเร็วจัง”

เจนจิราชะเง้อมองอีกรอบ แล้วหันหลังกลับจะเดินเข้าบ้าน











Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 9:46:01 น.
Counter : 307 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]