เปิดโปงที่มาของเทศกาลนอกรีต อีสเตอร์และคริสมาส PAGAN ORIGINS OF EASTER AND CHRISTMAS EXPOSED 3 of 8




Get Rid of Easter! (Pagan origins of Easter and Christmas Exposed) Part 3 of 8




Part 3 of 8

และเขาเรียกสิ่งนี้ว่า “เซนต์ปีเตอร์ในวาติกัน” แต่ประวัติศาสตร์บอกเราว่านี่คือ “เทพจูปีเตอร์”
และคุณจะเห็นว่าสิ่งที่เขาเรียกว่า “baby Jesus (พระเยซูเมื่อยังเป็นทารกน้อย)” นั้นก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากจะเป็น รูปปั้นของทัมมุส “baby Tummuz” เรารู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่ baby Jesus? เพราะคุณเห็นสามง่ามที่มือของเด็กนั้น พร้อมกันนั้นก็มีสามง่ามโผล่ขึ้นมาจากศีรษะของรูปปั้นด้วย

นี่ไม่ใช่ baby Jesus ครับพี่น้อง นี่เป็นทัมมุส จากเรื่องราวของพระบาอัล นิมโรด และเซมิรามิส ซึ่งจบลงที่กามเทพของวันวาเลนไทน์ในปัจจุบันนั่นเอง


นาทีที่ 0.46 – เรามาดูอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่แตกต่างออกไปอีกนะครับ นี่เป็นงูมีปีกคอยปกป้องบัลลังค์ของกษัตริย์ทัท (Tut) งูมีปีก...แท้จริงคือ มังกรนั่นเอง ตลอดเวลาของประวัติศาสตร์ของนิทานปรัมปรา เราจะเห็นการกล่าวถึงมังกรทั้งในอียิปต์และในโลกตะวันออก คุณจะเห็นมังกรมีปีก และนั่นก็เป็นเรื่องเดียวกัน และเรื่องของงูใหญ่ในพระคัมภีร์มักหมายถึงซาตานเสมอ

ลูซีเฟอร์หรือทูตสวรรค์แห่งแสงสว่างยามรุ่งอรุณที่ถูกทิ้งลงมา ซึ่งอยู่ในสวนเอเดน นั้นถูกกล่าวถึงในนาม “งูใหญ่” นั้นมักจะให้เล่ห์เหลี่ยมในการล่อลวง และพ่นไฟแห่งความตายออกจากปากของมัน มันชอบที่จะแสวงหาโอกาสที่จะขย้ำและทำลายคนของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา

ผมอยากจะให้คุณได้เห็น “งูใหญ่” ที่พระคัมภีร์มักอธิบายไปถึงกิจการอันชั่วร้ายหรือหมายถึงเจ้าตัว“ซาตาน” นั่นเอง มาดูว่ามันมีบทบาทอย่างไรในศัพท์ที่เรียกและสิ่งที่จับต้องได้ในทางศาสนาต่างๆ


นาทีที่ 1.45 – นี่คืองูใหญ่ หรือพระอาทิตย์ของชาวมายัน ชื่อ “Quetzalcoatl” ซึ่งกำลังออกมาจากปากมังกรที่มีปีก

และรูปนี้คืองูใหญ่มีปีกกำลังนำวิญญาณของคนตายซึ่งอยู่บนหลังของงูเพื่อพาไปสู่สวรรค์ แต่ผมจะบอกว่าเขาไม่ได้พาไปสวรรค์หรอกครับ

และนี่คืองูใหญ่มีปีก เป็นงูชนิดเดียวกันกับที่เห็นมาเป็นพันๆปีของศาสนานอกรีต รูปปั้นนี้อยู่ที่ประตูโบสถ์เซ็นต์แมรี่ในในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย

ให้ผมถามคุณซักหนึ่งคำถามว่า....อ้ายเจ้างูใหญ่นั่น มันเกี่ยวข้องอะไรกับพระเยซูคริสต์พระเจ้าผู้ทรงไถ่บาปให้มวลมนุษยชาติหรือครับ?


นาทีที่ 2.46 – และนี่ก็เป็นมังกรมีปีกที่ประดับอยู่บนเชิงงอนในพิพิธภัณฑ์วาติกัน ทำไม่สิ่งนี้จึงอยู่ในนั้นครับ เป็นชนิดเดียวกันกับของศาสนานอกรีต มังกรมีปีกนั่นมีความเกี่ยวเนื่องกับ serpent’s crosier (คทางู) ดูดีๆจะเห็นในรูปที่กษัตริย์ทัทถือ serpent’s crosier อยู่ในมือ สิ่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องบรรดาเทพและความเป็นผู้นำ ฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณเชื่อว่าเจ้ามังกรติดปีกนี้จะแหห้องพวกเขา เขาจึงทำสิ่งนี้ขึ้นมาจากปีกของมังกร และยังมีการฝังไปพร้อมกับผู้ที่ตายไปแล้วด้วยเชื่อว่าสิ่งนี้จะสามารถปกป้องพวกเขาแม้หลังความตายและทำให้มีพลังอำนาจด้วย

นี่ก็เป็นเทวีแอทเทนน่าของกรีกกำลังถือ serpent crosier ที่มือขวา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสิทธิอำนาจ

และนี่ก็คือ กษัตริย์ของเมโสโปเตเมียถือคทาซึ่งใช้แทน serpent crosier


นาทีที่ 3.53 - และนี่ก็คือ serpent crosier ประจำตัวบาทหลวงอย่างเป็นทางของโรมันคาทอลิก ถ้าคุณมองดูดีๆก็จะเห็นมังกรมีปีกที่ถูกแกะสลักไว้ด้านในส่วนโค้งของไม้เท้า ก็อีกนั่นล่ะครับ....คำถามของผมคือว่า ทำไมเจ้างูใหญ่มีปีกซึ่งเห็นมา 2,3,4 พันปีมาแล้วที่เป็นสัญลักษณ์การบูชาพระอาทิตย์ นั้นเป็นสิ่งเดียวกันที่เราพบในวัฒนธรรมของอียิปต์ สิ่งนี้ที่เรารู้กันว่าซาตาน จึงมาอยู่ในคาทอลิก


นาทีที่ 4.27 – นี่ก็เป็นอีกรูปหนึ่งของ serpent crosier ของบาทหลวงและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโรมันคาทอลิก นี่ก็เป็นรูปหัวของงู

นี่เป็น serpent crosier ของโรมันคาทอลิกในอิตาลี คุณจะเห็นว่ามันคือหัวมังกร

นี่ก็เป็นอีกรูปหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ของคาทอลิด บาทหลวงถือ serpent crosier

ส่วนนี้ก็เป็น serpent crosier ที่มีหัวของงูใหญ่กำลังพ่นไฟ



นาทีที่ 5.48 - เรามาดูสัญลักษณ์อีกอย่างนะครับ มันคือ ดวงอาทิตย์แผ่ลำแสง หรือวงล้อดวงอาทิตย์ หรือกงจักร และนี่คือแท่นบูชาพระอาทิตย์ของบาบิโลนโบราณ ซึ่งเป็นดาว 8 แฉก ซึ่งอาจเป็นแบบ ดาว 4 แฉก ซ้อนกันสองดวงอยู้ในวงล้อ เราพบกงจักรนี้ในวัดพุทธที่อยู่ในประเทศไทย

นี่เป็นศาสนาสถาน St. Ignatius ซึ่งที่พื้นกระเบื้องวางลวดลายเป็นภาพกงจักรของดวงอาทิตย์แผ่ออกมา 8 ลำแสง ซึ่งเริ่มจากเล็กแล้วขยาย ใหญ่ขึ้นๆจนเต็มพื้นที่ คุณอาจคิดว่านี่เป็นเพียงภาพที่สวยงาม....เปล่าเลยครับ เหตุผลที่เขาทำให้เป็นรูปลักษณ์เช่นนี้ก็เพราะว่ามีมีความเกี่ยวข้องกับการบูชาพระอาทิตย์ครับ ซึ่งเราพบเจอสิ่งนี้แทบทุกศาสนาสถานที่บูชาพระอาทิตย์ ทุกวันนี้เราก็พบอยู่


นาทีที่ 7.08 - นี่เป็นรูปหน้าของเด็ก ซึ่งแน่นอนครับ นี่คือ ทัมมุส อยู่ในสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของลำแสงแห่งดวงอาทิตย์พบที่แท่นบูชาของโรมันคาทอลิก และพบสิ่งเดียวกันนี้เป็นรูปหน้าของพระอาทิตย์ที่ธรรมาสน์สำหรับเทศนาของโรมันคาทอลิกในประเทศสแกนดิเนียเวีย ทั้งหมดที่ผมแสดงให้ท่านเห็นนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่พบในศาสนานอกรีต

นาทีที่ 7.27 – และนี่ก็น่าจะเป็นภาพที่คุณจะต้องประหลาดใจมากที่สุดที่ผมมี ผมใช้โปรแกรมกูเกิ้ลเอิร์ตแล้วซูมเข้าไป ซึ่งนี้คือรูปกงจักรแห่งดวงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่คือลานหน้าเซนต์ปีเตอร์ในวาติกัน.... ท่านครับ... ผมไม่ได้กุเรื่องขึ้นครับ รูปกงจักรนี้แบ่งออกเป็น 8 ส่วน เป็นจำนวน 8 แฉกเท่ากับที่เราพบในกงจักรแห่งศาสนานอกรีต เรารู้ว่าสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงกับการบูชาพระอาทิตย์โบราณ


นาทีที่ 8.24 – และนี่ก็มีดวงอาทิตย์กลมที่อยู่ด้านหลังของรูปปั้นในโบสถ์โรมันคาทอลิกในเวสมินสเตอร์ในลอนดอน เขาไปเอาความคิดเรื่องดวงอาทิตย์กลมด้านหลังนักบุญนี้มาจากไหน? และนี่ก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่อยู่ด้านหลังศีรษะของเซ็นต์ปีเตอร์ในโบสถ์โรมันคาทอลิก ซึ่งมีที่มาจากศาสนานอกรีตโบราณ เราก็พบสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ข้างหลังพระกฤษณะด้วย ซึ่งต้องการจะแสดงให้เห็นแค่เพียงว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เพียงเกิดขึ้นในยุคของโรมันคาทอลิกเท่านั้น แต่มันมีมาเป็นร้อยๆเป็นพันๆปีแล้ว มันถูกยืมมา

เราเห็นในภาพกระจกของนักบุญในโบสถ์โรมันคาทอลิก

แม้แต่แมรี่ ถ้าคุณดูดีๆจะเห็นรูปหัวใจศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็มาจากศาสนานอกรีตด้วย เหมือนกับคือรูปวงกลมข้างหลังรูปหัวใจนั้นหมายถึงพระบาอัล และทัมมุส พระอาทิตย์

คุณจะเห็นสิ่งเหล่านี้เต็มไปหมดในโบถส์โรมันคาทอลิก หรือแม้แต่ในศาสนานอกรีกทุกศาสนาในโลกนี้

และในปัจจุบัน เราจะพบดาว 8 แฉกหรือสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ได้ที่ไหนบ้าง? เราพบสิ่งนี้ที่ส่วนยอดของต้น คริสมาสครับ


นาทีที่ 9.40 – ผมรู้ว่าพวกเราทุกคนถูกสอนมาว่า ดาวที่อยู่บนยอดต้นคริสมาสนั้นแสดงถึงดวงดาวแห่งเบทเลเฮม ซึ่งเหล่านักปราชญ์จากทิศตะวันออกมาตามหาทารกน้อยเยซู แต่โชคร้ายครับเพราะว่าดาว8แฉกแห่งศาสนานอกรีตนั้นมีมาก่อนดาวของต้นคริสมาสนับพันๆปี พวกเขาได้เชื่อมต่อเข้ากับสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์แผ่ลำแสง (sun burst) และคุณจะได้รู้เกี่ยวกับต้นไม้ของนิมโรด ซึ่งเป็นที่มาของต้นคริสมาสและดาวที่เราวางไว้บนยอดนั้น ถ้าคุณดูชัดๆคุณจะเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่าง sun burst และดาวที่เราวางไว้ที่ยอดต้นคริสมาส

แม้แต่ต้นคริสมาสที่ไวทเฮ้าท์นั้นก็ประดับด้วยดาว 8 แฉกที่บนยอด ซึ่งคือสิ่งเดียวกันในเราพบว่ามีมานานเป็นพันๆปีซึ่งมาจากการบูชาพระอาทิตย์

นานทีที่ 10.44 – และนี้เป็นคำอ้างอิงที่เหลือเชื่อที่ผมพบเข้าเมื่อผมกำลังศึกษาหาความเชื่อมโยงระหว่างอีสทาร์กับดาว 8 แฉก ในเมือง Uruk ซึ่งเป็นเมืองโบราณในสมัยสุเมเรี่ยน ทางตอนใต้ของประเทศอิรัค แผ่นจารึกอายุ 3000 ปี บันทึกไว้ว่า ดาว 8 แฉกคือหลักฐานแสดงถึงแห่งเทพีอีสทาร์ (Source : The Star of Ishtar, Iraq Resource Information Site) คุณสามารถศึกษาถึงที่มาด้วยตัวคุณเอง มันทำให้ผมทึ่งมากครับ สิ่งที่เราปฏิบัติกันมาทุกอย่าง เราสามารถสาวไปถึงต้นตอ ซึ่งก็มาจากผู้ที่เกลียดพระเจ้านั่นเอง

ศัตรูได้ประดิษฐ์พระของเขาขึ้นมา และมนุษย์ก็รับเอามา และปัจจุบันเราทั้งหลายก็นมัสการพระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในวิธีเดียวกับที่คนโบราณนมัสการพระนอกรีตของพวกเขา

คำถามร้อยล้านที่เราต้องตอบ... “เราสามารถนมัสการพระเจ้าพระเยโฮวาห์ของเราด้วยแนวทางเดียวกันกับชาวนอกรีตโบราณทำหรือ?” ผมสัญญาว่า...เราจะต้องตอบคำถามนี้ครับ


นาทีที่ 11.50 – เอาล่ะครับ คำว่า “obelisk(เสาศักดิ์สิทธิ์)” แท้จริงหมายถึง “รูปของอวัยวะสืบพันธิ์ของพระบาอัล” มันมักจะถูกตั้งไว้ตรงจุดศูนย์กลางของวงกลมเสมอ ซึ่งก็คือ กงจักรแห่งดวงอาทิตย์ซึ่งหมายถึง “อวัยวะของสตรี” และที่วางไว้เช่นนั้นก็แสดงถึงการกำลังร่วมเพศ นี่คือสิ่งที่เสาศักดิ์สิทธิ์และกงจักรแห่งดวงอาทิตย์ทำงานร่วมกัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงพบทั้งสองสิ่งนี้ที่ลานจัตุรัสแห่งวาติกัน ที่จัตุรัสแหงเซ็นต์ปีเตอร์ ซึ่งแดงถึงการร่วมเพศของพระอาทิตย์และนางเซมิรามิสหรืออีสทาร์ ซึ่งเราออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษว่า “อีสเตอร์”


นาทีที่ 12.34 – ก่อนที่เราจะผ่านไปสู่เรื่องเสาศักดิ์สิทธิ์ ผมอยากจะแบ่งปันเรื่องราวในอียิปต์ซึ่งเป็นที่มาของ เสาศักดิ์สิทธิ์ ย้อนกลับที่พระของอียิปต์โบราณชื่อ โอไซเรียส (Osirius) และภรรยาชื่อ ไอซิส(Isis) และรา(Ra)
หรือพระอาทิตย์นั้นมีลูก 5 คน และสามคนนั้นคือ โอไซเรียส ไอซิส และน้องชายชื่อ เซท(Set)

โอไซริสแต่งงานกับน้องสาวตนเองคือไอซิส และเซทนั้นเป็นน้องชายขี้อิจฉา ทำไมล่ะ? ก็เพราะว่าโอไซริสนั้นเข้าครอบครองบัลลังก์ในอียิปต์และกลายมาเป็นพระซึ่งก็คือฟาโรห์แห่งอียิปต์ เซทนั้นโรธมากและต้องการฆ่าโอไซริส เขาจึงคิดแผนการที่เหลือเชื่อขึ้นโดยการจัดงานรื่นเริงสังสรรค์ขึ้น เขาได้ประดิษฐ์กล่องสวยงามขนาดกว้างยาวเท่ากับพี่ชายของเขาคือโอไซเรียส ทุกๆคนมองดูกล่องนั้นและชมชอบ

เขามีแผนการเล่ห์เหลี่ยมและจะยกให้แก่ผู้ที่สามารถลงไปนอนในนั้นได้อย่างพอเหมาะ เป็นไปตามจินตนาการของคุณครับ โอไซเรียสก็เข้าไปนอนในกล่องนั้นได้ และทันใดนั้นเซทและคนรับใช้ของเขาก็ปิดฝาและตอกตะปูและพวกเขาก็โยนเขาลงในแม่ในอียิปต์และเขาก็ตาย ส่วนภรรยาของเรา ไอริสนั้น ได้ออกมาไปตามหาสามามีในแม่น้ำไนล์ เมื่อพบเขา นางก็จะจักการฝังศพ เมื่อเซทรู้เรื่องนี้เขาก็ออกไปแย่งชิงศพกลางขณะที่นางกำลังเดินทางกลับไปยังอียิปต์ ซึ่งนางเองไม่ทราบแล้วเซทก็โกหกเธออีก เซทได้ตักร่างของโอไซเรียสออกเป็น 14 ชิ้น และกระจายทิ้งไปในเมืองต่างๆทั่วอียิปต์ ยกเว้นส่วนที่เป็นอวัยวะเพศของโอไซเรียส เซทได้โยนลงไปในแม่น้ำไนล์





Create Date : 08 เมษายน 2555
Last Update : 8 เมษายน 2555 18:47:08 น.
Counter : 2696 Pageviews.

0 comments

Narno7
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



โยบ 38 / Job 38


38:4 เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา

38:4 Where wast thou when I laid the foundations of the earth? declare, if thou hast understanding.

38:7 ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

38:7 When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy


"I am a spirit that live in a body and communicate and perceive the exterior world through my soul."

"This world is not my home. I am here on a mission. Not all of children of God have or will come on this earth but I was chosen. Not all who come fulfill their mission and purpose for being here. Through the Cross of Jesus, I enter into the Kingdom of God. And as a daughter of God, my mission is to bring Heaven to earth."

New Comments
All Blog