ธรรมบัญญติในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล : God’s Moral Law and Ceremonial Law



ในพระคัมภีร์มีธรรมบัญญัติใหญ่ๆ 2 ชุด


ธรรมบัญญัติชุดที่ 1.
God’s Moral Law (ธรรมบัญญัติแห่งความดีของพระเจ้า) หรือ บัญญัติ 10 ประการ(The 10 Commandments) เป็นธรรมบัญญัติมีเพื่อแบ่งแยกความดีและความความชั่วร้าย


ปฐมกาล 2 / Genesis 2
2:15 พระเยโฮวาห์พระเจ้าจึงทรงนำมนุษย์ไปอยู่ในสวนเอเดนให้ดูแลและรักษาสวน

2:15 And the LORD God took the man, and put him into the garden of Eden to dress it and to keep it.

2:16 พระเยโฮวาห์พระเจ้าจึงทรงมีพระดำรัสสั่งมนุษย์นั้นว่า "บรรดาต้นไม้ทุกอย่างในสวนเจ้ากินได้ทั้งหมด

2:16 And the LORD God commanded the man, saying, Of every tree of the garden thou mayest freely eat:

2:17 แต่ต้นไม้แห่งความรู้ดีและรู้ชั่วเจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้นเป็นอันขาด เพราะว่าเจ้ากินในวันใด เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น"

2:17 But of the tree of the knowledge of good and evil, thou shalt not eat of it: for in the day that thou eatest thereof thou shalt surely die.

***ในพระธรรมข้อนี้ เราพบคำสั่งในเรื่องหลักการของความประพฤติดีจากพระเจ้า ซึ่งเพียงคำสั่งเดียวของพระเจ้านี้เป็นที่มาของบัญญัติ 10 ประการ....

“การกินผลไม้จากต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่วคือความชั่วร้าย ถ้าไม่กินผลไม้จากต้นไม้นี้คือความดี”

...ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าได้แบ่งแยกความชั่วกับความดีและพระองค์คาดหวังว่าการเชื่อฟังจากอาดัมและเอวา...หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งคือว่า....

*** “ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของเรา..ก็จะเกิดความบาป และค่าของความบาปคือความตาย!!!”



**และเมื่ออาดัมและเอวากระทำความบาป พระเจ้าก็ให้ธรรมบัญญัติเพิ่มคือ Ceremonial Law/ the law of ordinances and sacrifice (บัญญัติเรื่องการชำระความบาป) ซึ่งธรรมบัญญัตินี้เกิดขึ้นหลังจากการเกิดความบาป ไม่ได้มีมาตั้งแต่เริ่มแรก

***ธรรมบัญญัติแห่งความดีของพระเจ้า (บัญญัติ 10 ประการ) มีก่อนเกิดความบาป
แต่ Ceremonial Law (บัญญัติเรื่องการชำระความบาป) มีขึ้นหลังจากเกิดความบาปในโลก


ปฐมกาล 3 / Genesis 3
3:21 พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงทำเสื้อคลุมด้วยหนังสัตว์แก่อาดัมและภรรยาและสวมใส่ให้เขาทั้งสอง

3:21 Unto Adam also and to his wife did the LORD God make coats of skins, and clothed them.

***ตรงนี้บอกให้รู้ว่า ในวันที่อาดัมและเอวากระทำความบาป การสังเวยความบาปได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน คือเพื่อปกปิดความบาป สัตว์จึงถูกฆ่าเพื่อเอาหนังของสัตว์มาปกปิดร่างกายให้อาดัมและเอวา นั่นคือความตายของลูกแกะช่วยปกปิดความอับอายจากความบาปซึ่งเปรียบเสมือนกายที่เปลือยเปล่าด้วย



คุณลักษณะของบัญญัติ 10 ประการ /The 5 Characters of the 10 Commandments

1).พระเจ้าตรัสโดยตรงกับคนของพระองค์!! God speak directly to His people


พระราชบัญญัติ 5 / Deuteronomy 5
5:22 พระวจนะเหล่านี้พระเยโฮวาห์ได้ตรัสแก่ชุมนุมชนทั้งปวงของท่านที่ภูเขา ออกมาจากท่ามกลางเพลิง เมฆและความมืดคลุ้มหนาทึบ ด้วยพระสุรเสียงอันดัง และมิได้ทรงเพิ่มเติมสิ่งใดอีก และพระองค์ทรงจารึกไว้บนแผ่นศิลาสองแผ่นและประทานแก่ข้าพเจ้า

5:22 These words the LORD spake unto all your assembly in the mount out of the midst of the fire, of the cloud, and of the thick darkness, with a great voice: and he added no more. And he wrote them in two tables of stone, and delivered them unto me.


2).เขียนด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง/ Written by His fingers



อพยพ 31 / Exodus 31
31:18 เมื่อพระองค์ตรัสแก่โมเสสบนภูเขาซีนายเสร็จแล้ว พระองค์ได้ประทานแผ่นพระโอวาทสองแผ่น เป็นแผ่นศิลาจารึกด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า

31:18 And he gave unto Moses, when he had made an end of communing with him upon mount Sinai, two tables of testimony, tables of stone, written with the finger of God.


3) พระองค์เขียนไว้ในแผ่นศิลา / He wrote them upon two tables of stone.


พระราชบัญญัติ 4 / Deuteronomy 4
4:13 และพระองค์ทรงประกาศพันธสัญญาของพระองค์แก่ท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาให้ท่านทั้งหลายปฏิบัติตามคือ พระบัญญัติสิบประการ และพระองค์ทรงจารึกพระบัญญัตินั้นไว้บนศิลาสองแผ่น

4:13 And he declared unto you his covenant, which he commanded you to perform, even ten commandments; and he wrote them upon two tables of stone.

4). พระองค์ให้เก็บไว้ในหีบพระพันธสัญญา / thou shalt put them in the ark.


พระราชบัญญัติ 10 / Deuteronomy 10
ไม่มีพระอื่นใดเหมือนพระเยโฮวาห์
10:1 "ครั้งนั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า `จงสกัดศิลาสองแผ่นให้เหมือนอย่างเดิม และขึ้นมาหาเราที่บนภูเขาและทำหีบไม้ไว้ด้วย

No God Like Jehovah
10:1 At that time the LORD said unto me, Hew thee two tables of stone like unto the first, and come up unto me into the mount, and make thee an ark of wood.
10:2 และเราจะจารึกถ้อยคำที่อยู่ในแผ่นศิลาแผ่นเดิมที่เจ้าทำแตกเสียนั้น จงเก็บศิลานั้นไว้ในหีบไม้'

10:2 And I will write on the tables the words that were in the first tables which thou brakest, and thou shalt put them in the ark.

10:3 ข้าพเจ้าจึงทำหีบด้วยไม้กระถินเทศ และสกัดศิลาสองแผ่นเหมือนอย่างเดิม ขึ้นไปบนภูเขา มีศิลาสองแผ่นอยู่ในมือของข้าพเจ้า

10:3 And I made an ark of shittim wood, and hewed two tables of stone like unto the first, and went up into the mount, having the two tables in mine hand.

10:4 แล้วพระองค์จึงทรงจารึกพระบัญญัติสิบประการลงบนแผ่นศิลาอย่างครั้งก่อน ซึ่งเป็นพระวจนะที่พระเยโฮวาห์ตรัสกับพวกท่านบนภูเขาจากท่ามกลางเพลิงในวันที่ประชุมนั้น และพระเยโฮวาห์ทรงประทานแผ่นศิลานั้นแก่ข้าพเจ้า

10:4 And he wrote on the tables, according to the first writing, the ten commandments, which the LORD spake unto you in the mount out of the midst of the fire in the day of the assembly: and the LORD gave them unto me.

10:5 แล้วข้าพเจ้าก็กลับลงมาจากภูเขา และเก็บแผ่นศิลานั้นไว้ในหีบซึ่งข้าพเจ้าได้ทำขึ้นและแผ่นศิลาก็ยังอยู่ในหีบนั้น ดังที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาข้าพเจ้าไว้

10:5 And I turned myself and came down from the mount, and put the tables in the ark which I had made; and there they be, as the LORD commanded me.



5). บัญญัติ 10 ประการไม่เป็นภาระหรือไม่ใช่แอกที่หนักเลยแต่เป็นความชื่นชมยินดี
The 10 Commandment is not burdensome!!!,


1 ยอห์น 5 / 1 John 5
5:3 เพราะนี่แหละเป็นความรักของพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายรักษาพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นที่หนักใจ

5:3 For this is the love of God, that we keep his commandments: and his commandments are not grievous.

เพลงสดุดี 119 / Psalms 119
119:72 สำหรับข้าพระองค์ พระราชบัญญัติแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์ก็ดีกว่าทองคำและเงินพันๆแท่ง

119:72 The law of thy mouth is better unto me than thousands of gold and silver.

119:131 ข้าพระองค์หอบจนอ้าปาก เพราะข้าพระองค์กระหายพระบัญญัติของพระองค์

119:131 I opened my mouth, and panted: for I longed for thy commandments.

119:174 โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ข้าพระองค์กระหายความรอดของพระองค์ และพระราชบัญญัติของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์

119:174 I have longed for thy salvation, O LORD; and thy law is my delight.





ธรรมบัญญัติชุดที่ 2 Ceremonial Law (บัญญัติเรื่องการชำระความบาป/พระราชบัญญัติแห่งพิธีต่างๆ)
ถูกเขียนขึ้นโดยโมเสส เขียนในหนังสือและถูกเก็บไว้ข้างๆหีบพันธสัญญา


พระราชบัญญัติ 31 / Deuteronomy 31
31:9 โมเสสได้เขียนพระราชบัญญัตินี้ และมอบให้แก่ปุโรหิตลูกหลานของเลวี ผู้ซึ่งหามหีบพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์ และแก่พวกผู้ใหญ่ทั้งปวงของคนอิสราเอล

31:9 And Moses wrote this law, and delivered it unto the priests the sons of Levi, which bare the ark of the covenant of the LORD, and unto all the elders of Israel.


เลวีนิติ 1 / Leviticus 1
เครื่องบูชาด้วยไฟเป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์
1:1 พระเยโฮวาห์ทรงเรียกโมเสสตรัสกับท่านจากพลับพลาแห่งชุมนุมว่า

Sweet Savor Offerings of Herd or Flock or Fowls
1:1 And the LORD called unto Moses, and spake unto him out of the tabernacle of the congregation, saying,
1:2 "จงพูดกับคนอิสราเอลและกล่าวแก่เขาว่า เมื่อคนใดในพวกท่านนำเครื่องบูชามาถวายพระเยโฮวาห์ ให้นำสัตว์เลี้ยงอันเป็นเครื่องบูชาของท่านมาจากฝูงวัวหรือฝูงแพะแกะ

1:2 Speak unto the children of Israel, and say unto them, If any man of you bring an offering unto the LORD, ye shall bring your offering of the cattle, even of the herd, and of the flock.

พระราชบัญญัติ 31 / Deuteronomy 31
โมเสสเขียนหนังสือจบแล้ว อิสราเอลจะประพฤติหลงผิดไป
31:24 ต่อมาเมื่อโมเสสเขียนถ้อยคำของพระราชบัญญัตินี้ลงในหนังสือจนจบแล้ว

Moses Finishes His Writing; Corruption Coming
31:24 And it came to pass, when Moses had made an end of writing the words of this law in a book, until they were finished,

31:25 โมเสสก็บัญชาคนเลวีผู้หามหีบพันธสัญญาแห่งพระเยโฮวาห์ว่า

31:25 That Moses commanded the Levites, which bare the ark of the covenant of the LORD, saying,

31:26 "จงรับหนังสือพระราชบัญญัตินี้วางไว้ข้างหีบพันธสัญญาแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้อยู่ที่นั่นเพื่อเป็นพยานปรักปรำท่าน

31:26 Take this book of the law, and put it in the side of the ark of the covenant of the LORD your God, that it may be there for a witness against thee.


****จุดประสงค์ของกฎหมาย(บัญญัติ 10 ประการ)คือชี้ให้เห็นความบาป !!!



โรม 3 / Romans 3
3:20 ......เพราะว่าโดยพระราชบัญญัตินั้นเราจึงรู้จักบาปได้

3:20 ......for by the law is the knowledge of sin.

What is SIN? อะไรคือความบาป?
...การละเมิดพระราชบัญญัติของพระเจ้าหรือบัญญัติ 10 ประการคือความบาป



1 ยอห์น 3 / 1 John 3
3:4 ผู้ใดที่กระทำบาปก็ละเมิดพระราชบัญญัติด้วย เพราะความบาปเป็นสิ่งที่ละเมิดพระราชบัญญัติ

3:4 Whosoever committeth sin transgresseth also the law: for sin is the transgression of the law.

What is the consequence of Sin?
อะไรคือผลตามมาของการกระทำความบาป?


โรม 6 / Romans 6
6:23 …****เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย!!!!….. แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

6:23 For the wages of sin is death; but the gift of God is eternal life through Jesus Christ our Lord.


โรม 3 / Romans 3
3:10 ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า `ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย

3:10 As it is written, There is none righteous, no, not one:

3:23 เหตุว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า

3:23 For all have sinned, and come short of the glory of God;

***ด้วยเหตุที่ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย เหตุว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า.... เราทั้งหลายจึงต้องการพระเยซูมาไถ่บาปให้เรา!!!


*****และนี่คือสิ่งที่ Ceremonial Law ได้นำมาถึงเราคือการไถ่บาปของพระเยซูคริสต์!!!!



2 โครินธ์ 5 / 2 Corinthians 5
5:21 เพราะว่าพระเจ้า (...หมายถึงพระบิดา) ได้ทรงกระทำพระองค์ (..หมายถึงพระเยซู)ผู้ทรงไม่มีบาป ให้เป็นความบาปเพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์

5:21 For he hath made him to be sin for us, who knew no sin; that we might be made the righteousness of God in him.


How the Old Testament saint be saved before Jesus Christ came? แล้วบรรดาธรรมิกชนในครั้งโบราณก่อนที่พระเยซูจะมาบังเกิดเป็นมนุษย์นั้น พวกเขาได้รับความรอกอย่างไร??

…เลวีนิติ 1: 1-5 บอกถึงการชำระบาปต่างๆ
…****แต่การไถ่บาปเช่นนั้นก็ไม่ทำให้บาปหมดได้จริงๆ



ฮีบรู 10 / Hebrews 10
10:4 เพราะเลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่สามารถชำระความบาปได้

10:4 For it is not possible that the blood of bulls and of goats should take away sins.

***The entire of Old Testament is the system of IOU (I OWE YOU).
การบูชาไถ่บาปที่เกิดขึ้นในสมัยของพระคัมภีร์เดิมนั้นทำไปด้วยความหวังในพระสัญญาที่ว่าเมื่อพระเยซูมานั้นพระองค์จะจ่าย(ชำระ)ให้ทั้งหมด



โคโลสี 2 / Colossians 2
2:13 และท่านที่ตายแล้วด้วยความบาปทั้งหลายของท่านและด้วยเหตุที่เนื้อหนังของท่านมิได้เข้าสุหนัต พระองค์ได้ทรงให้ท่านมีชีวิตด้วยกันกับพระองค์และทรงโปรดยกโทษการละเมิดทั้งหลายของท่าน


2:13 And you, being dead in your sins and the uncircumcision of your flesh, hath he quickened together with him, having forgiven you all trespasses;

พระราชบัญญัติแห่งพิธีต่างๆถูกตรึงไว้ที่กางเขนนั้น
2:14 พระองค์ทรงลบกรมธรรม์ในข้อบัญญัติต่างๆที่ต่อต้านเราอยู่ ซึ่งขัดขวางเราและได้ทรงหยิบเอาไปเสียให้พ้น โดยทรงตรึงไว้ที่กางเขนของพระองค์

Ceremonial Laws Nailed to the Cross
2:14 Blotting out the handwriting of ordinances that was against us, which was contrary to us, and took it out of the way, nailing it to his cross;

***...handwriting of ordinances that was against us /กรมธรรม์ในข้อบัญญัติต่างๆที่ต่อต้านเรา = A bond of Death /พันธนะของความบาป
nailing it to his cross / ทรงตรึงไว้ที่กางเขนของพระองค์

***... Jesus nail the IOU to his cross/ พระองค์ได้ตรึงกรมธรรม์ในข้อบัญญัติต่างๆที่ต่อต้านเรา หรือการชำระบาปในอดีตทั้งหมดที่กางเขน
***ในพระคัมภีร์เดิมทุกครั้งที่มีการชำระบาป พวกเขาทำด้วยเล็งถึงการที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ซึ่งพระองค์จะชำระหนี้บาปให้ทั้งหมด


โคโลสี 2 / Colossians 2
2:15 พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครอบครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขาและชนะเขาโดยกางเขนนั้น

2:15 And having spoiled principalities and powers, he made a shew of them openly, triumphing over them in it.

****โมเสสได้ฟื้นคืนชีพใหม่


ยูดาส 1 / Jude 1
1:9 ฝ่ายอัครเทวทูตาธิบดีมีคาเอล ครั้นเมื่อท่านโต้เถียงกับพญามารเรื่องร่างของโมเสส ท่านเองก็ยังไม่บังอาจตั้งข้อกล่าวหาต่อว่ามาร ได้แต่เพียงกล่าวว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าประณามเจ้า"

1:9 Yet Michael the archangel, when contending(ต่อสู้ช่วงชิง) with the devil he disputed(โต้แย้ง/ถกเถียง) about the body of Moses, durst(v2,3 of dare) not bring against him a railing(ต่อว่า) accusation, but said, The Lord rebuke thee.

****มิคาเอลไม่ได้มาแย่งศพ แต่แย่งร่างของโมเสสที่ฟื้นขึ้นมาใหม่แล้ว (มิคาเอลทำเช่นเดียวกับที่จะทำ....)



1 เธสะโลนิกา 4 / 1 Thessalonians 4
4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน

4:16 For the Lord himself shall descend from heaven with a shout, with the voice of the archangel, and with the trump of God: and the dead in Christ shall rise first:

มัทธิว 27 / Matthew 27
27:50 ฝ่ายพระเยซู เมื่อพระองค์ร้องเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง ก็ทรงปล่อยพระวิญญาณจิตออกไป

27:50 Jesus, when he had cried again with a loud voice, yielded up the ghost.

ม่านกั้นสถานที่บริสุทธิ์ที่สุดในพระวิหารขาดออกจากกัน (ฮบ 9:3-8; 10:19-20)
27:51 และดูเถิด ม่านในพระวิหารก็ขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่บนตลอดล่าง แผ่นดินก็ไหว ศิลาก็แตกออกจากกัน

Veil before Most Holy Place of Temple Torn Down (Heb. 9:3-8; 10:19-20)

27:51 And, behold, the veil of the temple was rent in twain from the top to the bottom; and the earth did quake, and the rocks rent;

27:52 อุโมงค์ฝังศพก็เปิดออก ศพของพวกวิสุทธิชนหลายคนที่ล่วงหลับไปแล้วได้เป็นขึ้นมา

27:52 And the graves were opened; and many bodies of the saints which slept arose,


***เหล่าธรรมิกชนที่ร่างกายได้ตายไปแล้วในครั้งโบราณก่อนที่พระเยซูมาเกิดนั้น...ก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูนั่นเอง (First Resurrection)


ฮีบรู 7 / Hebrews 7
7:18 ด้วยว่าจริงๆแล้วพระบัญญัติที่มีอยู่เดิมนั้น (กล่าวถึง Ceremonial Law ไม่ใช่ The 10 Commandment) ก็ได้ยกเลิกไป เพราะขาดฤทธิ์และไร้ประโยชน์

7:18 For there is verily a disannulling of the commandment going before for the weakness and unprofitableness thereof.

7:19 เพราะว่าพระราชบัญญัตินั้นไม่ได้ทำอะไรให้ถึงความสำเร็จ แต่ได้นำความหวังอันดีกว่าเข้ามา และโดยความหวังนั้นเราทั้งหลายจึงเข้ามาใกล้พระเจ้า

7:19 For the law(Ceremonial Law) made nothing perfect, but the bringing in of a better hope (….The hope made by Jesus Christ)did; by the which we draw nigh unto God.

ฮีบรู 8 / Hebrews 8
8:13 เมื่อพระองค์ตรัสถึง "พันธสัญญาใหม่" พระองค์ทรงถือว่า พันธสัญญาเดิม (Ceremonial Law)นั้นพ้นสมัยไปแล้ว และสิ่งที่พ้นสมัยและเก่าไปแล้วนั้น ก็พร้อมที่จะเสื่อมสูญไป

8:13 In that he saith, A new covenant, he hath made the first old. Now that which decayeth and waxeth old is ready to vanish away.


***ข้อนี้กล่าวถึง The Ceremonial system

****พระคัมภีร์ข้อต่อไปนี้ถูกใช้ในการกล่าวอ้างอย่างผิดๆมามากโดยคริสเตียน เขามักใช้อ้างว่าเราจะกินจะดื่มอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ เขาพยายามใช้เพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ต้องถือรักษาวันสะบาโตบริสุทธิ์อีกต่อไป แต่มาดูว่าจริงๆแล้วข้อนี้กำลังสอนอะไร...



โคโลสี 2 / Colossians 2
2:16 เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกินการดื่ม ในเรื่องการถือเทศกาล วันขึ้นหนึ่งค่ำ หรือวันสะบาโต

2:16 Let no man therefore judge you in meat, or in drink, or in respect of an holyday, or of the new moon, or of the sabbath days:

2:17 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์

2:17 Which are a shadow of things to come; but the body is of Christ.



****What is “no man therefore judge you in meat, or in drink”?.... อะไรหรือคือ..อย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกินการดื่ม?...

***และนี่คือคำตอบ....



อพยพ 29 / Exodus 29
เครื่องบูชาประจำวัน
29:38 ต่อไปนี้เป็นสิ่งซึ่งเจ้าต้องถวายบนแท่นนั้นทุกวันเสมอไป คือลูกแกะสองตัว อายุหนึ่งขวบ

Daily Sacrifice
29:38 Now this is that which thou shalt offer upon the altar; two lambs of the first year day by day continually.

29:39 จงนำลูกแกะตัวหนึ่งมาบูชาเวลาเช้า และนำลูกแกะอีกตัวหนึ่งมาบูชาเวลาเย็น

29:39 The one lamb thou shalt offer in the morning; and the other lamb thou shalt offer at even:

29:40 พร้อมกับลูกแกะตัวที่หนึ่งนั้น จงถวายยอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์คลุกกับน้ำมันที่คั้นไว้นั้นหนึ่งในสี่ฮิน และน้ำองุ่นหนึ่งในสี่ฮินคู่กัน เป็นเครื่องดื่มบูชา

29:40 And with the one lamb a tenth deal of flour mingled with the fourth part of an hin of beaten oil; and the fourth part of an hin of wine for a drink offering.

29:41 จงถวายลูกแกะอีกตัวหนึ่งนั้นในเวลาเย็น ถวายธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันด้วย เหมือนอย่างในเวลาเช้า ให้เป็นกลิ่นพอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์

29:41 And the other lamb thou shalt offer at even, and shalt do thereto according to the meat offering of the morning, and according to the drink offering thereof, for a sweet savour, an offering made by fire unto the LORD.


***จะเห็นว่า เรื่องการกินการดื่มที่กล่าวถึงในพระธรรมข้อนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอาหารที่เรากินประจำวัน แต่กล่าวถึงอาหารและเครื่องดื่มในการเผาบูชาในการชำระบาปในครั้งโบราณ


ฮีบรู 9 / Hebrews 9
9:9 พลับพลาเดิมเป็นเครื่องเปรียบสำหรับในเวลานั้น คือมีการถวายของให้และเครื่องบูชา ซึ่งจะกระทำให้ใจวินิจฉัยผิดและชอบของผู้ถวายนั้นถึงที่สำเร็จไม่ได้

9:9 Which was a figure for the time then present, in which were offered both gifts and sacrifices, that could not make him that did the service perfect, as pertaining to the conscience;

9:10 ซึ่งเป็นแต่เพียงของกินของดื่ม และพิธีชำระล้างต่างๆ และเป็นพิธีสำหรับเนื้อหนังที่ได้บัญญัติไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่

9:10 Which stood only in meats and drinks, and divers washings, and carnal ordinances, imposed on them until the time of reformation.

การถวายบูชาของพระคริสต์เป็นความสำเร็จสมบูรณ์
9:11 แต่เมื่อพระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐซึ่งจะมาถึงโดยทางพลับพลาอันใหญ่ยิ่งกว่าและสมบูรณ์ยิ่งกว่าแต่ก่อน ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือ และพูดได้ว่ามิได้เป็นอย่างของโลกนี้

Christ's Sacrifice a Real Atonement
9:11 But Christ being come an high priest of good things to come, by a greater and more perfect tabernacle, not made with hands, that is to say, not of this building;

9:12 พระองค์เสด็จเข้าไปในที่บริสุทธิ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์แก่เรา

9:12 Neither by the blood of goats and calves, but by his own blood he entered in once into the holy place, having obtained eternal redemption for us.

ฮีบรู 10 / Hebrews 10
พันธสัญญาเดิมสิ้นสุด

10:1 โดยเหตุที่พระราชบัญญัติ(Ceremonial Law)นั้นได้เป็นแต่เงาของสิ่งดีที่จะมาภายหน้า(กล่าวโดยเล็งถึงพระเยซู) มิใช่ตัวจริงของสิ่งนั้นทีเดียว พระราชบัญญัตินั้นจะใช้เครื่องบูชาที่เขาถวายทุกปีๆเสมอมากระทำให้ผู้ถวายสักการบูชานั้นถึงที่สำเร็จไม่ได้

The Old Covenant Failed
10:1 For the law (=The Ceremonial Law) having a shadow of good things to come, and not the very image of the things, can never with those sacrifices which they offered year by year continually make the comers thereunto perfect.

10:2 เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นได้ เขาคงได้หยุดการถวายเครื่องบูชาแล้วมิใช่หรือ เพราะถ้าผู้นมัสการนั้นได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ครั้งหนึ่งแล้ว เขาคงจะไม่รู้สึกว่ามีบาปอีกต่อไป

10:2 For then would they not have ceased to be offered? because that the worshippers once purged should have had no more conscience of sins.

10:3 แต่การถวายเครื่องบูชานั้นเป็นเหตุให้ระลึกถึงความบาปทุกปีๆ

10:3 But in those sacrifices there is a remembrance again made of sins every year.

10:4 เพราะเลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่สามารถชำระความบาปได้

10:4 For it is not possible that the blood of bulls and of goats should take away sins.

ต่อไปมาดูข้อนี้ที่ว่า...
2:16 เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่าน...... ในเรื่องการถือเทศกาล วันขึ้นหนึ่งค่ำ หรือวันสะบาโต

2:16 Let no man therefore judge you .....in respect of an holyday (feast), or of the new moon, or of the sabbath days:

...อะไรที่กล่าวถึง....ในเรื่องการถือเทศกาล วันขึ้นหนึ่งค่ำ หรือวันสะบาโต....

***....an holyday (feast)นี้กล่าวถึงวันสำคัญที่ชาวยิวทุกคนจะต้องไปที่เยรูซาเล็มในทุกๆปี (หรือเรียกว่า Pilgrimage feast )คือวัน Passover unleavened bread, Pentecost, The feast of Tabernacle ชายอายุ 12 ปีขึ้นไปจะต้องไปอยู่ที่นั่นในเทศกาลเหล่านี้
และสำหรับชาวฮีบรู คำว่า Sabbath (สะบาโต) นั้นหมายถึงวันเทศกาลอื่นๆที่ไม่ใช่ Passover unleavened bread, Pentecost, The feast of Tabernacle


**...และอะไรคือ..the new moon วันขึ้นหนึ่งค่ำ ??

ในชาวฮีบรูมี 7 เดือน(The 7 months) ของปีที่จะต้องฉลอง เดือนแรกประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายน และเดือนที่ 7 อยู่ประมาณเดือนกันยายนหรือตุลาคม


And The New Moon mark the beginning of each month…วันขึ้นหนึ่งค่ำเป็นเครื่องหมายของการเริ่มเดือนใหม่ของแต่ละเดือนซึ่งต้องมีการฉลอง แต่เราไม่ได้ฉลอง the 7 months เหมือนชาวยิวเพราะว่าทุกอย่างนี้เล็งถึงพระเยซูคริสต์ก็สำเร็จแล้ว ดังนั้นเราก็ไม่ต้องฉลองวันขึ้นหนึ่งค่ำ (New Moon)



กันดารวิถี 28 / Numbers 28
28:11 เวลาต้นเดือนทุกเดือน เจ้าทั้งหลายจงถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์ คือวัวหนุ่มสองตัว แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะหนึ่งขวบไม่มีตำหนิเจ็ดตัว

28:11 And in the beginnings of your months ye shall offer a burnt offering unto the LORD; two young bullocks, and one ram, seven lambs of the first year without spot;

28:12 สำหรับวัวตัวหนึ่งจงเอายอดแป้งสามในสิบเอฟาห์คลุกกับน้ำมันสำหรับเป็นธัญญบูชา และสำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งนั้นจงเอายอดแป้งสองในสิบเอฟาห์คลุกกับน้ำมันเป็นธัญญบูชา

28:12 And three tenth deals of flour for a meat offering, mingled with oil, for one bullock; and two tenth deals of flour for a meat offering, mingled with oil, for one ram;

28:13 สำหรับลูกแกะทุกตัวจงเอายอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์คลุกกับน้ำมันเป็นธัญญบูชา ให้เป็นเครื่องเผาบูชาเป็นกลิ่นที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์

28:13 And a several tenth deal of flour mingled with oil for a meat offering unto one lamb; for a burnt offering of a sweet savour, a sacrifice made by fire unto the LORD.

28:14 ส่วนเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัวผู้ตัวหนึ่งจงเอาน้ำองุ่นครึ่งฮิน สำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งจงเอาหนึ่งในสามฮิน สำหรับลูกแกะตัวหนึ่งจงเอาหนึ่งในสี่ฮิน นี่เป็นเครื่องเผาบูชาประจำเดือน ทุกเดือนตลอดปี

28:14 And their drink offerings shall be half an hin of wine unto a bullock, and the third part of an hin unto a ram, and a fourth part of an hin unto a lamb: this is the burnt offering of every month throughout the months of the year.

28:15 และเอาลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปถวายแด่พระเยโฮวาห์ ให้นำมาบูชานอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์และเครื่องดื่มบูชาคู่กัน

28:15 And one kid of the goats for a sin offering unto the LORD shall be offered, beside the continual burnt offering, and his drink offering.



***...Now, what about the sabbath days??? แล้ววันสะบาโตล่ะ??
2:16 เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่าน...... ในเรื่องวันสะบาโต

2:16 Let no man therefore judge you .....in respect of the sabbath days:



**...ทั้งหมดที่กล่าวใน...โคโลสี 2 / Colossians 2 เล็งถึง “เงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง”...ไม่ได้หมายถึง 7th Day Sabbath หรือวันสะบาโตในข้อ 4 ของบัญญัติ 10 ประการ เพราะวันสะบาโตนี้ไม่ได้เล็งถึง “เงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง” เพราะว่าสะบาโตมีขึ้นก่อนการเกิดความบาป และเป็นการระลึกถึงการทรงสร้าง

ดังนั้น สะบาโตที่กล่าวถึงในโคโลสี 2:16 กล่าวถึง the Ceremonial Sabbath ไม่ใช่ The 7th Day Sabbath



เลวีนิติ 23 / Leviticus 23
23:3 จงทำการงานในหกวัน แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตแห่งการหยุดพักสงบ เป็นวันประชุมบริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำการงานใดๆ เป็นสะบาโตแด่พระเยโฮวาห์ตามที่อยู่ทั่วไปของเจ้า

23:3 Six days shall work be done: but the seventh day is the sabbath of rest, an holy convocation; ye shall do no work therein: it is the sabbath of the LORD in all your dwellings.


**...จะเห็นว่าในข้อ 3 นั้นพระเจ้าพูดถึง the 7th Day Sabbath และ ข้อ 37-38 พระเจ้าได้แบ่งแยกชัดเจนเกี่ยวกับ the 7th Day Sabbath และ the Ceremonial Sabbath



23:37 นี้แหละเป็นเทศกาลเลี้ยงของพระเยโฮวาห์ ซึ่งเจ้าต้องประกาศเป็นวันประชุมอันบริสุทธิ์ เพื่อให้นำถวายแด่พระเยโฮวาห์ซึ่งเครื่องบูชาด้วยไฟ เครื่องเผาบูชาและธัญญบูชา ทั้งเครื่องสัตวบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามวันกำหนดนั้นๆ

23:37 These are the feasts of the LORD (sabbaths), which ye shall proclaim to be holy convocations, to offer an offering made by fire unto the LORD, a burnt offering, and a meat offering, a sacrifice, and drink offerings, every thing upon his day:

23:38 นอกเหนือวันสะบาโตแห่งพระเยโฮวาห์ (The 7th Day Sabbath) และนอกเหนือของถวายของเจ้า และนอกเหนือเครื่องปฏิญาณทั้งหลายของเจ้า และนอกเหนือเครื่องบูชาด้วยใจสมัครทั้งหลายของเจ้า ซึ่งเจ้านำมาถวายแด่พระเยโฮวาห์

23:38 Beside the sabbaths of the LORD (The 7th Day Sabbath), and beside your gifts, and beside all your vows, and beside all your freewill offerings, which ye give unto the LORD.

**...ดังนั้น พระธรรมข้อนี้โคโลสี 2:16 จึงไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต้องถือรักษาวันสะบาโตบริสุทธิ์



โปรดอ่านเพิ่มเติม: //www.bloggang.com/mainblog.php?id=debunk&month=24-10-2009&group=1&gblog=30

Tha Floating Sabbath; The LORD's Calendar

//the-thirdday.com/index.php/books-and-articles/times-and-seasons-the-lords-calendar/



Create Date : 17 มกราคม 2555
Last Update : 17 มิถุนายน 2555 15:39:20 น.
Counter : 3484 Pageviews.

0 comments

Narno7
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



โยบ 38 / Job 38


38:4 เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา

38:4 Where wast thou when I laid the foundations of the earth? declare, if thou hast understanding.

38:7 ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

38:7 When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy


"I am a spirit that live in a body and communicate and perceive the exterior world through my soul."

"This world is not my home. I am here on a mission. Not all of children of God have or will come on this earth but I was chosen. Not all who come fulfill their mission and purpose for being here. Through the Cross of Jesus, I enter into the Kingdom of God. And as a daughter of God, my mission is to bring Heaven to earth."

New Comments
All Blog