ความเข้าใจผิดของเรื่อง “อย่าขาดการประชุม” Misconception of "Don't forsake the assembly "





ถ้าคุณพูดว่าคุณเป็นสาวกของพระเยซูและเป็นผู้ติดตามพระองค์ แต่คุณไม่ได้ไปคริสตจักรหรือโบสถ์ไหนเลย คนอื่นๆ(คนที่ไปโบสถ์)ก็จะโจมตีคุณ เขาจะว่าคุณไม่เข้าร่วมประชุมสามัคคีธรรม? และพวกเขาก็จะอ้างพระคัมภีร์ฮีบรู 10:24-25 ว่า... “ให้เราพิจารณาดูกันและกัน เพื่อเป็นเหตุให้มีความรักและกระทำการดี ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น แต่จงเตือนสติกันและกัน และให้มากยิ่งขึ้นเมื่อท่านทั้งหลายเห็นวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว” พวกเขาจะหยุดที่พระคัมภีร์ตรงนั้นแล้วบอกคุณว่า “คุณเห็นมั๊ยล่ะว่า...คุณกำลังหยุดการมาร่วมประชุมกัน”

เอาหล่ะครับ... “ความสำคัญผิดหรือเข้าใจผิด” ของพวกเขานั้นอยู่ตรงที่ว่า ‘คุณควรจะเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมประชุมของเขา การประชุมที่สนับสนุนให้คุณใช้ชีวิตอยู่ในความบาปต่อไปนั่นเอง
ถ้าคุณอ่านข้อต่อๆไปที่เขียนว่า..

“***เมื่อเราได้รับความรู้เรื่องความจริงแล้ว… แต่เรายังขืนทำผิดอีก!!!!
….เครื่องบูชาไถ่บาปก็จะไม่มีเหลืออยู่เลย!!!...
แต่จะมีความหวาดกลัวในการรอคอยการพิพากษาโทษและ...
.....ไฟอันร้ายแรง ซึ่งจะกินเอาบรรดาคนที่ขัดขวางนั้นเสีย”
(ฮีบรู 10: 26-27)


พวกเขาไม่ต้องการอ่านข้อนี้ ทำไมเราจึงไม่ควรหยุดเข้าร่วมประชุมล่ะครับ....ถ้าการประชุมนั้นกระตุ้นช่วยในความรักและการงานที่ดีรวมทั้งสนับสนุนในการมีชีวิตที่บริสุทธิ์ปราศจากความบาปต่อเบื้องพระพักตร์พระเยซู เราก็ควรทำต่อไปล่ะครับ...


แต่...คุณๆครับ...ครั้งสุดท้ายเมื่อไรหรือครับ..ที่เพื่อนร่วมคริสตจักรของคุณ หรือศิษยาภิบาลของคุณ หรือคริสตจักรของคุณบอกคุณว่า...ถ้าคุณไม่หยุดกระทำความบาป คุณกำลังเดินทางไปสู่นรก? เขาเตือนคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไรครับ ว่าคุณควรหยุดกระทำความบาปโดยตั้งใจ?
เพราะว่าผู้ที่ถูกเรียกออกมาจากคริสตจักรนั้น คือผู้ที่ร่วมประชุมที่แท้จริงครับ...เขาสนับสนุนให้หยุดการมีส่วนร่วมในความบาปใดๆ ทั้งสิ้น และต้องไม่กระทำความบาปโดยตั้งใจอีกเลย....แต่ดำเนินชีวิตอยู่อย่างผู้ชอบธรรม!!!


ศิษยาภิบาลเคยเตือนคุณเรื่องนี้มั๊ยครับ? เขาเคยเตือนคุณมั๊ยว่าคุณกำลังเดินไปสู่นรกถ้าคุณไม่กระทำชีวิตให้บริสุทธิ์และชอบธรรมต่อเบื้องพระพักตร์พระเยซู?

ขอพระคุณของพระเจ้าสถิตอยู่กับคุณครับ



Create Date : 16 มกราคม 2555
Last Update : 16 มกราคม 2555 14:05:40 น.
Counter : 2372 Pageviews.

พระวจนะของพระเจ้าจะเป็นสมอในวันแห่งพายุรุนแรง GOD'S WORD WILL BE "AN ANCHOR IN THE STORM"


พระวจนะของพระเจ้าจะเป็นสมอในวันแห่งพายุรุนแรง

April 30, 2004

ยอห์น 7:37-38

พระวิญญาณบริสุทธิ์คือแม่น้ำประกอบด้วยชีวิต

ในวันสุดท้ายของเทศกาลซึ่งเป็นวันใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนและประกาศว่า...
"ถ้าผู้ใดกระหาย ผู้นั้นจงมาหาเราและดื่ม...
... ผู้ที่เชื่อในเรา... ตามที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้แล้วว่า..
... `แม่น้ำที่มีน้ำประกอบด้วยชีวิตจะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น'"



ชีวิตผมยุ่งอยู่หลายเดือน จีโน่และผมอยู่บนถนนตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม จนกระทั่งถึงช่วงวันหยุด 30 เมษายน เรามีตารางที่จะต้องไปพูดที่นอร์ทดาโกต้า ซึ่งเป็นการประชุมนัดพิเศษ ….เป็นการประชุมเปิดที่เชิญผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นทั้งคริสเตียนและไม่ใช่คริสเตียน เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้อธิษฐานขอการทรงนำในสิ่งที่ผมจะต้องพูด เพราะมันเป็นหัวข้อใหม่ของผมและผมรู้ว่าผมต้องการการทรงนำ เมื่อเวลาใกล้เข้ามาผมยิ่งอธิษฐานหนักขึ้นๆ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร

เมื่อคืนก่อน ผมทำงาน 3 กะ มีเวลาแค่พอที่จะอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนที่ผมจะขับรถเดินทางไกล เนื่องจากผมเหนื่อยมาก ผมก็เลยให้จีโน่ขับรถ แล้วผมก็หลับในที่นั่งผู้โดยสาร ผมยังคงมีปัญหาในใจในเรื่องที่จะต้องพูด
ขณะที่ผมหลับไป.... ผมฝัน.....
.... ผมฝันไปว่าผมอยู่ที่เชิงเขาที่สูงมาก ที่มีน้ำตกสวยงามตกลงมาตรงกลางเขานั้น น้ำตกลงมาก็มีแอ่งน้ำและน้ำก็ไหลลงไปบริเวณที่ลาดของภูเขา ผู้คนจำนวนมากอยู่ที่ชั้นล่างนั้น คุกเข่าลงที่แล้วจิบน้ำดื่มจากแหล่งน้ำนั้น

เมื่อผมมองขึ้นไปบนภูเขา มีคนอยู่ที่แอ่งน้ำที่อยู่สูงถัดขึ้นไปเหมือนกัน แต่ยิ่งสูงขึ้นไปจำนวนผู้คนยิ่งน้อยลง น้อยลง

... ขณะที่ผมกำลังมองดูอยู่นั้น ผมเห็นชายคนหนึ่งสวมชุดสีขาวยืนอยู่ข้างๆผม เอามือพ่ายหลัง เป็นชายคนเดียวกันกับที่ผมฝันเห็นเมื่อครั้งก่อน เขามองไปที่ภูเขาและน้ำตกที่ตกลงมาด้วยใจร้อนรนอย่างเดียวกับที่ผมมองดู

แล้วผมก็มองไปที่เขาและถามเขาว่า “นั่นหมายความว่าอย่างไรครับ...ผมไม่เข้าใจ”

“นี่คือคำตอบที่คุณถาม” เขาตอบ ก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกไป เขาเริ่มเดินแล้วหันหน้ามาหาผม พูดว่า “เดินไปกับผม”

เราเดินไปที่แอ่งน้ำแอ่งแรก เดินผ่านฝูงชนเข้าไปยืนอยู่ที่ขอบของแอ่งน้ำนั้น ผู้คนกำลังตักน้ำดื่มอย่างหิวกระหาย “ชิมดูซิ” เขาบอกผมแล้วชี้ไปที่น้ำ.. มันดูสะอาดแต่เมื่อผมกวักขึ้นมาแตะที่ลิ้น..ผมรู้สึกว่ารสชาติมันเป็นเหมือนดิน ผมสะดุ้งแล้วชายผู้นั้นก็ยิ้ม...

เขาเดินขึ้นไปบนเขา ผ่านทางที่เป็นหินขรุขระแต่ดูเหมือนชายท่านนี้ไม่ยุ่งยากกับการปีนขึ้นไปเลย ผมเองเดินสะดุดไปตั้งหลายหน ลื่นและก้าวพลาดที่ก้อนหินก็หลายก้อนแต่ผมก็พยายามตามชายท่านนั้นไป

เมื่อไปถึงครึ่งทางที่จะขึ้นไปบนเขานั้น.... เราก็หยุดที่บ่อน้ำอีกหนึ่งแห่ง.... มีคนน้อยกว่าข้างล่าง ดังนั้นจึงง่ายต่อเราที่จะเข้าไปที่ขอบบ่อน้ำนั้น.... “ชิมซิ”... ชายท่านนั้นบอกผม ผมก็ชิมเหมือนครั้งก่อนนั้น ผมใช้มือกวักมาแตะที่ปาก และชิม... แม้ว่ารสชาติดีขึ้นกว่าบ่อก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังมีรสชาดเปรี้ยวๆอยู่

เราเดินต่อขึ้นไปบนภูเขาอีก... จนกระทั่งมาถึงที่ยอดเขาสูงสุด สิ่งที่เห็นลางๆนั้นตอนนี้ผมเห็นชัดเจน ที่ยอดเขานั้นมีบ่อน้ำที่อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว เป็นน้ำพุที่พุ่งออกมาจากภูเขาเอง พุ่งแรงมากผู้ที่อยู่ใกล้ๆที่จะได้รับละอองของน้ำด้วย ผู้ที่ยืนอยู่ที่ยอดเขานั้นยิ่งน้อยลงไปอีก และแล้วตัวเราก็เปียก และต่อจากนั้นไม่นานตัวผมก็เปียกโชก “ชิมน้ำซิ”.... ชายท่านนั้นบอกผมหลังจากที่เรายืนชมความงดงามของน้ำพุได้ซักพัก...

....***น้ำนี้มีรสชาติที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน มันเย็นสดชื่น ความกระหายของผมหมดไปหลังจากจิบไปเพียงเล็กน้อย!!!

แม้ว่าที่นั่นงดงามมาก แต่ผมก็สับสน แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ผมก็เอ่ยถามชายผู้นั้นว่า.. “ทั้งหมดนี้หมายความว่าอะไรครับ?”

...“คุณได้อธิฐานถึงพระบิดา และขอถึงสิ่งที่คุณจะพูด นี่คือคำตอบของการอธิษฐานของคุณ น้ำพุนี้คือพระวจนะของพระเจ้า มาจากต้นกำนิดบริสุทธิ์และให้ชีวิต แต่เนื่องจากมนุษย์ยังคงบิดเบือนถ้อยคำเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง และตีความหมายทำให้ความหนักแน่นของคำลดลง คุณค่าของมันด้อยลงและกลายเป็นขมไป จงพูดความจริงของพระวจนะพระเจ้า แล้วจะช้วยแก้ความหิวกระหายของผู้ฟัง!!!”

ผมถามอีกว่า... “ผู้ที่อยู่ที่ตีนเขา(เชิงเขา)หมายความว่าอย่างไร?”

... “นั่นหมายถึงผู้ที่พอใจความจริงเพียงครึ่งหนึ่ง หลายคนรู้ว่าน้ำที่สะอาดกว่านั้นหาพบได้ที่ยอดเขา แต่เขาเลือกที่จะไม่ใช้ความพยายาม...ไม่ออกแรงมากไปกว่านั้น ...มันปีนยาก ...เพื่อที่จะรู้ความจริงผู้นั้นจะต้องขยันหมั่นเพียรที่จะรู้พระวจนะ และนี่คือความแตกต่างระหว่างผู้ที่อยู่ที่ตีนเขากับผู้ที่อยู่ที่นี่นั้น ....คือผู้ที่อยู่ที่นี่นั้นเขาหล่อเลี้ยงชีวิตให้มั่นคงด้วยพระวจนะแห่งความจริง ซึ่งในสายตามนุษย์ทั้งหลายได้มองข้ามไป เมื่อยังวันอยู่ทุกคนก็ดูเหมือนกันหมด แต่กลางวันไม่ได้มีตลอดไป”


เมื่อชายท่านนั้นกล่าวคำเหล่านี้... จากที่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสว่างสดใสก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีเทา... และมืดสนิท ....และมืดมากจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้เลย...

...“ตอนนี้ จงดูความแตกต่าง” ...ชายท่านนั้นพูด เมื่อผมมองดู ผมก็เข้าใจสิ่งที่ท่านผู้นั้นสื่อความหมาย ....ที่ตีนเขานั้นล้อมไปด้วยความมืดมิด ไม่มีแม้แสงแวบวาบที่จะให้มองเห็น...

....*** แต่ผู้ที่ยืนอยู่ที่ยอดเขานั้น เริ่มมีแสงส่องสว่างออกมาจากภายในทำให้พวกเขามองเห็นหนทางข้างหน้าอย่างชัดเจน ....ชายท่านนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆผมส่องสว่างมากกว่าพวกเราทุกคน...


ชายท่านนั้นบอกว่า.. “มีเพียงพระวจนะที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นสมอในวันที่มีพายุรุนแรง และจะเป็นตะเกียงในวันที่มืดมิด(ยุคแห่งความยากลำบาก)...อย่างอื่นจะค่อยๆจางหายไปสู่การไม่มีอยู่อีกต่อไป เพราะว่าวันที่จะมานั้นเป็นวันที่มืดมิดพร้อมกับความยุ่งเหยิง ความสับสนอลหม่านและความกลัดกลุ้มทรมานยิ่ง แม้บนแผ่นดินนี้ไปจนถึงที่พระบิดาได้แสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่นั้น.... วันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้วเมื่อความพินาศจะมาทำตกตะลึงไปทั้งโลก”


....ผมตื่นขึ้น กำลังคิดว่าผมได้หลับไปเพียงไม่นาน ผมประหลาดใจที่จีโน่บอกผมว่า อีกไม่กี่นาที่เราก็ไปถึงที่หมายแล้ว

คืนนั้น การประชุมเริ่มขึ้นที่ห้องโถงของคาสิโน ตามคำแนะนำ..ผมเทศนาความจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้า มันเป็น มันเป็นสารที่เรียบง่าย ที่พระเยซูเป็นความจริง เป็นทาง และเป็นชีวิต แม้เป็นเพียงสารที่เรียบง่ายนี้เอง แต่ก็ทำให้จับจิตจับใจผู้ฟังทีเดียวครับ นี่เป็นการประชุมที่ทรงพลังอีกการประชุมหนึ่งในการมาครั้งนี้ มีผู้คนได้รับความรอด ได้รับการปลดปล่อย และมีผู้ที่มอบชีวิตให้พระเยซูใหม่อีก


...ตั้งแต่นั้นมา ผมได้อธิษฐานอย่างจริงจังว่าผมควรจะแบ่งปันความฝันนี้หรือไม่ และรู้ในใจว่านี่ถึงเวลาที่ผมจะต้องทำแล้ว

...พระเจ้าทรงจัดเตรียมลูกๆของพระองค์ล่วงหน้า และให้เวลาพวกเขาเพียงพอในการติดสนิทในพระองค์... และวางใจในพระองค์... เพื่อพวกเขาจะสามารถทนต่อการโหมกระหน่ำของพายุลมและฝน และได้รับชัยชนะในพระองค์ตลอดเส้นทาง

2 เปโตร 1:19

.....และเรามีคำพยากรณ์ที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นอีก..
.....** จะเป็นการดีถ้าท่านทั้งหลายจะถือตามคำนั้น....
..... ** เสมือนแสงประทีปที่ส่องสว่างในที่มืด...
... ***จนกว่าแสงอรุณจะขึ้น...
.... **และดาวประจำรุ่งจะผุดขึ้นในใจของท่านทั้งหลาย

2 Peter 1:19

We have also a more sure word of prophecy;... whereunto ye do well that ye take heed, as unto a light that shineth in a dark place, until the day dawn, and the day star arise in your hearts:


วิวรณ์ 22 :17
พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า ....
...."เชิญมาเถิด" และให้ผู้ที่ได้ยินกล่าวว่า "เชิญมาเถิด"...
... และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา.....
... ผู้ใดมีใจปรารถนา....
.... ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย !!!


ด้วยรักในพระคริสต์

Michael Boldea Jr.




Ref: //www.handofhelp.com/vision_51.php




Create Date : 12 มกราคม 2555
Last Update : 13 มกราคม 2555 16:40:18 น.
Counter : 2521 Pageviews.

พระคัมภีร์เดิมไม่ได้ถูกแทนที่โดยพระคัมภีร์ใหม่ New Testament Not Replace Old Testament



พยานพิสูจน์ว่าพระคัมภีร์เดิมไม่ได้ถูกแทนที่โดยพระคัมภีร์ใหม่

Proof That The New Testament Does Not Replace The Old Testament



มัทธิว 7 / Matthew 7

เรารู้จักผู้พยากรณ์เท็จได้โดยคำสอนของเขา

7:15 จงระวังผู้พยากรณ์เท็จที่มาหาท่านนุ่งห่มดุจแกะ แต่ภายในเขาร้ายกาจดุจสุนัขป่า

7:16 ท่านจะรู้จักเขาได้ด้วยผลของเขา....


****เมื่อเราจะดูว่าใครเป็นผู้เผยพระวจนะเท็จ เราดูที่พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเขา(act) เช่นเดียวกันกับที่เราจะดูคริสเตียน เราก็ดูได้ในทำนองเดียวกัน

7:20 เหตุฉะนั้น ท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา

***ผู้ที่เรียกตนเองว่าคริสเตียนแต่ไม่ได้ดำเนินชีวิตตามคำสอนในพระคัมภีร์ที่สอนว่าควรจะประพฤติเช่นไร ควรดำเนินชีวิตเช่นไรนั้นก็ไม่ได้สร้างบ้านที่มั่นคงบนศิลา แต่เขาสร้างบ้านบนทราย ดังนั้นพระเยซูจึงตรัสไว้ว่า...
7:21 มิใช่ทุกคนที่ร้องแก่เราว่า `พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า' จะได้เข้าในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้

***พระทัยพระบิดาคืออะไรหรือ? ที่พระเยซูพูดถึง...
..***พระองค์พูดถึง พระธรรม 5 เล่มแรกในพระคัมภีร์(โทราห์)ซึ่งเป็นพระธรรมที่เป็นรากฐานของพระคัมภีร์ทั้งเล่ม


7:23 เมื่อนั้นเราจะแจ้งแก่เขาว่า `เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นจากเรา'....

.....***เจ้าผู้ที่ไม่ทำตามน้ำพระทัยพระบิดา ความหมายคือเจ้าผู้ที่ทำลายโทราห์นั่นเอง

7:24 เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา
7:25 ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลท่วม ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา

***คำเหล่านี้ที่พระเยซูสอนคือน้ำพระทัยพระบิดาคือพระธรรม 5 เล่มแรก (โทราห์)...= ผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้คือคำสอนหลักพื้นฐานในโทราห์ของเราและประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา ในทางกลับกันคือผู้ที่ฟังคำสอนของเราแล้วไม่ปฏิบัติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลาสร้างเรือนของตนไว้บนทราย (7:26) ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลท่วม ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่งนัก"(7:27)

คุณเป็นผู้มีสติปัญญาหรือเป็นคนโง่เขลา?

สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ในทุกวันนี้ คริสเตียนทั่วประเทศพูดอย่างหนึ่งแล้วปฏิบัติตัวหรือแสดงออกอีกอย่างหนึ่ง การกระทำของพวกเขาไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระผู้สร้าง

คุณคือคนนั้นที่โง่เขลาในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้าหรือเปล่า?

หรือคุณก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำลายโทราห์ไปแล้วด้วย?

คุณเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นหรือเปล่า? …ที่พูดว่า พระคัมภีร์เดิมนั้นไม่มีความสำคัญอีกต่อไปเพราะถูกแทนที่ด้วยพระคัมภีร์ใหม่แล้ว เราไม่ต้องทำอะไรกับมัน เราจะทำอะไรก็ได้ตามที่เราอยากจะทำเพราะว่าเรามีพระโลหิตของพระเยซูคริสต์แล้ว....นั่นเป็นคำกล่าวที่โง่เขลามาก!!!


***...หรือคุณเป็นคนเหล่านั้นที่วางรากฐานสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา..

....**จะพูดว่าฉันต้องการเป็นผู้มีสติปัญญา… ฉันต้องการให้พระเจ้ารู้จักว่าฉันเป็นใคร… และฉันไม่ต้องการให้พระองค์พูดว่า …“เราไม่รู้จักเจ้าเลย” และฉันจะฟังว่าพระองค์พูดว่าอย่างไรในพระคัมภีร์ใหม่ที่ว่า... “ผู้ที่เชื่อฟัง(โทราห์= ทำตามน้ำพระทัยพระบิดา)ของเรา ผู้นั้นคือผู้มีสติปัญญา”


ผมขออธิษฐานให้คุณเป็นผู้มีสติปัญญาครับ!!

หากท่านใดถูกนำทางให้หลงไปโดยไม่ปฏิบัติตามโทราห์ นั่นก็ยังไม่สายเกินไปในตอนนี้ที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองให้มาอยู่ในทางของพระองค์ คุณกลับไปอ่านพระคัมภีร์ 5 เล่มแรกแล้วปฏิบัติตามและผลนั้นจะปรากฏในวิวรณ์ที่คน 2 กลุ่ม คือผู้ที่เชื่อฟัง กับ กลุ่มที่ไม่เชื่อฟัง หรือ คนโง่เขลา และคนมีสติปัญญา เราเลือกเองครับ!!

วันนี้คุณมี 2 ทางเลือก คือ ชีวิต หรือ ความตาย

คุณเลือกชีวิตเพื่อคุณจะมีชีวิตอยู่!!!... พระคำในพระคัมภีร์เหล่านี้จะนำมาซึ่งชีวิต

…คุณต้องนำไปปฏิบัติตาม แนวทางที่คุณปฏิบัตินั้นเป็นตัวกำหนดในสิ่งที่คุณเชื่อ!!

***และถ้าคุณเป็นผู้ที่เชื่อในพระเยซูพระผู้ไถ่จริงๆแล้ว คุณก็จะทำตามสิ่งที่พระองค์บอกให้คุณทำซึ่งนั่นก็พบได้ในโทราห์ และนั่นคือคุณก็สร้างเรือนไว้บนศิลา

**หยุดฟังคนอื่น จงฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์!!

**จงอย่าเป็นคนโง่เขลา จงเป็นคนฉลาด แล้วคุณจะได้รับพระพร!!

***จุดหลักๆคือ บัญญัติ 10 ประการ ถือรักษาสะบาโตแท้!!! วันเสาร์

วิวรณ์ 14 / Revelation 14
พระสัญญาอันมั่นคงสำหรับพวกวิสุทธิชน
14:12 นี่แหละคือความอดทนของพวกวิสุทธิชน คือ....
****ผู้ที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้า!!!
..**** และความเชื่อของพระเยซูไว้!!

***ความเชื่อของพระเยซูคือ เราดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูทุกอย่าง ตามที่มีในพระธรรม มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น ไม่ใช่เลือกเพียงบางข้อ หรือเพียงบางส่วนมาปฏิบัติ


ขอพระเจ้าอวยพระพร เอเมน


โปรดดูเพิ่มเติม:
1). //www.bloggang.com/mainblog.php?id=debunk&month=07-10-2009&group=1&gblog=16
2). //www.bloggang.com/mainblog.php?id=debunk&month=13-10-2009&group=1&gblog=21
3). //www.bloggang.com/mainblog.php?id=debunk&month=24-10-2009&group=1&gblog=30



Create Date : 11 มกราคม 2555
Last Update : 11 มกราคม 2555 23:34:53 น.
Counter : 2070 Pageviews.

The Importance of Praying in Tongues ความสำคัญของการอธิษฐานภาษาลิ้น




ความสำคัญของการอธิษฐานภาษาลิ้น

ผมอยากจะอธิบายเรื่องความสำคัญของการอธิษฐานภาษาลิ้น (คนไทยเรียกว่า..ภาษาแปลกๆ) พระเยซูตรัสว่า... “...เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้อง จะนมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์” (ยน.4:23)

มีเพียงวิธีเดียวที่คุณจะนมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณคือเมื่อคุณได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น

เมื่อคุณได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์คุณก็จะได้รับของประทานคือภาษาลิ้น( the gift of tongues/ speaking tongue) เพื่อจะอธิษฐานในภาษาลิ้น(คนไทยเรียกว่าการอธิษฐานในภาษาแปลกๆ)

ดังนั้น เมื่อคุณอธิษฐานภาษาลิ้น.... คุณกำลังพูดในความลี้ลับกับพระเจ้า จิตใจของคุณไม่ได้คิดไปด้วย คุณไม่รู้หรอกว่าคุณพูดอะไร.....เพราะว่านั่นเป็นภาษาของพระวิญญาณบริสุทธิ์อธิษฐานร่วมกับวิญญาณของคุณ

คุณกำลังพูดคำพยางค์เหล่านี้เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์รู้ว่าพระเจ้าต้องการอธิษฐานผ่านคุณ ร้องขอผ่านคุณและร้องขอร่วมกับคุณอย่างสุดๆชนิดที่ไม่มีคำพูดมาบรรยายได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์อธิษฐานตามน้ำพระทัยพระเจ้าผ่านเรา

แต่คุณจะไม่รู้ว่าคุณอธิษฐานอะไรเพราะว่าคุณกำลังอธิษฐานอย่างลี้ลับกับพระเจ้า พระวิญญาณของพระเจ้ากำลังอธิษฐานในคุณและอธิษฐานผ่านคุณ และในขณะที่คุณอธิษฐานภาษาลิ้นนั้น จิตใจคุณไม่ได้คิดไปด้วยแต่คุณกำลังจดจ่ออยู่ที่พระคริสต์ เพราะว่าจิตใจของคุณไม่ได้ทำงานคูก็ไม่ได้คิดในสิ่งใด คุณจดจ่ออยู่ที่พระคริสต์ดังนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์สื่อสารในคุณ ในใจคุณที่เปิดรอรับอยู่อย่างเต็มที่ และจดจ่ออยู่ที่พระคริสต์ พระองค์เปิดเผยในจิตใจของคุณ คุณรับจิตใจของพระคริสต์

พระองค์บอกคุณในสิ่งลี้ลับ... พระองค์สอนคุณเฉกเช่นที่เปาโลได้รับการสอนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาถูกสั่งสอนโดยพระเยซูคริสต์เองเพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะถ่ายทอดสิ่งที่พระคริสต์ต้องการบอกเรา พระองค์จะให้แนวทางเรา พระองค์สอนเรา พระองค์ประณามเราด้วย(ตำหนิอย่างรุนแรง) พระองค์เปิดเผยให้เรารู้น้ำพระทัยพระเจ้า พระองค์แสดงให้เราเห็นอาณาจักรพระเจ้า นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพระเยซูจึงตรัสว่า.. “ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้" ยน. 3:3

ถ้าคุณไม่ได้บังเกิดใหม่ในวิญญาณ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าไม่ได้อยู่ในคุณ คุณก็ไม่สามารถรับการเปิดเผยและไม่เห็นอาณาจักรพระเจ้า---เพราะว่าคุณไม่มีการรับรู้ทางวิญญาณ

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์และนั่นคือว่าทำไมเราจึงจำเป็นต้องอธิษฐานภาษาลิ้น


***เพราะเราต้องการอธิษฐานด้วยจิตวิญญาณ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้ากับวิญญาณของเราและในความจริง!!!


****เพราะเราต้องการที่จะจดจ่ออยู่ที่พระองค์เมื่อเรากำลังอธิษฐาน อธิษฐานอย่างเข้มข้นจริงจัง...คุณไม่สามารถเข้าสู่การอธิษฐานอย่างเข้มข้นหากปราศจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า คุณไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ด้วยจิตใจของตนเอง คุณต้องการพระวิญญาณของพระเจ้าที่จะอธิษฐานร่วมกับวิญญาณของคุณ

เพื่อนๆที่รักครับ พระเยซูส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มาให้เราแล้ว ผู้ทรงเล้าโลม พระผู้ช่วย เพื่อให้นำทางเรา สอนเรา บอกเราในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น คุณไม่สามารถทำได้เองโดยปราศจากพระวิญญาณบริสุทธิ์..คุณต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณไม่สามารถอธิษฐานในจิตวิญญาณและความจริง คุณไม่สามารถรับรู้จิตใจของพระคริสต์ถ้าคุณไม่ได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์

.... และถ้าคุณไม่ได้อธิษฐานในวิญญาณ ร้องขอในวิญญาณ คุณก็ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์โดยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ใส่ไว้ในคุณ

เปาโลเขียนว่า... “ผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์” โรม 8:9

“ด้วยว่าพระวิญญาณของพระเจ้าได้ทรงนำพาคนหนึ่งคนใด คนเหล่านั้นก็เป็นบุตรของพระเจ้า” โรม 8:14

และพระเยซูตรัสว่า... “แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา และเรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา” ยน.10:27

****คุณไม่สามารถฟังเสียงพระองค์ถ้าคุณไม่มีการรับรู้ทางวิญญาณ ถ้าคุณไม่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า!!!!

นั่นคือเหตุผล เพื่อนครับ คุณมีความจำเป็นที่จะต้องสารภาพบาปและกลับใจใหม่ ออกจากความบาป และคุณมีความจำเป็นที่รับพระเยซูเข้ามาทั้งหมดในชีวิตของคุณ และบังเกิดใหม่ในน้ำและในพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณบังเกิดใหม่แล้วในน้ำเมื่อคุณรับพระเยซูและคุณได้รับบัพติศมาในน้ำ แล้วพระองค์ก็ได้ให้สัญญาว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะอยู่ในคุณ แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าจะอธิษฐานในคุณ....ถ้าคุณทำงานร่วมกับพระวิญญาณของพระเจ้าในคุณเรื่อยๆ ถ้าคุณอธิษฐานในวิญญาณและความจริง


***เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและความจริง!!!


คุณได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้วหรือยัง และ...คุณนมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและความจริงหรือเปล่า?

ขอพระเยซูอวยพระพรคุณครับ


The Importance of Praying in Tongues
Uploaded by finalcall07 on Dec 17, 2011

I want to explain to you the importance of praying in tongues. Jesus said that a time has come and now is that the true worshipers will worship God in SPIRIT and in TRUTH. The only way that you can worship God in SPIRIT is if you have received the HOLY SPIRIT through the baptism in the Holy Spirit. When you received the baptism in the Holy Spirit you also receive the gift of tongues, of praying in tongues. Now when you pray in tongues, you are speaking mysteries to God. Your mind is unfruitful, you don't know what you are saying because the Spirit of God prays together with your spirit.
You are speaking these syllables and because the Holy Spirit knows what God wants to pray through you, He intercedes through you and with you with groanings that cannot be uttered by words. He prays according to the will of God, through us, but you don't know what you are praying because you are speaking mysteries to God, the Spirit of God, praying in and through you. And while you are praying in tongues, your mind is unfruitful, it is not working, but you focus your mind on Christ. Because your mind is unfruitful, you are not thinking about other things, you are focused on Christ and then the Holy Spirit imparts to you, to your mind that is opened and receptive and focused on Christ; He puts revelation in your mind and you receive the MIND OF CHRIST.
He tells you mysteries. He teaches you the same as Paul himself was taught by the Holy Spirit. He was taught by Jesus Himself because the Holy Spirit conveys that which Christ wants to tell us. He gives us guidance, He teaches us, He reprimands us, He reveals to us the will of God. He shows to us the Kingdom of God. That is why Jesus said that if a person is not born again he cannot SEE the kingdom of God.
If you are not born of the Spirit and the Holy Spirit of God does not live in you, you cannot receive that revelation and perceive the Kingdom of God -- you don't have spiritual perception. And that is why we need the Holy Spirit, and that is why we need to pray in tongues. We need to PRAY IN SPIRIT, the Holy Spirit of God together with my spirit, and IN TRUTH! I need to be focused on Him while I am praying, INTENSELY PRAYING! You cannot enter that intensity of prayer without the Holy Spirit of God, you cannot do it on your own you cannot do it from your mind. You need the Spirit of God to pray together with your spirit.
Dear friends, Jesus sent us the Holy Spirit, the Comforter, the Helper, to guide us, to teach us, to tell us things to come. You cannot do it without the Holy Spirit, you need the Holy Spirit. YOU CANNOT PRAY IN SPIRIT AND IN TRUTH, you cannot receive the mind of Christ, if you have not received the baptism in the Holy Spirit and if you do not pray in the Spirit, intercede in the Spirit! That is how you are unified with Christ, through His Spirit that He puts in you.
Paul writes: "If anyone does not have the Spirit of Christ, he does not belong to Him"(Romans 8:9) He says in Romans 8:14 "those who are led by the Spirit of God, they are the sons of God." Jesus said, as John wrote in John 10:27 "My sheep LISTEN to My voice and they follow Me." You cannot listen if you do not have spiritual perception, if you have not received the Holy Spirit of God. That is why, my friend, you need to REPENT, turn away from sin and you need to accept Jesus with everything that is within you and be BORN AGAIN of water and of the Spirit of God. You are born again of water when you obey Him and you are baptized in water and then He promises you the Holy Spirit to FILL you and then the Holy Spirit of God will pray in you IF you exercise the Spirit of God in you, if you PRAY IN SPIRIT AND IN TRUTH. The Lord our God I seeking worshipers, that worship Him in Spirit and in truth.

Have you received the Holy Spirit and do you worship Him IN SPIRIT AND IN TRUTH?

May Jesus bless you.

//www.finalcall07.com



Create Date : 06 มกราคม 2555
Last Update : 6 มกราคม 2555 19:20:48 น.
Counter : 2266 Pageviews.

*****สารด่วนจากพระเจ้า!!!! The Lord’s Urgent Message!




God's Urgent Message of Jesus Coming (Rapture) Soon / Right Away - Angelica Zambrano

*****สารด่วนจากพระเจ้า!!!!

เมื่อครั้งที่พระเยซูพาฉันไปที่สวรรค์ พระองค์ตรัสว่า..
......“เราจะมาเพื่อคนที่บริสุทธิ์ของเรา และเราจะมาในไม่ช้านี้เพื่อคริสตจักรของเรา”

....***แต่เมื่อไม่นานมานี้เอง..พระองค์ตรัสอีกว่า...
“ลูกเอ๋ย..เราพอใจในสิ่งที่ลูกกำลังทำอยู่ ที่เจ้าได้ทำในสิ่งที่เราให้มอบให้เจ้า”


“แต่..อย่าบอกคนของเราว่า..เราจะมาในไม่ช้านี้..
.....จงบอกพวกเขาว่าเรากำลังมาทันที!!!”

และอีกครั้งที่พระองค์ตรัสว่า...
“จงบอกลูกๆของเราว่า..เรากำลังมาทันที....!!!
...และเรากำลังมาเพื่อคนของเราที่บริสุทธิ์!!!!”


***“จงบอกคนของเราว่า...
... คนที่บริสุทธ์..คนที่บริสุทธิ์เท่านั้นที่จะได้เห็นเรา”!!!***


“และเจ้าจงอย่าเงียบอยู่...
...เจ้าจงประกาศต่อไปในสิ่งที่เราได้บอกเจ้าแล้ว”

....คุณพร้อมมั๊ย..สำหรับอาณาจักรสวรรค์?

จงเลือกที่หมายสุดท้ายของคุณ..
....คุณจะเลือกชีวิต หรือ ความตาย....
...สวรรค์..หรือ..นรก!! ..
คุณจะเลือกพระเยซู..หรือ..ปีศาจซาตาน


มันชัดเจน..ว่า..
..คุณเลือกที่จะเป็นของพระเยซู..
หรือ..เป็นของซาตาน...

คุณเลือกที่หมายสุดท้ายของคุณ..ชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์..
....หรือ..ทุกข์ทรมานนิรันดร์ในบึงไฟนรก!!!


พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้เราแต่ละคน พระองค์ให้โอกาสพวกเราให้ได้รับความรอดด้วยพระเมตตาคุณของพระองค์


..****รับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคุณซะตั้งแต่เดี๋ยวนี้!!!


แองเจลิกาอธิษฐาน..

“พระบิดาเจ้าข้า ลูกขอบพระคุณพระองค์ในความรักและพระเมตตาของพระองค์ ขอบพระคุณพระเจ้า พระเจ้าของลูก พระวจนะของพระองค์เข้ามาในใจของลูกในวันนี้ พระบิดาเจ้าข้า ลูกขอพระองค์โปรดทรงยกโทษในความบาป ยกโทษให้กับลูกด้วยพระโลหิตอันล้ำค่ายิ่งของพระองค์ ขอโปรดจดชื่อของลูกไว้ในหนังสือแห่งชีวิตด้วยเถิด ขอพระองค์โปรดรับลูกเป็นลูกสาวของพระองค์เถิด พระองค์เจ้าข้า ลูกยกโทษให้กับทุกคนเดี๋ยวนี้แล้ว...ทกคนที่ลูกไม่สามารถยกโทษให้มาก่อน.. ลูกขอประกาศละทิ้งการไม่ยอมยกโทษให้ใคร ...ลูกละทิ้งทุกสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการทรงสถิตของพระองค์ ลูกขอให้พระองค์โปรดเปลี่ยนแปลงชีวิตของลูกและเจิมลูกด้วยการทรงสถิตของพระองค์ในทุกๆวัน ลูกขอบคุณองค์พระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน”

***จงเตรียมให้พร้อมกับการกลับมาของพระเยซูคริสต์!!!!



วีดีโอนี้เป้นคำพยานของน้องแองเจลิกาที่พระเยซูพาเธอไปดูในนรกและหลังจากนั้นก็พาไปที่สวรรค์(เล่าคร่าวๆละกันนะ มันยาวมาก...)

ที่นรกมีกลิ่นที่เหม็นมาก เมื่ออยู่ที่นั่น เธอเห็นพระเยซูทรงพระกรรแสง เพราะพระองค์ไม่อยากให้ใครตกลงไปในนรกเลย

พระเยซูให้เธอเห็นคนที่มีชื่อเสียงในวงสังคมจำนวนมากถูกทรมานอยู่ที่นั่น เธอเห็นนักร้องชื่อ Selena และ ไมเคิล แจ๊คสันถูกทรมานอยู่ในนั้นด้วย

วิญญาณจิตของเซเลน่าบอกว่าให้ไปบอกคนบนโลกว่า อย่าฟังเพลงของเธอเพราะจะถูกล่อลวง...และอย่าร้องเพลงของเธอ เพราะเธอจะยิ่งถูกทรมานมากขึ้นถ้ามีคนร้องเพลงของเธอ

ส่วนไมเคลิ แจ็คสันที่เขามาอยู่ที่นั่นเพราะว่าเขาได้ทำพันธสัญญากับซาตานเพื่อขอชื่อเสียง

โป๊ป จอห์น พอลที่ 2 ก็ถูกทรมานอยู่ในนั้น เพราะเขาไม่สอนความจริงทั้งหมด เขาไม่สอนเรื่องความรอด เขารักเงินมากกว่ารักพระเจ้า เขาทรมานมากที่นั่น เขา..(และทุกวิญญาณที่ถูกทรมานที่นั่น)เห็นพระเยซูแล้วร้องขอความเมตตา แต่พระเยซูบอกพวกเขาว่ามันหมดเวลาแล้ว การสารภาพบาปทำได้เมื่่อยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น เมื่อตายแล้วก็หมดโอกาสทันที!!

มีคนที่ไหว้รูปเคารพต่างถูกทรมานที่นั่นจำนวนมาก!!!

พระเจ้าให้เธอเห็นคนจำนวนมากที่ไม่รู้จักพระเยซู ทุกคนแบกภาระหนักเต็มหลัง พระเยซูบอกว่าคนพวกนี้แบกบาปอยู่ เธอจงไปบอกพวกเขาให้ปลดปล่อยภาระเหล่านั้นมาที่เรา แล้วเราจะยกโทษความบาปให้พวกเขาทั้งหมด

พระเจ้าให้เธอเห็นคนจำนวนมากหล่นลงไปในนรกตลอดเวลา..

พระเยซูยังให้เธอเห็นเด็กอายุ 8-9 ขวบถูกทรมานที่นั่นด้วย พระเยซูบอกว่า ที่เด็กมาอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าเด็กพวกนี้ติดการ์ตูนต่างๆที่ซาตานมันทำมาล่อลวงมากมายบนโลก(โปกี้มอน โดเรม่อน ฯลฯ) แล้วเด็กๆพวกนี้ก็จะไม่เชื่อฟังพ่อแม่ พวกเขารู้ความดีความชั่วแล้วแต่พวกเขาเลือกความชั่ว เมื่อตายไปก็ลงไปอยู่ในนรก

พระเยซูให้เธอเห็นบรรดาภูตผีปีศาจต่างๆ พร้อมอาวุธครบมือ เตรียมที่จะขึ้นมาบนโลกเพื่อพาคนจำนวนมากลงไปในนรก หน้าที่ของภูติผีปีศาจเหล่านี้คือทำลายชีวิตมนุษย์ด้วยวิธีต่างๆ พวกมันขมีขมันมากเพราะเวลาของพวกมันที่จะทำงานเหล่านี้ใกล้จะหมดแล้ว

พวกนี้มีเป้าหมายคือบรรดาศิษยาภิบาลและครอบครัวของพวกเขา บรรดามิชชันนารี และพวกผู้ประกาศข่าวประเสริฐที่รู้จักพระเยซู.. พวกมันมีเป้าหมายให้พวกคนเหล่านี้ออกจากทางของพระเจ้าด้วยการล่อลวงต่างๆ ...
พระเยซูบอกให้ไปบอกพวกเขาว่า..พระเยซูอยู่กับพวกเขา อย่าเปิดประตูให้มารเข้ามาได้เพราะพวกมันเป็นเหมือนสิงโตที่วนเวียนคอยขย้ำเหยื่อตลอดเวลา...และพระเยซูบอกว่า พวกมันพุ่งไปที่ครอบครัวศิษยาภิบาล เพราะศิษยาภิบาลดูแลลูกแกะจำนวนมาก....พระเยซูบอกว่า...จงไปบอกเขาให้ศบ.พูดความจริง สอนความจริง!!! และให้พูดทุกอย่างที่เราได้บอกแล้ว

หลังจากนั้นพระเยซูก็พาแองเจลิกาไปที่สวรรค์ เห็นผู้รับใช้ในพระคัมภีร์เดิมหลายท่าน ทุกท่านมีรูปร่างงดงามอายุราว 18-19 ปี ...

ในวีดีโอนี้ แองเจลิกาบรรยายพระสิริของพระเยซูน่าประทับใจมาก พระองค์ทรงสง่างาม ...งดงามมาก....สรรเสริญพระเจ้า!!!! ฮาเลลูยา!!!

FB:https://www.facebook.com/groups/170408246326805/322306691136959/?cmntid=323434144357547#!/groups/165119830201677/



Create Date : 05 มกราคม 2555
Last Update : 19 กันยายน 2555 13:48:25 น.
Counter : 5430 Pageviews.

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  

Narno7
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



โยบ 38 / Job 38


38:4 เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา

38:4 Where wast thou when I laid the foundations of the earth? declare, if thou hast understanding.

38:7 ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

38:7 When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy


"I am a spirit that live in a body and communicate and perceive the exterior world through my soul."

"This world is not my home. I am here on a mission. Not all of children of God have or will come on this earth but I was chosen. Not all who come fulfill their mission and purpose for being here. Through the Cross of Jesus, I enter into the Kingdom of God. And as a daughter of God, my mission is to bring Heaven to earth."

New Comments
All Blog