ยุคสุดท้าย......เพราะประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและโรคระบาดอย่างร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก........ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง เพราะความชั่วช้าจะแผ่ขยายออกไป แต่ผู้ที่ทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด For nation shall rise against nation, and kingdom against kingdom: and there shall be famines, and pestilences, and earthquakes, in divers places...... All these are the beginning of sorrows And because iniquity shall abound, the love of many shall wax cold..... But he that shall endure unto the end, the same shall be saved. มัทธิว/Matt 24:7,8,12,13
|
||||
เปิดโปงที่มาของเทศกาลนอกรีต อีสเตอร์และคริสมาส PAGAN ORIGINS OF EASTER AND CHRISTMAS EXPOSED 4 of 8 Part 4 of 8 ซึ่งตามตำนานนั้นก็ถูกปลากิน นั่นเป็นเพียงอวัยวะส่วนเดียวที่เธอไม่สามารถหาเจอ เธอได้ตามหาส่วนอื่นๆและพบจนหมดยกเว้นส่วนอวัยวะเพศ เอาล่ะ...ทำไมส่วนนี้จึงสำคัญนัก? ก็เพราะว่าในโบราณนั้น การมีเพศสัมพันธ์และการสืบพันธ์นั้นสำคัญมาก ความสำส่อนทางเพศนั้นมีอยู่ดาษดื่น ทั้งโสเภณี และรักร่วมเพศ จึงจำเป็นมากที่นางจะต้องหาอวัยวะเพศของสามีซึ่งเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง ความอุดมสมบูรณ์ซึ่งจะส่งผ่านไปสู่ลูกหลานแห่งราชบัลลังก์สืบต่อไป เนื่องจากนางหาอวัยวะส่วนนี้ของสามีไม่พบ นางจึงตัดสินใจสร้างเสาศักดิ์สิทธิ์ที่ระลึกขึ้นในอียิปต์ ซึ่งจะเป็นการระลึกถึงพลังอำนาจของเขา จากหลักฐานที่เราพบ ชาวโบราณเชื่อว่าพระของพวกเขาสถิตอยู่ในเสาศักดิ์สิทธิ์ และจากที่คุณเห็นบนจอนี้คือ พวกเขาเชื่อว่าเสาศักดิ์สิทธิ์แห่งอียิปต์นั้นถูกใช้เป็นที่บูชาและเป็นที่สถิตอยู่ของพระอาทิตย์ และพวกเขาก็เริ่มที่ตั้งเสาศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วแผ่นดินโลก (แม้แต่ในประเทศไทย เช่น อนุเสารีย์ชัยฯ) นาทีที่ 1.53 ในภาษาฮีบรู คำที่หมายถึง เสา หรือ รูปเคารพ คือ kham-mawn (02553). Kham-mawn แปลว่า รูปดวงอาทิตย์ หรือเสาแห่งพระอาทิตย์ คุณจะพบในพระธรรมอิสยาห์ 27: 9 พระธรรมอิสยาห์ 27: 9 - เพราะฉะนั้นจะลบความชั่วช้าของยาโคบอย่างนี้แหละ และนี่เป็นผลเต็มขนาดในการปลดบาปของเขา คือเมื่อเขาทำศิลาทั้งสิ้นของแท่นบูชาให้เป็นเหมือนหินดินสอพองที่ถูกบดเป็นชิ้นๆ จะไม่มีเสารูปเคารพ หรือรูปเคารพตั้งอยู่ได้ นาทีที่ 2.38 นี่เป็นอีกคำหนึ่งในภาษาฮีบรู matstsebah (04676). .... Matstsebah แปลว่า เสาหิน หรือ อนุสาวรีย์ หรือ รูปเคารพ ซึ่งมันคือเสาหินโอเบลิสก์ยอดแหลมมีหน้าตัดเรียบ 4 ด้าน (the erected obelisk) Exo 34:13 But ye shall destroy their altars, break their images, and cut down their groves: อพยพ 34:13 แต่เจ้าทั้งหลายจงทำลายแท่นบูชาและทุบเสาอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้แหลกละเอียด และโค่นเสารูปเคารพของเขาเสีย Lev 26:1 Ye shall make you no idols nor graven image, neither rear you up a standing image, neither shall ye set up any image of stone in your land (talking about the obelisk), to bow down unto it: for I am the Lord your God. เลวีนิติ 26:1 "เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำรูปเคารพหรือรูปแกะสลักสำหรับตัว หรือตั้งเสาศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าทั้งหลายอย่าตั้งสิ่งใดๆที่เป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยศิลาไว้ในแผ่นดินของเจ้า เพื่อแก่การกราบไหว้ เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า Deu 7:5 But thus shall ye deal with them; ye shall destroy their altars, break down their images, and cut down their groves, and burn their graven images with fire. พระราชบัญญัติ 7:5 แต่จงกระทำแก่เขาทั้งหลายอย่างนี้ ท่านทั้งหลายจงทำลายแท่นบูชาของเขาเสีย และหักทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสีย จงโค่นเสารูปเคารพของเขาลงเสีย และเผารูปเคารพแกะสลักของเขาเสียด้วยไฟ ท่านจะเห็นว่ามีพระคัมภีร์หลายตอนที่กล่าวถึงเสาสูงเหล่านี้และสิ่งนี้ก็มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง Deu 12:3, 1 Ki 14:23, 2 Ki 3:2, 2 Ki 10:26, 2 Ki 10:27, 2 Chr 14:3, 2 Chr 31:1, Jer 43:13, Micah 5:13 พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระยาเวห์ พระองค์นั้นยังคงต่อสู้กับพระนอกรีตตัวสำคัญคือพระบาอัลหรือพระอาทิตย์ ซึ่งได้กล่าวถึงในพระคัมภีร์พระบาอัลคือพระอาทิตย์ของทิศตะวันออกและพระอัชทาโรทคือพระอาทิตย์ของทิศตะวันตก นาทีที่ 3.54 เหล่านี้เป็นรูปที่เราจะเห็นทั่วไปในโลก - และนี่เป็นเสาสูงโอเบลิสก์ในตุรกี ท่านจะเห็นว่ามีภาพและการสื่อภาษาที่สลักไว้บนเสาด้วย - และนี่คือ Cleopatras needle เพื่อระลึกถึงพระอาทิตย์ - และนี่เป็นเสาโอเบลิสก์ที่เก่าแก่ที่สุดในสก็อตแลนด์ - และนี่คือเสาโอเบลิสก์ที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ - ในเยอรมัน - ในปารีส ฝรั่งเศส - ในนครเมกกะ ครับ...มันทำให้ผมขนลุกเลยเมื่อเจอสิ่งนี้ในชาวมุสลิม ซึ่งมันตั้งอยู่กลางนครเมกกะ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกันกับที่เราพบอยู่ทั่วไปในอเมริกา - นี่อยู่ในกรุงลักเซอร์ อียิปต์ ใกล้กับแม่น้ำไนล์ มันเป็นโอเบลิสก์ของชาวอียิปต์ - นี่เป็นโอเบลิสก์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่อยู่ในกรุงบัวโนไอเรส อาร์เจนติน่า ซึ่งอุทิศให้พระอาทิตย์ รา(Ra)..ซึ่งเขาว่าอาศัยอยู่ในเสานั้น - นี่อยู่ในอัมสเตอดัม - และนี่อยู่ในเอธิโอเปีย - ในมองโกเลีย นาทีที่ 5.39 พี่น้องครับ ผมจะมาดูให้ชัดๆตรงนี้ซักครู่นะครับ ผมสามารถมองเห็นสิ่งนี้ได้จากกูเกิ้ลเอิร์ตเท่านั้นนะครับ และมันทำให้ผมอึ้งไปเลย และผมอยากที่จะแบ่งปันกับคุณด้วยครับ ผมเชื่อว่านี่เป็นเสาโอเบลิสก์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสิ่งที่ซ่อนอยู่มันอยู่ตรงนี้ครับ ถ้าคุณค่อยๆมองดูอย่างชัดๆ สิ่งที่คุณเห็นอยู่นี่คืออวัยวะเพศชายของรา(Ra)หรือพระอาทิตย์ หรืออีกชื่อก็คือพระบาอัล ซึ่งสิ่งนี้ถูกสร้างให้ตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของจัตุรัส เซนต์ปีเตอร์ มหานครวาติกัน ตรงส่วนฐานนั้นคุณจะสามารถมองเห็นรูปร่างของลูกอัณฑะและเห็นเป็นรูปร่างของอวัยวะเพศชายชี้ขึ้น(โปรดดูวีดีโอประกอบ) สิ่งที่น่าสนใจคือว่าถ้าเราหันให้เห็นเป็นด้านข้าง เราจะเห็นเสาโอเบลิสก์นั้นชี้ตรงไปทางทิศตะวันตกที่ ศูนย์องศา คำถามของผมคือว่า ทำไมต้องหันไปทางทิศตะวันตก ..ก็เพราะว่านี่คือ พระอาทิตย์ เขาคือพระของทิศตะวันตก และคุณจะเห็นแล้วว่าทุกๆสังคมที่มีการบูชาพระอาทิตย์นั้น แท่นบูชาของพวกเขามักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเพราะนั่นคือที่ที่พวกเขาปฏิบัติกันครับ ผมเชื่อว่าศัตรูนั้นเข้ามามีส่วนอย่างมากในทางสถาปัตยกรรมในโครงสร้างโดยเฉพาะของโรมันคาทอลิก ซึ่งจริงๆแล้วมันคือการแสดงให้เห็นภาพของอวัยวะเพศของพระอาทิตย์ มันไม่ใช่หรอกครับ....ที่เสาโอเบลิสก์อียิปต์ซึ่งใช้แทนอวัยวะเพศของพระอาทิตย์ รวมทั้งอวัยวะสืบพันธุ์รูปวงล้อแผ่ลำแสงของดวงอาทิตย์...ไม่มีอะไรประมาณนี้ที่จะมาเชื่อมโยงเข้ากับเรื่องของพระเยซูคริสต์ได้เลยครับ แต่ช่างโชคร้ายครับ...ที่ในยุคปัจจุบันนี้ สิ่งเหล่านี้ได้ค่อยๆคืบคลานเข้ามาผสมผสานในสังคมคริสเตียนเรียบร้อยแล้วอย่างชนิดคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เพราะว่า เราไม่รู้ประวัติศาสตร์นั่นเองครับ นาทีที่ 7.34 เอาล่ะครับ ...นี่ก็เป็นอีกรูปหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะว่ารูปนี้เป็นรูปของเสาโอเบลิสก์ที่โบสถ์เซนต์จอห์น (คริสตจักรแม่)ในกรุงโรม นี่เป็นโบสถ์ของพระสันตะปาปา เป็นบัลลังก์ของพระสันตะปาปา ผมจะอ่านที่มาที่ไปของเสานี้นะครับว่ามันมาจากไหน เพราะว่ามันจะทำให้คุณตกใจแน่นอน เพราะมันไม่ได้เพิ่งถูกสร้างขึ้นในยุคนี้ เสาโอเบลิสก์ของอียิปต์ที่ตั้งอยู่ที่จัตุรัสเซนต์จอห์น แลตเทอแรน นั้นเป็นเสาโอเบลิสก์ที่ใหญ่ที่สุดที่มีอยู่ ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ฟาโรห์ทัสโมซิสที่3 (Pharoah Tuthmosis III) เดิมตั้งอยู่ที่ temple of Amun in Thebes, sun god แต่ถูกย้ายมาไว้ที่โรมโดยจักรพรรดิคอนสแตนเทเนียส ในปีคศ. 317 361 และตั้งอยู่ที่ เซอคัส แมกซิมัส (Circus Maximus) ในปี 1587 พระสันตะปาปาซิกตัสที่5 (Pope Sixtus V) ได้ให้ขุดขึ้นมาแล้วบูรณะขึ้นมาใหม่แล้วไปตั้งไว้ที่ the Piazza di San Giovanni in Laterano, Rome Italy. น่าสนใจมาก..มันมีความเป็นไปได้ว่าโมเสสเองก็เคยเห็นเสาโอเบลิสก์นี้เมื่อเขาอยู่ในอียิปต์ และเสาโอเบลิสก์ต้นนี้ซึ่งแสดงถึงการบูชาพระอาทิตย์..ขณะนี้ได้มาตั้งตระหง่านอยู่ข้างๆคริสตจักรของพระสันตะปาปา ในโบสถ์โรมันคาทอลิก ในกรุงโรมที่เรียกกันทั่วไปว่า คริสตจักรแม่ของคริสตจักรทั้งหลาย ดังนั้นเรามีเสาโอเบลิสก์อายุ 3000-4000 ปีที่เคยสร้างเพื่อเป็นการระลึกถึงพระอาทิตย์ บัดนี้เสานั้นได้มาตั้งอยู่มหาวิหารเซนต์แมรี่ซึ่งเป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดในคริสตจักรโรมันคาทอลิก แล้วอนุสาวรีย์ที่วอชิงตันล่ะครับ? มันคืออนุสาวรีย์หรือ? ...แน่นอนล่ะ..มันคืออนุสาวรีย์แต่มันไม่ใช่อนุสาวรีย์ของพระเจ้า..แต่มันคืออนุสาวรีย์ของพระอาทิตย์(หรือพระบาอัล) มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ครับ มันไม่ใช่เป้นเพียงชิ้นงานทางด้านสถาปัตยกรรมชิ้นหนึ่งเท่านั้นครับพี่น้อง....สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบโครงสร้างเดียวกันกับแบบของอียิปต์โบราณที่เขาทำเพื่อบูชาพระอาทิตย์ อย่างที่ผมได้แสดงให้ท่านเห็นมาแล้วครับ นาทีที่ 9.37 ให้ผมถามคุณนะครับว่า ในปัจจุบันนี้เราจะพบสัญลักษณ์สำคัญของพระอาทิตย์(บาอัล)ได้ที่ไหน? เราพบสัญลักษณ์ของเสาโอเบลิสก์ที่ไหน? มันจะทำให้คุณช็อคมั๊ยครับเพราะเราพบสิ่งนี้ทั่วไปในคริสตจักร? ใช่ครับ...เสาโอเบลิสก์สัญลักษณ์การบูชาพระบาอัลมันมาจบลงตรงนี้...ในคริสตจักรทั่วโลกครับ เราทั้งหลายเรียกมันว่า หอคอย(Steeple) แต่อียิปต์โบราณเรียกว่า เสาโอบลิสก์ ถ้ากษัตริย์ฟาโรห์หรือชาวอียิปต์โบราณมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาคงเดินไปตามถนนและคงรู้สึกคุ้นเคยและรู้สึกดีเมื่อพวกเขาไปตามคริสตจักรต่างๆที่พวกเรามีอยู่ในทุกวันนี้นะครับ พวกเขาคงอุทานว่า ... ว้าว! นั่นมันศาสนาของฉันนี่!!! ฉันสามารถเชื่อมถึงได้ ..นี่คือการบูชาพระอาทิตย์ และพวกเราก็เห็นสิ่งนี้มีอยู่ทั่วโลก นี่เป็นเสาคู่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับคริสตจักรแห่งนี้ครับ พี่น้องครับ...เสาโอเบลิสก์ สัญลักษณ์ในการบูชาพระอาทิตย์(บาอัล) ปัจจุบันพบอยู่ในสังคมของศาสนาคริสต์ ไม่ว่าจะนิกายใด ไม่ว่าจะเป็น ลูเทอแรน หรือแบบติสท์ หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณพบเสาโอเบลิสก์ในสถานที่ของคริสเตียนทั่วโลก นาทีที่ 10.57 แล้วเราก็มาถึง สไลด์เดิมครับ...ที่ว่า... นั่นมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับผมเลยนะจิม ผมรู้ครับว่า คุณหลายคนคิดอย่างนั้น ในความเป็นจริง มันไม่สำคัญว่ามันจะมีความหมายอะไรกับเรา มันเป็นการยากที่เราจะหยั่งรู้เข้าไปถึงส่วนลึกของจิตใจของเรา นั่นแหละที่เป็นความหมายสำหรับเขา ....แน่นอนว่าพวกเราคงไม่มีใครใส่สร้อยคอที่มีสัญลักษณ์ของซาตาน แต่พวกเราก็สร้างคริสตจักรพร้อมกับสัญลักษณ์ของซาตานเพราะว่าเราไม่รู้ว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของซาตาน พวกเรามีวันหยุดเทศกาลต่างๆที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของศาสนานอกรีตและเราก็ไม่รู้จักมันเลย และเราก็คิดว่ามันโอเค แต่ในความเป็นจริง....พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระองค์ทรงรู้ความหมายของสัญลักษณ์เหล่านั้น....ในมุมมองของพระองค์ เมื่อพระองค์มองเห็นสัญลักษณ์เหล่านั้นมันทำให้พระองค์มองเห็นเมื่อพวกนั้นเผาบูชาเด็กๆในไฟของพระโมเลค มันย้ำเตือนพระองค์ถึงบรรดาเด็กๆจำนวนมากที่ถูกฆ่าเพื่อบูชาที่แท่นบูชาของอีสทาร์(อีสเตอร์) มันย้ำเตือนพระองค์ถึงการบูชาพระอาทิตย์ของบรรดาคนของพระองค์ที่กบฏต่อพระองค์โดยการนมัสการพระอื่น มันเป็นสัญลักษณ์ที่ย้ำเตือนพระองค์และเพียงเหตุผลนี้เท่านั้น..พวกเราจึงควรที่จะละทิ้งสิ่งเหล่านั้นไว้ข้างหลัง และกำจัดมันออกไปและเผาทิ้งเสีย เหมือนอย่างที่เนหะมีย์และเยเรมีย์และบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในครั้งโบราณได้ทำลายแท่นบูชาของพระนอกรีตและเสาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาแล้ว ซึ่งในครั้งนั้นพวกเขาต้องหลั่งเลือดเนื้อ กำลัง และผู้คนจำนวนมากเพื่อที่จะทำลายแท่นบูชานอกรีตเหล่านั้น แต่..พวกเรากำลังสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาอีก มันไม่สำคัญว่ามันมีความหมายอะไรกับเรา..มันสำคัญที่มันมีความหมายต่อพระองค์ครับ!!! ในส่วนท้ายของโปรแกรมนี้ เราจะไปดูในข้อพระคัมภีร์ต่างๆ คุณหลายคนอาจไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ก่อนที่คุณจะถูกชี้นำไปในเรื่องเทศกาลต่างๆที่พวกเราเฉลิมฉลองกัน เราจะค้นไปดูว่า เราควรที่จะยังคงฉลองเทศกาลต่างๆเหล่านี้ต่อไปหรือไม่ จริงๆแล้ว เราจะนำเสนอเพื่อเปิดตาและเปิดใจท่านให้รู้เห็นความจริง นาทีที่ 12.55 คุณว่าวันเกิดของนิมโรดและทัมมุส คือวันไหนครับ? ในวันแรกของปี เมื่อดวงอาทิตย์ เกิดใหม่ คุณว่าอะไรคือดวงอาทิตย์เกิดใหม่? ในกลางฤดูหนาว ในช่วงวินเทอร์โซลทิส วันที่ 25 ธันวาคม...ใช่ครับ วันนี้เลย...ที่เรามีเทศกาลคริสมาส วันที่พวกเขาบอกว่าพระเยซูได้บังเกิดใหม่ ทำไม่เราเลือกวันเกิดพระเยซูเป็นวันที่ 25 ธันวาคม? ต้นตอของวันที่นี้มาจากไหน? .ง่ายนิดเดียวครับ..พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า(God)....ทัมมุสเป็นลูกของพระเจ้า(gods) เขาเป็นลูกของพ่อเขาคือพระบาอัล นาทีที่ 13.35 และศาสนานอกรีต และศาสนาคริสต์สมัยแรกนั้นมาจากศาสนานอกรีตในกรุงโรม ซึ่งพวกเขาก็บูชาพระอาทิตย์ในวันอาทิตย์อยู่ก่อนแล้ว และนั่นคือที่มาว่าทำไมพวกเราถึงได้นมัสการในวันอาทิตย์ เมื่อก่อนนั้นคริสเตียนทั้งหลายนมัสการในวันเสาร์แต่ต่อมาก็ถูกเปลี่ยนเป็นวันอาทิตย์เพราะว่าพวกนอกรีตเขานมัสการพระอาทิตย์ของเขาในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันของเขา และพวกเขาก็ฉลองวันเกิดของพระอาทิตย์ของเขาในวันที่ 25 ธันวาคม (เป็นที่เข้าใจกันว่า)จักรพรรดิคอนสแตนตินได้รับความรอดเมื่อประมาณ คศ.300 แล้วเขาก็รวบเข้าด้วยกันโดยคิดว่าเพื่อให้ผู้คนเปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสเตียนง่ายขึ้น จึงคิดเหมาเอาว่าพระเยซูคริสต์เกิดวันเดียวกันกับพระอาทิตย์ซึ่งพวกเขาก็ทำกันอยู่ก่อนแล้ว และนั่นคือที่มาของวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุดที่พวกนอกรีตใช้ในการฉลองในช่วงวินเทอร์โซลทิส ทำไมเหรอครับ?....ก็เพราะว่าวันที่ดวงอาทิตย์เกิดใหม่ เป็นวันที่ช่วงเวลากลางวันยาวนานขึ้นอีกครับ นั่นก็บังเอิญที่พระอาทิตย์เกิดในวันที่ 25 ธันวาคม เดิมทีนั้นเป็นวันที่ 21 ธันวาคม แต่มีการแก้ไขปฏิทินจูเลี่ยน จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 25 แทน |
Narno7
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?] โยบ 38 / Job 38 38:4 เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา 38:4 Where wast thou when I laid the foundations of the earth? declare, if thou hast understanding. 38:7 ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน 38:7 When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy "I am a spirit that live in a body and communicate and perceive the exterior world through my soul." "This world is not my home. I am here on a mission. Not all of children of God have or will come on this earth but I was chosen. Not all who come fulfill their mission and purpose for being here. Through the Cross of Jesus, I enter into the Kingdom of God. And as a daughter of God, my mission is to bring Heaven to earth."
Group Blog All Blog
Link
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |