Group Blog
 
All blogs
 
ยามเมื่อสายฝนโปรย 3

สาวร่างสูงมองตามเด็กสาวที่กระตือรือร้นออกไปทำตามคำสั่งรู้สึกผิดเล็กๆที่ทำอะไรไปแบบนั้น มีนาเป็นเด็กดีที่น่าสงสารแต่เธอยังจะไปรังแก

“เสร็จแล้วค่ะคุณแวม”เด็กสาวส่งเสียงออกมาจากห้องน้ำก่อนที่ตัวจะเดินตามเสียงออกมา

พัทรมาศไม่ได้พูดอะไรเดินเข้าห้องน้ำไป มีนามองตามยิ้มๆก่อนจะเดินมาหยิบชามข้าวต้มไปอุ่น เมื่อเดินกลับขึ้นมาก็พบว่าเจ้านายอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและกลับขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว

มีนานำข้าวต้มไปวางที่โต๊ะและเดินมาที่เตียงนอนยืนมองสาวร่างสูงที่นอนเหยียดยาวดวงตาปิดสนิท

“คุณแวมคะ เอ่อ…ลุกขึ้นมาทานข้าวต้มก่อนนะคะจะได้ทานยา”

“…”

“คุณแวม” เด็กสาวมีสีหน้าเป็นกังวลกับอาการนิ่งเฉยของอีกฝ่ายก่อนจะทำใจดีสู้เสือเข้าไปใกล้ๆแตะไปที่แขนเบาๆแต่ก็ต้องสะดุ้งชักมือออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากกาย

“คุณแวมคะ” เด็กสาวทอดเสียงอ่อนหวังประนีประนอมกับคนดื้อ

“เดี๋ยวมีนเอาข้าวต้มมาป้อนคุณบนเตียงนะคะ”พัทรมาศยอมลืมตาขึ้นไม่ได้พูดอะไรพยายามยันตัวเองขึ้นมาแต่ก็ยากเย็นเด็กสาวเห็นดังนั้นจึงเข้ามาช่วยพยุงพาเลื่อนตัวขึ้นไปนั่งพิงที่หัวเตียงโดยนำหมอนมาหนุนหลังไว้

มีนาเดินไปหยิบข้าวต้มอุ่นๆมาที่เตียงนั่งลงข้างๆคนป่วยก่อนจะค่อยๆตักข้าวต้มมาป้อนคนตรงหน้า แม้จะไม่หิวเลยสักนิดแถมมวลท้องอีกต่างหากแต่พัทรมาศก็ฝืนทานไปได้มากพอสมควร

“พอแล้ว” คนป่วยพูดออกมาแผ่วเบา เด็กสาวจึงนำชามข้าวต้มไปวางที่โต๊ะและกลับมาพร้อมแก้วน้ำกับยาแก้ไข้คนป่วยก็รับไปอย่างรู้งานไม่ดื้อรั้นเอาแต่ใจอย่างก่อนหน้านี้เพราะสิ้นฤทธิ์แล้ว

“คุณแวมเก่งจังค่ะ”เด็กสาวยิ้มนัยน์ตาใส

“หือ ฉันไม่ใช่เด็กๆนะ”พัทรมาศหันไปเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรเพราะเรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมี

“มีนโทรไปบอกที่บ้านใหญ่แล้วนะคะว่าคืนนี้คุณแวมจะนอนค้างที่นี่”

“อื่อ” ร่างสูงรับทราบในลำคอก่อนจะเลื่อนตัวนอนลงไปโดยมีเด็กสาวเข้ามาประคองดังเดิมก่อนจะนิ่งเงียบไปที่ใครก็เดาได้ว่าน่าจะหลับไปแล้ว

นานกว่านานที่มีนายืนมองคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงหลากหลายในความรู้สึกสุขปนเศร้า เหงาเปล่าดายแม้ได้อยู่ใกล้ชิดเธอไม่รู้ว่าความรู้สึกทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นคืออะไร

มีนาเร่งฝีเท้าเพื่อให้ทันเข้าเรียนในคาบแรกของการเรียนครั้งแรกในวิชานี้และที่เธอต้องมาเร่งรีบแบบนี้เพราะเมื่อเช้าต้องกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านใหญ่ก่อน

หญิงสาวร่างบางมองหากลุ่มเพื่อนของตนก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเพราะเห็นกันแล้ว

“ทำไมวันนี้แกมาสาย?”วิชุดาหรือหน่อยเพื่อนสาวหมวยร่างท้วมทักทายด้วยประโยคคำถาม

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”ประวิทย์ หรือวิทย์หนุ่มน้อยร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาสไตล์เกาหลีเพื่อนชายคนสนิทก็เป็นอีกคนที่ทักทายด้วยประโยคคำถามมีนานั่งลงระหว่างกลางเพื่อนทั้งสองและส่งยิ้มหวานให้เป็นการขอบคุณในความห่วงใย

“ไม่มีอะไรหรอกจ่ะมีนแค่คำนวนเวลาผิด” มีนาไขข้อข้องใจ ก่อนจะหยิบตำราขึ้นมาเปิดดู

ตอนนี้เสียงจอแจในห้องเรียนค่อยๆซาลงไปจนเงียบกริบทุกคนต่างมองไปที่หน้าห้องสนใจอาจารย์เจ้าของวิชาเศรษฐศาสตร์การเงิน ที่มีเสียงล่ำลือมาว่าหล่อนเพิ่งจบมาจากเมืองนอกและที่สำคัญสวยมาก

“เออวะสวยอย่างเขาว่าจริงๆ” วิชุดารำพันออกมา

ประวิทย์เอาปากกาเคาะไปที่มือของมีนาเพราะเห็นเพื่อนสาวมีอาการผิดปกติ

“เป็นอะไรทำไมตาค้างแบบนั้น”

“มะ ม่ะ ไม่มีอะไร”แต่ตายังคงมองนิ่งอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น

“สวัสดีค่ะนักศึกษาทุกคนอาจารย์ชื่อ เอมิกา แสงรัศมี เป็นอาจารย์ประจำวิชาเศรษฐศาสตร์การเงิน” หลังจากแนะนำตัวเองเสร็จอาจารย์ก็เข้าสู่บทเรียนทันที

‘โลกกลมดีแท้’มีนารำพันในใจหล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่คุณแวมให้เธอตั้งใจวิ่งเข้าไปชนในวันนั้นเธอไม่เข้าใจเลยว่าคุณแวมใช้ให้เธอทำอะไรแบบนั้นทำไมแต่เธอรู้สึกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เลย…ไม่รู้ทำไมโดยไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นในจิตใจตอนนี้มันคืออาการของเด็กหวงของข้าหวงนาย ในส่วนลึกมีนาไม่ต้องการเห็นเจ้านายสาวสนใจใครเป็นพิเศษ…ไม่ต้องการ!!

พัทรมาศค่อยๆปรือตาขึ้นมาภายในห้องยังมืดสนิทดั่งเดียวกับยามค่ำคืนเพราะติดม่านสีดำแบบป้องกันรังสี UV หญิงสาวค่อยๆยันตัวลุกขึ้นและไต่ลงมาจากเตียงเดินตรงไปเปิดม่านเพื่อรับแสงนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ฝาผนังบอกเวลา 10.20. ร่างสูงส่ายหน้าน้อยๆที่ตัวเองกลายเป็นคุณนายตื่นสายเมื่อสำรวจตัวเองก็พบว่าอาการเจ็บป่วยอย่างเมื่อวานได้บรรเทาลงไปจนแทบเป็นปกติคงเป็นเพราะฤทธิ์ยาของมีนา

ตอนนี้สายตาของคนเพิ่งตื่นได้สะดุดกับบางอย่างบนโต๊ะมันเป็นชามใบโตที่มีฝาปิดเมื่อเปิดออกดูก็พบว่ามันคือข้าวต้มที่ยังอุ่นๆอยู่เพราะประสิทธิ์ภาพในการเก็บความร้อนของชามเซรามิคที่ซื้อมาในราคาแสนแพงที่มีจุดขายคือเก็บความร้อนได้ดีเยี่ยมวางคู่อยู่กับแก้วใบเล็กที่ภายในบรรจุยาเม็ดสีขาวสองเม็ด สาวร่างสูงคลี่ยิ้มออกมาในความใส่ใจก่อนจะนั่งลงและจัดการกับข้าวต้มในชามโดยที่ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน

บางที…เซอร์กับซกมกก็ยากจะแยกว่ามันเป็นคนละแบบกัน

“แวม!!”

“หือ” ร่างสูงเงยหน้ามองไปที่ต้นเสียง ยิ้มน้อยๆส่งไปให้และก้มหน้าทานต่อ

“ทำไมตัวไม่ไปแปรงฟันก่อน” ร่างบางตีไหล่อีกคนอย่างแรงเพราะรับไม่ได้สุดๆกับพฤติกรรมแบบนี้แต่ก็ไม่ได้สะเทือนต่อมจิตสำนึกของอีกฝ่ายสักนิด

“ก็ทานก่อนไงคะจะได้แปรงทีเดียว” พูดเสร็จร่างสูงก็ทานต่อท่าทางสบายใจช่างขัดตาคนมองสุดๆ

พัทรมาศยิ้มบางๆกับความหลังที่เหมือนเพิ่งผ่านพ้นไปพรีมเป็นอุ่นไอที่กุมใจเธอไปทุกที่

เมื่อทานข้าวต้มเสร็จก็ไม่ลืมที่จะหยิบยาที่มีนาจัดเตรียมไว้ให้กรอกใส่ปากและดื่มน้ำตามลงไปเมื่ออิ่มกายแล้วก็ต้องไปหาอะไรใส่ใจคือการเข้าไปในห้องวาดรูปแต่ก่อนอื่นต้องไปอาบน้ำก่อน คิดได้ดังนี้ร่างสูงก็เดินเข้าห้องน้ำไป

เสียงสายน้ำไหลรินผ่านร่างดังออกมาเป็นระยะๆให้ความรู้สึกที่สุขสมเมื่อคิดถึงวันที่เคยมีกัน และให้ความรู้สึกขมขื่นในวันนี้…ที่ไม่มีกันอีกแล้ว

วันเวลาหมุนไปไม่เคยหยุดนิ่งมีเพียงใจเธอเท่านั้นที่หยุด หยุดไว้ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง

“ถ้าฉันตื่นอยู่ฉันจะคิดถึงเธอ

ถ้าฉันหลับอยู่ ฉันจะฝันถึงเธอ

ถ้าเธออยู่ตรงหน้าฉันจะเข้าไปสวมกอดเธอ

ถ้าเธออยู่ข้างหลังฉันก็จะหันไปกอดเธอ”

บทกลอนนี้ก้องกังวานอยู่ในหัวเกือบสามปีแล้วที่คนรักจากไป แต่พัทรมาศกลับยังรู้สึกเสมอว่าหล่อนยังคงอยู่…อยู่ตรงนี้

บทเพลงที่แสนเศร้าบรรเลงอยู่ในใจเสมอตอกย้ำความสูญเสียอันเป็นนิรันดร์ที่เธอไม่เคยยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริง

อรอนงค์เดินออกมาที่หน้าบ้านเพื่อต้อนรับว่าที่ลูกเขยเป็นเธอเองที่โทรตามเขามาเพราะมีเรื่องไม่สบายใจ

เมื่อเครื่องยนต์ดับสนิทชายหนุ่มร่างสูงก็เปิดประตูก้าวออกมา

“สวัสดีครับคุณแม่”ชายหนุ่มยกมือไหว้แม่ของคนรักที่สนิทคุ้นเคยกันดี

“สวัสดีจ้ะ” อรอนงค์รับไหว้ก่อนจะเดินนำเข้ามาในห้องรับแขก จังหวะเดียวกับที่จำเนียรเด็กสาวคนรับใช้นำน้ำและของว่างมาเสิร์ฟพอดี

“นั่งก่อนจ่ะ”ชายหนุ่มรอให้แม่ของคนรักนั่งลงไปก่อน ก่อนที่จะนั่งตามไปเมื่อเด็กสาวจัดวางทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงคลานเข่าออกไป ให้หลังจำเนียรไปแล้วอรอนงค์จึงหันมาทางชายหนุ่ม

“เอยยังมาเล่าให้แม่ฟังอยู่เสมอๆเรื่องผู้หญิงคนนั้น”ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นที่แม่พูดถึงคือใคร

“เอยเล่าว่ายังไงบ้างครับ”

“เอยเล่าว่ามักจะเห็นผู้หญิงคนนั้นในความฝันหล่อนมักจะมองมาที่เอยด้วยแววตาที่แสนเศร้าเสมอ ทำให้เอยรู้สึกไม่สบายใจว่าสิ่งที่ได้รับมาจะเป็นความไม่เต็มใจ” อรอนงค์มีสีหน้าไม่สบายใจชัดเจน เอยมีสุขภาพกายที่ไม่ดีก็แย่พอดูอยู่แล้วเธอไม่อยากเห็นลูกต้องมาทุกข์ใจด้วยอีก

“เอยอาจจะคิดมากจนเก็บเอาไปฝันคุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับอีกสักพักคงจะดีขึ้นอีกอย่างเพราะก่อนหน้านั้นเอยอยู่คนเดียวที่อังกฤษเลยมีเวลาอยู่กับตัวเองมากตอนนี้กลับมาเมืองไทยแล้วได้อยู่กับครอบครัวได้ทำงานคงจะมีเวลาคิดถึงเรื่องของผู้หญิงคนนั้นน้อยลง” ชายหนุ่มกระชับมือแม่ของคนรักหวังให้ความรู้สึกที่หนักหน่วงในใจท่านคลายลงไปบ้าง

“แม่ก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้น”หญิงวัยกลางคนทอดสายตาไปไกลชายหนุ่มเองก็มีแววตาที่ไม่สบายใจด้วยเช่นกัน

เมื่อชายหนุ่มลากลับไปแล้ว อรอนงค์จึงพาตัวเองมาที่ห้องพระหวังพึ่งพระพุทธให้ทุกข์ในใจได้คลายลงไปทุกข์ใดของลูกมันคือทุกข์ที่ยิ่งกว่าของผู้เป็นแม่เสมอเอยเป็นสมบัติเดียวทางใจที่หลงเหลืออยู่หลังจากที่เธอสูญเสียสามีไป

ภานุวัฒน์ หรือเอก สามีของเธอเสียชีวิตไปจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะโดยสารกลับจากการทำงานที่ซาอุดิอาระเบียเมื่อสิบปีก่อนแต่เค้าก็ได้จัดเตรียมความพร้อมไว้ไม่ให้เธอกับลูกต้องลำบากด้วยเงินเก็บก้อนโต และเงินประกันชีวิตที่สามารถเลี้ยงดูเธอกับลูกให้อยู่อย่างสุขสบายไปได้ทั้งชีวิตแถมยังมีทุนสนับสนุนทางการศึกษาจากบริษัทสำหรับลูกของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้นเอยจึงไปเรียนต่อเมืองนอกได้อย่างสบาย

“เอก คุณต้องช่วยปกป้องลูกของเรานะคะ”หญิงวัยกลางคนรำพันกับรูปของสามีที่อยู่เบื้องหน้า เหมือนคนที่อยู่ในภาพจะรับรู้ได้เพราะเขามีนัยน์ตาที่เศร้าเหลือเกิน

ฝ่ายธีร์ก็ครุ่นคิดไปตลอดทางถึงเรื่องของแฟนสาวเขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ความรู้สึกที่ไม่อาจจะเข้าไปดูแลปกป้องจิตใจของคนรักได้

เมื่อหมดเวลานักศึกษาต่างพากันเดินออกจากห้องมีนาเองก็เช่นกัน

“เดี๋ยว” สามเพื่อนสนิทต่างหันมองไปที่ต้นเสียงเพราะเป็นกลุ่มที่อยู่ในระยะใกล้ที่สุด

“อาจารย์ว่า อาจารย์เคยเห็นเธอนะ”เอมิกามองไปที่นักศึกษาสาวหน้าหวาน มีนายิ้มเจื่อนๆจนใจที่จะปฏิเสธ

“ที่ไหนน้า…” เอมิกาทำท่าคิด

“ในสวนสาธารณะค่ะ”มีนาตอบออกไปอย่างเสียไม่ได้ สองเพื่อนซี้มองเพื่อนสาวของตนกับอาจารย์คนสวยด้วยความสงสัย

“อ๋อ อาจารย์นึกออกแล้วโลกกลมจังนะ” อาจารย์สาวคลี่ยิ้มเต็มหน้าอย่างคนใจดี

“เอ่อ… หนูขอตัวก่อนนะคะ” เด็กสาวหน้าหวานหยุดการเจรจาด้วยการยกมือไหว้และเดินออกไปโดยมีเพื่อนสนิทสองคนเดินตามออกไป

“ไม่เห็นแกเล่าเลยว่าเคยเจออาจารย์”วิชุดาซักไซ้เมื่อลับตาจากอาจารย์

“ใช่มีอะไรกันหรือเปล่า” ประวิทย์ร่วมซักไซ้อีกคนแต่ก็ด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ แค่เรื่องบังเอิญ” แค่รู้ว่าเพื่อนไม่ได้เกิดปัญหาสองเพื่อนสนิทก็เลิกเซ้าซี้

“กินไรกันดี” วิชุดาหันมองสองเพื่อนซี้ เรื่องนี้ต่างหากที่ใหญ่ระดับเป็นวาระแห่งชาติได้เลย

“หิวอ่ะ” สาวร่างท้วมเอามือลูบท้อง

“ไปโรงอาหารกลางกันนะ”วิชุดาไม่ได้รอคำตอบกลับยิ้มอิ่มใจเดินนำไปยังโรงอาหารกลางที่แม้จะเดินไกลหน่อยจากตรงนี้แต่ก็มีอาหารให้เลือกมากมายหลากหลายกว่าโรงอาหารตามใต้อาคารเรียน

เอมิกายิ้มหวานส่งให้คนรักมาแต่ไกลตลอด 4ปีที่คบหากันมาพี่ธีร์ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยยังคงดีกับเธอและครอบครัวอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

“เหนื่อยไหมจ๊ะ”ชายหนุ่มยื่นมือออกมาช่วยถือของในมือคนรัก ที่เป็นตำราเล่มหนาสองสามเล่ม

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวส่งของให้ชายหนุ่มช่วยถือแต่โดยดี

“เอยไม่เหนื่อยหรอกค่ะสนุกดี ได้ทำในสิ่งที่รักก็แบบนี้” ร่างบางยิ้มละไมพาให้คนมองพลอยสุขใจไปด้วยสำหรับชายหนุ่มเขาแลกได้ทุกอย่างเพื่อรอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้

มีนาเดินเข้ามาภายในรั้วบ้านสิ่งแรกที่ต้องการเห็นคือรถของคุณแวมแต่… ไม่มีนัยน์ตาของเด็กสาวมีแววสลดไป เสียงรถที่กำลังเข้ามาแม้จะรู้ว่าไม่ใช่เสียงรถของคนที่อยากเจอแต่ก็ต้องหันไปมองเป็นมารยาทเพราะยังไงก็ต้องเป็นของเจ้านายสักคนในบ้านนี้แน่ๆ

รถ BMW สีดำวาร์วจอดที่หน้าตึก หญิงสาวร่างสูงเปิดประตูก้าวลงมาอดไม่ได้ที่จะปรายตามองเด็กในบ้านคนสนิทของแวม มีนาเดินเข้ามาใกล้ยกมือไหว้ก่อนจะเดินไปด้านหลังบ้าน

“เดี๋ยว” เด็กสาวชะงักหันกลับมามองด้วยท่าทีนอบน้อม คุณวาร์มไม่ได้ใจดีกับเธอเหมือนคุณแวม

“คุณวาร์มมีอะไรให้มีนรับใช้คะ”

“เธอเรียนอยู่ปีไหนแล้ว”

“ปีสี่ค่ะ” เด็กสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมเจียมตัว มีนาเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายในระบบกศน. ทำให้เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้เร็วกว่าคนอื่นและเพราะความที่เป็นเด็กหัวดีและใฝ่เรียนรู้จึงทำให้สามารถสอบเข้าในมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐได้

“อืม...ไปได้” เด็กสาวมีแววฉงนแต่ก็ไม่กล้าซักไซ้จึงหันเดินออกไป

สินีนาฏครุ่นคิดดัดหลังพี่สาวหากแวมไม่คิดจะมารับผิดชอบการงานที่บริษัทก็ต้องยอมสละคนโปรดกันแล้วเธอมองออกเด็กมีนมีความหมายกับแวมตลอดมาเด็กคนนี้มีอภิสิทธิ์เหนือคนรับใช้ในบ้านทุกคนเพราะแวมกางปีกโอบอุ้มตั้งแต่วันแรกที่มีนาเข้ามาอยู่ที่นี่จนวันนี้

“มีนกลับมาแล้วค่ะป้าศรี พี่แม้น พี่มน” มีนาเดินเข้าไปรายงานตัวกับป้าสมศรีหญิงเข้าวัยกลางคนเป็นหัวหน้าแม่บ้านและพี่แม่บ้านฝาแฝดที่สนิทสนมกันดีทั้งสองเป็นญาติห่างๆของป้าสมศรี

“รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้มาช่วยกันเตรียมอาหารเย็น”หญิงวัยกลางคนทำเป็นสั่งไปอย่างนั้น เพราะมีนารู้หน้าที่และสนใจช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่างอยู่แล้ว6 ปีที่ผ่านมาไม่มีสักครั้งเลยที่จะได้เห็นเด็กคนนี้แสดงอาการเกียจคร้านผิดกับแม่แฝดสองคนนี้โดยสิ้นเชิงที่ต้องปากเปียกปากแฉะสั่งงานเดิมๆกันอยู่ทุกวี่วัน

“ค่ะ” เด็กสาวยิ้มสดใสให้ทุกคนก่อนจะเดินไปที่ห้องของตนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

แฝดสองพี่น้องยิ้มยินดีเพราะมีนาเป็นแรงงานชั้นดีที่จะมาช่วยแบ่งเบาการงานต่างๆ




Create Date : 10 กันยายน 2556
Last Update : 26 ตุลาคม 2556 14:04:46 น. 0 comments
Counter : 598 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.