คำแนะนำสำหรับผู้เชื่อใหม่ (2) การต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ Spiritual Warfare



......"บางครั้งจอยจะรู้สึกเหมือนหงุดหงิดง่ายเหนื่อยๆเบื่อๆกับชีวิตที่เป็นอยู่บางอย่างที่ไม่ได้ดังหวัง ใจก็จะพาลคิดไปถึงพระเจ้าด้วยว่าทำไมต้องให้ชีวิตจอยเป็นอย่างนี้ คือรู้สึกต่อว่าพระองค์ในใจนะค่ะ.. และก็แบบไม่อยากเชื่อในพระองค์แล้ว ใน2-3วันมานี้จะมีความรู้สึกแบบนี้แวบเข้ามาตลอด"

---- อาการอย่างนี้เป็นมาจากวิญญาณชั่วพยายามที่จะดึงออกจากพระเจ้า มักเกิดบ่อยๆกับผู้เชื่อใหม่ มันจะทำให้สงสัยในพระเจ้าว่ามีจริงมั๊ย ทำให้คิดกลับไปกลับมา มารมันทำงานในจิตใจของเราได้...และนี่คือคือสงครามฝ่ายวิญญาณค่ะ!!!

พระเจ้าบอกเราว่า เราไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์คนใด แต่เราต่อสู้กับวิญญาณชั่วค่ะ

เอเฟซัส 6 / Ephesians 6

6:12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือดแต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอบครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ

6:12 For we wrestle not against flesh and blood, but against principalities, against powers, against the rulers of the darkness of this world, against spiritual wickedness in high places.


ก่อนอื่นพี่จะขอให้น้องเข้าใจก่อนว่า มนุษย์นั้นประกอบด้วย ร่างกาย(Flesh/body) จิตใจ (mind) และ วิญญาณ(spirit) เมื่อเรารับพระเจ้าเข้ามาในเรา วิญญาณของพระเจ้าจะอยู่ในวิญญาณของเรา ยังเหลือ จิตใจ และ ร่างกายที่มารสามารถเข้ามารุกรานเราได้ (อย่างก็ตาม แม้มารจะไม่สามารถเข้าไปในวิญญาณของเราได้ แต่มันสามารถอยู่รอบๆได้)

ขณะนี้น้องถูกรุกรานที่จิตใจ คือมันมาทำให้เกิดความสับสน เบื่อๆ อยากๆ.... (หรือความรู้สึกต่างๆที่ทำให้จิตใจไม่สงบหรือไม่มีสันติสุข)

***ข่าวดี พระเจ้าได้ให้สิทธิอำนาจแก่ผู้เชื่อในพระองค์ทุกคนที่จะต่อต้านวิญญาณชั่วเหล่านี้ได้ค่ะ

ลูกา 10 / Luke 10
10:19 ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย

10:19 Behold, I give unto you power to tread on serpents and scorpions, and over all the power of the enemy: and nothing shall by any means hurt you.

***อย่าลืมค่ะ ว่าน้องได้รับสิทธิอำนาจนี้ครบถ้วนแล้วที่เราจะใช้ทำลายสิ่งต่างๆที่มารุกรานเรา!!!
2 โครินธ์ 10 / 2 Corinthians 10

10:3 เพราะว่า ถึงแม้เรายังดำเนินอยู่ในเนื้อหนังก็จริง แต่เราก็ไม่ได้สู้รบตามฝ่ายเนื้อหนัง
10:4 (เพราะว่าศาสตราวุธแห่งการสงครามของเราไม่เป็นฝ่ายเนื้อหนัง แต่มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่จากพระเจ้าที่จะทลายป้อมอันแข็งแกร่งลงได้)
10:5 คือทำลายความคิด และทิฐิมานะทุกประการที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และน้อมนำความคิดทุกประการให้เข้าอยู่ใต้บังคับจนถึงเชื่อฟังพระคริสต์
10:6 และพร้อมที่จะแก้แค้นการไม่เชื่อฟังทุกอย่าง ในเมื่อความเชื่อฟังของท่านทั้งหลายจะสำเร็จ

10:3 For though we walk in the flesh, we do not war after the flesh:
10:4 (For the weapons of our warfare are not carnal, but mighty through God to the pulling down of strong holds;)
10:5 Casting down imaginations, and every high thing that exalteth itself against the knowledge of God, and bringing into captivity every thought to the obedience of Christ;
10:6 And having in a readiness to revenge all disobedience, when your obedience is fulfilled.

ขอให้น้องอธิษฐานขับไล่วิญญาณชั่วอย่างนี้ค่ะ...

"ข้าสั่งในพระนามพระเยซูคริสต์ เจ้าวิญญาณชั่ว(demons/ผี)ทุกตนจงออกไปจากข้าเดี๋ยวนี้ ...ผีสับสน ผีเบื่อหน่าย ผีสงสัย ผีหงุดหงิด จงออกไปเดี๋ยวนี้ และไม่มีสิทธิ์กลับมาอีก !!!
....ข้าเป็นสมบัติของพระเยซูคริสต์ เจ้าผีร้ายวิญญาณชั่วทุกตนไม่มีสิทธิ์แตะต้องร่างกาย จิตใจหรือวิญญาณข้าได้อีกต่อไป ข้าปฏิเสธพวกเจ้าทั้งหมด จงออกไป และข้าสั่งพวกเจ้าให้อยู่ห่างๆจากข้า จากบุคคลในครอบครัวของข้า และพวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ใช้ใครก็แล้วแต่มารุกรานข้าด้วย ข้าสั่งในพระนามพระเยซูคริสต์ ...จงออกไป!!!"

**อธิษฐานทำนองนี้บ่อยๆ ทุกครั้งที่รู้สึกไม่สงบในจิตใจ รู้สึกอย่างไรก็ไล่ผีตัวนั้นออกค่ะ ....เช่น วิญญาณ(ผี)โกรธ ผีไม่ให้อภัย ผีศาสนาเทียมเท็จ ผีกินจุ ผีโลภ ผีเกลียด ผีเห็นแก่ตัว ผีคิดมาก ผีคิดเรื่องไร้สาระ ผีโมหะ ผีล่วงประเวณี ...ฯลฯ... วิญญาณชั่วแต่ละตนจะทำงานแต่ละอย่างๆแล้วแต่มันจะได้รับมอบหมายมาจากนายของมัน(ซาตาน)ค่ะ

พระเจ้าบอกเราว่า..ไล่มันบ่อยๆแล้วมันจะหนีจากเราไปค่ะ

ยากอบ 4 / James 4
4:7 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงยอมน้อมกายต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับพญามาร และมันจะหนีไปจากท่าน
4:7 Submit yourselves therefore to God. Resist the devil, and he will flee from you.

***ขอให้น้องอดทน และเข้มแข็งในพระองค์มากขึ้นในทุกๆวันค่ะ พี่จะมีน้องอยู่ในคำอธิษฐานของพี่เสมอค่ะ....
…พระบิดาเจ้าข้า... ลูกขอฝากน้องจอย ไว้ในพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ ขอพระองค์โปรดทรงสถิตอยู่กับเธอเสมอ ปกป้องคุ้มครองเธอ หนุนใจและเล้าโลมจิตใจของเธอ ปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากวิญญาณชั่วทั้งหมดทั้งสิ้น ขอทรงอวยพระพรให้แก่เธอเหมือนที่พระองค์ทรงได้ทรงอวยพระพรให้แก่ลูกแล้วนั้น ขอพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงร่างกายจิตใจและจิตวิญญาณของเธอให้เป็นบุคคลที่พระองค์ทรงพอพระทัย ขอนำเธอไปในทางของพระองค์ในทุกๆวัน ขอกระทำเธอให้เป็นท่อพระพรไปสู่คนอื่นอีกมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระพระองค์ เพื่ออาณาจักรของพระองค์ ลูกอธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน




ศึกษาเพิ่มเติม: //demonbuster.com/
//www.remnantradio.org/Archives/articles/PH/PH.htm
//www.patholliday.com/newsletters.php


จอย : ขอขอบคุณพี่มากนะค่ะ.. ถึงแม้เราจะไม่เคยรู้จักกัน พูดคุยกันได้ไม่นาน แต่จอยรู้สึกได้ถึงความจริงใจ ห่วงใย ความอบอุ่นที่มีให้ผ่านตัวอักษรมา.. สุขใจอย่างบอกไม่ถูกค่ะ

A : ขอบคุณพระเจ้า....พี่ดีใจค่ะที่จอยมีสันติสุข สรรเสริญพระเยซูคริสต์!

น้องจอยอย่าย่อท้อค่ะ พระเยซูรักน้องมากค่ะ พี่รู้... และพี่เองก็รักน้องค่ะ รักด้วยความรักที่มีในพระองค์ พี่รับใช้พระองค์ตามแต่พระองค์จะทรงใช้ พระองค์ส่งจอยมาให้พี่ดูแล พี่ก็จะทำอย่างเต็มที่ตามแต่โอกาสจะอำนวยและตามการทรงนำของพระองค์ค่ะ ทุกอย่างที่พี่แนะนำ..พี่แนะนำจากประสบการณ์จริงที่พี่พบเองทั้งหมดค่ะ คำตอบทุกคำตอบในความสงสัยที่เรามีเกี่ยวกับพระองค์หรือเรื่องอื่นๆ เมื่อเราทูลถามและรอคอย...พระองค์ตอบเราแน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด เรามีหน้าที่เชื่อมั่นและวางใจในพระองค์ เฝ้าอธิษฐานอย่าได้ห่าง ถ้าเราห่างจากพระองค์ หรือละทิ้งพระองค์ วิญญาณชั่วจะเข้ามาแทรกแซงได้ง่ายๆค่ะ เราต้องปิดช่องทุกช่องหรือปิดโอกาสมารทั้งหมด ซึ่งเราทำได้โดยอธิษฐานตามที่พี่เคยแนะนำไป

ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า แรกๆ เราจะรู้สึกว่าห่างไกลจากพระองค์มาก เหมือนไม่รู้จักกัน เหมือนพระองค์เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเรา และเมื่อเราอยากรู้จักพระองค์มากๆ และเราก็ต้องการให้พระองค์จำเราได้นั้นเราก็ต้องอ่านพระคัมภีร์ ต้องคุย/อธิษฐาน(เหมือนไปเสนอหน้า)ต่อพระองค์บ่อยๆค่ะ เช่นเดียวกันกับที่เราอยากรู้จักกับใคร เราก็ต้องคุยกับเขา อ่านเขาจากการกระทำและคำพูด และอยู่ใกล้ชิดกัน ก็จะรูจักกันมากขึ้นเรื่อยๆ.... ในทางตรงกันข้ามถ้าเราห่างเหินจากพระองค์ ไม่ศึกษาพระคัมภีร์ ไม่อธิษฐาน หรือทำบ้างไม่ทำบ้าง เราก็จะยังรู้สึกห่างจากพระองค์ไปอีกนาน และชีวิตคริสเตียนของเราก็จะลุ่มๆดอนๆ

ขอสันติสุขแห่งพระเยซูคริสต์สถิตอยู่กับน้องเสมอ และตลอดไปเป็นนิตย์ ในพระนามพระเยซูคริสต์ เอเมน

จอย : ที่พี่เขียนบอกมา.. เป็นเหมือนคำตอบที่จอยอยากรู้เลยค่ะ วันนี้จอยก็มีอาการนะค่ะสังเกตุว่าจะเป็นช่วงเย็นๆแต่จอยก็รีบอธิฐานแบบที่พี่ส่งมาให้ ก็มีสงบไปบ้างแต่ไม่หมดนะค่ะ พอสัก3ทุ่มจอยก็จะรู้สึกดีสบายใจ จะเป็นช่วงเวลาเดียวกันเลย.. ตอนนี้ไม่ว่าหลับตาลืมตาในหัวจอยมีแต่พระเจ้าๆๆตลอดเวลา คือถ้าว่าก็จะอ่านๆ คัมภีร์บ้างนิดหน่อย ดูและฟังเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าในยูทูป และก็อ่านไปเจอคอมเม้นอันหนึ่งค่ะแล้วเลยก็ความสงสัยขึ้นมา คือพระเจ้าในตอนแรกเป็นแค่พระเจ้าของยิวเท่านั้นเหรอค่ะ
พระเจ้าทรงเลือกยิวแล้วเพราะอะไรพระเจ้าทรงดูเหมือนทอดทิ้งชาวยิวล่ะค่ะ เหมือนตอนที่ฮิตเลอร์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ยิวนะค่ะ ยิวตายเยอะมากกก
และทำไมพระเจ้าถึงไม่จัดการซาตานและมารทั้งหลายล่ะค่ะทำไมถึงปล่อยให้ขึ้นมาทำลายความเชื่อเรื่องพระเจ้า
สงสัยนะค่ะเพราะอ่านพระคัมภีร์ยังไม่ครบและบ้างครั้งก็ตีความหมายไม่ออกเท่าไรค่ะ เลยถามพี่ดีกว่าจอยคงเข้าใจได้ง่ายถ้าฟังที่พี่อธิบาย
ขอบคุณค่ะ และ ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้จอยได้รู้จักพี่

โปรดอ่านต่อ....//www.bloggang.com/mainblog.php?id=debunk&month=23-07-2012&group=1&gblog=199






Create Date : 21 กรกฎาคม 2555
Last Update : 15 กันยายน 2555 21:10:26 น.
Counter : 2869 Pageviews.

คำแนะนำสำหรับผู้เชื่อใหม่


แนะนำว่าให้อ่านพระคัมภีร์เก่า และพระคัมภีรใหม่ไปเรื่อยๆ อาจจะวันละ 2 บท หรือ 3 บท ตามแต่เวลาจะอำนวย หรือตามแต่ใจเรากระหายหาพระองค์ และควรอ่านทุกวัน คือบทสดุดี (Psalms) และ สุภาษิต(Perverbs)

สดุดี (Psalms) - อ่านสดุดี จะทำให้เราซาบซึ้งในความรักที่พระองค์มีต่อเราได้เร็ว และเป็นบทที่เราใช้เป็น...คำอธิษฐาน ในยุคนี้ ถ้าสามารถทำได้ พี่แนะนำให้อ่าน หรือท่อง บทที่ 23, 91, 119 ทุกวันค่ะ

สุภาษิต(Perverbs) - จะสอนเราเรื่องการดำเนินชีวิตในพระเจ้า สุภาษิต มี 31 บท ให้อ่านแต่ละบทที่ตรงกับวันที่ จะทำให้เราไม่ลืม

***เมื่ออ่านพระคัมภีร์ เมื่อรู้สึกโดนใจ เราควรเขียนลงในสมุดโน้ตส่วนตัวแล้วท่องทุกวัน จำให้ขึ้นใจค่ะ ถ้าทำได้จะดีต่อตัวเรามากๆค่ะ


ณ เวลานี้ที่น้องรับเชื่อใหม่ๆ พระองค์จะดูแลน้องอย่างใกล้ชิด และจะมีฑูตสวรรค์ประจำตัวคอยปกป้อง อย่างไรก็ตามหากเผลอไปกระทำความบาป หรือมีบาปที่ยังไม่ได้รับการสารภาพ ตรงนั้น..ก็จะเป็นการเปิดประตูให้มารเข้ามาแทรกแซงในชีวิตได้

......และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่จะต้องกระทำ....คือการอธิษฐานกับพระเจ้าว่าเราขอยกโทษให้กับทุกคน(ระบุชื่อได้จะดีมาก) ที่เคยทำร้ายเรามา ...เพราะพระองค์บอกว่า

มัทธิว 6 / Matthew 6
6:14 เพราะว่าถ้าท่านยกการละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงโปรดยกโทษให้ท่านด้วย
6:15 แต่ถ้าท่านไม่ยกการละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านจะไม่ทรงโปรดยกการละเมิดของท่านเหมือนกัน

6:14 For if ye forgive men their trespasses, your heavenly Father will also forgive you:
6:15 But if ye forgive not men their trespasses, neither will your Father forgive your trespasses.

การอธิษฐาน เราทำได้ตลอดเวลาค่ะ ถ้าจะเลือกจัดสรรเวลาไว้ก็จะดีค่ะ เราจะได้ไม่พลาดไปในแต่ละวัน เพราะมารซาตานหรือวิญญาณชั่วมักจะมาคอยทำให้เราพลาดในการอธิษฐานอยู่เสมอ หลายครั้งเราต้องฝืนเพื่อจะได้คุย/อธิษฐานกับพระเจ้าของเราค่ะ

อีกเรื่องหนึ่งค่ะ พระคัมภีร์ใหม่ที่เราควรอ่านให้เข้าใจโดยเร็วคือเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ที่บันทึกเป็นพระธรรม มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์นค่ะ

พระคัมภีร์ใหม่ เมื่อเราใช้วิธีการฟังจะจำได้ดีมาก และเราจะฟังในขณะทำงานบ้านหรือเมื่อไรก็ได้ค่ะ download ได้จาก link นี้ค่ะ มีหลายภาษา รวมทั้งภาษาไทยด้วยค่ะ

//www.faithcomesbyhearing.com/


อีกเรื่องที่คริสเตียนทุกคนควรเรียนรู้ คือการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ...

เอเฟซัส 6 / Ephesians 6
6:12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือดแต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอบครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ

6:12 For we wrestle not against flesh and blood, but against principalities, against powers, against the rulers of the darkness of this world, against spiritual wickedness in high places.

6:13 เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้นและเมื่อเสร็จแล้วจะยืนมั่นได้

6:13 Wherefore take unto you the whole armour of God, that ye may be able to withstand in the evil day, and having done all, to stand

***เรื่องการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ เอาไว้พี่จะสอนเป็นเรื่องๆไปตามแต่ที่น้องพบเจอในชีวิตประจำวันค่ะ

Facebook : https://www.facebook.com/#!/Narno7

การอธิษฐาน :

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=debunk&month=09-01-2010&group=1&gblog=79&fb_source=message





Q & A

Q: ตอนนี้จอย ได้เป็นคริสเตียนหรือยังค่ะ.

A: ค่ะ เมื่อรับเชื่อและสารภาพบาปกับพระองค์แล้ว น้องจอยก็มีตราแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ค่ะ

เอเฟซัส 1 / Ephesians 1
1:13 และในพระองค์นั้นท่านทั้งหลายก็ได้วางใจเช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ฟังพระวจนะแห่งความจริงคือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และได้เชื่อในพระองค์แล้วด้วย ท่านก็ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งพระสัญญา

1:13 In whom ye also trusted, after that ye heard the word of truth, the gospel of your salvation: in whom also after that ye believed, ye were sealed with that holy Spirit of promise,



Q : จอยสามารถอธิฐานอ่านพระคัมภีรอยู่ที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโบสถ์ใช่มั้ยค่ะ... ตอนนี้จอยไม่ได้ทำงานค่ะ เป็นแม่บ้าน ดูลูกสาว 2 คน 6ปี กับ 1ปี..

A: ไม่จำเป็นค่ะ เราเองที่เป็นผู้เชื่อในพระองค์คือคริสตจักรของพระเจ้า

1 โครินธ์ 6 / 1 Corinthians 6
ร่างกายของคริสเตียนเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์
6:19 ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณ
6:20 พระเจ้าได้ทรงซื้อท่านไว้แล้วตามราคา เหตุฉะนั้นท่านจงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของท่าน และด้วยจิตวิญญาณของท่าน ซึ่งเป็นของพระเจ้า

The Christian's Body the Temple of the Holy Spirit
6:19 What? know ye not that your body is the temple of the Holy Ghost which is in you, which ye have of God, and ye are not your own?
6:20 For ye are bought with a price: therefore glorify God in your body, and in your spirit, which are God's.

Q: จอยสารมารถคุยกับพระเจ้าในใจได้ไหมค่ะหรือต้องคุกเข่าออกเสียงทุกครั้ง ตอนนี้จอยสามารถอธิฐานได้เฉพาะตอนลูกคนเล็กหลับค่ะ เพราะไม่งั้นแกคงมากวน

A: คุยในใจก็ได้ค่ะ คุยได้ทั้งวัน คุยได้แม้เรากำลังทำงานบ้าน เลี้ยงลูก ขับรถ จ่ายตลาด แต่งตัว อาบน้ำ ฯลฯ และการที่เราคุกเข่าลงเป็นเรื่องเป็นราวแล้วอธิษฐานก็เป็นการแสดงความถ่อมใจของเราต่อพระองค์ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราเคารพบูชาพระองค์ค่ะ

- **** ในการอธิษฐานส่วนตัวนั้น เราจะอธิษฐานต่อพระบิดา แล้วลงท้ายด้วย ในพระนามพระเยซูคริสต์(in Jesus' name) เสมอค่ะ เราอธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์เสมอเพราะว่าพระองค์คือผู้ที่เป็นสื่อกลาง(ปุโรหิตหลวง/High Priest)ระหว่างมนุษย์กับพระบิดา----อย่างไรก็ตามพระองค์กับพระบิดา และพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน

Q: ไม่กราบไว้รูปปั้นหรือรูปภาพ(สงสัยค่ะ ว่าห้ามไหว้พระสงฆ์ด้วยไหม รวมถึงรูปของบุคคลสำคัญ)

A: ค่ะ ห้ามไหว้พระสงค์(แต่เราสวัสดีได้ ถ้าเราเคารพเขาในฐานะญาติผู้ใหญ่ แต่เราไม่ได้บูชาเขาเหมือนชาวพุทธ) และห้ามบูชารูปของใครทั้งสิ้น

Q: พระบัญญัติข้อ 3 หมายความว่าอย่างไรคะ
A: ข้อ 3. อย่าออกพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าอย่างไร้ประโยชน์ เพราะผู้ที่ออกพระนามพระองค์อย่างไร้ประโยชน์นั้น พระเยโฮวาห์จะทรงถือว่าไม่มีโทษก็หามิได้ (เฉลยธรรมบัญญัติ 5:11) ----> ตรงนี้หมายถึง ตัวเรา..เมื่อเราดำเนินชีวิตในพระเจ้า เราอย่าทำให้เป็นการหลู่เกียรติพระองค์โดยการกระทำความบาป เพราะคนทั้งหลายจะรู้จักเราในพระนามของพระองค์ค่ะ


Q: วันสะบาโต คือเมื่อไรค่ะ

A: วันสะบาโต ----->ปัจจุบันคนทั่วไปเข้าใจว่าวันอาทิตย์เป็นวันสะบาโต และพี่เองก็ถูกสอนมาอย่างนันเมื่อรับเชื่อใหม่ๆ แต่ต่อมาพระองค์ก็ทรงเปิดเผยให้รู้ว่าไม่ใช่ พร้อมกับการที่พระองค์ทรงเปิดเผยเรื่องอื่นๆ และทรงเรียกให้ออกมาจากการนมัสการในวันอาทิตย์ พี่จึงนมัสการอยู่ที่บ้านในวันเสาร์ แล้วต่อมาพระองค์ก็ทรงเปิดเผย ผ่าน link นี้อีก โดยใน link ได้แสดงให้เห็นหลักฐานต่างๆในพระคัมภีร์เกี่ยวกับวันสะบาโต

//the-thirdday.com/index.php/books-and-articles/times-and-seasons-the-lords-calendar/

ขณะนี้ พี่หยุดพัก (งดซื้อ งดขาย งดทำการค้า/ทำงานหาเลี้ยงชีพ)ในวัน Floating Sabbath

***เรื่องการหยุดพักในวันสะบาโต เป็นที่ถกเกียงกันในหมู่ผู้เชื่อพระเจ้า หลายคนบอกว่าพระเยซูมาแล้วเพื่อไถ่บาปของเรา เราไม่จำเป็นต้องถือรักษาวันสะบาโต----แต่จากประสบการณ์ของพี่ ที่พี่สัตย์ซื่อต่อคำสอนของพระองค์ตลอดมา ตามแต่ความรู้ที่ได้รับมาทุกครั้งที่พระองค์เปิดเผยเรื่องราวของพระองค์นั้น พระองค์ก็ทรงให้พี่ได้หยุดพักจริงๆตามพระพันธสัญญาทีพระองค์มีให้ในพระธรรม ฮีบรู บทที่ 4

Q: วันสะบาโต เราห้ามทำอะไรเลยเหรอค่ะ งานบ้าน การซื้อของ ออกไปเที่ยว

A: วันสะบาโต เป็นวันหยุดพักจากการงานของพระเจ้า และพระองค์เป็นตัวอย่างให้เราทำตามค่ะ เรางดซื้อ-ขาย ค่ะ ออกไปเที่ยวแต่ถ้าไม่ต้องจ่ายอะไรก็ทำได้ค่ะ แต่ตามแนวปฏิบัติทั่วไป เราก็จะอยู่กับพระเจ้า อธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์อยู่ที่บ้านค่ะ หรือร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องคริสเตียนด้วยกันค่ะ

Q: การสารภาพบาปกับพระเจ้า สามารถล้างบาปได้จริงเหรอค่ะ ข้อนี้จอยสงสัยมานานมากค่ะ ไม่ได้จะไม่คิดไม่เชื่อนะค่ะ แต่อยากรู้ค่ะ ถ้าสมมุติเราฆ่าคน ทำไม่ดีสารพัดแค่สารภาพบาป พระเจ้าจะทรงให้อภัยแล้วเหรอค่ะ

A: การสารภาพบาปกับพระเจ้าล้างบาปได้จริงๆค่ะ เพราะพระเยซูคริสต์ได้มาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่ชีวิตของเราแล้วค่ะ

อิสยาห์ 1 / Isaiah 1
1:18 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า....

....*** "มาเถิด ให้เราสู้ความกัน ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้มก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงอย่างผ้าแดงก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ

1:19...*** ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน !!!

1:18 Come now, and let us reason together, saith the LORD: though your sins be as scarlet, they shall be as white as snow; though they be red like crimson, they shall be as wool.
1:19 If ye be willing and obedient, ye shall eat the good of the land:

อิสยาห์ 43 / Isaiah 43
43:25 เรา เราคือพระองค์นั้นผู้ลบล้างความละเมิดของเจ้าด้วยเห็นแก่เราเอง และเราจะไม่จดจำบรรดาบาปของเจ้าไว้

43:25 I, even I, am he that blotteth out thy transgressions for mine own sake, and will not remember thy sins.

พี่แนะนำให้อ่าน blog นี้ค่ะ ถ้าเคยอ่านแล้ว ขอให้อ่านอีกรอบค่ะ

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=debunk&month=08-10-2009&group=1&gblog=17



Create Date : 19 กรกฎาคม 2555
Last Update : 19 กรกฎาคม 2555 18:30:51 น.
Counter : 3118 Pageviews.

ภาพฝ่ายวิญญาณ- คริสตจักรบาบิโลน
ลูกา 10 / Luke 10

10:19 ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย


10:19 Behold, I give unto you power to tread on serpents and scorpions, and over all the power of the enemy: and nothing shall by any means hurt you.








ลูกา 12 / Luke 12

พระคริสต์เสด็จมาเพื่อให้เกิดการแตกแยกกัน

12:51 ท่านทั้งหลายคิดว่า.... เรามาเพื่อจะให้เกิดสันติภาพในโลกหรือ
...**** เราบอกท่านว่า มิใช่ แต่จะให้แบ่งแตกกันต่างหาก!!!!!


Christ Brings Division Among Men
12:51 Suppose ye that I am come to give peace on earth? I tell you, Nay; but rather division:

เมื่อศึกษาลงลึกไปถึงฝ่ายวิญญาณ.....ตามพระคัมภีร์...คริสตจักรได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ

กลุ่มที่ 1. กลุ่ม 144000 กลุ่มนี้ถูกทรงเรียกให้ออกมาจากคริสตจักรเรียบร้อยแล้ว

วิวรณ์ 18 / Revelation 18

18:4 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งประกาศมาจากสวรรค์ว่า "ชนชาติของเรา จงออกมาจากนครนั้นเถิด เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่มีส่วนในการบาปของนครนั้น และเพื่อท่านจะไม่ต้องรับภัยพิบัติที่จะเกิดแก่นครนั้น

18:4 And I heard another voice from heaven, saying, Come out of her, my people, that ye be not partakers of her sins, and that ye receive not of her plagues.

วิวรณ์ 14 / Revelation 14

14:4 คนเหล่านี้เป็นคนที่มิได้มีมลทินกับผู้หญิง เพราะว่าเขาเป็นพวกพรหมจารี พระเมษโปดกเสด็จไปที่ใด คนเหล่านี้ก็ตามเสด็จไปด้วย พวกเขาเป็นผู้ที่ทรงไถ่จากมวลมนุษย์ เป็นผลแรกถวายแด่พระเจ้าและแด่พระเมษโปดก

14:5 ปากเขาไม่กล่าวคำอุบายเลย เพราะเขาไม่มีความผิดต่อหน้าพระที่นั่งของพระเจ้า


14:4 These are they which were not defiled with women; for they are virgins. These are they which follow the Lamb whithersoever he goeth. These were redeemed from among men, being the firstfruits unto God and to the Lamb. 14:5 And in their mouth was found no guile: for they are without fault before the throne of God.

14:5 And in their mouth was found no guile: for they are without fault before the throne of God.

****คนเหล่านี้เป็นคนที่มิได้มีมลทินกับ....'ผู้หญิง' <-----คำว่า 'ผู้หญิง' ในพระคัมภีร์หมวดคำพยากรณ์ หมายถึง 'คริสตจักรบาบิโลน'


วิวรณ์ 7 / Revelation 7
7:3 ว่า "จงอย่าทำอันตรายแผ่นดิน ทะเลหรือต้นไม้ จนกว่าเราจะได้ประทับตราไว้ที่หน้าผากผู้รับใช้ทั้งหลายของพระเจ้าของเราเสียก่อน"

7:4 และข้าพเจ้าได้ยินจำนวนของผู้ที่ได้การประทับตรา คือผู้ที่ได้การประทับตรานั้น ก็มาจากทุกตระกูลในชนชาติอิสราเอลได้แสนสี่หมื่นสี่พันคน

7:3 Saying, Hurt not the earth, neither the sea, nor the trees, till we have sealed the servants of our God in their foreheads.
7:4 And I heard the number of them which were sealed: and there were sealed an hundred and forty and four thousand of all the tribes of the children of Israel.

****เมื่อแยกกลุ่ม 144000 ออกไปแล้ว ส่วนที่เหลือ 3 ส่วนนั้นถูกเรียกว่า คริสตจักรบาบิโลน ซึ่งเราจะพบคำว่า หนึ่งในสาม หรือ สองในสาม ในพระคัมภีร์ในหมวดพยากรณ์หลายเล่ม โดยเฉพาะในวิวรณ์ ซึ่ง...

**** หนึ่งในสามนั้นหมายถึงกลุ่ม "มวลชน(Multitude)" และ....

**** สองในสาม หมายถึง กลุ่ม "งูร้ายและกลุ่มแมงป่อง (Serpents and Scorpions)"

กลุ่มที่ 2. Multitude ...พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า "มวลชน" หมายถึง คริสเตียนที่รักพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ แต่ยังถูกหลอกด้วยคำสอนผิดๆ ในที่สุดคนในกลุ่มนี้จะตื่นจากการหลับไหลที่ไปหลงเชื่อคำสอนของผู้เผยพระวจนะเท็จ แล้วกลับมาสู่ความจริงในพระเจ้า และได้เข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า แต่พวกเขาถูกข่มเหงอย่างหนักจากอีก 2 กลุ่ม (กลุ่ม 3 และ4)


วิวรณ์ 8 / Revelation 8


8:9 สัตว์ทั้งปวง..***ที่มีชีวิต***อยู่ในทะเลนั้น....**ตายเสียหนึ่งในสามส่วน*** และบรรดาเรือกำปั่นแตกเสียหนึ่งในสามส่วน

8:9 And the third part of the creatures which were in the sea, and had life, died; and the third part of the ships were destroyed.

***พระคัมภีร์ตรงส่วนนี้ จะกล่าวถึงเพียง 3 ส่วน เพราะกลุ่ม 144000 ได้แยกออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทุกคนต้องผ่านช่วงความทุกข์เวทนาครั้งใหญ่(Great Tribulation) แต่กลุ่ม 144000 มีตราประทับของพระเจ้าที่หน้าผากแล้ว จึงได้รับความคุ้มครองอย่างเข้มแข็งจากพระเจ้า(วว.7:3-4)

วิวรณ์ 7 / Revelation 7

การปรากฏของมวลชนที่ได้รับความรอดต่อหน้าพระที่นั่ง


7:9 ต่อจากนั้นมา ข้าพเจ้าก็มองดู และดูเถิด คนมากมาย ถ้ามีผู้ใดจะนับประมาณมิได้เลย มาจากทุกชาติ ทุกตระกูล ประชากร และทุกภาษา คนเหล่านั้นสวมเสื้อสีขาว ถือใบตาลยืนอยู่หน้าพระที่นั่ง และต่อพระพักตร์พระเมษโปด

7:10 คนเหล่านั้นร้องเสียงดังว่า "ความรอดมีอยู่ที่พระเจ้าของเราผู้ประทับบนพระที่นั่ง และมีอยู่ที่พระเมษโปดก"

Millions Saved Stand Before the Throne of God
7:9 After this I beheld, and, lo, a great multitude, which no man could number, of all nations, and kindreds, and people, and tongues, stood before the throne, and before the Lamb, clothed with white robes, and palms in their hands;
7:10 And cried with a loud voice, saying, Salvation to our God which sitteth upon the throne, and unto the Lamb.

7:13 และคนหนึ่งในพวกผู้อาวุโสนั้นถามข้าพเจ้าว่า "คนที่สวมเสื้อสีขาวเหล่านี้คือใคร และมาจากไหน"

7:14 ข้าพเจ้าตอบท่านว่า "ท่านเจ้าข้า ท่านก็ทราบอยู่แล้ว" ท่านจึงบอกข้าพเจ้าว่า "คนเหล่านี้คือคนที่มาจากความทุกข์เวทนาครั้งใหญ่ พวกเขาได้ชำระล้างเสื้อผ้าของเขาในพระโลหิตของพระเมษโปดกจนเสื้อผ้านั้นขาวสะอาด

7:13 And one of the elders answered, saying unto me, What are these which are arrayed in white robes? and whence came they?
7:14 And I said unto him, Sir, thou knowest. And he said to me, These are they which came out of great tribulation, and have washed their robes, and made them white in the blood of the Lamb.


กลุ่มที่ 3. Serpents (งูร้าย)..
กลุ่มที่ 4. Scorpions (แมงป่อง)


กลุ่มงูร้ายและแมงป่อง (พวกนี้มีบุคลิกลักษณะของฟาริสี สะดูสี ผู้เผยพระวจนะเท็จ ยูดาส/จอมหักหลัง) 2 กลุ่มนี้คือคนที่อยู่ในคริสตจักร เรียกตนเองว่า คริสเตียน แต่คน 2 กลุ่มนี้มีนิสัยเหมือนงูและแมงป่อง พวกเขาจะทำร้าย ข่มเหง รังแก กลุ่มมวลชน

กลุ่มงูร้ายและแมงป่องมักจะทำงานด้วยกัน พวกนี้เขามีซาตานเป็นเจ้านาย คือถูกครอบงำโดยวิญญาณชั่ว แต่พวกเขาไม่รู้ตัว พวกเขาคิดว่าเขาทำงานถวายพระเจ้า พวกเขาไม่มีวันที่ตาฝ่ายวิญญาณจะถูกเปิดออก เขาคือ 2 กลุ่มที่วิญญาณของพวกเขาได้ตายจากพระเจ้าแล้ว

เศคาริยาห์ 13 / Zechariah 13

13:7 พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสว่า "โอ ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นต่อสู้เมษบาลของเรา จงต่อสู้ผู้ที่สนิทกับเรา จงตีเมษบาล และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป เราจะกลับมือของเราต่อสู้กับตัวเล็กตัวน้อย


13:7 Awake, O sword, against my shepherd, and against the man that is my fellow, saith the LORD of hosts: smite the shepherd, and the sheep shall be scattered: and I will turn mine hand upon the little ones.

อิสราเอลจะถูกพิพากษาและชำระให้สะอาด พวกกบฏจะถูกกวาดทิ้งไป (อสค 20:33-38)
13:8 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า ต่อมาทั่วทั้งแผ่นดินจะ….***ต้องขจัดเสียให้พินาศสองในสาม!!!!! และเหลือไว้หนึ่งในสาม

Israel's Judgment and Refining; Rebels Purged Out (Eze. 20:33-38)
13:8 And it shall come to pass, that in all the land, saith the LORD, two parts therein shall be cut off and die; but the third shall be left therein.

….***ต้องขจัดเสียให้พินาศสองในสาม!!!!! --- หมายถึง กลุ่ม งูร้าย กับกลุ่มแมงป่อง <----วิญญาณของพวกเขาได้ตายจากพระเจ้า

***เหลือไว้หนึ่งในสาม….<------- คือกลุ่มมวลชนที่ได้รับความรอดจริงๆ (รวมทั้งกลุ่ม 144000 ซึ่งแยกออกไปก่อนแล้ว)






 


เอเสเคียล 7 / Ezekiel 7

7:2 "เจ้า บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสกับแผ่นดินอิสราเอลดังนี้ว่า....
...**** อวสาน ....ความสิ้นสุดได้มาถึงทั้งสี่มุมของแผ่นดินแล้ว!!!!!!

7:3 ...****บัดนี้บั้นปลายก็มาถึงเจ้าแล้ว!!!!!
....**** และเราจะปล่อยความโกรธของเรามาเหนือเจ้าทั้งหลาย!!!!!
....**** และจะพิพากษาเจ้าตามวิถีทางทั้งหลายของเจ้า !!!!
....*** และเราจะตอบสนองการกระทำอันน่าสะอิดสะเอียนทั้งสิ้นของเจ้าแก่เจ้า !!!!


7:2 Also, thou son of man, thus saith the Lord GOD unto the land of Israel; An end, the end is come upon the four corners of the land.
7:3 Now is the end come upon thee, and I will send mine anger upon thee, and will judge thee according to thy ways, and will recompense upon thee all thine abominations.

To be continue.....




Create Date : 11 เมษายน 2555
Last Update : 1 สิงหาคม 2555 22:51:26 น.
Counter : 2547 Pageviews.

เปิดโปงที่มาของเทศกาลนอกรีต อีสเตอร์และคริสมาส PAGAN ORIGINS OF EASTER AND CHRISTMAS EXPOSED 4 of 8




Get Rid of Easter! (Pagan origins of Easter and Christmas Exposed) Part 4 of 8




Part 4 of 8

ซึ่งตามตำนานนั้นก็ถูกปลากิน นั่นเป็นเพียงอวัยวะส่วนเดียวที่เธอไม่สามารถหาเจอ เธอได้ตามหาส่วนอื่นๆและพบจนหมดยกเว้นส่วนอวัยวะเพศ

เอาล่ะ...ทำไมส่วนนี้จึงสำคัญนัก? ก็เพราะว่าในโบราณนั้น การมีเพศสัมพันธ์และการสืบพันธ์นั้นสำคัญมาก ความสำส่อนทางเพศนั้นมีอยู่ดาษดื่น ทั้งโสเภณี และรักร่วมเพศ

จึงจำเป็นมากที่นางจะต้องหาอวัยวะเพศของสามีซึ่งเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง ความอุดมสมบูรณ์ซึ่งจะส่งผ่านไปสู่ลูกหลานแห่งราชบัลลังก์สืบต่อไป

เนื่องจากนางหาอวัยวะส่วนนี้ของสามีไม่พบ นางจึงตัดสินใจสร้างเสาศักดิ์สิทธิ์ที่ระลึกขึ้นในอียิปต์ ซึ่งจะเป็นการระลึกถึงพลังอำนาจของเขา

จากหลักฐานที่เราพบ ชาวโบราณเชื่อว่าพระของพวกเขาสถิตอยู่ในเสาศักดิ์สิทธิ์ และจากที่คุณเห็นบนจอนี้คือ – พวกเขาเชื่อว่าเสาศักดิ์สิทธิ์แห่งอียิปต์นั้นถูกใช้เป็นที่บูชาและเป็นที่สถิตอยู่ของพระอาทิตย์ และพวกเขาก็เริ่มที่ตั้งเสาศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วแผ่นดินโลก (แม้แต่ในประเทศไทย – เช่น อนุเสารีย์ชัยฯ)


นาทีที่ 1.53 – ในภาษาฮีบรู คำที่หมายถึง เสา หรือ รูปเคารพ คือ “kham-mawn” (02553).

“Kham-mawn” แปลว่า รูปดวงอาทิตย์ หรือเสาแห่งพระอาทิตย์ คุณจะพบในพระธรรมอิสยาห์ 27: 9

พระธรรมอิสยาห์ 27: 9 - เพราะฉะนั้นจะลบความชั่วช้าของยาโคบอย่างนี้แหละ และนี่เป็นผลเต็มขนาดในการปลดบาปของเขา คือเมื่อเขาทำศิลาทั้งสิ้นของแท่นบูชาให้เป็นเหมือนหินดินสอพองที่ถูกบดเป็นชิ้นๆ จะไม่มีเสารูปเคารพ หรือรูปเคารพตั้งอยู่ได้



นาทีที่ 2.38 – นี่เป็นอีกคำหนึ่งในภาษาฮีบรู “matstsebah” (04676). .... “Matstsebah” แปลว่า เสาหิน หรือ อนุสาวรีย์ หรือ รูปเคารพ ซึ่งมันคือเสาหินโอเบลิสก์ยอดแหลมมีหน้าตัดเรียบ 4 ด้าน (the erected obelisk)


Exo 34:13 – But ye shall destroy their altars, break their images, and cut down their groves:

อพยพ 34:13 แต่เจ้าทั้งหลายจงทำลายแท่นบูชาและทุบเสาอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้แหลกละเอียด และโค่นเสารูปเคารพของเขาเสีย

Lev 26:1 – Ye shall make you no idols nor graven image, neither rear you up a standing image, neither shall ye set up any image of stone in your land (talking about the obelisk), to bow down unto it: for I am the Lord your God.

เลวีนิติ 26:1 "เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำรูปเคารพหรือรูปแกะสลักสำหรับตัว หรือตั้งเสาศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าทั้งหลายอย่าตั้งสิ่งใดๆที่เป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยศิลาไว้ในแผ่นดินของเจ้า เพื่อแก่การกราบไหว้ เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า


Deu 7:5 – But thus shall ye deal with them; ye shall destroy their altars, break down their images, and cut down their groves, and burn their graven images with fire.

พระราชบัญญัติ 7:5 แต่จงกระทำแก่เขาทั้งหลายอย่างนี้ ท่านทั้งหลายจงทำลายแท่นบูชาของเขาเสีย และหักทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสีย จงโค่นเสารูปเคารพของเขาลงเสีย และเผารูปเคารพแกะสลักของเขาเสียด้วยไฟ


ท่านจะเห็นว่ามีพระคัมภีร์หลายตอนที่กล่าวถึงเสาสูงเหล่านี้และสิ่งนี้ก็มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง

Deu 12:3, 1 Ki 14:23, 2 Ki 3:2, 2 Ki 10:26, 2 Ki 10:27, 2 Chr 14:3, 2 Chr 31:1, Jer 43:13, Micah 5:13


พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระยาเวห์ พระองค์นั้นยังคงต่อสู้กับพระนอกรีตตัวสำคัญคือพระบาอัลหรือพระอาทิตย์ ซึ่งได้กล่าวถึงในพระคัมภีร์พระบาอัลคือพระอาทิตย์ของทิศตะวันออกและพระอัชทาโรทคือพระอาทิตย์ของทิศตะวันตก


นาทีที่ 3.54 – เหล่านี้เป็นรูปที่เราจะเห็นทั่วไปในโลก
- และนี่เป็นเสาสูงโอเบลิสก์ในตุรกี ท่านจะเห็นว่ามีภาพและการสื่อภาษาที่สลักไว้บนเสาด้วย
- และนี่คือ Cleopatra’s needle เพื่อระลึกถึงพระอาทิตย์
- และนี่เป็นเสาโอเบลิสก์ที่เก่าแก่ที่สุดในสก็อตแลนด์
- และนี่คือเสาโอเบลิสก์ที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์
- ในเยอรมัน
- ในปารีส ฝรั่งเศส
- ในนครเมกกะ ครับ...มันทำให้ผมขนลุกเลยเมื่อเจอสิ่งนี้ในชาวมุสลิม ซึ่งมันตั้งอยู่กลางนครเมกกะ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกันกับที่เราพบอยู่ทั่วไปในอเมริกา
- นี่อยู่ในกรุงลักเซอร์ อียิปต์ ใกล้กับแม่น้ำไนล์ มันเป็นโอเบลิสก์ของชาวอียิปต์
- นี่เป็นโอเบลิสก์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่อยู่ในกรุงบัวโนไอเรส อาร์เจนติน่า ซึ่งอุทิศให้พระอาทิตย์ รา(Ra)..ซึ่งเขาว่าอาศัยอยู่ในเสานั้น
- นี่อยู่ในอัมสเตอดัม
- และนี่อยู่ในเอธิโอเปีย
- ในมองโกเลีย


นาทีที่ 5.39 – พี่น้องครับ ผมจะมาดูให้ชัดๆตรงนี้ซักครู่นะครับ ผมสามารถมองเห็นสิ่งนี้ได้จากกูเกิ้ลเอิร์ตเท่านั้นนะครับ และมันทำให้ผมอึ้งไปเลย และผมอยากที่จะแบ่งปันกับคุณด้วยครับ

ผมเชื่อว่านี่เป็นเสาโอเบลิสก์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสิ่งที่ซ่อนอยู่มันอยู่ตรงนี้ครับ ถ้าคุณค่อยๆมองดูอย่างชัดๆ สิ่งที่คุณเห็นอยู่นี่คืออวัยวะเพศชายของรา(Ra)หรือพระอาทิตย์ หรืออีกชื่อก็คือพระบาอัล ซึ่งสิ่งนี้ถูกสร้างให้ตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของจัตุรัส เซนต์ปีเตอร์ มหานครวาติกัน ตรงส่วนฐานนั้นคุณจะสามารถมองเห็นรูปร่างของลูกอัณฑะและเห็นเป็นรูปร่างของอวัยวะเพศชายชี้ขึ้น(โปรดดูวีดีโอประกอบ) สิ่งที่น่าสนใจคือว่าถ้าเราหันให้เห็นเป็นด้านข้าง เราจะเห็นเสาโอเบลิสก์นั้นชี้ตรงไปทางทิศตะวันตกที่ ศูนย์องศา

คำถามของผมคือว่า ทำไมต้องหันไปทางทิศตะวันตก ..ก็เพราะว่านี่คือ พระอาทิตย์ เขาคือพระของทิศตะวันตก และคุณจะเห็นแล้วว่าทุกๆสังคมที่มีการบูชาพระอาทิตย์นั้น แท่นบูชาของพวกเขามักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเพราะนั่นคือที่ที่พวกเขาปฏิบัติกันครับ ผมเชื่อว่าศัตรูนั้นเข้ามามีส่วนอย่างมากในทางสถาปัตยกรรมในโครงสร้างโดยเฉพาะของโรมันคาทอลิก ซึ่งจริงๆแล้วมันคือการแสดงให้เห็นภาพของอวัยวะเพศของพระอาทิตย์

มันไม่ใช่หรอกครับ....ที่เสาโอเบลิสก์อียิปต์ซึ่งใช้แทนอวัยวะเพศของพระอาทิตย์ รวมทั้งอวัยวะสืบพันธุ์รูปวงล้อแผ่ลำแสงของดวงอาทิตย์...ไม่มีอะไรประมาณนี้ที่จะมาเชื่อมโยงเข้ากับเรื่องของพระเยซูคริสต์ได้เลยครับ

แต่ช่างโชคร้ายครับ...ที่ในยุคปัจจุบันนี้ สิ่งเหล่านี้ได้ค่อยๆคืบคลานเข้ามาผสมผสานในสังคมคริสเตียนเรียบร้อยแล้วอย่างชนิดคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เพราะว่า เราไม่รู้ประวัติศาสตร์นั่นเองครับ



นาทีที่ 7.34 – เอาล่ะครับ ...นี่ก็เป็นอีกรูปหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะว่ารูปนี้เป็นรูปของเสาโอเบลิสก์ที่โบสถ์เซนต์จอห์น (คริสตจักรแม่)ในกรุงโรม นี่เป็นโบสถ์ของพระสันตะปาปา เป็นบัลลังก์ของพระสันตะปาปา ผมจะอ่านที่มาที่ไปของเสานี้นะครับว่ามันมาจากไหน เพราะว่ามันจะทำให้คุณตกใจแน่นอน เพราะมันไม่ได้เพิ่งถูกสร้างขึ้นในยุคนี้

เสาโอเบลิสก์ของอียิปต์ที่ตั้งอยู่ที่จัตุรัสเซนต์จอห์น แลตเทอแรน นั้นเป็นเสาโอเบลิสก์ที่ใหญ่ที่สุดที่มีอยู่ ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ฟาโรห์ทัสโมซิสที่3 (Pharoah Tuthmosis III) เดิมตั้งอยู่ที่ temple of Amun in Thebes, sun god แต่ถูกย้ายมาไว้ที่โรมโดยจักรพรรดิคอนสแตนเทเนียส ในปีคศ. 317 – 361 และตั้งอยู่ที่ เซอคัส แมกซิมัส (Circus Maximus) ในปี 1587 พระสันตะปาปาซิกตัสที่5 (Pope Sixtus V) ได้ให้ขุดขึ้นมาแล้วบูรณะขึ้นมาใหม่แล้วไปตั้งไว้ที่ the Piazza di San Giovanni in Laterano, Rome Italy.

น่าสนใจมาก..มันมีความเป็นไปได้ว่าโมเสสเองก็เคยเห็นเสาโอเบลิสก์นี้เมื่อเขาอยู่ในอียิปต์ และเสาโอเบลิสก์ต้นนี้ซึ่งแสดงถึงการบูชาพระอาทิตย์..ขณะนี้ได้มาตั้งตระหง่านอยู่ข้างๆคริสตจักรของพระสันตะปาปา ในโบสถ์โรมันคาทอลิก ในกรุงโรมที่เรียกกันทั่วไปว่า “คริสตจักรแม่ของคริสตจักรทั้งหลาย”

ดังนั้นเรามีเสาโอเบลิสก์อายุ 3000-4000 ปีที่เคยสร้างเพื่อเป็นการระลึกถึงพระอาทิตย์ บัดนี้เสานั้นได้มาตั้งอยู่มหาวิหารเซนต์แมรี่ซึ่งเป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดในคริสตจักรโรมันคาทอลิก

แล้วอนุสาวรีย์ที่วอชิงตันล่ะครับ? มันคืออนุสาวรีย์หรือ? ...แน่นอนล่ะ..มันคืออนุสาวรีย์แต่มันไม่ใช่อนุสาวรีย์ของพระเจ้า..แต่มันคืออนุสาวรีย์ของพระอาทิตย์(หรือพระบาอัล) มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ครับ มันไม่ใช่เป้นเพียงชิ้นงานทางด้านสถาปัตยกรรมชิ้นหนึ่งเท่านั้นครับพี่น้อง....สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบโครงสร้างเดียวกันกับแบบของอียิปต์โบราณที่เขาทำเพื่อบูชาพระอาทิตย์ อย่างที่ผมได้แสดงให้ท่านเห็นมาแล้วครับ


นาทีที่ 9.37 – ให้ผมถามคุณนะครับว่า ในปัจจุบันนี้เราจะพบสัญลักษณ์สำคัญของพระอาทิตย์(บาอัล)ได้ที่ไหน? เราพบสัญลักษณ์ของเสาโอเบลิสก์ที่ไหน? มันจะทำให้คุณช็อคมั๊ยครับเพราะเราพบสิ่งนี้ทั่วไปในคริสตจักร? ใช่ครับ...เสาโอเบลิสก์สัญลักษณ์การบูชาพระบาอัลมันมาจบลงตรงนี้...ในคริสตจักรทั่วโลกครับ เราทั้งหลายเรียกมันว่า “หอคอย(Steeple)” แต่อียิปต์โบราณเรียกว่า “เสาโอบลิสก์” ถ้ากษัตริย์ฟาโรห์หรือชาวอียิปต์โบราณมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาคงเดินไปตามถนนและคงรู้สึกคุ้นเคยและรู้สึกดีเมื่อพวกเขาไปตามคริสตจักรต่างๆที่พวกเรามีอยู่ในทุกวันนี้นะครับ พวกเขาคงอุทานว่า ...

“ว้าว! นั่นมันศาสนาของฉันนี่!!! ฉันสามารถเชื่อมถึงได้ ..นี่คือการบูชาพระอาทิตย์”

และพวกเราก็เห็นสิ่งนี้มีอยู่ทั่วโลก

นี่เป็นเสาคู่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับคริสตจักรแห่งนี้ครับ

พี่น้องครับ...เสาโอเบลิสก์ สัญลักษณ์ในการบูชาพระอาทิตย์(บาอัล) ปัจจุบันพบอยู่ในสังคมของศาสนาคริสต์ ไม่ว่าจะนิกายใด ไม่ว่าจะเป็น ลูเทอแรน หรือแบบติสท์ หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณพบเสาโอเบลิสก์ในสถานที่ของคริสเตียนทั่วโลก


นาทีที่ 10.57 – แล้วเราก็มาถึง สไลด์เดิมครับ...ที่ว่า... “นั่นมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับผมเลยนะจิม” ผมรู้ครับว่า คุณหลายคนคิดอย่างนั้น ในความเป็นจริง มันไม่สำคัญว่ามันจะมีความหมายอะไรกับเรา มันเป็นการยากที่เราจะหยั่งรู้เข้าไปถึงส่วนลึกของจิตใจของเรา นั่นแหละที่เป็นความหมายสำหรับเขา ....แน่นอนว่าพวกเราคงไม่มีใครใส่สร้อยคอที่มีสัญลักษณ์ของซาตาน แต่พวกเราก็สร้างคริสตจักรพร้อมกับสัญลักษณ์ของซาตานเพราะว่าเราไม่รู้ว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของซาตาน พวกเรามีวันหยุดเทศกาลต่างๆที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของศาสนานอกรีตและเราก็ไม่รู้จักมันเลย และเราก็คิดว่ามันโอเค

แต่ในความเป็นจริง....พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระองค์ทรงรู้ความหมายของสัญลักษณ์เหล่านั้น....ในมุมมองของพระองค์ เมื่อพระองค์มองเห็นสัญลักษณ์เหล่านั้นมันทำให้พระองค์มองเห็นเมื่อพวกนั้นเผาบูชาเด็กๆในไฟของพระโมเลค มันย้ำเตือนพระองค์ถึงบรรดาเด็กๆจำนวนมากที่ถูกฆ่าเพื่อบูชาที่แท่นบูชาของอีสทาร์(อีสเตอร์)


มันย้ำเตือนพระองค์ถึงการบูชาพระอาทิตย์ของบรรดาคนของพระองค์ที่กบฏต่อพระองค์โดยการนมัสการพระอื่น

มันเป็นสัญลักษณ์ที่ย้ำเตือนพระองค์และเพียงเหตุผลนี้เท่านั้น..พวกเราจึงควรที่จะละทิ้งสิ่งเหล่านั้นไว้ข้างหลัง และกำจัดมันออกไปและเผาทิ้งเสีย เหมือนอย่างที่เนหะมีย์และเยเรมีย์และบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในครั้งโบราณได้ทำลายแท่นบูชาของพระนอกรีตและเสาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาแล้ว ซึ่งในครั้งนั้นพวกเขาต้องหลั่งเลือดเนื้อ กำลัง และผู้คนจำนวนมากเพื่อที่จะทำลายแท่นบูชานอกรีตเหล่านั้น

แต่..พวกเรากำลังสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาอีก มันไม่สำคัญว่ามันมีความหมายอะไรกับเรา..มันสำคัญที่มันมีความหมายต่อพระองค์ครับ!!!


ในส่วนท้ายของโปรแกรมนี้ เราจะไปดูในข้อพระคัมภีร์ต่างๆ คุณหลายคนอาจไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ก่อนที่คุณจะถูกชี้นำไปในเรื่องเทศกาลต่างๆที่พวกเราเฉลิมฉลองกัน เราจะค้นไปดูว่า เราควรที่จะยังคงฉลองเทศกาลต่างๆเหล่านี้ต่อไปหรือไม่ จริงๆแล้ว เราจะนำเสนอเพื่อเปิดตาและเปิดใจท่านให้รู้เห็นความจริง


นาทีที่ 12.55 – คุณว่าวันเกิดของนิมโรดและทัมมุส คือวันไหนครับ? ในวันแรกของปี เมื่อดวงอาทิตย์ “เกิดใหม่” คุณว่าอะไรคือดวงอาทิตย์เกิดใหม่? ในกลางฤดูหนาว ในช่วงวินเทอร์โซลทิส วันที่ 25 ธันวาคม...ใช่ครับ วันนี้เลย...ที่เรามีเทศกาลคริสมาส วันที่พวกเขาบอกว่าพระเยซูได้บังเกิดใหม่ ทำไม่เราเลือกวันเกิดพระเยซูเป็นวันที่ 25 ธันวาคม? ต้นตอของวันที่นี้มาจากไหน? ….ง่ายนิดเดียวครับ..พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า(God)....ทัมมุสเป็นลูกของพระเจ้า(gods) เขาเป็นลูกของพ่อเขาคือพระบาอัล


นาทีที่ 13.35 – และศาสนานอกรีต และศาสนาคริสต์สมัยแรกนั้นมาจากศาสนานอกรีตในกรุงโรม ซึ่งพวกเขาก็บูชาพระอาทิตย์ในวันอาทิตย์อยู่ก่อนแล้ว และนั่นคือที่มาว่าทำไมพวกเราถึงได้นมัสการในวันอาทิตย์

เมื่อก่อนนั้นคริสเตียนทั้งหลายนมัสการในวันเสาร์แต่ต่อมาก็ถูกเปลี่ยนเป็นวันอาทิตย์เพราะว่าพวกนอกรีตเขานมัสการพระอาทิตย์ของเขาในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันของเขา และพวกเขาก็ฉลองวันเกิดของพระอาทิตย์ของเขาในวันที่ 25 ธันวาคม

(เป็นที่เข้าใจกันว่า)จักรพรรดิคอนสแตนตินได้รับความรอดเมื่อประมาณ คศ.300 แล้วเขาก็รวบเข้าด้วยกันโดยคิดว่าเพื่อให้ผู้คนเปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสเตียนง่ายขึ้น จึงคิดเหมาเอาว่าพระเยซูคริสต์เกิดวันเดียวกันกับพระอาทิตย์ซึ่งพวกเขาก็ทำกันอยู่ก่อนแล้ว และนั่นคือที่มาของวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุดที่พวกนอกรีตใช้ในการฉลองในช่วงวินเทอร์โซลทิส …ทำไมเหรอครับ?....ก็เพราะว่าวันที่ดวงอาทิตย์เกิดใหม่ เป็นวันที่ช่วงเวลากลางวันยาวนานขึ้นอีกครับ นั่นก็บังเอิญที่พระอาทิตย์เกิดในวันที่ 25 ธันวาคม เดิมทีนั้นเป็นวันที่ 21 ธันวาคม แต่มีการแก้ไขปฏิทินจูเลี่ยน จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 25 แทน








Create Date : 08 เมษายน 2555
Last Update : 8 เมษายน 2555 18:52:31 น.
Counter : 2942 Pageviews.

เปิดโปงที่มาของเทศกาลนอกรีต อีสเตอร์และคริสมาส PAGAN ORIGINS OF EASTER AND CHRISTMAS EXPOSED 3 of 8




Get Rid of Easter! (Pagan origins of Easter and Christmas Exposed) Part 3 of 8




Part 3 of 8

และเขาเรียกสิ่งนี้ว่า “เซนต์ปีเตอร์ในวาติกัน” แต่ประวัติศาสตร์บอกเราว่านี่คือ “เทพจูปีเตอร์”
และคุณจะเห็นว่าสิ่งที่เขาเรียกว่า “baby Jesus (พระเยซูเมื่อยังเป็นทารกน้อย)” นั้นก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากจะเป็น รูปปั้นของทัมมุส “baby Tummuz” เรารู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่ baby Jesus? เพราะคุณเห็นสามง่ามที่มือของเด็กนั้น พร้อมกันนั้นก็มีสามง่ามโผล่ขึ้นมาจากศีรษะของรูปปั้นด้วย

นี่ไม่ใช่ baby Jesus ครับพี่น้อง นี่เป็นทัมมุส จากเรื่องราวของพระบาอัล นิมโรด และเซมิรามิส ซึ่งจบลงที่กามเทพของวันวาเลนไทน์ในปัจจุบันนั่นเอง


นาทีที่ 0.46 – เรามาดูอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่แตกต่างออกไปอีกนะครับ นี่เป็นงูมีปีกคอยปกป้องบัลลังค์ของกษัตริย์ทัท (Tut) งูมีปีก...แท้จริงคือ มังกรนั่นเอง ตลอดเวลาของประวัติศาสตร์ของนิทานปรัมปรา เราจะเห็นการกล่าวถึงมังกรทั้งในอียิปต์และในโลกตะวันออก คุณจะเห็นมังกรมีปีก และนั่นก็เป็นเรื่องเดียวกัน และเรื่องของงูใหญ่ในพระคัมภีร์มักหมายถึงซาตานเสมอ

ลูซีเฟอร์หรือทูตสวรรค์แห่งแสงสว่างยามรุ่งอรุณที่ถูกทิ้งลงมา ซึ่งอยู่ในสวนเอเดน นั้นถูกกล่าวถึงในนาม “งูใหญ่” นั้นมักจะให้เล่ห์เหลี่ยมในการล่อลวง และพ่นไฟแห่งความตายออกจากปากของมัน มันชอบที่จะแสวงหาโอกาสที่จะขย้ำและทำลายคนของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา

ผมอยากจะให้คุณได้เห็น “งูใหญ่” ที่พระคัมภีร์มักอธิบายไปถึงกิจการอันชั่วร้ายหรือหมายถึงเจ้าตัว“ซาตาน” นั่นเอง มาดูว่ามันมีบทบาทอย่างไรในศัพท์ที่เรียกและสิ่งที่จับต้องได้ในทางศาสนาต่างๆ


นาทีที่ 1.45 – นี่คืองูใหญ่ หรือพระอาทิตย์ของชาวมายัน ชื่อ “Quetzalcoatl” ซึ่งกำลังออกมาจากปากมังกรที่มีปีก

และรูปนี้คืองูใหญ่มีปีกกำลังนำวิญญาณของคนตายซึ่งอยู่บนหลังของงูเพื่อพาไปสู่สวรรค์ แต่ผมจะบอกว่าเขาไม่ได้พาไปสวรรค์หรอกครับ

และนี่คืองูใหญ่มีปีก เป็นงูชนิดเดียวกันกับที่เห็นมาเป็นพันๆปีของศาสนานอกรีต รูปปั้นนี้อยู่ที่ประตูโบสถ์เซ็นต์แมรี่ในในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย

ให้ผมถามคุณซักหนึ่งคำถามว่า....อ้ายเจ้างูใหญ่นั่น มันเกี่ยวข้องอะไรกับพระเยซูคริสต์พระเจ้าผู้ทรงไถ่บาปให้มวลมนุษยชาติหรือครับ?


นาทีที่ 2.46 – และนี่ก็เป็นมังกรมีปีกที่ประดับอยู่บนเชิงงอนในพิพิธภัณฑ์วาติกัน ทำไม่สิ่งนี้จึงอยู่ในนั้นครับ เป็นชนิดเดียวกันกับของศาสนานอกรีต มังกรมีปีกนั่นมีความเกี่ยวเนื่องกับ serpent’s crosier (คทางู) ดูดีๆจะเห็นในรูปที่กษัตริย์ทัทถือ serpent’s crosier อยู่ในมือ สิ่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องบรรดาเทพและความเป็นผู้นำ ฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณเชื่อว่าเจ้ามังกรติดปีกนี้จะแหห้องพวกเขา เขาจึงทำสิ่งนี้ขึ้นมาจากปีกของมังกร และยังมีการฝังไปพร้อมกับผู้ที่ตายไปแล้วด้วยเชื่อว่าสิ่งนี้จะสามารถปกป้องพวกเขาแม้หลังความตายและทำให้มีพลังอำนาจด้วย

นี่ก็เป็นเทวีแอทเทนน่าของกรีกกำลังถือ serpent crosier ที่มือขวา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสิทธิอำนาจ

และนี่ก็คือ กษัตริย์ของเมโสโปเตเมียถือคทาซึ่งใช้แทน serpent crosier


นาทีที่ 3.53 - และนี่ก็คือ serpent crosier ประจำตัวบาทหลวงอย่างเป็นทางของโรมันคาทอลิก ถ้าคุณมองดูดีๆก็จะเห็นมังกรมีปีกที่ถูกแกะสลักไว้ด้านในส่วนโค้งของไม้เท้า ก็อีกนั่นล่ะครับ....คำถามของผมคือว่า ทำไมเจ้างูใหญ่มีปีกซึ่งเห็นมา 2,3,4 พันปีมาแล้วที่เป็นสัญลักษณ์การบูชาพระอาทิตย์ นั้นเป็นสิ่งเดียวกันที่เราพบในวัฒนธรรมของอียิปต์ สิ่งนี้ที่เรารู้กันว่าซาตาน จึงมาอยู่ในคาทอลิก


นาทีที่ 4.27 – นี่ก็เป็นอีกรูปหนึ่งของ serpent crosier ของบาทหลวงและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโรมันคาทอลิก นี่ก็เป็นรูปหัวของงู

นี่เป็น serpent crosier ของโรมันคาทอลิกในอิตาลี คุณจะเห็นว่ามันคือหัวมังกร

นี่ก็เป็นอีกรูปหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ของคาทอลิด บาทหลวงถือ serpent crosier

ส่วนนี้ก็เป็น serpent crosier ที่มีหัวของงูใหญ่กำลังพ่นไฟ



นาทีที่ 5.48 - เรามาดูสัญลักษณ์อีกอย่างนะครับ มันคือ ดวงอาทิตย์แผ่ลำแสง หรือวงล้อดวงอาทิตย์ หรือกงจักร และนี่คือแท่นบูชาพระอาทิตย์ของบาบิโลนโบราณ ซึ่งเป็นดาว 8 แฉก ซึ่งอาจเป็นแบบ ดาว 4 แฉก ซ้อนกันสองดวงอยู้ในวงล้อ เราพบกงจักรนี้ในวัดพุทธที่อยู่ในประเทศไทย

นี่เป็นศาสนาสถาน St. Ignatius ซึ่งที่พื้นกระเบื้องวางลวดลายเป็นภาพกงจักรของดวงอาทิตย์แผ่ออกมา 8 ลำแสง ซึ่งเริ่มจากเล็กแล้วขยาย ใหญ่ขึ้นๆจนเต็มพื้นที่ คุณอาจคิดว่านี่เป็นเพียงภาพที่สวยงาม....เปล่าเลยครับ เหตุผลที่เขาทำให้เป็นรูปลักษณ์เช่นนี้ก็เพราะว่ามีมีความเกี่ยวข้องกับการบูชาพระอาทิตย์ครับ ซึ่งเราพบเจอสิ่งนี้แทบทุกศาสนาสถานที่บูชาพระอาทิตย์ ทุกวันนี้เราก็พบอยู่


นาทีที่ 7.08 - นี่เป็นรูปหน้าของเด็ก ซึ่งแน่นอนครับ นี่คือ ทัมมุส อยู่ในสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของลำแสงแห่งดวงอาทิตย์พบที่แท่นบูชาของโรมันคาทอลิก และพบสิ่งเดียวกันนี้เป็นรูปหน้าของพระอาทิตย์ที่ธรรมาสน์สำหรับเทศนาของโรมันคาทอลิกในประเทศสแกนดิเนียเวีย ทั้งหมดที่ผมแสดงให้ท่านเห็นนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่พบในศาสนานอกรีต

นาทีที่ 7.27 – และนี่ก็น่าจะเป็นภาพที่คุณจะต้องประหลาดใจมากที่สุดที่ผมมี ผมใช้โปรแกรมกูเกิ้ลเอิร์ตแล้วซูมเข้าไป ซึ่งนี้คือรูปกงจักรแห่งดวงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่คือลานหน้าเซนต์ปีเตอร์ในวาติกัน.... ท่านครับ... ผมไม่ได้กุเรื่องขึ้นครับ รูปกงจักรนี้แบ่งออกเป็น 8 ส่วน เป็นจำนวน 8 แฉกเท่ากับที่เราพบในกงจักรแห่งศาสนานอกรีต เรารู้ว่าสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงกับการบูชาพระอาทิตย์โบราณ


นาทีที่ 8.24 – และนี่ก็มีดวงอาทิตย์กลมที่อยู่ด้านหลังของรูปปั้นในโบสถ์โรมันคาทอลิกในเวสมินสเตอร์ในลอนดอน เขาไปเอาความคิดเรื่องดวงอาทิตย์กลมด้านหลังนักบุญนี้มาจากไหน? และนี่ก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่อยู่ด้านหลังศีรษะของเซ็นต์ปีเตอร์ในโบสถ์โรมันคาทอลิก ซึ่งมีที่มาจากศาสนานอกรีตโบราณ เราก็พบสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ข้างหลังพระกฤษณะด้วย ซึ่งต้องการจะแสดงให้เห็นแค่เพียงว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เพียงเกิดขึ้นในยุคของโรมันคาทอลิกเท่านั้น แต่มันมีมาเป็นร้อยๆเป็นพันๆปีแล้ว มันถูกยืมมา

เราเห็นในภาพกระจกของนักบุญในโบสถ์โรมันคาทอลิก

แม้แต่แมรี่ ถ้าคุณดูดีๆจะเห็นรูปหัวใจศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็มาจากศาสนานอกรีตด้วย เหมือนกับคือรูปวงกลมข้างหลังรูปหัวใจนั้นหมายถึงพระบาอัล และทัมมุส พระอาทิตย์

คุณจะเห็นสิ่งเหล่านี้เต็มไปหมดในโบถส์โรมันคาทอลิก หรือแม้แต่ในศาสนานอกรีกทุกศาสนาในโลกนี้

และในปัจจุบัน เราจะพบดาว 8 แฉกหรือสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ได้ที่ไหนบ้าง? เราพบสิ่งนี้ที่ส่วนยอดของต้น คริสมาสครับ


นาทีที่ 9.40 – ผมรู้ว่าพวกเราทุกคนถูกสอนมาว่า ดาวที่อยู่บนยอดต้นคริสมาสนั้นแสดงถึงดวงดาวแห่งเบทเลเฮม ซึ่งเหล่านักปราชญ์จากทิศตะวันออกมาตามหาทารกน้อยเยซู แต่โชคร้ายครับเพราะว่าดาว8แฉกแห่งศาสนานอกรีตนั้นมีมาก่อนดาวของต้นคริสมาสนับพันๆปี พวกเขาได้เชื่อมต่อเข้ากับสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์แผ่ลำแสง (sun burst) และคุณจะได้รู้เกี่ยวกับต้นไม้ของนิมโรด ซึ่งเป็นที่มาของต้นคริสมาสและดาวที่เราวางไว้บนยอดนั้น ถ้าคุณดูชัดๆคุณจะเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่าง sun burst และดาวที่เราวางไว้ที่ยอดต้นคริสมาส

แม้แต่ต้นคริสมาสที่ไวทเฮ้าท์นั้นก็ประดับด้วยดาว 8 แฉกที่บนยอด ซึ่งคือสิ่งเดียวกันในเราพบว่ามีมานานเป็นพันๆปีซึ่งมาจากการบูชาพระอาทิตย์

นานทีที่ 10.44 – และนี้เป็นคำอ้างอิงที่เหลือเชื่อที่ผมพบเข้าเมื่อผมกำลังศึกษาหาความเชื่อมโยงระหว่างอีสทาร์กับดาว 8 แฉก ในเมือง Uruk ซึ่งเป็นเมืองโบราณในสมัยสุเมเรี่ยน ทางตอนใต้ของประเทศอิรัค แผ่นจารึกอายุ 3000 ปี บันทึกไว้ว่า ดาว 8 แฉกคือหลักฐานแสดงถึงแห่งเทพีอีสทาร์ (Source : The Star of Ishtar, Iraq Resource Information Site) คุณสามารถศึกษาถึงที่มาด้วยตัวคุณเอง มันทำให้ผมทึ่งมากครับ สิ่งที่เราปฏิบัติกันมาทุกอย่าง เราสามารถสาวไปถึงต้นตอ ซึ่งก็มาจากผู้ที่เกลียดพระเจ้านั่นเอง

ศัตรูได้ประดิษฐ์พระของเขาขึ้นมา และมนุษย์ก็รับเอามา และปัจจุบันเราทั้งหลายก็นมัสการพระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในวิธีเดียวกับที่คนโบราณนมัสการพระนอกรีตของพวกเขา

คำถามร้อยล้านที่เราต้องตอบ... “เราสามารถนมัสการพระเจ้าพระเยโฮวาห์ของเราด้วยแนวทางเดียวกันกับชาวนอกรีตโบราณทำหรือ?” ผมสัญญาว่า...เราจะต้องตอบคำถามนี้ครับ


นาทีที่ 11.50 – เอาล่ะครับ คำว่า “obelisk(เสาศักดิ์สิทธิ์)” แท้จริงหมายถึง “รูปของอวัยวะสืบพันธิ์ของพระบาอัล” มันมักจะถูกตั้งไว้ตรงจุดศูนย์กลางของวงกลมเสมอ ซึ่งก็คือ กงจักรแห่งดวงอาทิตย์ซึ่งหมายถึง “อวัยวะของสตรี” และที่วางไว้เช่นนั้นก็แสดงถึงการกำลังร่วมเพศ นี่คือสิ่งที่เสาศักดิ์สิทธิ์และกงจักรแห่งดวงอาทิตย์ทำงานร่วมกัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงพบทั้งสองสิ่งนี้ที่ลานจัตุรัสแห่งวาติกัน ที่จัตุรัสแหงเซ็นต์ปีเตอร์ ซึ่งแดงถึงการร่วมเพศของพระอาทิตย์และนางเซมิรามิสหรืออีสทาร์ ซึ่งเราออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษว่า “อีสเตอร์”


นาทีที่ 12.34 – ก่อนที่เราจะผ่านไปสู่เรื่องเสาศักดิ์สิทธิ์ ผมอยากจะแบ่งปันเรื่องราวในอียิปต์ซึ่งเป็นที่มาของ เสาศักดิ์สิทธิ์ ย้อนกลับที่พระของอียิปต์โบราณชื่อ โอไซเรียส (Osirius) และภรรยาชื่อ ไอซิส(Isis) และรา(Ra)
หรือพระอาทิตย์นั้นมีลูก 5 คน และสามคนนั้นคือ โอไซเรียส ไอซิส และน้องชายชื่อ เซท(Set)

โอไซริสแต่งงานกับน้องสาวตนเองคือไอซิส และเซทนั้นเป็นน้องชายขี้อิจฉา ทำไมล่ะ? ก็เพราะว่าโอไซริสนั้นเข้าครอบครองบัลลังก์ในอียิปต์และกลายมาเป็นพระซึ่งก็คือฟาโรห์แห่งอียิปต์ เซทนั้นโรธมากและต้องการฆ่าโอไซริส เขาจึงคิดแผนการที่เหลือเชื่อขึ้นโดยการจัดงานรื่นเริงสังสรรค์ขึ้น เขาได้ประดิษฐ์กล่องสวยงามขนาดกว้างยาวเท่ากับพี่ชายของเขาคือโอไซเรียส ทุกๆคนมองดูกล่องนั้นและชมชอบ

เขามีแผนการเล่ห์เหลี่ยมและจะยกให้แก่ผู้ที่สามารถลงไปนอนในนั้นได้อย่างพอเหมาะ เป็นไปตามจินตนาการของคุณครับ โอไซเรียสก็เข้าไปนอนในกล่องนั้นได้ และทันใดนั้นเซทและคนรับใช้ของเขาก็ปิดฝาและตอกตะปูและพวกเขาก็โยนเขาลงในแม่ในอียิปต์และเขาก็ตาย ส่วนภรรยาของเรา ไอริสนั้น ได้ออกมาไปตามหาสามามีในแม่น้ำไนล์ เมื่อพบเขา นางก็จะจักการฝังศพ เมื่อเซทรู้เรื่องนี้เขาก็ออกไปแย่งชิงศพกลางขณะที่นางกำลังเดินทางกลับไปยังอียิปต์ ซึ่งนางเองไม่ทราบแล้วเซทก็โกหกเธออีก เซทได้ตักร่างของโอไซเรียสออกเป็น 14 ชิ้น และกระจายทิ้งไปในเมืองต่างๆทั่วอียิปต์ ยกเว้นส่วนที่เป็นอวัยวะเพศของโอไซเรียส เซทได้โยนลงไปในแม่น้ำไนล์





Create Date : 08 เมษายน 2555
Last Update : 8 เมษายน 2555 18:47:08 น.
Counter : 2686 Pageviews.

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  

Narno7
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



โยบ 38 / Job 38


38:4 เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา

38:4 Where wast thou when I laid the foundations of the earth? declare, if thou hast understanding.

38:7 ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

38:7 When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy


"I am a spirit that live in a body and communicate and perceive the exterior world through my soul."

"This world is not my home. I am here on a mission. Not all of children of God have or will come on this earth but I was chosen. Not all who come fulfill their mission and purpose for being here. Through the Cross of Jesus, I enter into the Kingdom of God. And as a daughter of God, my mission is to bring Heaven to earth."

New Comments
All Blog