คำอธิษฐานเพื่อชัยชนะ



สาธุการแด่พระบิดาเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ข้าพระองค์ยอมจำนนอยู่ภายใต้พระราชอำนาจและฤทธิ์เดชของพระองค์ ข้าพระองค์รับเอาอำนาจและพระคุณทั้งสิ้นที่พระองค์ทรงประทานให้ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ และโดยความเชื่อ…ข้าพระองค์รับเอาพระสัญญาของพระองค์ที่ได้บันทึกไว้ในอิสยาห์ 54:17 ว่า “ไม่มีอาวุธใดที่สร้างเพื่อต่อสู้เจ้าจะจำเริญได้ และเจ้าจะปรับโทษลิ้นทุกลิ้นที่ลุกขึ้นต่อสู้เจ้าในการพิพากษา นี่เป็นมรดกของบรรดาผู้รับใช้ของพระเยโฮวาห์ และความชอบธรรมของเขามาจากเรา”

ข้าพระองค์อธิษฐานขอพระองค์ทรงกระทำให้ข้าพระองค์มีกำลังที่เข้มแข็ง ด้วยว่าจิตใจของข้าพระองค์มอบถวายแด่พระองค์แล้วทั้งหมดทั้งสิ้น (2 พงศาวดาร 16:9)
ข้าพระองค์ขอวิงวอนเพื่ออธิษฐานทูลขอและขอบพระคุณพระองค์เพื่อคนทั้งปวง เพื่อกษัตริย์ ผู้นำประเทศและผู้มีหน้าที่ปกครองบ้านเมืองทั้งหลาย เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขในทางที่เป็นตามแบบอย่างของพระเจ้าและเป็นไปอย่างซื่อสัตย์ (1 ทิโมธี 2:1-2)

ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ ด้วยว่าพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์และป้อมปราการของข้าพระองค์ เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้วางใจ (สดด.91:2) ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์เป็นโล่และเป็นดั้งของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์จะไม่ต้องกลัวความสยดสยองในกลางคืน หรือกลัวลูกธนูที่ปลิวไปในกลางวัน (สดด.91:4-5) ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์จะรับสั่งเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ในเรื่องข้าพระองค์ ให้ระแวดระวังข้าพระองค์ในทางทั้งปวงของข้าพระองค์เสมอ (สดด.91:11)

ข้าพระองค์รักพระองค์ และข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงปกป้องข้าพระองค์จากภยันตรายทั้งปวง ช่วยกอบกู้ข้าพระองค์ และทรงสถิตอยู่ด้วยกับข้าพระองค์เสมอในยามยากลำบาก (สดด.91:15)

ข้าพระองค์เชื่ออย่างเต็มหัวใจว่าพระองค์ผู้สถิตอยู่ในข้าพระองค์นั้นยิ่งใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก(ซาตาน) (1 ยอห์น 4:4)

ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์จะทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย (กาลาเทีย1:4) ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากอำนาจของความมืด และได้ทรงย้ายข้าพระองค์มาตั้งไว้ในอาณาจักรแห่งพระบุตรที่รักของพระองค์แล้ว (โคโลสี 1:13)

ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ได้มีชัยชนะต่อโลกแล้วโดยความเชื่อของข้าพระองค์ที่มีในพระองค์ (1 ยน. 5:4) คือข้าพระองค์เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า(1 ยน. 5:5) ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระวิญญาณของพระเยโฮวาห์จะอยู่กับข้าพระองค์เสมอ คือวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ วิญญาณแห่งการวินิจฉัยและอานุภาพ วิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระเยโฮวาห์ (อสย.11:2)

ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระวิญญาณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าสถิตอยู่กับข้าพระองค์ เพราะว่าพระเยโฮวาห์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพระองค์ไว้ให้ประกาศข่าวประเสริฐมายังผู้ที่ถ่อมใจ พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพระองค์ให้รักษาคนที่ชอกช้ำระกำใจ ให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย และบอกการเปิดเรือนจำออกให้แก่ผู้ที่ถูกจองจำ (อสย.61:1) ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์คือปุโรหิตของพระเยโฮวาห์ เป็นผู้ปรนนิบัติของพระเจ้า (อสย.61:6)

โดยความเชื่อในพระองค์…ข้าพระองค์จึงได้สองส่วนเป็นกรรมสิทธิ์ มีความชื่นบานอยู่เป็นนิตย์ (อสย.61:7) โดยความเชื่อในพระองค์…พระองค์ได้ทรงช่วยจิตวิญญาณของข้าพระองค์ให้ปลอดภัยจากสงครามที่ข้าพระองค์ได้ต่อสู้อยู่นั้น(สดด.55:18) ข้าพระองค์มอบภาระของข้าพระองค์ไว้กับพระเยโฮวาห์ และพระองค์จะทรงค้ำจุนข้าพระองค์เสมอ(สดด.55:22)

ข้าพระองค์ได้สร้างกำแพงและยืนอยู่ในช่องโหว่ต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์เพื่ออธิษฐานเผื่อคนทั้งปวง(อสค.22:30) ข้าพระองค์แก้พันธนะของความชั่ว ปลดเปลื้องภาระหนัก และปล่อยให้ผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ และหักแอกเสียทุกอัน(อสย.58:6)

ข้าฯสั่งผูกมัดอำนาจชั่วร้ายทั้งสิ้นที่ต่อสู้ข้า และข้าฯปลดปล่อยอำนาจฤทธิ์ทั้งสิ้นแห่งสวรรค์มายังข้า(มธ.18:18)

โดยความเชื่อ… ทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ได้ตั้งค่ายล้อมข้าพระองค์ไว้ และช่วยข้าพระองค์ให้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง (สดด.34:7)

ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ ที่พระองค์ทรงประทานตามใจปรารถนาของข้าพระองค์(สดด.20:4) และข้าพระองค์ไม่ขาดแคลนสิ่งใดและไม่ขาดสิ่งดีใดๆเลย (สดด.34:9-10)

ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ ด้วยว่าพระองค์ทรงเป็นความมั่นใจของข้าพระองค์ และพระองค์ทรงรักษาเท้าของข้าพระองค์ให้พ้นจากกับดัก(สภษ.3:26)

ข้าพระองค์ไม่กลัวข่าวร้าย เพราะจิตใจของข้าพระองค์ยึดแน่น วางใจในพระเยโฮวาห์ (สดด.112:7) ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่คนชั่วที่ต่อสู้ข้าพระองค์จะต้องเป็นทุกข์ใจ เขาจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วละลายไป ความปรารถนาของคนชั่วนั้นจะสูญเปล่า (สดด.112:10)

ขอบพระคุณพระองค์ที่ได้ทรงโปรดประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ที่จะได้ทรัพย์สมบัติ(พระราชบัญญัติ 8:18) ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงประทานพระพรแห่งความมั่งคั่งแก่ข้าพระองค์ (สภษ. 10:22) ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงอวยพระพรแก่ข้าพระองค์ และขยายเขตแดนของข้าพระองค์ และพระหัตถ์ของพระองค์อยู่กับข้าพระองค์ และพระองค์ทรงรักษาข้าพระองค์ให้พ้นจากเหตุร้าย เพื่อมิให้ข้าพระองค์เจ็บใจปวดกาย (1 พงศาวดาร 4:10) โดยความเชื่อ ทรัพย์ศฤงคารและความมั่งคั่งมีอยู่ในเรือนของข้าพระองค์ (สดด.112:3)

ข้าพเจ้าขออัญเชิญสวรรค์และโลกให้เป็นพยานในวันนี้(พระราชบัญญัติ 30:19)...ว่า ศัตรูของข้าฯจะต้องถูกสาปแช่ง เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ต่อสู้เพื่อข้าพระองค์ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ ข้าฯคนเดียวจะขับไล่หนึ่งพันคนให้หนีไป (โยชูวา 23:10)...คนเดียวจะไล่พันคน สองคนจะทำให้หมื่นคนหนีได้ (พระราชบัญญัติ 32:30)

โอ ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์โปรดทรงใช้อำนาจฤทธิ์เดชแห่งฟ้าสวรรค์เพื่อปกป้องข้าพระองค์ให้รอดพ้นจากศัตรูทั้งมวลของข้าพระองค์ด้วยเถิด

โดยความเชื่อ มีคาเอลเจ้าผู้พิทักษ์ชั้นหัวหน้าจะมาช่วยข้าพเจ้า(ดาเนียล 10:13) ข้าฯขออ้างสิทธิ์ในชัยชนะเหนือการต่อสู้ทุกครั้งที่ซาตานและวิญญาณชั่วใดๆตั้งตนต่อสู้ข้าฯ ด้วยว่าข้าฯเป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม เกรงกลัวพระเจ้าและหันเสียจากความชั่วร้ายแล้ว(โยบ 1:8) และเมื่อใดที่ซาตานลุกขึ้นต่อสู้ข้าฯ พระเยโฮวาห์ทรงห้ามซาตาน(เศคาริยาห์ 3:1-2) ข้าฯประณามซาตานและสั่ง “อ้ายซาตาน จงถอยไป เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางข้า เพราะเจ้ามิได้คิดตามพระดำริของพระเจ้า แต่ตามความคิดของมนุษย์” (มธ.16:23) ข้าฯขออ้างสิทธิอำนาจ ที่ได้ทรงประทานให้แก่ผู้เชื่อในพระองค์แล้วนั้น คือข้าฯมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ข้าฯได้เลย (ลูกา 10:19) ข้าสั่งให้ซาตานจงต่อสู้กับตนเองและจงแตกแยกกัน (มก. 3:26)

ข้าพระองค์ขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า ที่ซาตานได้พ่ายแพ้แล้ว เพราะ ลูกา 10:18 บันทึกไว้ว่า “เราได้เห็นซาตานตกจากสวรรค์เหมือนฟ้าแลบ” และข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงบดขยี้ซาตานให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของข้าพระองค์แล้ว (โรม 16:20)

ขอพระองค์โปรดทรงเมตตาต่อจิตวิญญาณทั้งหลายที่หลงหายในแผ่นดินโลก....(ใส่ชื่อผู้ที่ต้องการอธิษฐานเผื่อ)....ขอพระองค์โปรดเปิดตาฝ่ายวิญญาณให้พวกเขาได้หันหนีจากความมืดมาสู่ความสว่าง จากอิทธิพลที่ครอบงำโดยซาตานมาอยู่ในความรักและพระเมตตาของพระเจ้า เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับการอภัยในความผิดบาป และให้ได้รับมรดกด้วยกันกับคนทั้งหลายซึ่งถูกแยกตั้งไว้แล้วโดยความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า (กจ.26:18)

พระบิดาเจ้าข้า ขอพระองค์โปรดประทานความรู้และสติปัญญาให้แก่ข้าพระองค์ เพื่อซาตานจะไม่สามารถล่อลวงข้าพระองค์ได้ ขอพระองค์โปรดประทานความรอบรู้และความเข้าใจในฝ่ายวิญญาณแก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้รู้เท่าทันแผนการอันชั่วร้ายหรือกลอุบายของซาตานได้ (2 โครินธ์ 2 :11)

ขอพระวิญญาณแห่งความจริงโปรดทรงเปิดเผยโฉมหน้าของซาตานและผู้รับใช้ของมันให้ได้รู้กันทั่วไป แม้ว่าซาตานนั้นได้ปลอมตัวเป็นทูตแห่งความสว่าง (2 โครินธ์ 11:14)

ทั้งหมดทั้งสิ้นข้าพระองค์ทูลขอพระองค์ในพระนามเหนือนามทั้งปวง ในพระนามของกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และในพระนามของจอมเจ้านาย คือพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน




Create Date : 18 ธันวาคม 2556
Last Update : 18 ธันวาคม 2556 16:13:48 น.
Counter : 5808 Pageviews.

คำอธิษฐานละทิ้งความบาป PRAYER OF RENUNCIATION
คำอธิษฐานละทิ้งความบาป
ในพระนามของพระเยซูคริสต์และโดยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดชของพระองค์ ข้าฯผูกมัดวิญญาณชั่วทุกตัวตนที่กำลังพยายามเข้ามาทำร้ายข้า ด้วยข้าฯได้ยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้าฯและพระองค์ทรงเป็นจอมเจ้านายของข้าฯแล้ว ข้าฯละทิ้งความบาปทั้งหมดทั้งสิ้นที่ติดตามตัวข้าฯมาจากบรรพบุรุษย้อนกลับไป 10 ชั่วอายุคน ข้าฯละทิ้งกิจกรรมแห่งความมืดดำและไสยศาสตร์ เวทมนต์คาถาทั้งหมดทั้งสิ้นที่ข้าฯเคยมีส่วนร่วมมาในชีวิต

โดยความเชื่อในพระคริสต์ ตัวข้าฯได้ถูกตรึงบนไม้กางเขนร่วมกับพระองค์แล้ว ข้าฯล้มเลิกกิจการงานและแผนงานของสิ่งชั่วร้ายที่ต่อต้านข้าฯทั้งหมด และตรึงไว้แล้วที่ไม้กางเขน โดยความเชื่อในพระเจ้า สิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ก็ถูกกระทำให้สิ้นฤทธิ์แล้วด้วยอำนาจฤทธิ์เดชแห่งพระโลหิตของพระเยซูคริสต์

บัดนี้ ข้าฯเรียกคืนพื้นที่ชีวิตของข้าฯทั้งหมดที่เคยยกให้เป็นทาสของซาตานโดยผ่านทางความบาปทั้งหมดที่ข้าฯเคยร่วมกระทำมา รวมทั้งบาปที่ผ่านมาทางบรรพบุรุษด้วย และโดยความเชื่อในพระคริสต์..ข้าฯได้รับการยกโทษในความบาปเหล่านี้แล้ว และข้าฯได้รับการชำระให้สะอาดบริสุทธิ์แล้วโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์

ข้าฯเรียกคืนพื้นที่ชีวิตของข้าฯทั้งหมดโดยสิทธิอำนาจของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของข้าฯ และข้าฯถวายแด่พระองค์ทั้งหมด ข้ามอบทุกส่วนของชีวิตของข้าฯถวายแด่องค์พระคริสต์ และอยู่ใต้การควบคุมขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าฯมอบถวาย ร่างกาย จิต และวิญญาณแด่องค์พระเยซูคริสต์ และโดยความเชิ่อในพระองค์ ข้าฯได้รับการเจิมอย่างเต็มล้นด้วยองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์


โดยความเชื่อ ตัวข้าฯก็ได้ตรึงบนไม้กางเขนร่วมกับพระองค์แล้ว และข้าได้บังเกิดใหม่เมื่อพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา

โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ข้าฯสามารถทำได้ทุกอย่าง และจากนี้ไป ข้าฯทำลายป้อมปราการที่ซาตานได้สร้างไว้ในข้าฯ และโดยอำนาจฤทธิ์เดชแห่งพระโลหิตพระเยซูคริสต์...ข้าฯละทิ้งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดทั้งสิ้น

โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ข้าฯสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า พร้อมโล่แห่งความเชื่อที่จะดับศรเพลิงของวิญญาณชั่ว และพระแสงของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อเอาชนะศัตรูทั้งมวล และข้าฯปกคลุมตัวข้าฯไว้ด้วยพระโลหิตแห่งพระเยซูคริสต์ ทั้งหมดทั้งสิ้นข้าอธิษฐานโดยอ้างสิทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน


PRAYER OF RENUNCIATION


In the name of Jesus Christ and through His shed blood, I bind all evil spirits, astral projected spirits, or hybrid spirits that are trying to hurt or influence me. As one that has accepted Jesus Christ as personal Savior and Lord, I renounce all the sins of my ancestors back to ten generations and all forms of witchcraft that I have participated in or practiced in any way.

Since I have been co-crucified with Christ, I cancel all demonic workings against me and nail to the cross all curses, evil prayers, hex's, spells, plots, or evil schemes that have been placed against me and claim by faith they are null and void and covered under the blood of Christ.

I now take back all ground I have given over to Satan by my sins and the sins of my ancestors and claim by faith that they are all forgiven and cleansed by the blood of Jesus Christ. I claim that ground back by the authority of the Lord Jesus Christ and dedicate it to the Lord. I yield by faith every area of my life over to the Lordship of Christ and full control of the Holy Spirit. I dedicate my spirit, soul, and body to Jesus Christ and claim by faith that I am filled with the power of the Holy Spirit.

Since I have been crucified and raised with Christ, I claim by faith that through the Lord Jesus Christ I can do all things. From now on, I break all holds that Satan has had on me and renounce them by the blood of Jesus Christ. I claim by faith I have on the whole armor of God, the shield of faith to quench all the fiery darts of the wicked one, the sword of the Spirit to defeat all my enemies, and I am covered under the blood of Christ. All this I claim in the name and authority of the Lord Jesus Christ. AMEN!



Create Date : 19 กรกฎาคม 2556
Last Update : 19 กรกฎาคม 2556 0:39:47 น.
Counter : 2094 Pageviews.

ศัตรูของท่าน คือพญามาร วนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงโตคำราม
...เมื่อมองทะลุมิติ....

***พระเยซูคริสต์ทรงรักผู้ที่รักพระองค์ และผู้ที่ดำเนินชีวิตในทางของพระองค์ ก็เป็นสุข

...ทุกคนที่เกรงกลัวพระเยโฮวาห์ก็เป็นสุข คือผู้ที่ดำเนินในมรรคาของพระองค์ เพราะท่านจะกินผลน้ำมือของท่าน ท่านจะเป็นสุข และท่านจะอยู่เย็นเป็นสุข ภรรยาของท่านจะเป็นอย่างเถาองุ่นลูกดกอยู่ข้างบ้านของท่าน ลูกๆของท่านจะเป็นเหมือนหน่อมะกอกเทศรอบโต๊ะของท่าน.....ดูเถิด คนที่ยำเกรงพระเยโฮวาห์จะได้รับพระพรดั่งนี้แหละ...... สดุดี 128

....วิญญาณชั่ว หรือบรรดาลูกสมุนของซาตานสามารถล่วงรู้และมองเห็นระดับการเติบโตฝ่ายวิญญาณของคริสเตียนแต่ละคนได้ พวกมันสามารถรู้ได้ว่าคริสเตียนคนไหนบ้างที่ดำเนินชีวิตในทางของพระเยซูคริสต์จริงๆ และคนไหนที่ไม่ใช่ตัวจริงหรือเป็นแต่แบบอุ่นๆ หรือเป็นแบบหน้าซื่อใจคด

เมื่อมองลึกไปถึงภาพในรายละเอียดฝ่ายวิญญาณคือ….คนของพระเจ้าตัวจริงนั้นจะมีแสงประกายล้อมรอบศีรษะของเขา และจะมีแสงสว่างจ้าฉายออกมาจากหัวใจ และยังมีเกราะป้องกันที่เป็นกำแพงเพลิงล้อมรอบตัวเขาอยู่ด้วย และกำแพงเพลิงนี้เองที่จะป้องกันไม่ให้บรรดาวิญญาณชั่วเข้ามาใกล้คริสเตียนได้ และพร้อมกันนั้น...คริสเตียนแท้ก็ยังมีฑูตสวรรค์จากพระเจ้าคอยปกป้องไว้อีกด้วย องค์หนึ่งอยู่ด้านซ้าย องค์หนึ่งอยู่ด้านขวา และอีกองค์อยู่ด้านหลัง ฑูตสวรรค์เหล่านี้คอยปกป้องคริสเตียนแท้ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน ทูตสวรรค์ปกป้องเหล่านี้จะสวิงดาบในมือทั้งสองข้างอยู่ตลอดเวลาตราบเท่าที่คริสเตียนยังคง... “ดำเนินชีวิตในทางบริสุทธิ์” อยู่เสมอ ดาบที่สวิงอยู่นั้นจะค่อยๆ เบาลงเมื่อคริสเตียนเริ่มกระทำความบาป และเมื่อนั้นเองที่วิญญาณชั่วสามารถเข้าไปทำร้ายคริสเตียนคนนั้นได้ (จากหนังสือ Witchdoctor p.116)


How Wizard draw Christians to Backslide
**กลวิธีที่ซาตานและลูกสมุนของมันกระทำเพื่อให้คริสเตียนหลงหายออกจากพระเจ้า...(ข้อความบางส่วนจากคำพยานของพ่อมดหมอผีชาวอัฟริกันที่กลับใจมาหาพระเจ้า)


"....ท่านทั้งหลายจงเป็นคนใจหนักแน่น จงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่าน คือพญามาร วนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงโตคำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ จงต่อสู้กับศัตรูนั้นด้วยตั้งใจมั่นคงในความเชื่อ โดยรู้อยู่ว่าความยากลำบากอย่างนั้นก็มีแก่พวกพี่น้องทั้งหลายของท่านที่อยู่ในโลกเช่นเดียวกัน.."

Be sober, be vigilant; because your adversary the devil, as a roaring lion, walketh about, seeking whom he may devour:
Whom resist stedfast in the faith, knowing that the same afflictions are accomplished in your brethren that are in the world. (1 เปโตร 5 / 1 Peter 5:8-9)




พระคัมภีร์ได้เปิดเผยให้เรารู้ว่า ยังมีเมืองบาดาลของซาตานที่อยู่ใต้ทะเลลึก....
สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากทะเล

"……ข้าพเจ้าได้ยืนอยู่ที่หาดทรายชายทะเล และเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา ที่เขาทั้งสิบนั้นมีมงกุฎสิบอัน และมีชื่อที่เป็นคำหมิ่นประมาทจารึกไว้ที่หัวทั้งหลายของมัน"

A Beast Rises Up Out of the Sea
….. I stood upon the sand of the sea, and saw a beast rise up out of the sea, having seven heads and ten horns, and upon his horns ten crowns, and upon his heads the name of blasphemy. (วิวรณ์ 13 / Revelation 13:1)

…..เหล่าผีมารซาตาน ผีร้ายวิญญาณชั่วต่างๆที่อยู่ใต้ทะเลลึกนั้นมีความเกลียดชังคริสเตียนอย่างรุนแรง พวกมันจะออกไปทำสงครามอย่างหนักเพื่อทำลายคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ เป้าหมายของพวกมันคือผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ และซาตานเองนั้นก็เต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชังต่อพระเจ้าและคนของพระองค์ มันบอกเหล่าลูกสมุนของมัน(ซึ่งมีทั้งบรรดาผีร้าย วิญญาณชั่วและบรรดาพวกพ่อมด แม่มด หมอผีต่างๆ)ว่า เป้าหมายของพวกเรา(ซาตาน)คือต้องไปค้นหาคริสเตียนแท้....แล้วล่อลวงให้พวกเขากระทำความบาปให้ได้ ซาตานยังบอกอีกว่า คริสเตียนที่หน้าซื่อใจคดนั้นก็เป็นของอาณาจักรซาตานอยู่แล้ว และจงกระทำทุกอย่างเพื่อให้คริสเตียนแท้ อ่อนกำลังลงและจงกระทำให้ล้มลงในความบาป....

ซาตานยังสั่งสอนบรรดาลูกสมุนของมันว่า พวกมันจะต้องเข้าโจมตีเฉพาะคริสเตียนแท้เท่านั้น เพราะว่าคนอื่นๆในโลกก็เป็นของพวกมันอยู่แล้ว...

พระนามของพระเยซูคริสต์ ไม่เคยถูกเอ่ยถึงเลยในเมืองใต้ทะเลนั้น...เพราะพวกมันกลัวพระนามของพระองค์มาก

ในโลกฝ่ายวิญญาณนั้น..ในวันที่คริสเตียนได้มอบชีวิตถวายแด่พระเยซูและยอมรับว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและเป็นจอมเจ้านายในชีวิต วิญญาณชั่วจะหมายวันนั้นไว้ว่าเป็นวันแรกของ 52 วัน---พวกมันมีกรอบเวลา และหลังจากนั้นพวกมันก็จะกำหนดกรอบเวลาใหม่อีก แล้วพวกมันก็จะส่งผีร้าย(demon) 2 ตัว พร้อมกับวิญญาณชั่วอีกประมาณ 200-300 ตัว ให้คอยติดตามคริสเตียนที่เพิ่งบังเกิดใหม่ในพระคริสต์นั้น ในช่วงเริ่มแรกที่คริสเตียนรับเชื่อในพระคริสต์ คริสเตียนใหม่จะกระตือรือร้นมากและร้อนรนในทางของพระเจ้า ผีร้ายหรือวิญญาณชั่วจะไม่มาใกล้เพราะคริสเตียนใหม่นั้นมีพลังมาก
เมื่อเวลาผ่านไป บรรดาผีร้ายวิญญาณชั่วเหล่านั้นก็จะพยายามทำให้คริสเตียนหวนระลึกถึงอดีต..(ในโลกของความบาปที่เขาเคยอยู่)...เมื่อเขาต้องการอ่านพระคัมภีร์ พวกมันก็จะพูดในใจของเขาถึงความบาปที่เขาเคยรัก ถ้าคนนั้นเคยสูบบุหรี่ และยังไม่ได้เลิกสูบ(หรือบาปอื่นๆ)....ผีร้ายวิญญาณชั่วก็จะใช้สิ่งนี้เองที่ดึงเขากลับไปสู่ความบาปอีก พวกมันจะดึงจิตใจของเขาให้เขวไป พร้อมกับกระตุ้นร่างกายของเขาให้อยากกลับไปทำความบาปอีก...ถ้าคริสเตียนใหม่ไม่ได้รับการขับไล่วิญญาณชั่ว/ขับผี (Deliverance) เขาจะถูกควบคุมโดยบาปของร่างกาย...และหลังจากนั้น...บรรดาวิญญาณชั่วก็จะดึงเขากลับไปสู่โลกของความบาปอีก
ถ้าเขาผ่านช่วงเวลานั้นไปได้โดยยังไม่หลงหายไปในความบาป.....วิญญาณชั่วเหล่านี้ยังคงไม่ลดละที่จะติดตามคริสเตียน...5 ปี..... 10 ปี เพราะว่าชีวิตเขาก่อนหน้านี้ก็อยู่ในโลกของซาตาน พวกมันรู้จักเขาดี(ซึ่งก็น่าจะหมายถึงคริสเตียนทุกคนด้วย)....พวกมันก็จะพยายามเอาภาพอดีตใส่ในใจของเขา หรือในความฝัน ....พวกมันยังคงมีเวลาทำงานไปเรื่อยๆ....ถ้าเมื่อใดที่คริสเตียนยอมรับสิ่งที่วิญญาณชั่วใส่เข้าไปในใจเขา...ไม่นาน พวกมันก็จะสามารถพาเขาหลงหายออกจากทางของพระเจ้า....





Create Date : 05 กรกฎาคม 2556
Last Update : 5 กรกฎาคม 2556 15:41:00 น.
Counter : 3042 Pageviews.

จงบริสุทธิ์เพราะเราบริสุทธิ์



*****ขอให้พี่น้องในพระคริสต์ถ่อมใจลง...ละทิ้งความเชื่อผิดๆที่ได้รับสอนมาจากครูเทียมเท็จและขอให้แสวงหาความจริงจากพระเจ้า โดยการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อจะไม่มีใครพลาดไปจากความหวังในความรอดที่รอคอยอยู่นั้น

สิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำให้เราทั้งหลายแล้วนั้นคือการไถ่บาปโดยการที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ซึ่งกระทำเสร็จแล้วครั้งเดียวเป็นพอและ ณ เวลาที่เราทั้งหลายที่รับเชื่อในพระนามของพระองค์นั้น ก็นับว่าเราได้รับการชำระบาปนั้นมาและถือว่าเป็นผู้ชอบธรรมโดยพระคุณ(grace)ของพระองค์ที่ทรงกระทำให้เราแม้ว่าแต่ก่อนนั้นเราเองยังเป็นผู้อยู่ในความบาปหรือกระทำบาปผิดต่อพระเจ้าเหมือนคนอื่นๆทั่วไปในโลก.... นั่นก็คือเราไม่ต้องตายบนกางเขนด้วยตนเอง...ซึ่งในสมัยพันธสัญญาเดิมนั้น เขาต้องมีการชำระบาปทุกๆปีไปเรื่อยๆ โดยปุโรหิตซึ่งเป็นชาวเลวีมีหน้าที่กระทำพิธีให้....

แต่หลังจากที่เรารับเชื่อหรือต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตมาเป็นผู้ผู้ช่วยให้รอดของเราแล้วนั้น หมายความว่าเราได้.."บังเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ"..และเข้ามาอยู่เป็นสมาชิกของครอบครัวใหม่คือ"ครอบครัวของพระเจ้า" มีพี่น้องใหม่คือพี่น้องผู้ร่วมในความเชื่อ(ซึ่งถือว่าเป็นคริสตจักรของพระเจ้า)...เราก็ต้องทำตัวของเราใหม่ให้เหมาะสมกับเป็นลูกของพระเจ้าหรือเป็นปุโรหิตของพระเจ้า (ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระองค์โดยเฉพาะ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้สำแดงพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์..1 ปต.2:9)

...เหตุฉะนั้นเราจึงต้องดำเนินชีวิตในทางอันบริสุทธิ์เพราะพระองค์ได้ทรงบัญชาไว้ว่า....."จงบริสุทธิ์ เพราะว่าเราบริสุทธิ์"(1ปต.1:16, เลวีนิติ11:44)...

....ด้วยว่าเวลาที่ผ่านไปในชีวิตของเราแล้วนั้น น่าจะเพียงพอสำหรับการกระทำสิ่งที่คนต่างชาติ(หมายถึงคนทั่วไปที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า)ชอบกระทำ คราวเมื่อเราได้ดำเนินตามกิเลสตัณหา ตามใจปรารถนาอันชั่ว เมาเหล้าองุ่น เฮฮาเอะอะเอ็ดตะโรกัน เลี้ยงกันอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย และการไหว้รูปเคารพอันเป็นที่น่าเกลียด...(1 ปต. 4:3)

...องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า `เหตุฉะนั้นเจ้าจงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าทั้งหลาย... เราจะเป็นบิดาของพวกเจ้าและพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรสาวของเรา' องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น (2 คร. 6:17-18)

ท่านที่รัก เมื่อเรามีพระสัญญาเช่นนี้แล้ว ให้เราชำระตัวเราให้ปราศจากมลทินทุกอย่างของเนื้อหนังและจิตวิญญาณ และจงทำให้มีความบริสุทธิ์ครบถ้วนโดยความเกรงกลัวพระเจ้า...(2 คร. 1:1)





Create Date : 05 กรกฎาคม 2556
Last Update : 5 กรกฎาคม 2556 15:13:52 น.
Counter : 3861 Pageviews.

พิธีศีลระลึก(รับประทานขนมปังและน้ำองุ่น)
เราสามารถทำพิธีนี้เองในครัวเรือนได้ทุกวัน ทำบ่อยๆ หรือทุกวัน ดีต่อชีวิต จิต และวิญญาณ





สิ่งที่ต้องเตรียม

1. ขนมปังชิ้นเล็กๆ เท่ากับจำนวนคนที่จะร่วมรับประทานเพื่อระลึกถึงพระเยซูคริสต์
2. น้ำองุ่น หรือน้ำผลไม้สีแดง หรือน้ำแดง ใส่แก้วเล็ก เท่ากับจำนวนคนที่จะร่วมรับประทานเพื่อระลึกถึงพระเยซูคริสต์





เมื่อพร้อมกันแล้ว ก็เริ่มที่การรับประทานขนมปัง แบ่งขนมปังให้คนละชิ้น แล้วก็ร่วมกันอธิษฐานด้วยความถ่อมใจและความเชื่อในพระองค์ โดยมีผู้หนึ่งพาอธิษฐานว่า... “พระบิดาเจ้าข้า เราทั้งหลายขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับขนมปังนี้ ซึ่งแทนพระกายของพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์ได้ทรงแบกความระทมทุกข์ของเราทั้งหลาย และหอบความเศร้าโศกของเราไป พระองค์ถูกบาดเจ็บเพราะความละเมิดของเราทั้งหลาย พระองค์ฟกช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายปลอดภัยนั้นตกแก่พระองค์ ที่พระองค์ต้องฟกช้ำนั้นก็เพื่อให้เราหายดี ...เราทั้งหลายขอรับประทานขนมปังนี้เพื่อระลึกถึงพระองค์ตามที่พระองค์ได้ทรงสั่งไว้ และโดยความเชื่อที่เรามีในพระองค์นั้น บัดนี้เราได้รับการรักษาให้หายดีแล้ว เรามีชีวิตที่ครบถ้วนบริบูรณ์ในพระองค์ เราทั้งหลายขอบพระคุณพระองค์และสรรเสริญพระองค์ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน” แล้วก็รับประทานขนมปังนั้นด้วยใจของพระคุณ

เมื่อรับประทานขนมปังเสร็จแล้ว ก็แบ่งน้ำองุ่นให้แต่ละคน แล้วนำอธิษฐานว่า... “พระบิดาเจ้าข้า เราทั้งหลายขอบพระคุณพระองค์สำหรับถ้วยแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งแทนพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์ทรงหลั่งบนไม้กางเขน เพื่อชำระความบาปผิดและคำสาปแช่งให้เราแล้ว ซึ่งได้ติดตัวเรามาจากบรรพบุรุษย้อนไปจนถึงอาดัมและเอวา และล่วงหน้าไปจนถึงอาณาจักรสวรรค์ เราทั้งหลายขอดื่มถ้วยนี้เพื่อระลึกถึงการทรงยกโทษบาปให้คนเป็นอันมากของพระองค์นั้น โดยความเชื่อที่เราทั้งหลายมีในพระองค์นั้น คนเก่าของเราได้ตายไปแล้วพร้อมกับที่พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และบัดนี้เราได้บังเกิดใหม่ในวิญญาณพร้อมกับการที่พระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา เราจึงมีชีวิตใหม่ในพระองค์และมีชีวิตนิรันดร์ เราทั้งหลายขอดื่มถ้วยนี้เพื่อระลึกถึงการทรงไถ่ของพระองค์ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน”


Note : ขอให้ทุกคนที่ร่วมในพิธีนี้ ทำด้วยความเชื่อและการเชื่อฟังพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจ และดำเนินชีวิตอยู่ในทางของพระองค์ โปรดอ่าน 1 โครินธ์ 11: 26-31


ที่มา :

อิสยาห์ 53 / Isaiah 53

53:4 แน่ทีเดียวท่านได้แบกความระทมทุกข์ของเราทั้งหลาย และหอบความเศร้าโศกของเราไป กระนั้นเราทั้งหลายก็ยังถือว่าท่านถูกตี คือพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ

53:4 Surely he hath borne our griefs, and carried our sorrows: yet we did esteem him stricken, smitten of God, and afflicted.

53:5 แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความละเมิดของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายปลอดภัยนั้นตกแก่ท่าน ที่ต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี

53:5 But he was wounded for our transgressions, he was bruised for our iniquities: the chastisement of our peace was upon him; and with his stripes we are healed.

ยอห์น 6 / John 6

6:50 แต่นี่เป็นอาหารที่ลงมาจากสวรรค์ เพื่อให้ผู้ที่ได้กินแล้วไม่ตาย
6:51 เราเป็นอาหารที่ธำรงชีวิตซึ่งลงมาจากสวรรค์ ถ้าผู้ใดกินอาหารนี้ ผู้นั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ และอาหารที่เราจะให้เพื่อเป็นชีวิตของโลกนั้นก็คือเนื้อของเรา"
6:53 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กินเนื้อและดื่มโลหิตของบุตรมนุษย์ ท่านก็ไม่มีชีวิตในตัวท่าน
6:54 ผู้ที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเราก็มีชีวิตนิรันดร์ และเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย
6:55 เพราะว่าเนื้อของเราเป็นอาหารแท้และโลหิตของเราก็เป็นของดื่มแท้
6:56 ผู้ที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเรา ผู้นั้นก็อยู่ในเราและเราอยู่ในเขา
6:57 พระบิดาผู้ทรงดำรงพระชนม์ได้ทรงใช้เรามาและเรามีชีวิตเพราะพระบิดานั้นฉันใด ผู้ที่กินเรา ผู้นั้นก็จะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น
6:58 นี่แหละเป็นอาหารซึ่งลงมาจากสวรรค์ ไม่เหมือนกับมานาที่พวกบรรพบุรุษของท่านได้กินและสิ้นชีวิต ผู้ที่กินอาหารนี้จะมีชีวิตนิรันดร์"


6:50 This is the bread which cometh down from heaven, that a man may eat thereof, and not die.
6:51 I am the living bread which came down from heaven: if any man eat of this bread, he shall live for ever: and the bread that I will give is my flesh, which I will give for the life of the world.
6:53 Then Jesus said unto them, Verily, verily, I say unto you, Except ye eat the flesh of the Son of man, and drink his blood, ye have no life in you.
6:54 Whoso eateth my flesh, and drinketh my blood, hath eternal life; and I will raise him up at the last day.
6:55 For my flesh is meat indeed, and my blood is drink indeed.
6:56 He that eateth my flesh, and drinketh my blood, dwelleth in me, and I in him.
6:57 As the living Father hath sent me, and I live by the Father: so he that eateth me, even he shall live by me.
6:58 This is that bread which came down from heaven: not as your fathers did eat manna, and are dead: he that eateth of this bread shall live for ever.


มัทธิว 26 / Matthew 26

การตั้งพิธีศีลระลึก (มก 14:22-25; ลก 22:17-20; 1 คร 11:23-25)
26:26 ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา และเมื่อขอบพระคุณแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า "จงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา"

The Lord's Supper Instituted (Mark 14:22-25; Luke 22:17-20; 1 Cor. 11:23-25)
26:26 And as they were eating, Jesus took bread, and blessed it, and brake it, and gave it to the disciples, and said, Take, eat; this is my body.

26:27 แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยมาขอบพระคุณและส่งให้เขา ตรัสว่า "จงรับไปดื่มทุกคนเถิด

26:27 And he took the cup, and gave thanks, and gave it to them, saying, Drink ye all of it;

26:28 ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก

26:28 For this is my blood of the new testament, which is shed for many for the remission of sins.


1 โครินธ์ 11 / 1 Corinthians 11

11:24 ครั้นขอบพระคุณแล้ว จึงทรงหักแล้วตรัสว่า "จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา ซึ่งหักออกเพื่อท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา"

11:24 And when he had given thanks, he brake it, and said, Take, eat: this is my body, which is broken for you: this do in remembrance of me.

11:25 เมื่อรับประทานแล้ว พระองค์จึงทรงหยิบถ้วยด้วยอาการอย่างเดียวกัน ตรัสว่า "ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ด้วยโลหิตของเรา เมื่อท่านดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด จงดื่มให้เป็นที่ระลึกถึงเรา"

11:25 After the same manner also he took the cup, when he had supped, saying, This cup is the new testament in my blood: this do ye, as oft as ye drink it, in remembrance of me.

11:26 เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา

11:26 For as often as ye eat this bread, and drink this cup, ye do shew the Lord's death till he come.

11:27 เหตุฉะนั้น ถ้าผู้ใดกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร ผู้นั้นก็ทำผิดต่อพระกายและพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า

11:27 Wherefore whosoever shall eat this bread, and drink this cup of the Lord, unworthily, shall be guilty of the body and blood of the Lord.

11:28 ขอให้ทุกคนพิจารณาตนเอง แล้วจึงกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้

11:28 But let a man examine himself, and so let him eat of that bread, and drink of that cup.

11:29 เพราะว่าคนที่กินและดื่มอย่างไม่สมควร ก็กินและดื่มเพื่อนำพระอาชญามาสู่ตนเอง เพราะมิได้พินิจดูพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า

11:29 For he that eateth and drinketh unworthily, eateth and drinketh damnation to himself, not discerning the Lord's body.

ผู้รับพิธีระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร บ้างก็ป่วย บ้างก็ตาย
11:30 ด้วยเหตุนี้พวกท่านหลายคนจึงอ่อนกำลังและป่วยอยู่และที่ล่วงหลับไปแล้วก็มีมาก

Irreverent Approach to Lord's Supper Causes Illness and Death in Some
11:30 For this cause many are weak and sickly among you, and many sleep.

11:31 เพราะถ้าเราจะพิจารณาตัวเราเอง เราจะไม่ต้องถูกทำโทษ

11:31 For if we would judge ourselves, we should not be judged.




Create Date : 11 กันยายน 2555
Last Update : 5 กรกฎาคม 2557 11:59:23 น.
Counter : 10196 Pageviews.

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  

Narno7
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



โยบ 38 / Job 38


38:4 เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา

38:4 Where wast thou when I laid the foundations of the earth? declare, if thou hast understanding.

38:7 ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

38:7 When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy


"I am a spirit that live in a body and communicate and perceive the exterior world through my soul."

"This world is not my home. I am here on a mission. Not all of children of God have or will come on this earth but I was chosen. Not all who come fulfill their mission and purpose for being here. Through the Cross of Jesus, I enter into the Kingdom of God. And as a daughter of God, my mission is to bring Heaven to earth."

New Comments
All Blog