การปฏิวัติโลกใหม่ New World Order
New World Order การจัดระเบียบโลกใหม่ หรือ “การปฏิวัติโลก”




มิถุนายน 1979 มีชายคนหนึ่งใช้ชื่อปลอมว่า R. C. Christian ได้ว่าจ้างบริษัท Elberton Granite Finishing เพื่อสร้างอนุสรน์บางอย่างขึ้นในอุทยานแห่งชาติที่รัฐจอเจีย โดยให้ช่างแกะสลักศิลาขนาดใหญ่และวางเรียงตามภาพ และได้สลักข้อความ 10 ข้อเหมือนเป็นหมายหรือพันธสัญญาไว้บนศิลาแต่ละด้านด้วยภาษา 8 ภาษา คือ อังกฤษ สเปน ซวาฮีลี ฮินดู ฮิบรู อราบิค จีน และรัสเซีย

ข้อความมีดังนี้คือ
1. Maintain humanity under 500,000,000 in perpetual balance with nature. ควบคุมปริมาณประชากรโลกไว้ที่ 500 ล้านคน เพื่อให้สมดุลย์กับธรรมชาติ

2. Guide reproduction wisely - improving fitness and diversity. คุมกำเนิด พัฒนาความสมบูรณ์ และ ให้มีความหลากหลาย(เชื้อชาติ)

3. Unite humanity with a living new language. ให้มนุษยชาติใช้ภาษาใหม่และภาษาเดียว

4. Rule passion - faith - tradition - and all things with tempered reason.ปกครองด้วยความเชื่อและศาสนาใหม่

5. Protect people and nations with fair laws and just courts.ปกป้องคนและชาติด้วยกฏหมายที่เท่าเทียมและระบบศาล

6. Let all nations rule internally resolving external disputes in a world court. ให้ทุกประเทศปกครองตนเองและแก้ข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยศาลโลก


7. Avoid petty laws and useless officials. หลีกเลี่ยงกฏหมายที่จุกจิด และระบบราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ

8. Balance personal rights with social duties. สร้างสมดุลย์ระหว่างสิทธิส่วนบุคคลกับหน้าที่ทางสังคม

9. Prize truth - beauty - love - seeking harmony with the infinite. เชิดชู ความจริง ความงาม ความรัก และความลงตัวอย่างไม่สิ้นสุด

10. Be not a cancer on the earth - Leave room for nature - Leave room for nature. ไม่เป็นเหมือนเชื้อมะเร็งของโลก เผื่อที่ว่างให้กับธรรมชาติ เผื่อที่ว่างให้กับธรรมชาติ




สรุปสาระสำคัญของแผนการปฏิวัติโลกคือ พวกเขาต้องการสร้างสวรรค์บนโลก เมืองในฝัน หรือ Eutopia (Utopia) โดย:

1. ลดจำนวนประชากรลงประมาณ 95% จากทั้งหมดที่มีอยู่ 6.3 พันล้านคนในปัจจุบัน
2. New World Government รัฐบาลเดียวปกครองโลก คือ U.N. หรือองค์การสหประชาชาติ
3. New World Currency ทั่วโลกใช้เงินสกุลเดียว โดย ผ่านการจักการของ IMF หลังจากการล่มสลายของเศรษฐกิจทั่วโลกและค่นล้มเงินที่เป็นเงินสำรองสกุลหลักของโลก หรือ US Dollar
4. New World Language ทั่วโลกใชัภาษาเดียวกัน (น่าจะเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาคอมพิวเตอร์- ผู้เรียบเรียง)
5. New World Religion & Spiritual มีศาสนาเดียวและศาสดาเดียวคือLuciferหรือลัทธิซาตาน มีชื่อใหม่คือ "New Age Religion"
6. New World Judge & Court System ระบบศาลโลก






















The Illuminati The Missing Documentaries Links Satanic 2011 part 1 of 2 new world order 2012





The Illuminati The Missing Documentaries Links LUCIFER 2011 part 2 of 2 New World Order 2012




Create Date : 07 ตุลาคม 2552
Last Update : 12 ธันวาคม 2554 22:17:52 น.
Counter : 6100 Pageviews.

5 comment
Christmas/Christ-Mass คริสมาสไม่ใช่....
"จงเรียนรู้ที่จะกระทำสิ่งที่ถูกต้อง..." อิสยาห์ 1:17


"พวกท่านควรดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์และอยู่ในทางพระเจ้า...จงพยายามทุกวิถีทางที่จะให้พระองค์เห็นว่าท่านปราศจากข้อด่างพร้อย ไร้ตำหนิและมีสันติสุขในพระองค์" 2 เปรโตร 3:11,14 ( NIV)






Christmas/Christ-Mass


คริสต์มาสเป็นเทศกาลที่มีการเฉลิมฉลองกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ต้นกำเนิดนั้นมาจากไหน? แม้ว่าผู้คนโดยทั่วไปจะเข้าใจว่ามีรากเหง้ามาจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้น แต่คำตอบสั้นๆคือไม่จริง!

ถ้าพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ในพระคัมภีร์ไม่ได้เป็นผู้ที่บอกให้เราฉลองวันคริสต์มาส ก็แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

แล้วซานตาคลอสล่ะ มาจากไหน?

ได้มีการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสในสังคมของชาวตะวันตกที่ไม่นับถือพระเจ้าองค์จริง(พระยาห์เวห์)มานานมาก ตั้งแต่ก่อนการมาเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์เสียด้วยซ้ำ


(Note: Pagan เป็นคำศัพท์ที่เรียกรวมๆทุกคนทุกชาติทุกภาษาที่ไม่เชื่อและไม่เคารพบูชาและไม่ได้นมัสการพระเจ้าองค์จริง แต่บูชาสิ่งอื่นหรือพระอื่นแทนพระเจ้า)

เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นทางทิศเหนือและเคลื่อนไปอย่างช้าๆบนท้องฟ้า บรรดาชาวตะวันตกผู้ไม่ได้บูชาพระเจ้าหรือชาวPaganนั้น จะมีการฉลอง Winter Solstice (ช่วงเวลาที่หนาวที่สุด) โดยการเผาท่อนไม้ขนาดใหญ่ในกองไฟ (Yule log) และเนื่องจากดวงอาทิตย์ได้เปลี่ยนทิศทางของมันบนบนท้องฟ้า ชาว Pagan โบราณจึงมีความเชื่อว่านี่เป็นสัญญาณของการบูชามนุษย์ที่พระเจ้าของพวกเขาพอใจซึ่งได้ทำไปแล้วในช่วงวันฮาโลวี (Halloween)

เทศกาลคริสต์มาสนั้นพบว่ามีรากฐานมาจากวัฒนธรรมและศาสนาของชาวโรมัน หลักฐานพบว่ามีการฉลองเทศกาลคริสต์มาสในวันที่ 25 ธันวาคมนั้นได้เริ่มมีขึ้นประมาณ 300+ ปีหลังจากพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ ซึ่งในการฉลองครั้งแรกนั้นเป็นการฉลองร่วมกับเทศกาล Saturnalia หรือการเลี้ยงฉลองเทพเจ้าแห่งการเกษตรของพวกเขา ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวพืชผลของชาวโรมันสมัยนั้นในช่วง Winter Solstice ซึ่งดวงอาทิตย์ได้หมุนกลับมา พร้อมทั้งเป็นการบูชาดาวเสาร์ซึ่งเป็นดวงดาวแห่งการหว่านของชาวนา




การฉลอง Saturnalia เป็นเทศกาลการฉลองที่ทุกคนจะสนุกสุดเหวี่ยงแบบลามก มีความเชื่อกันว่า การฉลองคริสต์มาสนั้นได้เกิดขึ้นด้วยการเปลี่ยนความหมายของ การบูชาดวงอาทิตย์คือSun มาเป็นการบูชาพระบุตรของพระเจ้าซึ่งคือThe Son ซึ่งในเทศกาลนี้นั้น ชนทุกชั้นจะมีการแลกเปลี่ยนของขวัญและของขวัญที่ให้กันโดยทั่วไปก็คือเทียนปลายแหลมที่ใช้จุดไฟ และตุ๊กตาดินเหนี่ยว ซึ่งตุ๊กตานี้ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนการมนุษย์เพื่อบูชาพระเจ้าของเขาที่มีการทำกันมาตั้งแต่โบราณ


อย่างไรก็ตามจากข้อเขียนทางบทความที่พบใน The Catholic Encyclopedia ในหัวข้อ “Christmas” นั้น พบว่าคริสตจักรในยุคเริ่มต้น จริงๆแล้วนั้นพวกเขาไม่ได้มีการฉลองวันคริสต์มาสเลย Irenaeus และ Tertullian ซึ่งเป็นผู้นำคริสตจักรโรมันในยุคแรกนั้นไม่ได้เอาด้วยกับเรื่องนี้ และตามการบันทึกในพระคัมภีร์เองในเรื่องการประสูติของพระเยซูนั้น ก็ไม่พบว่าพระองค์ประสูติในช่วงฤดูหนาวเลย จากลูกาบทที่ 2 จะพบว่า ผู้เลี้ยงแกะยังเฝ้าฝูงแกะอยู่ในทุ่งหญ้า ซึ่งถ้าช่วงนั้นเป็นเดือนธันวาคมที่หนาวเหน็บที่สุดแล้วพวกเขาก็คงอยู่กลางทุ่งกันไม่ได้อย่างแน่นอน แล้วทั้งโยเซฟ นางมารีย์และพระเยซูที่เพิ่งประสูติออกมาก็อยู่กันในคอกสัตว์ ถ้าเป็นวันที่หนาวเหน็บหนาวจริงๆแล้ว พวกเขาก็คงอยู่กันอย่างนั้นไม่ได้ด้วย

เป็นที่รู้กันว่าชาวโรมันในยุคของจักรพรรดิ์ Aurelian (270 BC -5 AD) มีการฉลองเทศกาล Natalis Invicti ในวันที่ 25 ธันวาคม กันอย่างครึกครื้น ซึ่งเป็นการบูชาพระอาทิตย์หรือพระบาอัลที่สืบทอดกันมาจากทางซีเรีย (Syrian sun-god Baal

ไม่มีการบันทึกใดๆในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลทั้งในพระคัมถีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ ที่ระบุว่ามีการฉลองวันคริสต์มาสเลย!!! ไม่มีแม้แต่การบอกเป็นนัยๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือแม้แต่การบอกใบ้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยก็ไม่มีเลย!!




เมื่อดูธรรมเนียมแบบอย่างของคริสต์มาส(แบบตะวันตก) ก็เป็นการตกแต่งด้วยต้นสน Evergreenด้วยกล่องของขวัญ รูปดาว ไฟระยิบระยับ พวงหรีดที่หน้าประตูบ้านหรืออาคารต่างๆ




พระเจ้าได้เตือนเรื่องนี้ไว้แล้ว...
“พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า "อย่าเรียนรู้วิถีทางแห่งบรรดาประชาชาติ....เพราะธรรมเนียมของชนชาติทั้งหลายก็ไร้สาระ เขาตัดต้นไม้มาจากป่าต้นหนึ่ง เป็นสิ่งที่มือช่างได้กระทำด้วยขวาน เขาทั้งหลายก็เอาเงินและทองมาประดับ เขาตอกไว้แน่นด้วยค้อนและตะปู มันก็เคลื่อนไหวไปมาไม่ได้” เยเรมีย์ 10:2,3-4 ซึ่งก็หมายถึงต้นคริสต์มาสนั่นเอง

โดยความเชื่อของชาว Paganนั้น มีการเล่าที่มาของเรื่องนี้แตกต่างกันไป เช่น ในบางที่มาก็ว่า “Mithras, the sun-god หรือเทพเจ้าแห่งแสงสว่างนั้นได้ถือกำเนิดอย่างบริสุทธิ์ในถ้ำ ในวันที่ 25 ธันวาคม และการนมัสการพระอาทิตย์ในวันอาทิตย์ซึ่งเชื่อว่าเป็นวันแห่งชัยชนะของพระอาทิตย์ ผู้เชื่อในพระอาทิตย์นั้นเชื่อว่าพระอาทิตย์คือพระผู้ไถ่ของเขาผู้ซึ่งเป็นคู่ปรับกับพระเยซูคริสต์ในด้านความนิยม เขายังเชื่อว่าพระอาทิตย์นั้นได้ตายแล้วและเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งและได้มาเป็นผู้ถือสารหรือผู้สื่อสารของพระเจ้า เป็นตัวกลางระหว่างพระเจ้าแห่งแสงสว่างกับมนุษย์(เกือบจะถอดแบบพระเยซูคริสต์มาเลยล่ะ) และเป็นผู้นำในการต่อสู้กับซาตาน(ซึ่งจริงๆแล้วตัวพระอาทิตย์นี่แหละคือซาตานหรือลูซีเฟอร์(Lucifer)ในอีกรูปหนึ่ง)


แล้ววันที่ 25ธันวาคมได้กลายมาเป็นวันเกิดพระเยซูได้อย่างไร?



จากการบันทึกประวัติศาสตร์ เชื่อว่ามีการเริ่มฉลองคริสต์มาสจริงๆประมาณ 300+ ปีหลังจากที่พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว ส่วนเรื่องวันที่มีการเฉลิมฉลองนั้นก็ได้เหมารวมเข้าไปในวันฉลองของชาวPagan ที่เขาฉลองในเทศกาลบูชาพระอาทิตย์ของเขานั่นเอง ซึ่งก็คือวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี เขาได้เอาพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกมาเล่นเป็นตุ๊กตาไปซะแล้ว เขาพยายามลดความสำคัญของพระเยซูโดยเอาพระองค์มารวมๆเข้าไว้ในกลุ่มพระต่างๆที่พวกเขากราบไหว้ ซึ่งคริสเตียนบางคนคิดว่าเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าเพราะเป็นการร่วมกันฉลองวันเกิดให้พระองค์ แต่ความจริงแล้วสิ่งนี้กลับเป็นการหมิ่นประมาทพระเจ้าอย่างรุนแรง it’s Blasphemy!!!!


และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือพระเจ้าไม่เคยยกย่องวันเกิดเลย ดังที่ได้ทรงตรัสไว้ใน ปัญญาจารย์ 7:1 "ชื่อเสียงดีก็ประเสริฐกว่าน้ำมันหอมอย่างวิเศษ และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด"

ส่วนชื่อ Christmas ได้นำมาใช้ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาตั้งแต่ยุคกลางของคริสตจักโรมันคาทอลิค โดยในยุคนั้น ชาวคริสตจักรโรมันคาทอลิคได้มาร่วมกัน (Mass) ที่โบสถ์เพื่อทำพิธีทางศาสนาในคืนก่อน(eve) วันที่ 25 ธันวาคม ในช่วงรุ่งอรุณ และในช่วงเวลาเช้าของวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี จึงมีคำว่า Christ-Mass ที่ผันมาเป็น Christmas ในที่สุด

จากพระคัมภีร์: หลังน้ำท่วมโลก โนอาห์และลูกๆของเขารอดชีวิต ซึ่งได้แก่ เชม ฮาม และยาเฟท

ต่อมาฮามเป็นบิดาของคูท และคูทเป็นบิดาของนิมโรด
อับราฮัมเป็นรุ่นที่ 10 จากโนอาห์ เป็นบุตรของเทราห์ ทางเชื้อสายของเชม

เมื่อสืบค้นกลับไปจากข้อเขียนทางประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งที่เกี่ยวข้องกับ Christ-mass นั้น ได้พบหลักฐานว่าพิธีกรรมต่างๆที่ทำกันอยู่นั้นได้สืบเนื่องมาจากพิธีกรรมทางศาสนา(False Religion)ที่ถูกริเริ่มโดยนิมโรด Nimrod (ชื่อของเขาพบในปฐมกาล 10:8) ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของมหานครบาบิโลนในครั้งโบราณกาล ซึ่งนิมโรดคือชายคนแรกที่รักการบูชารูปเคารพเป็นชีวิตจิตใจ และจากหลักฐานงานเขียนของชาวยิวและอิสลามนั้นพบว่า นิมโรดเองก็เป็นคู่ปรับกับอับราฮัม ด้วยว่าอับราฮัมเกลียดรูปเคารพ นิมโรดซึ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งและทรงอิทธิพลมากจึงส่งผลให้ผู้คนในกรุงนั้นที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขาทำตามเขาทุกอย่าง เขาและบิดาของเขาคือคูทเป็นผู้ริเริ่มรวบรวมผู้คนในการก่อสร้างหอบาเบลเพื่อต้องการไปให้ถึงสวรรค์เพื่อต้องการเทียบเคียงพระเจ้าผู้สร้าง แต่ทำไม่สำเร็จเพราะพระเจ้าเห็นว่าพวกเขากำลังก่อการกบฎ จึงทำให้พวกเขาแตกภาษากระจัดกระจายไป (ปฐมกาล 11:5-9)


จากการสร้างหอบาเบลนี่เอง นิมโรดจึงถูกนับถือจากคนกลุ่มฟรีเมซั่นว่าเป็นต้นกำเนิดของฟรีเมซั่น(Freemasonry Foundation) และนิมโรดนั่นเองที่เป็นผู้เริ่มก่อกบฎต่อพระเจ้าเป็นคนแรก และยังได้ชักชวนให้ผู้คนในยุคนั้นเริ่มนับถือตนเองแทนการเคารพยำเกรงพระเจ้าพระผู้สร้าง เขาเป็นคนที่มีกำลังมากเป็นนักล่าสัตว์ที่เก่งกาจ และเป็นผู้แรกที่ปลุกระดมการทำสงครามในมนุษย์และล่าอาณานิคมในยุคนั้น

จากการที่หอบาเบลสร้างไม่สำเร็จเพราะพระเจ้าไม่พอใจนั้น ต่อมาคูทผู้เป็นพ่อของนิมโรดได้ฆ่าตัวตายด้วยความอับอาย

จากงานเขียนบันทึกหลักฐานทางประวัติศาตร์พบว่า นางเซมิรามิสซึ่งภรรยาของคูทนั้นเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ซึ่งเมื่อคูทตายไปเธอก็เอาลูกคือนิมโรดมาเป็นสามีของเธอ เธอจึงได้ตำแหน่งเป็นราชินีแห่งบาบิโลน ซึ่งต่อมานิมโรดได้ตายไปจากการถูกสับเป็นชิ้นๆโดยเชมซึ่งลูกคนหนึ่งของโนอาห์ และมีศักดิ์เป็นลุงของนิมโรดที่ทนเห็นความเลวร้ายของเขาไม่ไหว จึงนำพวกมาลอบสังหารเขาเสีย ต่อมานางเซมิรามิสได้ตั้งครรภ์ซึ่งเธออ้างวว่าการตั้งครรภ์ของเธอเกิดขึ้นโดยความบริสุทธิ์ ซึ่งมาจากวิญญาณ(Spirit) ทำให้เธอตั้งครรภ์ เพราะเธออ้างว่าไม่ได้นอนร่วมกับใคร และเธอได้คลอดลูกออกมาชื่อว่า ทัมมุส (Tammuz) ซึ่งเกิดในช่วงฤดูหนาว Winter Solstice ประมาณวันที่ 25 ธันวาคม และเพื่อให้ดูศักดิ์สิทธิ์และเป็นการให้เกียรติแก่นิมโรด เธอจึงประกาศแก่ผู้คนทั้วไปในบาบิโลนซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเธอว่า นิมโรดนั้นไม่ได้ตายไปเลย แต่ได้กลับมาเกิดใหม่(reincarnate)อย่างบริสุทธิ์เป็นทัมมุสบุตรของเธอ และเธอก็ตั้งตนเองขึ้นเป็นแม่ของผู้บริสุทธิ์หรือเทวีแห่งสวรรค์ (Queen of Heaven) ซึ่งได้กลายมาเป็นเทพเจ้าอีกองค์หนึ่งของชาวบาบิโลน


เทวีแห่งสวรรค์


ในพระคัมภีร์ก็มีบันทึกเกี่ยวกับนางว่า “พวกเด็กๆก็เก็บฟืน พวกพ่อก็ก่อไฟ พวกผู้หญิงก็นวดแป้ง เพื่อทำขนมถวายแก่เจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์ และเขาเทเครื่องดื่มบูชาถวายแก่พระอื่นๆ เพื่อยั่วยุให้เราโกรธ" เยเรมีย์ 7:18 (และยังพบอีกในเยเรมีย์ 44:17-19 และ 25)



ทัมมุสเองนั้นกลายมาเป็นพระเจ้าของชาวบาบิโลนหรือ sun-god ซึ่งต้นคริสต์มาส และ Yule log ได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการฉลองวันเกิดของพระทัมมุสและต่อมาจึงกลายมาเป็นเทศกาลประจำปีของชาวบาบิโลน

พระคัมภีร์กล่าวถึงทัมมุส… “..และดูเถิด ที่นั่นมีผู้หญิงหลายคนนั่งร้องไห้อาลัยเจ้าพ่อทัมมุส” (เอเสเคียล 8:14)

ในนิทานปรัมปราของชาวบาบิโลนในยุคหลังจากนิมโรดตายไปนั้น ได้กล่าวถึงนิมโรดว่าเขาได้รับการนมัสการและบูชา และถูกเรียกชื่อแตกต่างกันไปเช่น พระบาอัล (Baal/the Lord Marduk), Mithras, Ahura, Mazda, Gott, Aton, and Dagon, etc.

ชาวคริสเตียนถูกวัฒนธรรมของเทศกาลเหล่านี้สอดแทรกเข้าอย่างกลมกลืน ซึ่งเป็นการผสมสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนน่ารังเกียจในสายพระเนตรพระเจ้า (Abomination) เข้ามาอย่างแนบเนียนจนคนส่วนใหญ่ที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียน ทั้งหลายที่ไม่ได้ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของคำสอนจากบรรดาผู้สอนทั้งหลาย เอาแต่เชื่อและก็ทำตามๆเขาไปนั้น ก็ทำไปโดยไม่รู้ตัวว่าตนเองนมัสการผิดองค์ซะแล้ว!!!



เรื่องซานตาคลอสเองก็เป็นนิยายปรำปราที่กุขึ้น


Santa = Satan ซานต้า คือ ซาตาน


จากข้อมูลโดย Doc Marquis ซึ่งเดิมนั้นเขาเป็นสมาชิกในกลุ่มIlluminati (เป็นอีกกลุ่มสมาคมลับหนึ่งจากหลายๆกลุ่มที่นับถือลัทธิบูชาซาตาน) ตามสายเลือด ซึ่งเขาเป็นสืบต่อมามาในครอบครัวที่อยู่ใน Illuminati ถึง 7 generation แล้ว เขาได้ออกมาและได้มาเชื่อในพระเยซูคริสต์ จึงได้เอาข้อมูลความเชื่อของพวกลัทธิซาตานมาเปิดเผยดังนี้….

1. Christmas Tree ต้นEvergreen เป็นต้นไม้ที่จะเขียวตลอดแม้ช่วงที่หิมะตกหนักต้นไม้ชนิดอื่นจะผลัดใบเหลือแต่กิ่ง แต่ต้นไม้ชนิดนี้ยังคงความเขียวอย่างไม่สะทกสะท้านต่อความหนาวเย็นของอากาศ ซึ่งแสดงถึงการไม่ตาย เขาถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าฤดูหนาว ชาวDruid ซึ่งเป็นพวกพ่อมดหมอผีเชื่อว่าพระเจ้าของพวกเขาอาศัยอยู่ในต้นไม้นั้น ผู้คนในยุคโบราณรู้กันดีว่า ต้นไม้นี้แสดงถึงการที่นิมโรดได้เกิดใหม่มาเป็นพระทัมมุส ชาวPagan ยังมองต้นไม้นี้ที่ตั้งตรงอยู่นั้นว่าเป็นสัญลักษณ์แทนอวัยวะเพศชายด้วย


2. Star หรือดาว Pentalpha ที่ใช้ประดับที่ยอดของต้นคริสต์มาสซึ่งเป็นดาว 5 แฉกนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอำนาจของซาตาน ซึ่งสำคัญรองลงมาจากรูป 6 แฉก(Hexagram) รูปดาวนี้แสดงถึงการบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีต่อนิมโรด ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคริสเตียนเลย


3. Candles เทียน แสดงถึงพระอาทิตย์และการเกิดใหม่ของไฟที่ลุกอยู่ตลอดเวลา ชาวPagan ทั่วโลกชอบใช้เทียนในพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งเทียนแต่ละสีนั้นก็แสดงถึงอำนาจที่ต่างกันอย่างเฉพาะเจาะจง



4. ต้นไม้ Mistletoe เป็นไม้จำพวกกาฝาก พวกพ่อมดถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และการขยายเผ่าพันธุ์ ดังนั้นการจูบกันใต้ต้น Mistletoe นี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี พวกแม่มดยังใช้พืชชนิดมาสกัดเพื่อทำยาเสน่ห์และยาพิษด้วย



5. Wreath หรือพวงหรีด เป็นวงกลมใช้เป็นสัญลักษณ์แทนอวัยวะเพศของหญิง พวงหรีดนี้ใช้เป็นสื่อแสดงถึงการเจริญพันธุ์และวงวียนของชีวิตที่มีการกลับมาเกิดใหม่นั่นเอง

6. Santa Claus ซานต้ามาจากคำว่า “ซาตาน” Santa = Satan


ter>

7. Reindeer กวางเรนเดียร์ มีเขาแสดงถึง Horned-god หรือ stag-god พระเจ้าในศาสนาของชาวPagan ซึ่งซานต้านั้นจะมีกวาง 8 ตัว ในพวกลัทธิซาตานนั้น เลข 8 แทนการเริ่มต้นใหม่ หรือเป็นวงจรการมาเกิดใหม่ ในกลุ่ม Illuminati (อิลูมินาติ) นั้นใช้เลข 8 เป็นสัญลักษณ์ของ โลกใหม่ หรือ “New World Order”



8. Elves ตุ๊กตาเล็กๆหรือปีศาจน้อย คือผู้ช่วยของซาตาน ซึ่งก็คือพวกวิญญาณชั่วหรือผี(demons)นั่นเอง

9. Green and Red สีเขียวและสีแดงที่ใช้ในเทศกาลคริสต์มาสนั้น สีเขียวเป็นสีโปรดของซาตาน สีแดงหมายถึงเลือดของมนุษย์ซึ่งแสดงถึงการบวงสรวงสังเวยที่ทำเพื่อบูชาซาตาน ด้วยเหตุผลนี้นี่เองที่กลุ่มลัทธิคอมมิวนิสต์ใช้สีแดงเป็นหลักในสีประจำชาติ หรือเป็นสีของธงชาติ




10. December 25 แสดงถึงการเกิดของพระอาทิตย์ของพวกเขา เป็นวันเกิดของพระทัมมุส ซึ่งเป็นการกลับมาเกิดใหม่ของพระอาทิตย์ ตามธรรมเนียมเดิมนั้นวันที่ 21 ธันวาคมเป็นช่วงคริสต์มาสของชาวโรมันคาทอลิค แต่ต่อมาภายหลังคริสต์จักรโรมันคาทอลิคได้เปลี่ยนมาเป็นวันที่ 25 ธันวาคม อย่างเป็นทางการ



11. December 25 ยังเป็นที่รู้กันในชาวโรมันกันดีว่าเป็นเทศกาลฉลองการเก็บเกี่ยวหรือ Saturnalia ซึ่งเป็นเวลาของการตั้งใจที่จะปล่อยตัวสำมะเลเทเมากันอย่างสุดเหวี่ยง ทั้งเรื่องการดื่มสุราเมามายและการร่วมประเวณีกันอย่างเสื่อมทราม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของต้น Mistletoe นั่นเอง และสุดท้ายจบลงด้วยงานเลี้ยงสังสรรค์ Christmas Dinner


12. ชื่อ Christmas เป็นชื่อของPaganโดยสิ้นเชิง โดย Christi = Christ ในขณะที่ “mas” มาจาก “Mass” สืบเนื่องจากศาสนานอกรีตทั้งหมด Masses เป็นคำพูดที่แสดงถึง “Death” หรือความตาย เพราะฉะนั้นชื่อ “Christmas” จึงมีความหมายตามตัวอักษรว่า “death of Christ” หรือความหมายของคริสต์มาสจริงนั้น “วันตายของพระผู้ไถ่ ” ไม่ใช่หมายถึงการเกิดของพระเยซูคริสต์เหมือนอย่างที่ชาวคริสต์ทั่วไปเข้าใจกันมา

และที่สำคัญคือ Christ ของพวกเขาคือ Lucifer หรือซาตานซึ่งเขาเชื่อว่าchrist ของพวกเขาได้ตายไปและมาเกิดใหม่เป็น Jesus ซึ่งหมายถึงคนละ Jesus ซึ่งไม่ใช่พระบุตรของพระเจ้าหรือพระเยซูคริสต์ที่ชาวคริสต์แท้เชื่อในพระนามของพระองค์ว่าเป็นพระผู้ไถ่

ทั้งหมดนี้เป็นมาจากผลของการทำงานอันแยบยลของ Satan/Fallen Angel/Lucifer/Horus/Mystery of Babylon the great/the best/หมายเลข 666/งูโบราณ/พญานาค/พ่อของการโกหก/ /ปฏิปักษ์พระคริสต์ ที่กล่าวถึงในหนังสือวิวรณ์ บทที่ 13 ที่ได้พยายามล่อลวงมนุษย์มาตั้งแต่โบราณและมันก็ทำได้สำเร็จด้วย แล้วก็ทำให้ผู้ที่คิดว่าตนเองมาถูกทางแล้วต้องถูกล่อลวงซ้ำอีกซึ่งได้เทียมแอกกับผู้ไม่เชื่อโดยไม่รู้ตัว!! ตื่น ตื่น ตื่น ตื่นได้แล้ว!!!




พระคัมภีร์พูดถึงซาตานว่า“..มันมีอำนาจเหนือชนทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกประชาชาติ...และบรรดาคนที่อยู่ในแผ่นดินโลกจะบูชาสัตว์ร้ายนั้น คือคนทั้งปวงที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก ผู้ทรงถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกทรงสร้างโลก...ใครมีหูก็ให้ฟังเอาเถิด”
วิวรณ์ 13:7-10 Thai KJV


พระเจ้าได้เตือนบรรดาลูกของพระองค์ไว้แล้ว... “...ชนชาติของเรา จงออกมาจากนครนั้นเถิด เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่มีส่วนในการบาปของนครนั้น และเพื่อท่านจะไม่ต้องรับภัยพิบัติที่จะเกิดแก่นครนั้น...”วิวรณ์ 18:4 Thai KJV

พระเยซูตรัสว่าพระองค์ได้ปล่อยลูกแกะของพระองค์ไปทั่วทุกทิศ...และ “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี และเรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา เหมือนพระบิดาทรงรู้จักเรา เราก็รู้จักพระบิดาด้วย และชีวิตของเรา เราสละเพื่อฝูงแกะ แกะอื่นซึ่งมิได้เป็นของคอกนี้เราก็มีอยู่ แกะเหล่านั้นเราก็ต้องพามาด้วย และแกะเหล่านั้นจะฟังเสียงของเรา แล้วจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียว”ยอห์น 10:14-16 Thai KJV

เปาโลเตือนพี่น้องผู้ร่วมในความเชื่อไว้ว่า “ท่านอย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความอธรรม และความสว่างจะเข้าสนิทกับความมืดได้อย่างไร พระคริสต์กับเบลีอัล(Baal)จะลงรอยกันอย่างไรได้ หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพได้ เพราะว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า `เราจะอยู่ในเขาทั้งหลาย และจะดำเนินในหมู่พวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชาชนของเรา' องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า `เหตุฉะนั้นเจ้าจงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าทั้งหลาย เราจะเป็นบิดาของพวกเจ้าและพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรสาวของเรา' องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น” 2โครินทร์ 6:14-18 Thai KJV

ขอทุกท่านที่แสวงหาพระเจ้าองค์เที่ยงแท้นั้นอย่างสุดหัวใจของท่าน จะได้ขอกำลังและฤทธิ์เดชจากองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อพระองค์จะทรงนำท่านกระทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและทำตามน้ำพระทัยขององค์พระบิดาจริงๆ เพื่อท่านจะได้ดำรงอยู่ในเส้นทางอันชอบธรรมของพระองค์ตลอดไป เพราะเมื่อท่านได้ผ่านประตูที่คับทางพระเยซูมาได้แล้วนั้น ท่านจะได้ผ่านทางที่แคบนั้นได้ด้วยฤทธิ์เดชและกำลังในพระองค์ และในวันนั้นที่พระองค์ผู้ที่นั่งบนบัลลังค์สีขาวแห่งการพิพากษาจะทรงจำท่านได้จริงๆและจะได้ไม่กล่าวกับท่านว่า “เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นจากเรา'” (มัทธิว 7:23)

ขอพระเจ้าช่วยทุกท่านด้วยเถิดเจ้าข้า...ขอสรรเสริญพระองค์ผู้สูงสุด องค์จอมกษัตริย์ พระผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ฮาเลลูยา...!!!


"ในเรื่องนี้ประชากรของพระเจ้าจะต้องปฏิบัติด้วยความอดทน คือการถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และคงความสัตย์ซื่อต่อพระเยซูคริสต์" วิวรณ์ 14:12 (แปลภาษาจากพระคัมภีร์ต้นฉบับภาษาอังกฤษให้เข้าใจง่ายขึ้น-ผู้เขียน)

และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงจากสวรรค์สั่งข้าพเจ้าว่า "จงเขียนไว้เถิดว่า ตั้งแต่นี้สืบไปคนทั้งหลายที่ตายในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสุข" และพระวิญญาณตรัสว่า "จริงอย่างนั้น เพื่อเขาจะได้หยุดพักจากความเหนื่อยยากของเขา และ การงานที่เขาได้กระทำจะติดตามเขาไป" วิวรณ์14:13















Create Date : 06 ตุลาคม 2552
Last Update : 19 ธันวาคม 2555 20:41:54 น.
Counter : 10447 Pageviews.

กองทหารลึกลับกับปฏิบัติการยึดครองโลก
Black Pope

หมาป่าในคราบลูกแกะ (มัทธิว 7:15)


เยซูอิตได้อำนาจในการควบคุมวาติกัน หรือคริสตจักรโรมันคาทอลิค ตั้งแต่ปี 1814 รวมทั้งครอบครองและควบคุมระบบการเงินการธนาคารของโลก ระบบการทหารของทั้งยุโรปและอเมริกา Knights of Malta หน่วยงานต่างๆเช่น United Nations, NATO, European Commission, Council on Foreign Relations(CFR), ธนาคารใหญ่ๆ ทั่วโลก บริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลก กลุ่มบุคคลที่บูชาซาตานเช่น ฟรีเมสัน และสมาคมลับต่างๆที่กำลังก่อการปฏิวัติโลกก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเยซูอิตทั้งหมด

บรรดาพระของเยซูอิต (ทั้ง White and Black Pope) ได้บ่อนทำลายความดีงามที่มีมาตั้งแต่ยุคแรกของชาวคริสต์โดยสิ้นเชิง เป้าหมายของเยซูอิตคือทำให้คุณลักษณะของชาวคริสต์วิปริตวิปลาส และต้องการนำไปสู่ระบบทาส ทั้งหมดเพียงเพื่อนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรื่องของกลุ่มของตนเท่านั้น - Thomas Jefferson



"The Superior General of the Society of Jesus" หรือ "ตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของคณะเยซูอิต" ซึ่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารลับของโรมันคาทอลิค

คนแรกที่เริ่มก่อตั้งคือ Saint Ignatius of Loyola ชาวเมือง Azpeitia, Spain



ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ April 19, 1541 ถึง July 31,1556



และ 2 คนล่าสุดคือ

Peter Kolvenbach (September 13, 1983 - January 14, 2008) เป็นชาวเมือง Druten, Netherlands





และคนปัจจุบันคือ Adolfo Nicolas เพิ่งเริ่มเข้ารับตำแหน่งเมื่อ January 19, 2008 นี่เอง เกิดที่ Villamuriel de Cerrato, Spain











Vatican Satanist


เยซูอิตระดับGeneralขึ้นไป รวมทั้งผู้นำระดับโลกหลายคน จะทำพิธีขอพลังอำนาจจากซาตาน เรียกพิธีนี้ว่า ""Black Mass"



พิธีกรรมที่น่าเกลียดเหล่านี้ พวกเยซูอิตระดับล่างหรือมดงานนั้นส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องเลย เช่นเดียวกับฟรีเมสันระดับ30ดีกรีขึ้นไปก็ทำเช่นเดียวกัน และฟรีเมสันระดับต่ำกว่านั้นลงมาก็จะมองเห็นแต่ภาพดีๆของสมาคมที่ตนสังกัดอยู่ พวกเขาทำสิ่งที่ดีให้ชาวโลกเห็น พวกเขาไม่รู้หรอกว่าระดับสูงๆกว่าพวกเขากำลังทำอะไร พวกระดับล่างส่วนใหญ่ก็ถูกหลอกใช้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการทำงานของกระบวนการลับเหล่านี้

ซึ่งมีรูปแบบคือ
1). สร้างปัญหาอย่างลับๆ
2). ชี้ให้มวลชนเห็นปัญหา
3). เสนอแนวทางแก้ไข (ระดับล่างส่วนใหญ่จะอยู่ในจุดนี้ คืออยู่ในส่วนช่วยเหลือสังคม เช่น คณะเยซูอิตไทย)

ผู้นำคนใหม่เพิ่งมาเยี่ยม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า เมื่อเร็วๆนี้เอง



ข้อมูลเพิ่มเติม:
//www.jceao.net/content/visit-myanmarese-and-thai-scholastics-yogya


เยซูอิตสนับสนุนนาซีในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว











บางส่วนของผลงานที่มีเยซูอิตอยู่เบื้องหลัง






ข้อมูลเพิ่มเติม
//wikicompany.org/wiki/911:Vatican_&_Jesuits

//z10.invisionfree.com/The_Unhived_Mind_II/index.php?showtopic=24




Create Date : 04 ตุลาคม 2552
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 12:10:40 น.
Counter : 4064 Pageviews.

3 comment
เปิดโปงปฏิบัติการลับยึดครองโลก โดยคริสตจักรโรมันคาทอลิค

ศาสนาเทียมเท็จผู้อยู่เบื้องหลังสมาคมสุดลึกกับปฏิบัติการลับยึดครองโลก




โรมันคาทอลิคมีศูนย์กลางอยู่นครวาติกัน ซึ่งเป็นศาสนาเทียมเท็จอีกศาสนาหนึ่งที่มีท่ามกลางบรรดาศาสนาต่างๆที่มีอยู่ในโลก แต่ที่แย่มากก็คือศาสนาคาทอลิคได้แอบอ้างชื่อของพระเจ้าหรือพระเยซูคริสต์เพื่อสร้างอำนาจและสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง(กลุ่มของพวกผู้นำ)และล่อลวงคนทั้งโลก โดยหลักคำสอนของคาทอลิคนั้นได้บิดเบือนไปจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่างสิ้นเชิง

ช่างเป็นเกียรติยิ่งที่เราๆ ได้มาเกิดในยุคนี้ที่เป็นยุคสุดท้ายของประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ เพราะว่าพระเจ้าพระเยซูคริสต์ได้พยากรณ์ถึงยุคนี้ไว้ไว้ล่วงหน้ากว่า 2000 ปีมาแล้วว่า...
"ระวัง!! อย่าให้ใครมาล่อลวงท่าน เพราะหลายคนจะมาในนามของเราและกล่าวอ้างว่า 'เราเป็นพระคริสต์' และล่อลวงคนเป็นอันมาก" มัทธิว 24:4-5


"พระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จจะปรากฏขึ้นและแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เพื่อลวงแม้กระทั่งผู้ที่ทรงเลือกไว้ ถ้าเป็นได้" มัทธิว 24:24

คาทอลิคเป็นศาสนานอกรีตที่ตกทอดมาจากนิมโรดตั้งแต่สมัยมหานครบาบิลอนโบราณ

พระเจ้าหรือChrist ที่แท้จริงของชาวคาทอลิคคือซาตานหรือลูซีเฟอร์ ซึ่งในปัจจุบันพวกเขายังคงยึดถือเป้าหมายดั้งเดิมคือต้องการครองโลกและต้องการเทียบเท่ากับพระเจ้า(Yahowah)



อย่างไรก็ตาม บรรดาสมาชิกที่ไปนมัสการพระเจ้าที่คริสตจักรคาทอลิค หรือ คริสตจักรวันอาทิตย์ต่างๆซึ่งทำตามๆกันมาโดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ ก็ไม่ทราบเรื่องราวเหล่านี้ พวกเขาเองคิดว่าเขาไปนมัสการพระเจ้าพระเยซูคริสต์ แต่แท้จริงพระเจ้าได้เลือกวันเสาร์เป็นวันของพระองค์ ศาสนาคาทอลิคได้มาเปลี่ยนกฎเกณฑ์ต่างๆที่มีมาแต่ดั้งเดิมของพระเจ้าในภายหลัง รวมทั้งการเปลี่ยนวันนมัสการจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นการนมัสการพระอาทิตย์หรือซาตานนั่นเอง และด้วยอำนาจที่มีอย่างท่วมท้นของคริสตจักรโรมันคาทอลิคจึงมีอิทธิพลส่งผลให้มีการปฏิบัติกันทั่วโลก


คริสตจักรโรมันคาทอลิค มีประมุข 2 คน



1. Black Pope หรืออีกชื่อตำแหน่งหนึ่งคือ Superior General of The Society of Jesus (ผู้บัญชาการสูงสุงของเยซูอิต)คนปัจจุบันคือ Adolfo Nicolas แต่งตั้งเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2008 คนทั่วไปไม่ทราบว่ามีตำแหน่งนี้(ดูรายละเอียดในตอนต่อไป)


2. White Pope คนปัจจุบันชื่อ Joseph Alois Ratzinger โดยทั่วไปเป็นที่รู้จักดีในนาม "Pope Benedict XVI" โป๊ปเบเนดิกท์ที่ 16







White Pope




ไวท์โป๊ปคือภาพที่ขาวสะอาดที่ออกสู่สายตาชาวโลก ผู้คนเกือบทั้งโลกให้ความเคารพยำเกรง

แต่แท้จริงเขาคือสัตว์ร้าย (the beast) พระคัมภีร์วิวรณ์บทที่ 13 ที่กล่าวไว้ว่า "...3.ทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายนั้นด้วยความอัศจรรย์ใจ....7-8. มันได้รับสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกหมู่ชน ทุกภาษาและทุกชนชาติ ชาวโลกทั้งมวลจะกราบนมัสการสัตว์ร้ายนั้น คือคนทั้งปวงที่ไม่ได้มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก..."






คริสตจักโรมันคาทอลิคนั้นไม่ได้ถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกที่ได้ให้ไว้ แต่พวกเขานมัสการและบูชาซาตาน ไหว้รูปเคารพต่างๆของซาตาน และบูชาเทวีแห่งสวรรค์ (goddess/queen od heaven)ในรูป Virgin Mary หรือพระแม่มารีย์ ซึ่งเป็นรูปแบบของศาสนานอกรีต แต่พวกเขากลับอ้างชื่อพระเจ้าหรือทำการต่างๆในนามของพระเจ้า จึงเป็นการหมิ่นประมาทพระเจ้าอย่างรุนแรง



สัญลักษณ์พระอาทิตย์ที่ไม้เท้าของพระสันตะปาปา



สัญลักษณ์ของการบูชาพระอาทิตย์ และสัญลักษณ์อื่นๆที่หมายถึงซาตานที่นำมาใช้ในโรมันคาทอลิค






บูชาเทวีแห่งสวรรค์หรือพระแม่มารีย์





ไหว้รูปเคารพของพระสันตะปาปา



วิวรณ์ 17 "3...สัตว์นี้มีชื่อเป็นคำหมิ่นประมาทพระเจ้า..4.หญิงนั้นนุ่งห่มผ้าสีม่วงและสีแดงเข้ม ตัวนางแพรวพราวไปด้วยเครื่องทอง เพชรนิลจินดาและไข่มุก นางถือถ้วยทองคำ"

ชื่อตำแหน่งของโวท์โป๊ปนั้น แบล๊คโป๊ปเป็นผู้ตั้งให้ คือ "VICARIUS FILII DEI" เป็นภาษาลาติน แปลว่า "Vicar of Son of God" หรือ"ตัวแทนของพระบุตรพระเจ้า" ซึ่งพระเจ้าไม่มีตัวแทนบนโลก เพราะพระองค์เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์

ชื่อของตำแหน่งของโป๊ปนั้นได้ขยายความใน วิวรณ์13:18 "ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญา ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรองเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก (666)"

เลขของบุคคลนั้นได้มาจากการนับเลขที่ใช้แทนพยัญชนะแต่ละตัว ในภาษาโรมัน เช่น I = 1, V = 5, X = 10 ส่วนพยัญชนะตัวใดไม่มีค่าก็ = 0

สำหรับ VICARIUS FILII DEI นับได้ดังนี้







ชุดสีม่วงและสีแดงเข้ม แพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับ




ถือถ้วยทองคำ



เหรียญพระสันตะปาปาเป็นรูปหญิงถือถ้วยทองคำ



วิวรณ์ 17:2 "บรรดากษัตริย์ทั่วโลกล่วงประเวณีกับนาง และชาวโลกทั้งหลายก็มัวเมาไปกับเหล้าองุ่นแห่งการล่วงประเวณีของนาง"

ฟ้องด้วยภาพ บรรดาผู้นำต่างๆนั้นได้ให้ความเคารพยำเกรงและทำตามบัญชาการของโป๊ปทุกอย่าง....
















ดูข้อมูลเพิ่มเติม;
//wikicompany.org/wiki/911:Vatican#Joseph_Alois_Ratzinger


เป็นผู้อยู่เบื้องหลังองค์การสหประชาติ United Nation





การประชุมองค์การสหประชาชาติ



เจิมธงขององค์การสหประชาชาติ






พระสันตะปาปาคือผู้นำสูงสุดของสหภาพยุโรป






ที่น่าสนใจมากอีกเรื่องคือไวท์โป๊ปคนปัจจุบันนั้นมีประวัติเคยเป็นยุวชนของเยอรมันนาซี






ภาพความสัมพันธ์ของโรมันคาทอลิคกับเยอรมันนาซี
















ในที่สุดโป๊ปได้เรียกร้องให้โลกสนุบสนุนการจัดระเบียบโลกใหม่คือ New World Order ซึ่งสุดท้ายแล้วนั้นจะนำไปสู่ระบบคอมมิวนิสต์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งได้มีความพยายามทำแต่ยังไม่สำเร็จมาตั้งแต่สมัยบาบิลอน จนถึงสมัยเยอรมันนาซีก็ยังไม่สำเร็จ และมาจนบัดนี้






โป๊ปจอห์นพอลที่ 2 (คนเดิม) เองได้เรียกร้อง New World Order มาตั้งแต่ปี 2004
//www.commondreams.org/headlines04/0102-03.htm

ส่วนรายละเอียดปฏิบัตการต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นนั้นหาอ่านได้ที่
//jimmysiri.blogspot.com/








ข้อมูลเพิ่มเติม:

//www.jesus-is-savior.com/False%20Religions/Roman%20Catholicism/roman_catholicism_exposed.htm

//www.atruechurch.info/catholicism.html





Create Date : 04 ตุลาคม 2552
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 12:26:36 น.
Counter : 9042 Pageviews.

351 comment
จดหมายรักจากพ่อ A Heavenly Father's Love Letter






My Child,

ถึง ลูกที่รักของพ่อ

You may not know me, but I know everything about you. เจ้าอาจไม่รู้จักพ่อ แต่พ่อรู้จักเจ้าดี (Ps 139:1) I know when you sit down and when you rise up. พ่อรู้เมื่อเจ้านั่งลง และรู้เมื่อเจ้าลุกขึ้น (PS. 139:2) I am familiar with all your ways. พ่อคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของเจ้า (Ps. 139:3) Even the very hairs on your head are numbers. แม้แต่เส้นผมบนศีรษะของเจ้า พ่อก็นับไว้แล้วทุกเส้น (Mat. 10:29-31) For you made in my image. ด้วยเจ้าถูกสร้างขึ้นตามแบบรูปร่างของพ่อ (Gen. 1:27) In me you live and move and have your being. และเจ้าก็มีชีวิต และเคลื่อนไหวอยู่ในพ่อนี่เอง (Act. 17:28) (ด้วยว่า “เรามีชีวิตและเคลื่อนไหวอยู่ในพระองค์”) For you are my offspring. เพราะเจ้าเป็นเชื้อสายของพ่อ (Act. 17:28) I knew you even before you were conceived. พ่อรู้จักเจ้า ก่อนที่พ่อได้ก่อร่างสร้างตัวเจ้าที่ในครรภ์ และก่อนที่เจ้าจะคลอดจากครรภ์ พ่อก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้แล้ว (Jer. 1: 4-5) I chose you when I planned creation. เจ้าได้รับการกำหนดและรับการแต่งตั้งให้เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพ่อ (Ephesians 1:11-12) You were not a mistake, for all your days are written in my book. เจ้าเกิดมาไม่ใช่จากความผิดพลาด แต่วันทั้งหลาย ทุกๆวันของเจ้าก็ได้ถูกบันทึกไว้แล้วในสมุด ตั้งแต่เมื่อครั้งยังไม่เกิดวันนั้นขึ้นเลย (Ps. 139: 15-16) I determined the exact time of your birth and where you would live. พ่อได้กำหนดเวลาที่เจ้าเกิด และได้ไกำหนดเขตแดนให้เจ้าอยู่ (Act. 17:26) You are fearfully and wonderfully made.วิธีการที่พ่อได้สร้างเจ้านั้น น่าเกรงขามและอัศจรรย์ยิ่งนัก (Ps. 139:14) I knit you together in your mother’s womb. พ่อได้ปั้นส่วนภายในของเจ้า และทอเจ้าเข้าด้วยกันในครรภ์มารดาของเจ้า (Ps. 139:13) And brought forth on the day you were born. และพ่อก็ได้สอนเจ้าตั้งแต่เด็กๆมาจนกระทั้งบัดนี้ (Ps. 71:17-18) I have been misrepresented by those who don’t know me. เรื่องราวเกี่ยวพ่อนั้น ก็ถูกทำให้บิดเบือนไป จากผู้ที่ไม่รู้จักพ่อ (John 8:41-44) I am not distant and angry, but am the complete expression of love. พ่อไม่ได้อยู่ไกลหรือโกรธเจ้า แต่พ่อเป็นความรักที่บริบูรณ์ (1 John 4:7-21) And it is my desire to lavish my love on you. และดูเถิด.. พ่อได้ประทานความรักนั้นแก่เจ้า (1 John 3:1) Simply because you are my child and I am your father. ด้วยเจ้าจะได้ชื่อว่า”เป็นลูกของพ่อ” และพ่อก็ “เป็นพ่อของเจ้า” (1 John 3:1) I offer you more than your earthly father ever could. พ่อให้เจ้า ได้มากเกินกว่าที่พ่อบนโลกจะให้เจ้าได้ (Mat. 7:11) For I am the perfect father. ด้วยพ่อนั้น เป็นพ่อที่ดีรอบคอบที่ทรงสถิตย์อยู่ในสวรรค์ (Mat. 5:48) Every good gift that you receive comes from my hand. ของประทานอันดีทุกอย่างที่เจ้าได้รับนั้น มาจากน้ำมือของพ่อที่ส่งมาจากสวรรค์ (James 1:17) For I am your provider and I meet all your needs. ด้วยว่าพ่อ เป็นผู้ที่สามารถประทานทุกสิ่งให้ตามความต้องของเจ้า (Mat. 6:31-33) My plan for your future has always been filled with hope. พ่อรู้แผนงานที่พ่อมีไว้สำหรับเจ้า ซึ่งเป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า (Jeremiah 29:11) Because I love you with an everlasting love. ด้วยพ่อรักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นพ่อจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป (Jer. 31:3) My thought toward you are countless as the sand at seashore. ความคิดคำนึงที่พ่อมีต่อเจ้า นั้นนับไม่ถ้วนดังเม็ดทราย (Ps. 139:17-18) And I rejoice over you with singing. และพ่อก็รื่นเริงยินดีเมื่อเจ้าร้องเพลง (เศฟันยาห์ 3:17) I will never stop doing good to you. พ่อจะไม่มีวันหยุดที่จะทำดีต่อเจ้า (Jer. 32:40) For you are my treasured possession. ด้วยเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อ ที่พ่อได้เลือกสรรไว้แล้ว (Exodus อพยพ 19:5) I desire to establish you with all my heart and all my soul. พ่อปรารถนาที่จะทำดีต่อเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของพ่อ (Jer. 32:41) And I want to show you great and marvelous things. และพ่อต้องการที่จะบอกถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเจ้าไม่รู้นั้น ให้แก่เจ้า (Jer.33:3) If you seek me with all your heart, you will find me.ถ้าเจ้าแสวงหาพ่อด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า เจ้าก็จะพบพ่อ (Deuteronomy เฉลยธรรมบัญญัติ 4:29) Delight in me and I will give you the desires of your heart. จงปิติยินดีในพ่อเถิด แล้วพ่อจะประทานตามใจปรารถนาของเจ้า (Ps. 37:4) For it is who gave you those desires. เพราะว่าพ่อกระทำกิจอยู่ภายในของเจ้า ให้เจ้ามีใจปรารถนา ทั้งให้ประพฤติตามชอบใจของพ่อ (Philippians 2:13) I am able to do more for you than you could possibly imagine. พ่อสามารถกระทำสิ่งสารพัดมากยิ่งกว่า ที่เจ้าจะทูลขอหรือคิดได้ (Ephesians 3:20) For I am your greatest encourager. ด้วยพ่อ เป็นผู้ชูใจนิรันดร์ และเป็นความหวังอันดีแก่เจ้า (2 Thessalonians 2:16:17) I am also your father who comforts you with all your troubles. แล้วพ่อยังเป็นพ่อที่สามารถชูใจลูกในการทุกข์ยากทั้งสิ้นของลูกด้วย (2 Corinthians 1: 3-4) When you are brokenhearted, I am close to you. เมื่อจิตใจเจ้าฟกช้ำ พ่ออยู่ใกล้เจ้า (Ps.34:18) As a shepherd carries a lamp, I have carried you close to my heart. อย่างผู้เลี้ยงแกะอุ้มลูกแกะ พ่อก็อุ้มเจ้าไว้ที่อกที่ใกล้ๆหัวใจของพ่อ (Isa. 40:11) One day, I will wipe away every tear from your eyes. วันหนึ่ง พ่อจะเช็ดน้ำตาทุกๆ หยด จากตาของเจ้า (Rev. 21:3-4) And I’ll take away all the pain you have suffered on this earth. และพ่อจะล้างความเจ็บปวดทั้งสิ้นที่เจ้าเคยมีเมื่อครั้งที่เจ้าอยู่บนโลกนั้น ออกจากเจ้า (Rev. 21:3-4) I am your father, and I love you even as I love my son, Jesus. พ่อเป็นพ่อของเจ้า และพ่อก็รักเจ้า เฉกเช่นที่พ่อรักพระเยซูคริสต์พระบุตรของพ่อ (John 17:23) For in Jesus, my love for you is revealed. ด้วยความรักที่พ่อมีต่อพระเยซูคริสต์นั้น ความรักของพ่อก็ดำรงอยู่ในเจ้าเช่นกัน (John 17:26) He is the exact my representation of my being. ด้วยพระเยซูคริสต์พระบุตรของพ่อ ก็สะท้อนตัวพ่อ และมีสภาวะพิมพ์เดียวกันกับพ่อนั่นเอง (Hebrew 1:3) He came to demonstrate that I am for you, not against you. พระเยซูคริสต์ ได้มาเพื่อแสดงให้เห็นว่า พ่ออยู่ฝ่ายเจ้า และไม่ได้ต่อต้านเจ้า (Romans 8:31) And to tell you that I am not counting your sins. และ เพื่อจะบอกเจ้าว่า พ่อมิได้ถือโทษในการผิดของเจ้าเลย (2 Cor. 5:18-19) Jesus died, so that you and I could be reconciled. การที่พระเยซูคริสต์ได้สิ้นพระชนม์นั้น ก็เพื่อให้เจ้าและพ่อจะได้คืนดีกัน (2 Cor. 5:18-19) His death was the ultimate expression of my love for you. การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์นั้น ได้แสดงออกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่พ่อมีต่อเจ้า (1 John 4:10) I gave up everything I love that I might gain your love. พ่อยอมสูญเสียทุกสิ่งที่พ่อรัก เพื่อว่าพ่ออาจได้รับรักตอบจากเจ้า (พระองค์มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์ แต่ได้ทรงประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา…) (Romans 8: 32) If you receive the gift of my son Jesus, you receive me. ถ้าเจ้ารับพระบุตรของพ่อ เจ้าก็ได้รับพ่อด้วย (1 John 2:23) And nothing will ever separate you from my love again. และก็ จะไม่มีอะไรที่จะทำให้เจ้าถูกตัดขาดจากความรักของพ่อได้ (Romans 8:38-39)

Come home and I’ll throw the biggest party heaven has ever seen. กลับบ้านเถอะลูก…… พ่อจะจัดงานรื่นเริงยินดีอย่างยิ่งใหญ่ต้อนรับเจ้าในสวรรค์ (Luke 15:6-7 ….เมื่อมาถึงบ้านแล้ว จึงเชิญมิตรสหายและเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกัน พูดกับเขาว่า “จงเปรมปรีดิ์ดับข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าได้พบแกะของข้าพเจ้าที่หายไปนั้นแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่า เช่นนั้นแหละ จะมีความปรีดีในสวรรค์ เพราะคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่ มากกว่าเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ยอมกลับใจใหม่)


I have always been father, and will always be father. พ่อเป็นพระบิดา และยังคงเป็นพระบิดาของเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์(Ephesians 3:14-15) My question is, will you be my child? คำถามของพ่อ ก็คือว่า เจ้าจะเป็นบุตรของพ่อหรือไม่ (John 1:12-13) I am waiting for you. ขอให้เจ้ารู้เถิดว่า พ่อกำลังรอคอยเจ้าอยู่เสมอ (Luke 15:11-32)

LOVE, ด้วยความรักอันบริสุทธิ์จากพระบิดา
YOUR DAD.พ่อของเจ้า

Almighty God พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์







Create Date : 03 ตุลาคม 2552
Last Update : 14 ตุลาคม 2552 14:17:52 น.
Counter : 2991 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  

Narno7
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



โยบ 38 / Job 38


38:4 เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา

38:4 Where wast thou when I laid the foundations of the earth? declare, if thou hast understanding.

38:7 ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

38:7 When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy


"I am a spirit that live in a body and communicate and perceive the exterior world through my soul."

"This world is not my home. I am here on a mission. Not all of children of God have or will come on this earth but I was chosen. Not all who come fulfill their mission and purpose for being here. Through the Cross of Jesus, I enter into the Kingdom of God. And as a daughter of God, my mission is to bring Heaven to earth."

New Comments
All Blog