ยุคสุดท้าย......เพราะประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและโรคระบาดอย่างร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก........ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง เพราะความชั่วช้าจะแผ่ขยายออกไป แต่ผู้ที่ทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด For nation shall rise against nation, and kingdom against kingdom: and there shall be famines, and pestilences, and earthquakes, in divers places...... All these are the beginning of sorrows And because iniquity shall abound, the love of many shall wax cold..... But he that shall endure unto the end, the same shall be saved. มัทธิว/Matt 24:7,8,12,13
|
||||
การปฏิวัติโลกใหม่ New World Order
มิถุนายน 1979 มีชายคนหนึ่งใช้ชื่อปลอมว่า R. C. Christian ได้ว่าจ้างบริษัท Elberton Granite Finishing เพื่อสร้างอนุสรน์บางอย่างขึ้นในอุทยานแห่งชาติที่รัฐจอเจีย โดยให้ช่างแกะสลักศิลาขนาดใหญ่และวางเรียงตามภาพ และได้สลักข้อความ 10 ข้อเหมือนเป็นหมายหรือพันธสัญญาไว้บนศิลาแต่ละด้านด้วยภาษา 8 ภาษา คือ อังกฤษ สเปน ซวาฮีลี ฮินดู ฮิบรู อราบิค จีน และรัสเซีย ข้อความมีดังนี้คือ 1. Maintain humanity under 500,000,000 in perpetual balance with nature. ควบคุมปริมาณประชากรโลกไว้ที่ 500 ล้านคน เพื่อให้สมดุลย์กับธรรมชาติ 2. Guide reproduction wisely - improving fitness and diversity. คุมกำเนิด พัฒนาความสมบูรณ์ และ ให้มีความหลากหลาย(เชื้อชาติ) 3. Unite humanity with a living new language. ให้มนุษยชาติใช้ภาษาใหม่และภาษาเดียว 4. Rule passion - faith - tradition - and all things with tempered reason.ปกครองด้วยความเชื่อและศาสนาใหม่ 5. Protect people and nations with fair laws and just courts.ปกป้องคนและชาติด้วยกฏหมายที่เท่าเทียมและระบบศาล 6. Let all nations rule internally resolving external disputes in a world court. ให้ทุกประเทศปกครองตนเองและแก้ข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยศาลโลก 7. Avoid petty laws and useless officials. หลีกเลี่ยงกฏหมายที่จุกจิด และระบบราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ 8. Balance personal rights with social duties. สร้างสมดุลย์ระหว่างสิทธิส่วนบุคคลกับหน้าที่ทางสังคม 9. Prize truth - beauty - love - seeking harmony with the infinite. เชิดชู ความจริง ความงาม ความรัก และความลงตัวอย่างไม่สิ้นสุด 10. Be not a cancer on the earth - Leave room for nature - Leave room for nature. ไม่เป็นเหมือนเชื้อมะเร็งของโลก เผื่อที่ว่างให้กับธรรมชาติ เผื่อที่ว่างให้กับธรรมชาติ สรุปสาระสำคัญของแผนการปฏิวัติโลกคือ พวกเขาต้องการสร้างสวรรค์บนโลก เมืองในฝัน หรือ Eutopia (Utopia) โดย: 1. ลดจำนวนประชากรลงประมาณ 95% จากทั้งหมดที่มีอยู่ 6.3 พันล้านคนในปัจจุบัน 2. New World Government รัฐบาลเดียวปกครองโลก คือ U.N. หรือองค์การสหประชาชาติ 3. New World Currency ทั่วโลกใช้เงินสกุลเดียว โดย ผ่านการจักการของ IMF หลังจากการล่มสลายของเศรษฐกิจทั่วโลกและค่นล้มเงินที่เป็นเงินสำรองสกุลหลักของโลก หรือ US Dollar 4. New World Language ทั่วโลกใชัภาษาเดียวกัน (น่าจะเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาคอมพิวเตอร์- ผู้เรียบเรียง) 5. New World Religion & Spiritual มีศาสนาเดียวและศาสดาเดียวคือLuciferหรือลัทธิซาตาน มีชื่อใหม่คือ "New Age Religion" 6. New World Judge & Court System ระบบศาลโลก Christmas/Christ-Mass คริสมาสไม่ใช่....
คริสต์มาสเป็นเทศกาลที่มีการเฉลิมฉลองกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ต้นกำเนิดนั้นมาจากไหน? แม้ว่าผู้คนโดยทั่วไปจะเข้าใจว่ามีรากเหง้ามาจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้น แต่คำตอบสั้นๆคือไม่จริง! ถ้าพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ในพระคัมภีร์ไม่ได้เป็นผู้ที่บอกให้เราฉลองวันคริสต์มาส ก็แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร? แล้วซานตาคลอสล่ะ มาจากไหน? ได้มีการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสในสังคมของชาวตะวันตกที่ไม่นับถือพระเจ้าองค์จริง(พระยาห์เวห์)มานานมาก ตั้งแต่ก่อนการมาเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์เสียด้วยซ้ำ (Note: Pagan เป็นคำศัพท์ที่เรียกรวมๆทุกคนทุกชาติทุกภาษาที่ไม่เชื่อและไม่เคารพบูชาและไม่ได้นมัสการพระเจ้าองค์จริง แต่บูชาสิ่งอื่นหรือพระอื่นแทนพระเจ้า) เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นทางทิศเหนือและเคลื่อนไปอย่างช้าๆบนท้องฟ้า บรรดาชาวตะวันตกผู้ไม่ได้บูชาพระเจ้าหรือชาวPaganนั้น จะมีการฉลอง Winter Solstice (ช่วงเวลาที่หนาวที่สุด) โดยการเผาท่อนไม้ขนาดใหญ่ในกองไฟ (Yule log) และเนื่องจากดวงอาทิตย์ได้เปลี่ยนทิศทางของมันบนบนท้องฟ้า ชาว Pagan โบราณจึงมีความเชื่อว่านี่เป็นสัญญาณของการบูชามนุษย์ที่พระเจ้าของพวกเขาพอใจซึ่งได้ทำไปแล้วในช่วงวันฮาโลวี (Halloween) เทศกาลคริสต์มาสนั้นพบว่ามีรากฐานมาจากวัฒนธรรมและศาสนาของชาวโรมัน หลักฐานพบว่ามีการฉลองเทศกาลคริสต์มาสในวันที่ 25 ธันวาคมนั้นได้เริ่มมีขึ้นประมาณ 300+ ปีหลังจากพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ ซึ่งในการฉลองครั้งแรกนั้นเป็นการฉลองร่วมกับเทศกาล Saturnalia หรือการเลี้ยงฉลองเทพเจ้าแห่งการเกษตรของพวกเขา ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวพืชผลของชาวโรมันสมัยนั้นในช่วง Winter Solstice ซึ่งดวงอาทิตย์ได้หมุนกลับมา พร้อมทั้งเป็นการบูชาดาวเสาร์ซึ่งเป็นดวงดาวแห่งการหว่านของชาวนา การฉลอง Saturnalia เป็นเทศกาลการฉลองที่ทุกคนจะสนุกสุดเหวี่ยงแบบลามก มีความเชื่อกันว่า การฉลองคริสต์มาสนั้นได้เกิดขึ้นด้วยการเปลี่ยนความหมายของ การบูชาดวงอาทิตย์คือSun มาเป็นการบูชาพระบุตรของพระเจ้าซึ่งคือThe Son ซึ่งในเทศกาลนี้นั้น ชนทุกชั้นจะมีการแลกเปลี่ยนของขวัญและของขวัญที่ให้กันโดยทั่วไปก็คือเทียนปลายแหลมที่ใช้จุดไฟ และตุ๊กตาดินเหนี่ยว ซึ่งตุ๊กตานี้ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนการมนุษย์เพื่อบูชาพระเจ้าของเขาที่มีการทำกันมาตั้งแต่โบราณ อย่างไรก็ตามจากข้อเขียนทางบทความที่พบใน The Catholic Encyclopedia ในหัวข้อ Christmas นั้น พบว่าคริสตจักรในยุคเริ่มต้น จริงๆแล้วนั้นพวกเขาไม่ได้มีการฉลองวันคริสต์มาสเลย Irenaeus และ Tertullian ซึ่งเป็นผู้นำคริสตจักรโรมันในยุคแรกนั้นไม่ได้เอาด้วยกับเรื่องนี้ และตามการบันทึกในพระคัมภีร์เองในเรื่องการประสูติของพระเยซูนั้น ก็ไม่พบว่าพระองค์ประสูติในช่วงฤดูหนาวเลย จากลูกาบทที่ 2 จะพบว่า ผู้เลี้ยงแกะยังเฝ้าฝูงแกะอยู่ในทุ่งหญ้า ซึ่งถ้าช่วงนั้นเป็นเดือนธันวาคมที่หนาวเหน็บที่สุดแล้วพวกเขาก็คงอยู่กลางทุ่งกันไม่ได้อย่างแน่นอน แล้วทั้งโยเซฟ นางมารีย์และพระเยซูที่เพิ่งประสูติออกมาก็อยู่กันในคอกสัตว์ ถ้าเป็นวันที่หนาวเหน็บหนาวจริงๆแล้ว พวกเขาก็คงอยู่กันอย่างนั้นไม่ได้ด้วย เป็นที่รู้กันว่าชาวโรมันในยุคของจักรพรรดิ์ Aurelian (270 BC -5 AD) มีการฉลองเทศกาล Natalis Invicti ในวันที่ 25 ธันวาคม กันอย่างครึกครื้น ซึ่งเป็นการบูชาพระอาทิตย์หรือพระบาอัลที่สืบทอดกันมาจากทางซีเรีย (Syrian sun-god Baal ไม่มีการบันทึกใดๆในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลทั้งในพระคัมถีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ ที่ระบุว่ามีการฉลองวันคริสต์มาสเลย!!! ไม่มีแม้แต่การบอกเป็นนัยๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือแม้แต่การบอกใบ้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยก็ไม่มีเลย!! เมื่อดูธรรมเนียมแบบอย่างของคริสต์มาส(แบบตะวันตก) ก็เป็นการตกแต่งด้วยต้นสน Evergreenด้วยกล่องของขวัญ รูปดาว ไฟระยิบระยับ พวงหรีดที่หน้าประตูบ้านหรืออาคารต่างๆ พระเจ้าได้เตือนเรื่องนี้ไว้แล้ว... พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า "อย่าเรียนรู้วิถีทางแห่งบรรดาประชาชาติ....เพราะธรรมเนียมของชนชาติทั้งหลายก็ไร้สาระ เขาตัดต้นไม้มาจากป่าต้นหนึ่ง เป็นสิ่งที่มือช่างได้กระทำด้วยขวาน เขาทั้งหลายก็เอาเงินและทองมาประดับ เขาตอกไว้แน่นด้วยค้อนและตะปู มันก็เคลื่อนไหวไปมาไม่ได้ เยเรมีย์ 10:2,3-4 ซึ่งก็หมายถึงต้นคริสต์มาสนั่นเอง โดยความเชื่อของชาว Paganนั้น มีการเล่าที่มาของเรื่องนี้แตกต่างกันไป เช่น ในบางที่มาก็ว่า Mithras, the sun-god หรือเทพเจ้าแห่งแสงสว่างนั้นได้ถือกำเนิดอย่างบริสุทธิ์ในถ้ำ ในวันที่ 25 ธันวาคม และการนมัสการพระอาทิตย์ในวันอาทิตย์ซึ่งเชื่อว่าเป็นวันแห่งชัยชนะของพระอาทิตย์ ผู้เชื่อในพระอาทิตย์นั้นเชื่อว่าพระอาทิตย์คือพระผู้ไถ่ของเขาผู้ซึ่งเป็นคู่ปรับกับพระเยซูคริสต์ในด้านความนิยม เขายังเชื่อว่าพระอาทิตย์นั้นได้ตายแล้วและเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งและได้มาเป็นผู้ถือสารหรือผู้สื่อสารของพระเจ้า เป็นตัวกลางระหว่างพระเจ้าแห่งแสงสว่างกับมนุษย์(เกือบจะถอดแบบพระเยซูคริสต์มาเลยล่ะ) และเป็นผู้นำในการต่อสู้กับซาตาน(ซึ่งจริงๆแล้วตัวพระอาทิตย์นี่แหละคือซาตานหรือลูซีเฟอร์(Lucifer)ในอีกรูปหนึ่ง) แล้ววันที่ 25ธันวาคมได้กลายมาเป็นวันเกิดพระเยซูได้อย่างไร? จากการบันทึกประวัติศาสตร์ เชื่อว่ามีการเริ่มฉลองคริสต์มาสจริงๆประมาณ 300+ ปีหลังจากที่พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว ส่วนเรื่องวันที่มีการเฉลิมฉลองนั้นก็ได้เหมารวมเข้าไปในวันฉลองของชาวPagan ที่เขาฉลองในเทศกาลบูชาพระอาทิตย์ของเขานั่นเอง ซึ่งก็คือวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี เขาได้เอาพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกมาเล่นเป็นตุ๊กตาไปซะแล้ว เขาพยายามลดความสำคัญของพระเยซูโดยเอาพระองค์มารวมๆเข้าไว้ในกลุ่มพระต่างๆที่พวกเขากราบไหว้ ซึ่งคริสเตียนบางคนคิดว่าเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าเพราะเป็นการร่วมกันฉลองวันเกิดให้พระองค์ แต่ความจริงแล้วสิ่งนี้กลับเป็นการหมิ่นประมาทพระเจ้าอย่างรุนแรง its Blasphemy!!!! และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือพระเจ้าไม่เคยยกย่องวันเกิดเลย ดังที่ได้ทรงตรัสไว้ใน ปัญญาจารย์ 7:1 "ชื่อเสียงดีก็ประเสริฐกว่าน้ำมันหอมอย่างวิเศษ และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด" ส่วนชื่อ Christmas ได้นำมาใช้ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาตั้งแต่ยุคกลางของคริสตจักโรมันคาทอลิค โดยในยุคนั้น ชาวคริสตจักรโรมันคาทอลิคได้มาร่วมกัน (Mass) ที่โบสถ์เพื่อทำพิธีทางศาสนาในคืนก่อน(eve) วันที่ 25 ธันวาคม ในช่วงรุ่งอรุณ และในช่วงเวลาเช้าของวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี จึงมีคำว่า Christ-Mass ที่ผันมาเป็น Christmas ในที่สุด จากพระคัมภีร์: หลังน้ำท่วมโลก โนอาห์และลูกๆของเขารอดชีวิต ซึ่งได้แก่ เชม ฮาม และยาเฟท ต่อมาฮามเป็นบิดาของคูท และคูทเป็นบิดาของนิมโรด อับราฮัมเป็นรุ่นที่ 10 จากโนอาห์ เป็นบุตรของเทราห์ ทางเชื้อสายของเชม เมื่อสืบค้นกลับไปจากข้อเขียนทางประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งที่เกี่ยวข้องกับ Christ-mass นั้น ได้พบหลักฐานว่าพิธีกรรมต่างๆที่ทำกันอยู่นั้นได้สืบเนื่องมาจากพิธีกรรมทางศาสนา(False Religion)ที่ถูกริเริ่มโดยนิมโรด Nimrod (ชื่อของเขาพบในปฐมกาล 10:8) ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของมหานครบาบิโลนในครั้งโบราณกาล ซึ่งนิมโรดคือชายคนแรกที่รักการบูชารูปเคารพเป็นชีวิตจิตใจ และจากหลักฐานงานเขียนของชาวยิวและอิสลามนั้นพบว่า นิมโรดเองก็เป็นคู่ปรับกับอับราฮัม ด้วยว่าอับราฮัมเกลียดรูปเคารพ นิมโรดซึ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งและทรงอิทธิพลมากจึงส่งผลให้ผู้คนในกรุงนั้นที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขาทำตามเขาทุกอย่าง เขาและบิดาของเขาคือคูทเป็นผู้ริเริ่มรวบรวมผู้คนในการก่อสร้างหอบาเบลเพื่อต้องการไปให้ถึงสวรรค์เพื่อต้องการเทียบเคียงพระเจ้าผู้สร้าง แต่ทำไม่สำเร็จเพราะพระเจ้าเห็นว่าพวกเขากำลังก่อการกบฎ จึงทำให้พวกเขาแตกภาษากระจัดกระจายไป (ปฐมกาล 11:5-9) จากการสร้างหอบาเบลนี่เอง นิมโรดจึงถูกนับถือจากคนกลุ่มฟรีเมซั่นว่าเป็นต้นกำเนิดของฟรีเมซั่น(Freemasonry Foundation) และนิมโรดนั่นเองที่เป็นผู้เริ่มก่อกบฎต่อพระเจ้าเป็นคนแรก และยังได้ชักชวนให้ผู้คนในยุคนั้นเริ่มนับถือตนเองแทนการเคารพยำเกรงพระเจ้าพระผู้สร้าง เขาเป็นคนที่มีกำลังมากเป็นนักล่าสัตว์ที่เก่งกาจ และเป็นผู้แรกที่ปลุกระดมการทำสงครามในมนุษย์และล่าอาณานิคมในยุคนั้น จากการที่หอบาเบลสร้างไม่สำเร็จเพราะพระเจ้าไม่พอใจนั้น ต่อมาคูทผู้เป็นพ่อของนิมโรดได้ฆ่าตัวตายด้วยความอับอาย จากงานเขียนบันทึกหลักฐานทางประวัติศาตร์พบว่า นางเซมิรามิสซึ่งภรรยาของคูทนั้นเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ซึ่งเมื่อคูทตายไปเธอก็เอาลูกคือนิมโรดมาเป็นสามีของเธอ เธอจึงได้ตำแหน่งเป็นราชินีแห่งบาบิโลน ซึ่งต่อมานิมโรดได้ตายไปจากการถูกสับเป็นชิ้นๆโดยเชมซึ่งลูกคนหนึ่งของโนอาห์ และมีศักดิ์เป็นลุงของนิมโรดที่ทนเห็นความเลวร้ายของเขาไม่ไหว จึงนำพวกมาลอบสังหารเขาเสีย ต่อมานางเซมิรามิสได้ตั้งครรภ์ซึ่งเธออ้างวว่าการตั้งครรภ์ของเธอเกิดขึ้นโดยความบริสุทธิ์ ซึ่งมาจากวิญญาณ(Spirit) ทำให้เธอตั้งครรภ์ เพราะเธออ้างว่าไม่ได้นอนร่วมกับใคร และเธอได้คลอดลูกออกมาชื่อว่า ทัมมุส (Tammuz) ซึ่งเกิดในช่วงฤดูหนาว Winter Solstice ประมาณวันที่ 25 ธันวาคม และเพื่อให้ดูศักดิ์สิทธิ์และเป็นการให้เกียรติแก่นิมโรด เธอจึงประกาศแก่ผู้คนทั้วไปในบาบิโลนซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเธอว่า นิมโรดนั้นไม่ได้ตายไปเลย แต่ได้กลับมาเกิดใหม่(reincarnate)อย่างบริสุทธิ์เป็นทัมมุสบุตรของเธอ และเธอก็ตั้งตนเองขึ้นเป็นแม่ของผู้บริสุทธิ์หรือเทวีแห่งสวรรค์ (Queen of Heaven) ซึ่งได้กลายมาเป็นเทพเจ้าอีกองค์หนึ่งของชาวบาบิโลน ในพระคัมภีร์ก็มีบันทึกเกี่ยวกับนางว่า พวกเด็กๆก็เก็บฟืน พวกพ่อก็ก่อไฟ พวกผู้หญิงก็นวดแป้ง เพื่อทำขนมถวายแก่เจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์ และเขาเทเครื่องดื่มบูชาถวายแก่พระอื่นๆ เพื่อยั่วยุให้เราโกรธ" เยเรมีย์ 7:18 (และยังพบอีกในเยเรมีย์ 44:17-19 และ 25) ทัมมุสเองนั้นกลายมาเป็นพระเจ้าของชาวบาบิโลนหรือ sun-god ซึ่งต้นคริสต์มาส และ Yule log ได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการฉลองวันเกิดของพระทัมมุสและต่อมาจึงกลายมาเป็นเทศกาลประจำปีของชาวบาบิโลน พระคัมภีร์กล่าวถึงทัมมุส ..และดูเถิด ที่นั่นมีผู้หญิงหลายคนนั่งร้องไห้อาลัยเจ้าพ่อทัมมุส (เอเสเคียล 8:14) ในนิทานปรัมปราของชาวบาบิโลนในยุคหลังจากนิมโรดตายไปนั้น ได้กล่าวถึงนิมโรดว่าเขาได้รับการนมัสการและบูชา และถูกเรียกชื่อแตกต่างกันไปเช่น พระบาอัล (Baal/the Lord Marduk), Mithras, Ahura, Mazda, Gott, Aton, and Dagon, etc. ชาวคริสเตียนถูกวัฒนธรรมของเทศกาลเหล่านี้สอดแทรกเข้าอย่างกลมกลืน ซึ่งเป็นการผสมสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนน่ารังเกียจในสายพระเนตรพระเจ้า (Abomination) เข้ามาอย่างแนบเนียนจนคนส่วนใหญ่ที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียน ทั้งหลายที่ไม่ได้ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของคำสอนจากบรรดาผู้สอนทั้งหลาย เอาแต่เชื่อและก็ทำตามๆเขาไปนั้น ก็ทำไปโดยไม่รู้ตัวว่าตนเองนมัสการผิดองค์ซะแล้ว!!! จากข้อมูลโดย Doc Marquis ซึ่งเดิมนั้นเขาเป็นสมาชิกในกลุ่มIlluminati (เป็นอีกกลุ่มสมาคมลับหนึ่งจากหลายๆกลุ่มที่นับถือลัทธิบูชาซาตาน) ตามสายเลือด ซึ่งเขาเป็นสืบต่อมามาในครอบครัวที่อยู่ใน Illuminati ถึง 7 generation แล้ว เขาได้ออกมาและได้มาเชื่อในพระเยซูคริสต์ จึงได้เอาข้อมูลความเชื่อของพวกลัทธิซาตานมาเปิดเผยดังนี้ . 1. Christmas Tree ต้นEvergreen เป็นต้นไม้ที่จะเขียวตลอดแม้ช่วงที่หิมะตกหนักต้นไม้ชนิดอื่นจะผลัดใบเหลือแต่กิ่ง แต่ต้นไม้ชนิดนี้ยังคงความเขียวอย่างไม่สะทกสะท้านต่อความหนาวเย็นของอากาศ ซึ่งแสดงถึงการไม่ตาย เขาถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าฤดูหนาว ชาวDruid ซึ่งเป็นพวกพ่อมดหมอผีเชื่อว่าพระเจ้าของพวกเขาอาศัยอยู่ในต้นไม้นั้น ผู้คนในยุคโบราณรู้กันดีว่า ต้นไม้นี้แสดงถึงการที่นิมโรดได้เกิดใหม่มาเป็นพระทัมมุส ชาวPagan ยังมองต้นไม้นี้ที่ตั้งตรงอยู่นั้นว่าเป็นสัญลักษณ์แทนอวัยวะเพศชายด้วย 2. Star หรือดาว Pentalpha ที่ใช้ประดับที่ยอดของต้นคริสต์มาสซึ่งเป็นดาว 5 แฉกนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอำนาจของซาตาน ซึ่งสำคัญรองลงมาจากรูป 6 แฉก(Hexagram) รูปดาวนี้แสดงถึงการบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีต่อนิมโรด ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคริสเตียนเลย 3. Candles เทียน แสดงถึงพระอาทิตย์และการเกิดใหม่ของไฟที่ลุกอยู่ตลอดเวลา ชาวPagan ทั่วโลกชอบใช้เทียนในพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งเทียนแต่ละสีนั้นก็แสดงถึงอำนาจที่ต่างกันอย่างเฉพาะเจาะจง 4. ต้นไม้ Mistletoe เป็นไม้จำพวกกาฝาก พวกพ่อมดถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และการขยายเผ่าพันธุ์ ดังนั้นการจูบกันใต้ต้น Mistletoe นี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี พวกแม่มดยังใช้พืชชนิดมาสกัดเพื่อทำยาเสน่ห์และยาพิษด้วย 5. Wreath หรือพวงหรีด เป็นวงกลมใช้เป็นสัญลักษณ์แทนอวัยวะเพศของหญิง พวงหรีดนี้ใช้เป็นสื่อแสดงถึงการเจริญพันธุ์และวงวียนของชีวิตที่มีการกลับมาเกิดใหม่นั่นเอง 6. Santa Claus ซานต้ามาจากคำว่า ซาตาน Santa = Satan 7. Reindeer กวางเรนเดียร์ มีเขาแสดงถึง Horned-god หรือ stag-god พระเจ้าในศาสนาของชาวPagan ซึ่งซานต้านั้นจะมีกวาง 8 ตัว ในพวกลัทธิซาตานนั้น เลข 8 แทนการเริ่มต้นใหม่ หรือเป็นวงจรการมาเกิดใหม่ ในกลุ่ม Illuminati (อิลูมินาติ) นั้นใช้เลข 8 เป็นสัญลักษณ์ของ โลกใหม่ หรือ New World Order 8. Elves ตุ๊กตาเล็กๆหรือปีศาจน้อย คือผู้ช่วยของซาตาน ซึ่งก็คือพวกวิญญาณชั่วหรือผี(demons)นั่นเอง 9. Green and Red สีเขียวและสีแดงที่ใช้ในเทศกาลคริสต์มาสนั้น สีเขียวเป็นสีโปรดของซาตาน สีแดงหมายถึงเลือดของมนุษย์ซึ่งแสดงถึงการบวงสรวงสังเวยที่ทำเพื่อบูชาซาตาน ด้วยเหตุผลนี้นี่เองที่กลุ่มลัทธิคอมมิวนิสต์ใช้สีแดงเป็นหลักในสีประจำชาติ หรือเป็นสีของธงชาติ 10. December 25 แสดงถึงการเกิดของพระอาทิตย์ของพวกเขา เป็นวันเกิดของพระทัมมุส ซึ่งเป็นการกลับมาเกิดใหม่ของพระอาทิตย์ ตามธรรมเนียมเดิมนั้นวันที่ 21 ธันวาคมเป็นช่วงคริสต์มาสของชาวโรมันคาทอลิค แต่ต่อมาภายหลังคริสต์จักรโรมันคาทอลิคได้เปลี่ยนมาเป็นวันที่ 25 ธันวาคม อย่างเป็นทางการ 11. December 25 ยังเป็นที่รู้กันในชาวโรมันกันดีว่าเป็นเทศกาลฉลองการเก็บเกี่ยวหรือ Saturnalia ซึ่งเป็นเวลาของการตั้งใจที่จะปล่อยตัวสำมะเลเทเมากันอย่างสุดเหวี่ยง ทั้งเรื่องการดื่มสุราเมามายและการร่วมประเวณีกันอย่างเสื่อมทราม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของต้น Mistletoe นั่นเอง และสุดท้ายจบลงด้วยงานเลี้ยงสังสรรค์ Christmas Dinner 12. ชื่อ Christmas เป็นชื่อของPaganโดยสิ้นเชิง โดย Christi = Christ ในขณะที่ mas มาจาก Mass สืบเนื่องจากศาสนานอกรีตทั้งหมด Masses เป็นคำพูดที่แสดงถึง Death หรือความตาย เพราะฉะนั้นชื่อ Christmas จึงมีความหมายตามตัวอักษรว่า death of Christ หรือความหมายของคริสต์มาสจริงนั้น วันตายของพระผู้ไถ่ ไม่ใช่หมายถึงการเกิดของพระเยซูคริสต์เหมือนอย่างที่ชาวคริสต์ทั่วไปเข้าใจกันมา และที่สำคัญคือ Christ ของพวกเขาคือ Lucifer หรือซาตานซึ่งเขาเชื่อว่าchrist ของพวกเขาได้ตายไปและมาเกิดใหม่เป็น Jesus ซึ่งหมายถึงคนละ Jesus ซึ่งไม่ใช่พระบุตรของพระเจ้าหรือพระเยซูคริสต์ที่ชาวคริสต์แท้เชื่อในพระนามของพระองค์ว่าเป็นพระผู้ไถ่ ทั้งหมดนี้เป็นมาจากผลของการทำงานอันแยบยลของ Satan/Fallen Angel/Lucifer/Horus/Mystery of Babylon the great/the best/หมายเลข 666/งูโบราณ/พญานาค/พ่อของการโกหก/ /ปฏิปักษ์พระคริสต์ ที่กล่าวถึงในหนังสือวิวรณ์ บทที่ 13 ที่ได้พยายามล่อลวงมนุษย์มาตั้งแต่โบราณและมันก็ทำได้สำเร็จด้วย แล้วก็ทำให้ผู้ที่คิดว่าตนเองมาถูกทางแล้วต้องถูกล่อลวงซ้ำอีกซึ่งได้เทียมแอกกับผู้ไม่เชื่อโดยไม่รู้ตัว!! ตื่น ตื่น ตื่น ตื่นได้แล้ว!!! พระคัมภีร์พูดถึงซาตานว่า..มันมีอำนาจเหนือชนทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกประชาชาติ...และบรรดาคนที่อยู่ในแผ่นดินโลกจะบูชาสัตว์ร้ายนั้น คือคนทั้งปวงที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก ผู้ทรงถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกทรงสร้างโลก...ใครมีหูก็ให้ฟังเอาเถิด วิวรณ์ 13:7-10 Thai KJV พระเจ้าได้เตือนบรรดาลูกของพระองค์ไว้แล้ว... ...ชนชาติของเรา จงออกมาจากนครนั้นเถิด เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่มีส่วนในการบาปของนครนั้น และเพื่อท่านจะไม่ต้องรับภัยพิบัติที่จะเกิดแก่นครนั้น...วิวรณ์ 18:4 Thai KJV พระเยซูตรัสว่าพระองค์ได้ปล่อยลูกแกะของพระองค์ไปทั่วทุกทิศ...และ เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี และเรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา เหมือนพระบิดาทรงรู้จักเรา เราก็รู้จักพระบิดาด้วย และชีวิตของเรา เราสละเพื่อฝูงแกะ แกะอื่นซึ่งมิได้เป็นของคอกนี้เราก็มีอยู่ แกะเหล่านั้นเราก็ต้องพามาด้วย และแกะเหล่านั้นจะฟังเสียงของเรา แล้วจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียวยอห์น 10:14-16 Thai KJV เปาโลเตือนพี่น้องผู้ร่วมในความเชื่อไว้ว่า ท่านอย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความอธรรม และความสว่างจะเข้าสนิทกับความมืดได้อย่างไร พระคริสต์กับเบลีอัล(Baal)จะลงรอยกันอย่างไรได้ หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพได้ เพราะว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า `เราจะอยู่ในเขาทั้งหลาย และจะดำเนินในหมู่พวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชาชนของเรา' องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า `เหตุฉะนั้นเจ้าจงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าทั้งหลาย เราจะเป็นบิดาของพวกเจ้าและพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรสาวของเรา' องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น 2โครินทร์ 6:14-18 Thai KJV ขอทุกท่านที่แสวงหาพระเจ้าองค์เที่ยงแท้นั้นอย่างสุดหัวใจของท่าน จะได้ขอกำลังและฤทธิ์เดชจากองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อพระองค์จะทรงนำท่านกระทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและทำตามน้ำพระทัยขององค์พระบิดาจริงๆ เพื่อท่านจะได้ดำรงอยู่ในเส้นทางอันชอบธรรมของพระองค์ตลอดไป เพราะเมื่อท่านได้ผ่านประตูที่คับทางพระเยซูมาได้แล้วนั้น ท่านจะได้ผ่านทางที่แคบนั้นได้ด้วยฤทธิ์เดชและกำลังในพระองค์ และในวันนั้นที่พระองค์ผู้ที่นั่งบนบัลลังค์สีขาวแห่งการพิพากษาจะทรงจำท่านได้จริงๆและจะได้ไม่กล่าวกับท่านว่า เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นจากเรา' (มัทธิว 7:23) ขอพระเจ้าช่วยทุกท่านด้วยเถิดเจ้าข้า...ขอสรรเสริญพระองค์ผู้สูงสุด องค์จอมกษัตริย์ พระผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ฮาเลลูยา...!!! "ในเรื่องนี้ประชากรของพระเจ้าจะต้องปฏิบัติด้วยความอดทน คือการถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และคงความสัตย์ซื่อต่อพระเยซูคริสต์" วิวรณ์ 14:12 (แปลภาษาจากพระคัมภีร์ต้นฉบับภาษาอังกฤษให้เข้าใจง่ายขึ้น-ผู้เขียน) และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงจากสวรรค์สั่งข้าพเจ้าว่า "จงเขียนไว้เถิดว่า ตั้งแต่นี้สืบไปคนทั้งหลายที่ตายในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสุข" และพระวิญญาณตรัสว่า "จริงอย่างนั้น เพื่อเขาจะได้หยุดพักจากความเหนื่อยยากของเขา และ การงานที่เขาได้กระทำจะติดตามเขาไป" วิวรณ์14:13 กองทหารลึกลับกับปฏิบัติการยึดครองโลก
เยซูอิตได้อำนาจในการควบคุมวาติกัน หรือคริสตจักรโรมันคาทอลิค ตั้งแต่ปี 1814 รวมทั้งครอบครองและควบคุมระบบการเงินการธนาคารของโลก ระบบการทหารของทั้งยุโรปและอเมริกา Knights of Malta หน่วยงานต่างๆเช่น United Nations, NATO, European Commission, Council on Foreign Relations(CFR), ธนาคารใหญ่ๆ ทั่วโลก บริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลก กลุ่มบุคคลที่บูชาซาตานเช่น ฟรีเมสัน และสมาคมลับต่างๆที่กำลังก่อการปฏิวัติโลกก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเยซูอิตทั้งหมด บรรดาพระของเยซูอิต (ทั้ง White and Black Pope) ได้บ่อนทำลายความดีงามที่มีมาตั้งแต่ยุคแรกของชาวคริสต์โดยสิ้นเชิง เป้าหมายของเยซูอิตคือทำให้คุณลักษณะของชาวคริสต์วิปริตวิปลาส และต้องการนำไปสู่ระบบทาส ทั้งหมดเพียงเพื่อนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรื่องของกลุ่มของตนเท่านั้น - Thomas Jefferson "The Superior General of the Society of Jesus" หรือ "ตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของคณะเยซูอิต" ซึ่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารลับของโรมันคาทอลิค คนแรกที่เริ่มก่อตั้งคือ Saint Ignatius of Loyola ชาวเมือง Azpeitia, Spain และ 2 คนล่าสุดคือ เยซูอิตระดับGeneralขึ้นไป รวมทั้งผู้นำระดับโลกหลายคน จะทำพิธีขอพลังอำนาจจากซาตาน เรียกพิธีนี้ว่า ""Black Mass" พิธีกรรมที่น่าเกลียดเหล่านี้ พวกเยซูอิตระดับล่างหรือมดงานนั้นส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องเลย เช่นเดียวกับฟรีเมสันระดับ30ดีกรีขึ้นไปก็ทำเช่นเดียวกัน และฟรีเมสันระดับต่ำกว่านั้นลงมาก็จะมองเห็นแต่ภาพดีๆของสมาคมที่ตนสังกัดอยู่ พวกเขาทำสิ่งที่ดีให้ชาวโลกเห็น พวกเขาไม่รู้หรอกว่าระดับสูงๆกว่าพวกเขากำลังทำอะไร พวกระดับล่างส่วนใหญ่ก็ถูกหลอกใช้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการทำงานของกระบวนการลับเหล่านี้ ซึ่งมีรูปแบบคือ 1). สร้างปัญหาอย่างลับๆ 2). ชี้ให้มวลชนเห็นปัญหา 3). เสนอแนวทางแก้ไข (ระดับล่างส่วนใหญ่จะอยู่ในจุดนี้ คืออยู่ในส่วนช่วยเหลือสังคม เช่น คณะเยซูอิตไทย) ข้อมูลเพิ่มเติม: //www.jceao.net/content/visit-myanmarese-and-thai-scholastics-yogya บางส่วนของผลงานที่มีเยซูอิตอยู่เบื้องหลัง ข้อมูลเพิ่มเติม //wikicompany.org/wiki/911:Vatican_&_Jesuits //z10.invisionfree.com/The_Unhived_Mind_II/index.php?showtopic=24 เปิดโปงปฏิบัติการลับยึดครองโลก โดยคริสตจักรโรมันคาทอลิค
ศาสนาเทียมเท็จผู้อยู่เบื้องหลังสมาคมสุดลึกกับปฏิบัติการลับยึดครองโลก โรมันคาทอลิคมีศูนย์กลางอยู่นครวาติกัน ซึ่งเป็นศาสนาเทียมเท็จอีกศาสนาหนึ่งที่มีท่ามกลางบรรดาศาสนาต่างๆที่มีอยู่ในโลก แต่ที่แย่มากก็คือศาสนาคาทอลิคได้แอบอ้างชื่อของพระเจ้าหรือพระเยซูคริสต์เพื่อสร้างอำนาจและสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง(กลุ่มของพวกผู้นำ)และล่อลวงคนทั้งโลก โดยหลักคำสอนของคาทอลิคนั้นได้บิดเบือนไปจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่างสิ้นเชิง ช่างเป็นเกียรติยิ่งที่เราๆ ได้มาเกิดในยุคนี้ที่เป็นยุคสุดท้ายของประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ เพราะว่าพระเจ้าพระเยซูคริสต์ได้พยากรณ์ถึงยุคนี้ไว้ไว้ล่วงหน้ากว่า 2000 ปีมาแล้วว่า... "ระวัง!! อย่าให้ใครมาล่อลวงท่าน เพราะหลายคนจะมาในนามของเราและกล่าวอ้างว่า 'เราเป็นพระคริสต์' และล่อลวงคนเป็นอันมาก" มัทธิว 24:4-5 "พระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จจะปรากฏขึ้นและแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เพื่อลวงแม้กระทั่งผู้ที่ทรงเลือกไว้ ถ้าเป็นได้" มัทธิว 24:24 คาทอลิคเป็นศาสนานอกรีตที่ตกทอดมาจากนิมโรดตั้งแต่สมัยมหานครบาบิลอนโบราณ พระเจ้าหรือChrist ที่แท้จริงของชาวคาทอลิคคือซาตานหรือลูซีเฟอร์ ซึ่งในปัจจุบันพวกเขายังคงยึดถือเป้าหมายดั้งเดิมคือต้องการครองโลกและต้องการเทียบเท่ากับพระเจ้า(Yahowah) อย่างไรก็ตาม บรรดาสมาชิกที่ไปนมัสการพระเจ้าที่คริสตจักรคาทอลิค หรือ คริสตจักรวันอาทิตย์ต่างๆซึ่งทำตามๆกันมาโดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ ก็ไม่ทราบเรื่องราวเหล่านี้ พวกเขาเองคิดว่าเขาไปนมัสการพระเจ้าพระเยซูคริสต์ แต่แท้จริงพระเจ้าได้เลือกวันเสาร์เป็นวันของพระองค์ ศาสนาคาทอลิคได้มาเปลี่ยนกฎเกณฑ์ต่างๆที่มีมาแต่ดั้งเดิมของพระเจ้าในภายหลัง รวมทั้งการเปลี่ยนวันนมัสการจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นการนมัสการพระอาทิตย์หรือซาตานนั่นเอง และด้วยอำนาจที่มีอย่างท่วมท้นของคริสตจักรโรมันคาทอลิคจึงมีอิทธิพลส่งผลให้มีการปฏิบัติกันทั่วโลก คริสตจักรโรมันคาทอลิค มีประมุข 2 คน 1. Black Pope หรืออีกชื่อตำแหน่งหนึ่งคือ Superior General of The Society of Jesus (ผู้บัญชาการสูงสุงของเยซูอิต)คนปัจจุบันคือ Adolfo Nicolas แต่งตั้งเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2008 คนทั่วไปไม่ทราบว่ามีตำแหน่งนี้(ดูรายละเอียดในตอนต่อไป) 2. White Pope คนปัจจุบันชื่อ Joseph Alois Ratzinger โดยทั่วไปเป็นที่รู้จักดีในนาม "Pope Benedict XVI" โป๊ปเบเนดิกท์ที่ 16 White Pope ไวท์โป๊ปคือภาพที่ขาวสะอาดที่ออกสู่สายตาชาวโลก ผู้คนเกือบทั้งโลกให้ความเคารพยำเกรง แต่แท้จริงเขาคือสัตว์ร้าย (the beast) พระคัมภีร์วิวรณ์บทที่ 13 ที่กล่าวไว้ว่า "...3.ทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายนั้นด้วยความอัศจรรย์ใจ....7-8. มันได้รับสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกหมู่ชน ทุกภาษาและทุกชนชาติ ชาวโลกทั้งมวลจะกราบนมัสการสัตว์ร้ายนั้น คือคนทั้งปวงที่ไม่ได้มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก..." วิวรณ์ 17 "3...สัตว์นี้มีชื่อเป็นคำหมิ่นประมาทพระเจ้า..4.หญิงนั้นนุ่งห่มผ้าสีม่วงและสีแดงเข้ม ตัวนางแพรวพราวไปด้วยเครื่องทอง เพชรนิลจินดาและไข่มุก นางถือถ้วยทองคำ" ชื่อตำแหน่งของโวท์โป๊ปนั้น แบล๊คโป๊ปเป็นผู้ตั้งให้ คือ "VICARIUS FILII DEI" เป็นภาษาลาติน แปลว่า "Vicar of Son of God" หรือ"ตัวแทนของพระบุตรพระเจ้า" ซึ่งพระเจ้าไม่มีตัวแทนบนโลก เพราะพระองค์เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ ชื่อของตำแหน่งของโป๊ปนั้นได้ขยายความใน วิวรณ์13:18 "ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญา ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรองเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก (666)" เลขของบุคคลนั้นได้มาจากการนับเลขที่ใช้แทนพยัญชนะแต่ละตัว ในภาษาโรมัน เช่น I = 1, V = 5, X = 10 ส่วนพยัญชนะตัวใดไม่มีค่าก็ = 0 สำหรับ VICARIUS FILII DEI นับได้ดังนี้ วิวรณ์ 17:2 "บรรดากษัตริย์ทั่วโลกล่วงประเวณีกับนาง และชาวโลกทั้งหลายก็มัวเมาไปกับเหล้าองุ่นแห่งการล่วงประเวณีของนาง" ฟ้องด้วยภาพ บรรดาผู้นำต่างๆนั้นได้ให้ความเคารพยำเกรงและทำตามบัญชาการของโป๊ปทุกอย่าง.... ดูข้อมูลเพิ่มเติม; //wikicompany.org/wiki/911:Vatican#Joseph_Alois_Ratzinger โป๊ปจอห์นพอลที่ 2 (คนเดิม) เองได้เรียกร้อง New World Order มาตั้งแต่ปี 2004 //www.commondreams.org/headlines04/0102-03.htm ส่วนรายละเอียดปฏิบัตการต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นนั้นหาอ่านได้ที่ //jimmysiri.blogspot.com/ ข้อมูลเพิ่มเติม: //www.jesus-is-savior.com/False%20Religions/Roman%20Catholicism/roman_catholicism_exposed.htm //www.atruechurch.info/catholicism.html จดหมายรักจากพ่อ A Heavenly Father's Love Letter
My Child, ถึง ลูกที่รักของพ่อ You may not know me, but I know everything about you. เจ้าอาจไม่รู้จักพ่อ แต่พ่อรู้จักเจ้าดี (Ps 139:1) I know when you sit down and when you rise up. พ่อรู้เมื่อเจ้านั่งลง และรู้เมื่อเจ้าลุกขึ้น (PS. 139:2) I am familiar with all your ways. พ่อคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของเจ้า (Ps. 139:3) Even the very hairs on your head are numbers. แม้แต่เส้นผมบนศีรษะของเจ้า พ่อก็นับไว้แล้วทุกเส้น (Mat. 10:29-31) For you made in my image. ด้วยเจ้าถูกสร้างขึ้นตามแบบรูปร่างของพ่อ (Gen. 1:27) In me you live and move and have your being. และเจ้าก็มีชีวิต และเคลื่อนไหวอยู่ในพ่อนี่เอง (Act. 17:28) (ด้วยว่า เรามีชีวิตและเคลื่อนไหวอยู่ในพระองค์) For you are my offspring. เพราะเจ้าเป็นเชื้อสายของพ่อ (Act. 17:28) I knew you even before you were conceived. พ่อรู้จักเจ้า ก่อนที่พ่อได้ก่อร่างสร้างตัวเจ้าที่ในครรภ์ และก่อนที่เจ้าจะคลอดจากครรภ์ พ่อก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้แล้ว (Jer. 1: 4-5) I chose you when I planned creation. เจ้าได้รับการกำหนดและรับการแต่งตั้งให้เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพ่อ (Ephesians 1:11-12) You were not a mistake, for all your days are written in my book. เจ้าเกิดมาไม่ใช่จากความผิดพลาด แต่วันทั้งหลาย ทุกๆวันของเจ้าก็ได้ถูกบันทึกไว้แล้วในสมุด ตั้งแต่เมื่อครั้งยังไม่เกิดวันนั้นขึ้นเลย (Ps. 139: 15-16) I determined the exact time of your birth and where you would live. พ่อได้กำหนดเวลาที่เจ้าเกิด และได้ไกำหนดเขตแดนให้เจ้าอยู่ (Act. 17:26) You are fearfully and wonderfully made.วิธีการที่พ่อได้สร้างเจ้านั้น น่าเกรงขามและอัศจรรย์ยิ่งนัก (Ps. 139:14) I knit you together in your mothers womb. พ่อได้ปั้นส่วนภายในของเจ้า และทอเจ้าเข้าด้วยกันในครรภ์มารดาของเจ้า (Ps. 139:13) And brought forth on the day you were born. และพ่อก็ได้สอนเจ้าตั้งแต่เด็กๆมาจนกระทั้งบัดนี้ (Ps. 71:17-18) I have been misrepresented by those who dont know me. เรื่องราวเกี่ยวพ่อนั้น ก็ถูกทำให้บิดเบือนไป จากผู้ที่ไม่รู้จักพ่อ (John 8:41-44) I am not distant and angry, but am the complete expression of love. พ่อไม่ได้อยู่ไกลหรือโกรธเจ้า แต่พ่อเป็นความรักที่บริบูรณ์ (1 John 4:7-21) And it is my desire to lavish my love on you. และดูเถิด.. พ่อได้ประทานความรักนั้นแก่เจ้า (1 John 3:1) Simply because you are my child and I am your father. ด้วยเจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่อ และพ่อก็ เป็นพ่อของเจ้า (1 John 3:1) I offer you more than your earthly father ever could. พ่อให้เจ้า ได้มากเกินกว่าที่พ่อบนโลกจะให้เจ้าได้ (Mat. 7:11) For I am the perfect father. ด้วยพ่อนั้น เป็นพ่อที่ดีรอบคอบที่ทรงสถิตย์อยู่ในสวรรค์ (Mat. 5:48) Every good gift that you receive comes from my hand. ของประทานอันดีทุกอย่างที่เจ้าได้รับนั้น มาจากน้ำมือของพ่อที่ส่งมาจากสวรรค์ (James 1:17) For I am your provider and I meet all your needs. ด้วยว่าพ่อ เป็นผู้ที่สามารถประทานทุกสิ่งให้ตามความต้องของเจ้า (Mat. 6:31-33) My plan for your future has always been filled with hope. พ่อรู้แผนงานที่พ่อมีไว้สำหรับเจ้า ซึ่งเป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า (Jeremiah 29:11) Because I love you with an everlasting love. ด้วยพ่อรักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นพ่อจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป (Jer. 31:3) My thought toward you are countless as the sand at seashore. ความคิดคำนึงที่พ่อมีต่อเจ้า นั้นนับไม่ถ้วนดังเม็ดทราย (Ps. 139:17-18) And I rejoice over you with singing. และพ่อก็รื่นเริงยินดีเมื่อเจ้าร้องเพลง (เศฟันยาห์ 3:17) I will never stop doing good to you. พ่อจะไม่มีวันหยุดที่จะทำดีต่อเจ้า (Jer. 32:40) For you are my treasured possession. ด้วยเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อ ที่พ่อได้เลือกสรรไว้แล้ว (Exodus อพยพ 19:5) I desire to establish you with all my heart and all my soul. พ่อปรารถนาที่จะทำดีต่อเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของพ่อ (Jer. 32:41) And I want to show you great and marvelous things. และพ่อต้องการที่จะบอกถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเจ้าไม่รู้นั้น ให้แก่เจ้า (Jer.33:3) If you seek me with all your heart, you will find me.ถ้าเจ้าแสวงหาพ่อด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า เจ้าก็จะพบพ่อ (Deuteronomy เฉลยธรรมบัญญัติ 4:29) Delight in me and I will give you the desires of your heart. จงปิติยินดีในพ่อเถิด แล้วพ่อจะประทานตามใจปรารถนาของเจ้า (Ps. 37:4) For it is who gave you those desires. เพราะว่าพ่อกระทำกิจอยู่ภายในของเจ้า ให้เจ้ามีใจปรารถนา ทั้งให้ประพฤติตามชอบใจของพ่อ (Philippians 2:13) I am able to do more for you than you could possibly imagine. พ่อสามารถกระทำสิ่งสารพัดมากยิ่งกว่า ที่เจ้าจะทูลขอหรือคิดได้ (Ephesians 3:20) For I am your greatest encourager. ด้วยพ่อ เป็นผู้ชูใจนิรันดร์ และเป็นความหวังอันดีแก่เจ้า (2 Thessalonians 2:16:17) I am also your father who comforts you with all your troubles. แล้วพ่อยังเป็นพ่อที่สามารถชูใจลูกในการทุกข์ยากทั้งสิ้นของลูกด้วย (2 Corinthians 1: 3-4) When you are brokenhearted, I am close to you. เมื่อจิตใจเจ้าฟกช้ำ พ่ออยู่ใกล้เจ้า (Ps.34:18) As a shepherd carries a lamp, I have carried you close to my heart. อย่างผู้เลี้ยงแกะอุ้มลูกแกะ พ่อก็อุ้มเจ้าไว้ที่อกที่ใกล้ๆหัวใจของพ่อ (Isa. 40:11) One day, I will wipe away every tear from your eyes. วันหนึ่ง พ่อจะเช็ดน้ำตาทุกๆ หยด จากตาของเจ้า (Rev. 21:3-4) And Ill take away all the pain you have suffered on this earth. และพ่อจะล้างความเจ็บปวดทั้งสิ้นที่เจ้าเคยมีเมื่อครั้งที่เจ้าอยู่บนโลกนั้น ออกจากเจ้า (Rev. 21:3-4) I am your father, and I love you even as I love my son, Jesus. พ่อเป็นพ่อของเจ้า และพ่อก็รักเจ้า เฉกเช่นที่พ่อรักพระเยซูคริสต์พระบุตรของพ่อ (John 17:23) For in Jesus, my love for you is revealed. ด้วยความรักที่พ่อมีต่อพระเยซูคริสต์นั้น ความรักของพ่อก็ดำรงอยู่ในเจ้าเช่นกัน (John 17:26) He is the exact my representation of my being. ด้วยพระเยซูคริสต์พระบุตรของพ่อ ก็สะท้อนตัวพ่อ และมีสภาวะพิมพ์เดียวกันกับพ่อนั่นเอง (Hebrew 1:3) He came to demonstrate that I am for you, not against you. พระเยซูคริสต์ ได้มาเพื่อแสดงให้เห็นว่า พ่ออยู่ฝ่ายเจ้า และไม่ได้ต่อต้านเจ้า (Romans 8:31) And to tell you that I am not counting your sins. และ เพื่อจะบอกเจ้าว่า พ่อมิได้ถือโทษในการผิดของเจ้าเลย (2 Cor. 5:18-19) Jesus died, so that you and I could be reconciled. การที่พระเยซูคริสต์ได้สิ้นพระชนม์นั้น ก็เพื่อให้เจ้าและพ่อจะได้คืนดีกัน (2 Cor. 5:18-19) His death was the ultimate expression of my love for you. การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์นั้น ได้แสดงออกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่พ่อมีต่อเจ้า (1 John 4:10) I gave up everything I love that I might gain your love. พ่อยอมสูญเสียทุกสิ่งที่พ่อรัก เพื่อว่าพ่ออาจได้รับรักตอบจากเจ้า (พระองค์มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์ แต่ได้ทรงประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา ) (Romans 8: 32) If you receive the gift of my son Jesus, you receive me. ถ้าเจ้ารับพระบุตรของพ่อ เจ้าก็ได้รับพ่อด้วย (1 John 2:23) And nothing will ever separate you from my love again. และก็ จะไม่มีอะไรที่จะทำให้เจ้าถูกตัดขาดจากความรักของพ่อได้ (Romans 8:38-39) Come home and Ill throw the biggest party heaven has ever seen. กลับบ้านเถอะลูก พ่อจะจัดงานรื่นเริงยินดีอย่างยิ่งใหญ่ต้อนรับเจ้าในสวรรค์ (Luke 15:6-7 .เมื่อมาถึงบ้านแล้ว จึงเชิญมิตรสหายและเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกัน พูดกับเขาว่า จงเปรมปรีดิ์ดับข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าได้พบแกะของข้าพเจ้าที่หายไปนั้นแล้ว เราบอกท่านทั้งหลายว่า เช่นนั้นแหละ จะมีความปรีดีในสวรรค์ เพราะคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่ มากกว่าเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ยอมกลับใจใหม่) I have always been father, and will always be father. พ่อเป็นพระบิดา และยังคงเป็นพระบิดาของเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์(Ephesians 3:14-15) My question is, will you be my child? คำถามของพ่อ ก็คือว่า เจ้าจะเป็นบุตรของพ่อหรือไม่ (John 1:12-13) I am waiting for you. ขอให้เจ้ารู้เถิดว่า พ่อกำลังรอคอยเจ้าอยู่เสมอ (Luke 15:11-32) LOVE, ด้วยความรักอันบริสุทธิ์จากพระบิดา YOUR DAD.พ่อของเจ้า Almighty God พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ |
Narno7
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?] โยบ 38 / Job 38 38:4 เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา 38:4 Where wast thou when I laid the foundations of the earth? declare, if thou hast understanding. 38:7 ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน 38:7 When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy "I am a spirit that live in a body and communicate and perceive the exterior world through my soul." "This world is not my home. I am here on a mission. Not all of children of God have or will come on this earth but I was chosen. Not all who come fulfill their mission and purpose for being here. Through the Cross of Jesus, I enter into the Kingdom of God. And as a daughter of God, my mission is to bring Heaven to earth."
Group Blog All Blog
Link
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |