| |
| เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ ภาพ : นาธัส และโตโยต้า ประเทศไทย | Tuesday, 28 May, 2013 1:49 AM | |
 |
| |
|
| |
 ทิ้งช่วงจาก การเปิดตัว ประมาณ 3 เดือน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ก็จัดการทดสอบกลุ่มสำหรับ วีออส ใหม่ เส้นทาง กรุงเทพฯ - ชะอำ - กรุงเทพฯ ระยะทางรวมไป - กลับประมาณ 300 กิโลเมตร มีรถรุ่น S ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด และรุ่น G ซึ่งเป็นรุ่นที่ทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย ได้ทดลองขับจากจุดสตาร์ต โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ ถนนเพลินจิต ไปถึงปั๊ม ปตท. บนถนนพระราม 2 ระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตร
โตโยต้า วีออส เริ่มทำตลาดในไทยครั้งแรกเมื่อปี 1997 ในชื่อรุ่น โซลูน่า จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นชื่อ วีออส ในโฉมที่ 2 เปิดตัวปี 2002 มาถึงรุ่นปัจจุบันเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาใน บางกอก มอเตอร์โชว์ ตลอดการทำตลาดในเมืองไทย 17 ปี มียอดจำหน่ายรวมกว่า 640,000 คัน ส่วนในรุ่นปัจจุบัน จะมีการส่งออกไปทำตลาดในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก โดยปีนี้คาดว่าจะส่งออกราว 45,000 คัน |
| |
 |
| |
| คุณบุญชวน วิภูษณวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด |
|
| |
เปลี่ยนหลายจุดเพิ่มคุณภาพการขับ
วีออส ใหม่ แม้จะใช้เครื่องยนต์เดิม 1NZ-FE และเกียร์อัตโนมัติรุ่นเดิมแบบ 4 จังหวะ แต่ก็ได้รับการปรับปรุงในหลายจุด เช่น การปรับโปรแกรมควบคุมเครื่องยนต์ และระบบเกียร์อัตโนมัติ ให้มีการทำงานที่สัมพันธ์กัน โดยก่อนที่เกียร์จะเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงขึ้น ระบบจะลดองศาของไฟจุดระเบิด เพื่อให้เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลขึ้น นอกจากนี้ยังปรับการทำงานของคันเร่งไฟฟ้า ให้มีการทำงานที่นุ่มนวลยิ่งขึ้น สามารถควบคุมความเร็วได้ง่ายขึ้น ช่วยในเรื่องการขับที่นุ่มนวลและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 4 (วีออส รุ่นเดิม Euro 3) รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 หรือออกเทน 91 ขึ้นไป
เครื่องยนต์รุ่นนี้ถูกใช้ใน วีออส อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2002 โดยวิศวกรชาวญี่ปุ่นของ โตโยต้า ให้เหตุผลว่าเพื่อให้เกิดการพัฒนา และต้องการใช้เครื่องยนต์เดิมให้ถึงความสามารถขีดสุด โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้สามารถปรับปรุงให้รองรับข้อกำหนดด้านมลพิษได้ถึง Euro 5
ระบบกันสะเทือนพื้นฐานเดิม ด้านหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง เนื่องจากมีการปรับปรุงโครงสร้างตัวถังให้มีความแข็งแรงกว่านรุ่นเดิมกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ จึงส่งผลให้ช่วงล่างมีความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงใช้สปริงและช๊อกแอ็บซอร์เบอร์เหมือนรุ่นเดิม ส่วนระบบเบรกได้รับการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพด้วยระบบท่อสุญญากาศ 2 เส้น ใช้แรงดันจากเครื่องยนต์ซึ่งควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์มาควบคุมระบบเบรก ช่วยให้การเบรกมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเฉพาะที่ความเร็วสูง
ระบบบังคับเลี้ยวแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า ได้รับการปรับปรุงด้วยการเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้น ลดอาการวูบวาบของพวงมาลัย โดยเพิ่มอัตราทดพวงมาลัยจาก 14.2:1 ในรุ่นเดิมเป็น 16.5:1 ส่งผลให้การหมุนพวงมาลัยสุดจากเดิม 3.02 รอบ เพิ่มเป็น 3.28 รอบ |
| |
 |
| |
มิติตัวถังของ วีออส ใหม่ ไม่ต่างจากรุ่นเดิมมากนัก โดยมีความยาว 4,410 มิลลิเมตร (รุ่นเดิม 4,300 มิลลิเมตร) ยาวขึ้น 110 มิลลิเมตร ความกว้างเท่าเดิม 1,700 มิลลิเมตร ความสูง 1,475 มิลลิเมตร (รุ่นเดิม 1,460 มิลลิเมตร) สูงขึ้น 15 มิลลิเมตร ฐานล้อเท่าเดิม 2,550 มิลลิเมตร ส่วนขนาดล้อและยางมีตั้งแต่ 14, 15 และ 16 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและระดับของการตกแต่ง
ภายในห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ คือ การย้ายมาตรวัดจากตรงกลางคอนโซลในรุ่นเดิมมาไว้ด้านหน้าผู้ขับเหมือนรถยนต์ทั่วไป และมีความพยายามในการเพิ่มความหรูหราด้วยการใช้พลาสติกแข็ง ปั๊มขึ้นรูปให้ดูคล้ายการบุแผงคอนโซลและแผงประตูด้วยหนังแท้พร้อมด้ายตะเข็บ ส่วนพวงมาลัยหุ้มหนัง ปรับทิศทางได้แค่สูง - ต่ำ
และจากการวางตำแหน่งพวงมาลัยใกล้ชุดมาตรวัด จึงเกิดคำถามว่าทำไมไม่ทำให้พวงมาลัยปรับใกล้ - ไกลได้ด้วย
วิศวกรชาวญี่ปุ่นให้คำตอบว่าใน วีออส รุ่นใหม่นี้มีจุดประสงค์ในการออกแบบให้ห้องโดยสารกว้างขวางที่สุด ด้วยการออกแบบแผงคอนโซลให้มีขนาดเล็ก เพื่อให้ห้องโดยสารกว้าง มีการทดลองให้ทั้งคนตัวใหญ่และตัวเล็กนั่งขับแล้ว ก็พบว่าสามารถรองรับทุกสรีระได้อย่างพอเหมาะ ส่วนเบาะนั่งออกแบบให้ปรับสูง - ต่ำ ได้มากถึง 60 มิลลิเมตร (รุ่นเดิม 45 มิลลิเมตร) และปรับเลื่อนเบาะได้ 26 จังหวะ ขยับจังหวะละ 10 มิลลิเมตร รวมปรับได้ 260 มิลลิเมตร (รุ่นเดิมปรับได้ 16 จังหวะ ขยับจังหวะละ 15 มิลลิเมตร รวมปรับได้ 240 มิลลิเมตร)
ด้านหลังของพนักพิงเบาะหน้าได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ให้มีส่วนโค้งเว้า ผู้โดยสารด้านหลังจึงมีพื้นที่หัวเข่าเพิ่มขึ้น 48 มิลลิเมตร ระยะห่างระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มขึ้น 10 มิลลิเมตร ส่วนเบาะหลังมีเข็มขัดนิรภัย 3 จุด 3 ตำแหน่ง และหมอนรองศีรษะแบบปรับได้ 3 จุด เน้นความเงียบในห้องโดยสารด้วยการเพิ่มวัสดุดูดซับเสียงที่ผนังห้องเครื่อง พื้นตัวถัง แผงประตู และแผงลำโพงด้านหลัง เปลี่ยนยางแท่นเครื่องใหม่ ลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะในรอบต่ำ - ปานกลาง |
| |
 |
| |
85 กิโลเมตร ครบทุกสภาพการขับ
หลังฟังบรรยายผลิตภัณฑ์และทานอาหารกลางวันแล้ว จึงเริ่มออกเดินทางในช่วงบ่าย มีจุดหมายแรกอยู่ที่ปั๊ม ปตท. ถนนพระราม 2 ก่อนออกเดินทางจาก โรงแรมโอกุระ ผมได้เซตศูนย์ข้อมูลการขับใหม่ทั้งหมด ออกจากโรงแรมมุ่งหน้าขึ้นทางด่วนถนนเชื้อเพลิงเพื่อออกนอกเมือง ลงทางด่วนต่อเนื่องถนนพระราม 2 การจราจรปานกลาง ไม่โล่งมากและมีติดขัดเป็นบางช่วง
ความเร็วที่ใช้อยู่ในช่วง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป และต้องขับต่อกันเป็นขบวนเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งและวีดีโอ บางช่วงผมลองเว้นช่วงจากคันหน้าแล้วกดคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นไป พบว่าในช่วงความเร็วต่ำถ้าต้องการอัตราเร่งที่ฉับไว ต้องใช้การคิ๊กดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ กระทั่งรอบเกิน 3,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป อัตราเร่งจึงเริ่มติดเท้า ส่วนความเร็วและรอบเครื่องยนต์มีดังนี้:
90 / 2,250
100 / 2,500
110 / 2,750 อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบ Real-Time อยู่ที่ประมาณ 18-20 กม./ลิตร
120 / 3,000
130 / 3,250
140 / 3,500
150 / 3,750
ถ้าขับด้วยความเร็วนิ่งๆ ไฟ ECO จะสว่างขึ้นโดยสังเกตว่าแม้ใช้ความเร็วสูงระดับ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้ากดคันเร่งนิ่งๆ ไฟ ECO ก็จะยังสว่างอยู่ อัตราเร่งความเร็วปลายและอัตราสิ้นเปลืองไม่มีโอกาสได้ทดสอบอย่างจริงจัง แต่มีตัวเลขจากการทดสอบของ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 11.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 179 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางที่ทดสอบในครั้งนี้ 84.3 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 61 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร จากการทดลองขับพบว่าน่าจะทำตัวเลขได้ใกล้เคียงกับของ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยกเว้นความเร็วสูงสุดที่ระบุไว้ค่อนข้างสูง |
| |
 |
| |
ช่วงล่างนุ่มหนึบพอตัว
ระบบกันสะเทือนถูกเซตมาอย่างลงตัว จังหวะการยุบและยืดตัวของช่วงล่างไม่ช้าจนกระด้าง และไม่เร็วเกินไปจนยวบยาบ ส่วนที่ความเร็วสูงประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนทางเรียบตรง ยังมีความรู้สึกมั่นคงไม่วูบวาบ และเมื่อขับผ่านผิวถนนที่ขรุขระ รู้สึกว่าช่วงล่างมีความแข็งแรงมั่นคง เสียงการทำงานของช่วงล่างก็หนักแน่น การเข้าโค้งแคบๆ ตัวถังมีการเอียงไม่มากนัก
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าปรับน้ำหนักมาพอเหมาะ ไม่เบาหวิวเมื่อใช้ความเร็วสูง การเลี้ยวมีความต่อเนื่องราบเรียบและเป็นธรรมชาติ ระบบเบรกนับเป็นอีกจุดที่น่าประทับใจ รุ่นนี้เป็นแบบดิสก์ 4 ล้อ การขับช่วงแรกอาจหัวทิ่มหัวตำไปบ้าง เพราะเบรกจับตัวค่อนข้างเร็ว แต่เมื่อปรับตัวเข้ากับรถได้แล้วจะรู้สึกว่าระบบเบรกให้แรงในการเบรกที่เหลือเฟือ เมื่อกดเบรกหนักๆ ความเร็วจะถูกดึงให้ลดลงอย่างรวดเร็ว และควบคุมน้ำหนักในการเบรกได้ง่าย |
| |
 |
| |
ภายในเงียบกว่าเดิม
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้ค่อนข้างชัด เมื่อขึ้นไปขับพบว่าเสียงจากภายนอกถูกตัดออกไปมาก และเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น การเก็บเสียงจากลมปะทะ เสียงยาง และเสียงจากเครื่องยนต์ ก็มีให้ได้ยินไม่มากนัก ยกเว้นตอนกดคันเร่งลากรอบสูงๆ เสียงเครื่องยนต์จะกระหึ่มเข้ามาพอสมควร
เบาะหลังมีทั้งหมอนรองศีรษะและเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตำแหน่งกลางเบาะหลัง แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่นั่ง 3 คนอาจรู้สึกอึดอัดบ้าง ทดลองปรับเบาะผู้ขับให้เหมาะสมกับความสูง 170 เซนติเมตร แล้วย้ายไปนั่งเบาะหลังฝั่งผู้ขับ พบว่ามีพื้นที่วางขากว้างขวางเหลือเฟือ และวางเท้าได้สบาย เพราะพื้นห้องโดยสารด้านหลังเป็นแบบเรียบ ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะและด้านข้างก็ยังพอมีเหลือ ไม่ถึงกับเฉียดเพดานนัก |
| |
 |
| |
ปลายทาง 14.8 กิโลเมตรต่อลิตร
ออกจากปั๊ม ปตท. คลองโคน ไม่ได้ใช้ถนนพระราม 2 มุ่งหน้าแยกวังมะนาว แต่ใช้ถนนเส้นในซึ่งใช้ความเร็วได้ไม่สูงนัก เนื่องจากเป็นแบบ 2 เลน ช่วงนี้ผลัดให้เพื่อนสื่อมวลชนอีกคนเป็นผู้ขับ บางช่วงเป็นทางคดเคี้ยวและมีโค้งแคบ แม้จะใช้ความเร็วในการเข้าโค้งสูงกว่าปกติไปเล็กน้อย แต่ตัวรถก็มีแรงเหวี่ยงไม่มากนัก ถึงโรงแรมด้วยระยะทางรวม 158.6 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองลดลงนิด 14.8 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดพอสมควร เพราะขับกันแบบไม่ได้เน้นอัตราสิ้นเปลือง
สรุป
โตโยต้า วีออส แม้จะยังคงถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขของราคา แต่ก็สามารถขยับเพิ่มคุณภาพการขับได้อีกระดับหนึ่ง วัสดุภายในส่วนใหญ่ยังคงเป็นพลาสติกแข็ง แต่ก็มีการออกแบบให้ดูหรูหราขึ้น ในรุ่นรองท๊อปที่ทดลองขับก็ให้อุปกรณ์ที่ครบครันสำหรับการใช้งานแล้ว ห้องโดยสารกว้างขวางเพียงพอสำหรับ 4 - 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์และเกียร์เดิม ปรับปรุงเน้นความนุ่มนวลในการขับและประหยัดเชื้อเพลิง เดินทางไกลได้สบายๆ ด้วยช่วงล่างที่รองรับได้อย่างเหมาะสม และกำลังของเครื่องยนต์ที่เพียงพอ มาพร้อมการรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
ขอบคุณ: บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการทดสอบ |
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [
ทิ้งช่วงจาก 
