ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
Test Drive : Ford Focus 2.0L Ti-VCT GDi Sport+ AT

Ford Focus Ti-VCT GDi Sport AT


เรื่อง - ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ Saturday, 2 February, 2013 0:12 AM
800x

FORD FOCUS 2.0L Ti-VCT GDi SPORT+AT
สปอร์ตแฮทช์แบ็ค เปี่ยมเทคโนโลยี

baหลังการเปิดตัวของ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 3 หรือ MK III ทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย มีโอกาสได้ทดลองขับแล้ว 2 ครั้งในแบบ Group Test บนเส้นทางแถบภาคใต้ และการขับประหยัดน้ำมันในรายการ All-New Ford Focus Fuel Efficiency Challenge ทำให้ได้ข้อมูลเกือบครบทุกด้าน ขาดเพียงตัวเลขอัตราเร่งและรายละเอียดอีกเล็กน้อย จึงขอยืมรถรุ่นแฮทช์แบ็ค 2.0 Sport+ มาเพื่อทดสอบเดี่ยวอีกครั้ง เป็นรุ่นสูงสุดของตัวถัง 5 ประตู ราคา 1.079 ล้านบาท

สปอร์ตล้ำทรงกระชับ
baรูปลักษณ์ของ โฟกัส ใหม่เป็นการพลิกโฉมแบบไม่เหลือเค้าโครงเดิม โดยยังคงคอนเซ็ปต์เดียวกับ รุ่นก่อนหน้า คือ ให้ความสปอร์ต มั่นคง และคล่องแคล่ว ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์พร้อมระบบไฟไบ-ซีนอน ให้ความสว่างเหลือเฟือเมื่อใช้งานตอนกลางคืน รวมทั้งมีการควบคุมแสงไฟได้ดี ความสว่างจะพุ่งกดลงพื้นด้านหน้าและด้านข้าง ไม่กระจายฟุ้งแยงตาผู้ขับคันอื่นเหมือนไฟซีนอนที่ติดเองภายหลัง

baด้านบนของโคมมีไฟ LED ดวงเล็กเรียงกันเป็นไฟหรี่ และที่ได้ใช้ประโยชน์จริงจังคือ ไฟส่องสว่างขณะเลี้ยว ซึ่งออกแบบให้อยู่ในชุดเดียวกับโคมไฟหน้า ใช้การสะท้อนแสงให้ส่องด้านข้างตัวรถฝั่งเดียวกับที่หมุนพวงมาลัย ภายในโคมเป็นโครเมียมดูใสๆ ไปนิด ถ้ารมดำน่าจะเพิ่มความดุเข้ากับสไตล์สปอร์ตได้ดี

baรุ่นที่ทดลองขับมีที่ฉีดน้ำล้างโคมไฟหน้า ทำงานเมื่อเปิดไฟหน้าและมีการฉีดน้ำทำความสะอาดกระจกบานหน้า ซึ่งออกแบบให้ลาดเอียงและมีขนาดใหญ่ จึงต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนเป็นแบบปัดเข้าหากัน โดยที่ปัดน้ำฝนจะเลื่อนลงเพื่อซ่อนตัวอีกจังหวะเมื่อไม่ใช้งาน

baโลโก้บนกระจังหน้าไม่ได้เป็นกุญแจสำหรับเปิดฝากระโปรงหน้าแบบรุ่นที่แล้ว โดยย้ายที่เปิดฝากระโปรงหน้าไปไว้แถวที่วางเท้าฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า เป็นเรื่องของความปลอดภัย เผื่อกรณีรถเสียแล้วต้องจอดชิดขอบทางด้านซ้าย (รถพวงมาลัยขวา) ถ้าต้องเปิดประตูฝั่งขวาเพื่อหาที่เปิดฝากระโปรงหน้า ก็อาจโดนรถคันอื่นเฉี่ยวชนได้

baด้านข้างเน้นเส้นสายที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง แอบหรูด้วยคิ้วโครเมียมบริเวณขอบกระจกด้านล่างยาวต่อเนื่อง กระจกมองข้างทรงคุ้นตามาพร้อมไฟเลี้ยวและไฟส่องพื้น ให้ล้อแม็กพร้อมยางขนาด 215/50 R17 โคมไฟท้ายทรงเฉี่ยวโอบมารับกับเส้นข้างตัวถัง เน้นความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์ขนาดใหญ่เหนือกระจกบานท้าย

baมิติตัวถังมีความยาว 4,358 มิลลิเมตร กว้าง 1,823 มิลลิเมตร สูง 1,484 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,648 มิลลิเมตร

Ford Focus Ti-VCT GDi Sport AT

ภายในแยกสไตล์ชัดเจน
baฟอร์ด แยกกลุ่มลูกค้าไว้อย่างชัดเจนด้วยรูปลักษณ์ภายนอกและการตกแต่งภายใน รุ่นซีดาน 4 ประตูเน้นความหรูหราด้วยหนังแท้โทนสีเบจ ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตูเน้นความสปอร์ตเข้มขรึมด้วยโทนสีดำ

baแต่ที่น่าแปลกใจก็คือ รุ่นท๊อปของ 5 ประตู ราคาแพงกว่ารุ่น 4 ประตู 10,000 บาท แต่กลับได้เบาะผ้ากึ่งหนัง เบาะผู้ขับปรับมือ ไม่ใช่ปรับไฟฟ้าแบบรุ่น 4 ประตู และไม่มีระบบ BLIS หรือ Blind Sport Information System แสดงว่าผู้ที่ซื้อรุ่นท๊อปของ 5 ประตู ต้องใจสปอร์ตจริงๆ เพราะยอมจ่ายเงินแพงกว่า แต่ได้อุปกรณ์มาตรฐานน้อยกว่า แม้จะมีอุปกรณ์มาตรฐานมากกว่าในราคาที่ถูกกว่า แต่ถ้าใจชอบทรง 5 ประตูกับภายในสีดำล้วน ก็ต้องเลือกรุ่นแฮทช์แบ็คอยู่ดี

baแผงคอนโซลบุนุ่มในจุดใหญ่ๆ มีเพียงบางส่วนที่เป็นพลาสติกแข็ง ชุดมาตรวัดสีฟ้าสบายตาปรับความสว่างได้ มีจอแสดงข้อมูลการขับรวมอยู่ในชุดมาตรวัด ควบคุมด้วยสวิตช์บนก้านพวงมาลัยฝั่งขวา ถัดลงมาเป็นสวิตช์ควบคุมครูสคอนโทรล และระบบจำกัดความเร็ว ก้านพวงมาลัยฝั่งซ้ายมีสวิตช์ควบคุมระบบต่างๆ ของรถยนต์ โดยมีหน้าจอแสดงผลอยู่ที่คอนโซลกลาง ถัดลงมาเป็นสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง การรับ-วางสายโทรศัพท์ และระบบสั่งงานด้วยเสียง

baพวงมาลัยเป็นแบบ 4 ก้าน ออกแบบได้ดี ดูไม่เทอะทะแม้มีสวิตช์ควบคุมหลายระบบ หุ้มหนังจับกระชับมือ ออกแบบร่องสำหรับล็อคนิ้วและที่วางนิ้วโป้งให้มีขนาดใหญ่ ช่วยให้ดูสปอร์ตและใช้งานได้แบบจริงจัง ปรับได้ 4 ทิศทาง

baก้านบนคอพวงมาลัยกลับมาใช้แบบรถญี่ปุ่น ฝั่งขวาควบคุมไฟเลี้ยว ฝั่งซ้ายควบคุมที่ปัดน้ำฝน ส่วนสวิตช์ควบคุมไฟหน้า สปอตไลต์ และปรับความสว่างไฟส่องชุดมาตรวัด แยกไปอยู่ที่แผงคอนโซลฝั่งขวาของผู้ขับ

Ford Focus Ti-VCT GDi Sport AT

baคอนโซลกลางมีจอแสดงผลอีกชุด ถัดลงมาเป็นชุดเครื่องเสียงของ Sony ตกแต่งด้วยสีดำเงา ประกบข้างด้วยช่องแอร์ขนาดใหญ่ ต่อเนื่องด้วยสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศหน้าตาคุ้นๆ อีกเช่นกัน ด้านหน้าคอนโซลเกียร์มีสวิตช์สำหรับระบบถอยหลังเข้าจอดอัตโนมัติ และระบบเซ็นเซอร์กะระยะรอบคัน

baหัวเกียร์แซมหนังเช่นเดียวกับถุงคันเกียร์ที่เป็นหนังสีดำดูสปอร์ตกว่าเป็นก้านตรงๆ มีโหมด S เมื่อต้องการขับแบบสปอร์ต และมีปุ่ม +/- อยู่บนหัวเกียร์ ซึ่งใช้งานไม่คล่องเหมือนการดึงหรือดันคันเกียร์ เพราะต้องคลำหาปุ่มให้เจอก่อน แล้วตั้งสติว่าปุ่มบน + เปลี่ยนเกียร์ขึ้น และปุ่มล่าง - เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ

baกุญแจรีโมทคอนโทรลรุ่นนี้เป็นแบบ Keyless แค่พกกุญแจไว้กับตัวก็สามารถล็อค-ปลดล็อค และสตาร์ตเครื่องยนต์ได้ผ่านปุ่ม Start ที่เท้าแขนกลางเบาะหน้าบุหนังนุ่มและเป็นที่เก็บของในตัว แผงประตูเป็นวัสดุกึ่งนุ่ม ส่วนตรงตำแหน่งที่วางข้อศอกเป็นหนังแท้บุนุ่ม ที่ล็อคประตูติดตั้งที่คอนโซลกลางเหนือสวิตช์ไฟฉุกเฉิน เป็นล็อคสำหรับป้องกันคนภายนอกเข้ามาในรถ ส่วนคนในรถสามารถเปิดประตูได้ด้วยการดึงที่เปิดประตู

baเบาะคู่หน้าทรงสปอร์ตนั่งกระชับแต่ไม่อึดอัด ฝั่งผู้ขับปรับสูง-ต่ำได้ พื้นที่ด้านหลังค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะถ้าผู้ขับและผู้โดยสารด้านหลังตัวสูงมากๆ เคยทดลองให้ผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลังซึ่งมีความสูงประมาณ 180 เซ็นติเมตรเข้าไปนั่งพร้อมกัน พบว่าลำบากตั้งแต่การเข้า-ออก รวมทั้งการนั่ง แต่ถ้านั่งกันแค่ไม่เกิน 3 คนก็ไม่ต้องกังวลในจุดนี้

baห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายมีความกว้างและลึกพอตัว ส่วนหนึ่งเพราะใช้ยางอะไหล่แบบ Compact ฝากระโปรงท้ายเปิดได้กว้าง รองรับการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีขนาดใหญ่ได้ดี ถ้ายังไม่พอก็สามารถพับเบาะหลังที่แยกพับแบบ 60:40 ได้อีกด้วย

baการเก็บเสียงนับว่าทำได้ดี แม้จะใช้ความเร็วสูงก็มีเสียงลมปะทะไม่มากนัก ดูจากยางขอบประตูแบบ 2 ชั้นและมีกำมะหยี่ซับเสียงอีกชั้น แสดงว่าฟอร์ดเน้นเรื่องการกำจัดเสียงรบกวนจากภายนอกอย่างจริงจัง จะมีก็เพียงเสียงเครื่องยนต์ที่กระหึ่มเข้ามาบ้างเมื่อใช้ความเร็วสูง เมื่อรวมเข้ากับการดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่ทำได้ดี

baแค่เห็นภายในสีดำ ผมก็เทใจให้เกือบหมดแล้ว และไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเป็นเบาะหนังแท้หรือเบาะปรับไฟฟ้า เพราะในการใช้งานจริงก็ไม่ได้ปรับกันบ่อยๆ เบาะผ้าก็ดีในแง่ไม่อมความร้อนและไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก แต่ที่อยากได้ คือ ระบบ BLIS ซึ่งก็ไม่รู้ว่าการติดตั้งเพิ่มจะยุ่งยากหรือแพงขนาดไหน

Ford Focus Ti-VCT GDi Sport AT

เด่นทั้งสมรรถนะและความประหยัด
baในงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้ มีสื่อมวลชนหลายคนพยายามถามถึงความเป็นไปได้ในการนำรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาทำตลาด เพราะติดในใจสมรรถนะและความประหยัดของเครื่องยนต์ดีเซลที่มีขายในโฉมที่แล้ว ทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ PowerShift 6 จังหวะ แต่ผู้บริหาร ฟอร์ด ก็ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เจ้าหน้าที่ ฟอร์ด ก็บอกว่าให้ลองขับรุ่น 2.0 GDi ดูก่อน แล้วอาจจะเปลี่ยนใจ

baก่อนหน้าจะขอยืมรถมาทดสอบเดี่ยว ผมได้ขับรุ่น 2.0 GDi มาแล้ว 2 ครั้งในแบบ Group Test และขับประหยัดน้ำมัน แต่ไม่ได้ลองรีดสมรรถนะเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ และหลังจากการทดลองขับในครั้งนี้แล้ว ก็ยังไม่ถึงกับลืมเครื่องยนต์ดีเซล เพียงแต่ลดความอยากลงไปบ้างเท่านั้น เพราะแม้สมรรถนะโดยรวมจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ในด้านอัตราสิ้นเปลืองก็ยังเป็นรองเครื่องยนต์ดีเซลในระดับสมรรถนะใกล้เคียงกันอยู่ดี

baโฟกัส ใหม่รุ่น 2.0 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ หรือไดเร็คอินเจ็คชั่น ส่งผลให้การควบคุมส่วนผสมระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศทำได้อย่างแม่นยำ และน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกฉีดก็จะผสมกับไอดีได้อย่างทั่วถึง ต่างจากเครื่องยนต์ทั่วไปที่ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงในท่อร่วมไอดีหลังวาล์วไอดี

baมาพร้อมระบบแปรผันวาล์วไอดีและไอเสียแบบอิสระ Ti-VCT โดยจะแปรผันช่วงเวลาในการเปิด-ปิดวาล์วให้เหมาะสมกับรอบเครื่องยนต์ ควบคุมการทำงานด้วยวาล์วโซลินอยด์และแรงดันน้ำมันเครื่อง มีความจุกระบอกสูบ 1,999 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 125 กิโลวัตต์ หรือ 170 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 20.58 กก.-ม. ที่ 4,450 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ PowerShift 6 จังหวะ

Ford Focus Ti-VCT GDi Sport AT

baการขับใช้งานทั่วไปนับว่าทันใจพอสมควร มีการตอบสนองที่ดีตั้งแต่รอบต่ำ แม้แรงม้าและแรงบิดสูงสุดจะอยู่ในรอบค่อนข้างสูง แต่ก็ชดเชยด้วยการไล่ขึ้นสู่รอบสูงที่ไหลลื่นและง่ายดายไม่ต้องรีดเค้น จึงไม่ต้องรอลากรอบกันนานนัก นอกจากนี้เกียร์อัตโนมัติแบบ PowerShift 6 จังหวะดูอัลคลัตช์ ที่มีการทำงานคล้ายเกียร์ธรรมดา ก็มีส่วนช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนได้มาก โดยให้ทั้งความฉับไวในการเปลี่ยนเกียร์และมีความนุ่มนวล ความรู้สึกในการขับจะแตกต่างจากเกียร์อัตโนมัติทั่วไปอยู่บ้าง ขับไม่นานก็ปรับตัวได้

baเกียร์เดินหน้ามีตำแหน่ง D สำหรับการขับใช้งานปกติ ในโหมดนี้ลองกดปุ่ม +/- แล้วพบว่าไม่ทำงาน เลื่อนคันเกียร์ลงมาเข้าโหมด S เมื่อยกคันเร่งเกียร์จะไม่เปลี่ยนขึ้นเกียร์สูง สามารถกดคันเร่งต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องคิ๊กดาวน์ และถ้ากดปุ่ม +/- บนหัวเกียร์ก็จะเข้าสู่โหมดที่ผู้ขับ (เหมือนจะ) เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เอง ซึ่งสำหรับผมถือเป็นของเล่นมากกว่า

baเพราะนอกจากจะใช้งานยากแล้ว เมื่ออยู่ในโหมดนี้ถ้าลากรอบไปแตะขีดแดง 6,500 รอบต่อนาที เกียร์ก็จะเปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงให้เอง และในโหมด +/- ก็ยังสามารถคิ๊กดาวน์ได้ โดยเลขบอกตำแหน่งเกียร์จะเปลี่ยนตามให้ และเมื่อถึงรอบที่ควรเปลี่ยนเกียร์จะมีลูกศรสีเขียวชี้ขึ้นบน เตือนให้เปลี่ยนขึ้นเกียร์สูง และถ้าจะเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำที่ความเร็วสูง เกียร์จะไม่ยอมเปลี่ยนให้พร้อมเตือนด้วยตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์กะพริบ

baวัดอัตราเร่งด้วยวิธีเดิม คือ จอดรถชิดขอบทาง เข้าเกียร์ D ใช้เท้าขวาเหยียบเบรกค้างไว้ เมื่อถนนโล่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ก็ยกเท้าขวาจากแป้นเบรกมาเหยียบคันเร่งสุดค้างไว้จนสุดทางวิ่งพบว่าเมื่อกดคันเร่งมิด ในเกียร์ 1 รอบจะกวาดขึ้นค่อนข้างช้าตั้งแต่รอบเดินเบาถึงประมาณ 2,000 รอบต่อนาที และเมื่อผ่าน 3,000 รอบต่อนาทีรอบจะตวัดเร็วขึ้นไปถึงขีดแดงที่ 6,500 รอบต่อนาที เปลี่ยนขึ้นเกียร์ 2 รอบตกมาที่ 5,000 รอบต่อนาทีแล้วไล่กลับขึ้นไปใหม่

baถึงขีดแดงแล้วเปลี่ยนขึ้นเกียร์ 3 รอบตกมาเยอะนิดที่ 4,500 รอบต่อนาที ไล่รอบขึ้นทะลุขีดแดงมาถึง 6,750 รอบต่อนาที จากนั้นเปลี่ยนขึ้นเกียร์ 4 ไล่ขึ้นไปถึงประมาณ 6,700 รอบต่อนาที เครื่องวัดอัตราเร่งก็ส่งเสียงเตือนว่าความเร็วถึง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนความเร็วบนชุดมาตรวัดขึ้นไปถึง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกียร์ 5 กดคันเร่งแช่ยาวๆ ถึงความเร็วสูงสุด เข็มวัดความเร็วนิ่งแถวๆ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รอบป้วนเปี้ยน 5,800 รอบต่อนาที

ความเร็ว (กม./ชม.) เวลา (วินาที) ระยะทาง (เมตร)
10 0.74 1.15
20 1.49 4.30
30 2.20 9.24
40 2.85 15.51
50 3.57 24.53
60 4.54 39.41
70 5.50 56.77
80 6.51 77.88
90 7.90 110.64
100 9.49 152.89
110 11.10 199.56
120 12.66 249.44
130 14.52 313.95
140 17.37 420.70
150 20.30 538.93
160 23.56 679.24
170 27.24 847.93
180 31.65 1062.53
190 41.16 1551.75
200 55.18 2312.82

ระยะทาง (เมตร) เวลา (วินาที) ความเร็ว (กม./ชม.)
0-100 07.5 86.9
0-200 11.1 110.1
0-402 16.9 138.2
0-1000 30.4 177.1

ความเร็วสูงสุด 209.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Ford Focus Ti-VCT GDi Sport AT

baที่ความเร็วบนชุดมาตรวัด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องวัดอัตราเร่งที่รับสัญญาณจากดาวเทียมแสดงความเร็ว 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คลาดเคลื่อนประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในระดับปกติ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกับรอบเครื่องยนต์ ดูจากมาตรวัดความเร็วเป็นหลัก

ความเร็ว (กม./ชม.) รอบต่อนาที
80 1,600
90 1,900
100 2,100
110 2,250
120 2,500
130 2,750
140 3,000

baอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขณะเดินทางไกล พิสูจน์มาแล้วบนเส้นทางกว่า 1,000 กิโลเมตร ในรายการ All-New Ford Focus Fuel Efficiency Challenge ฝ่าทั้งสายฝนยามค่ำคืนและสภาพการจราจรที่ติดขัด บีบคั้นด้วยการกำหนดว่าความเร็วเฉลี่ยต้องไม่ต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลายช่วงจึงต้องขับเร็วกว่าตอนที่ผมใช้งานจริง ก่อนแข่งเติมน้ำมันจนถึงคอถัง โดยวัดความจุถังน้ำมันรวมคอถังได้ 55.63 ลิตร คันที่ผมทดสอบขับจนน้ำมันหมดถังได้ระยะทาง 972 กิโลเมตร เฉลี่ย 17.47 กิโลเมตรต่อลิตร และทำความเร็วเฉลี่ยได้เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามกติกา มีบางคันขับได้เกิน 1,000 กิโลเมตร แต่ความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่าที่กำหนด (อ่านรายละเอียดได้ใน All-New Ford Focus Fuel Efficiency Challenge)

baส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในเมืองก็ลดลงตามสัดส่วน ทดสอบคร่าวๆ โดยเซตข้อมูลการขับใหม่หมดตั้งแต่ออกจากจุดรับรถแถวสุขุมวิท 22 ช่วงบ่ายของวันศุกร์ ออกถนนพระราม 4 เลี้ยวขวามุ่งหน้าขึ้นทางด่วนท่าเรือ ตั้งใจจะแยกขวาไปลงด่านถนนรัตนาธิเบศน์แต่พบว่ารถติดมาก จึงเปลี่ยนใจไปลงดินแดงและขึ้นโทลเวย์มาลงแถวแยกบางเขน ถึงบ้านด้วยความเร็วเฉลี่ย 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 11.9 กิโลเมตรต่อลิตร

Ford Focus Ti-VCT GDi Sport AT

ช่วงล่างนุ่มหนึบไว้ใจได้
baระบบกันสะเทือนใช้ระบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้า โดยเป็นแบบอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังมัลติลิงก์ มีเทรลลิ่งอาร์มแบบบางที่ ฟอร์ด เรียกว่าคอนโทรลเบลด ช่วยยึดล้อในแนวขนานกับตัวรถ จากการที่ขับ โฟกัส รุ่น 5 ประตูโฉมก่อนนี้อยู่ จึงรู้สึกได้ว่าใน โฟกัส รุ่นใหม่ มีการเพิ่มความละเอียดและนุ่มนวลในการขับมากขึ้น เพิ่มความสบายเมื่อขับใช้งานทั่วไปหรือสปอร์ตนิดๆ โดยมีผลกระทบกับประสิทธิภาพในการทรงตัวเพียงเล็กน้อย เฉพาะในช่วงที่ขับแบบรุนแรงหรือใช้ความเร็วสูงจัด

baพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าไม่เบาหวิวจนไร้ความรู้สึก มีการทำงานที่ราบเรียบและเบาแรงที่ความเร็วต่ำ ส่วนที่ความเร็วสูงจัดยังรู้สึกว่าเบาไปหน่อย ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ พร้อมตัวช่วยอิเล็คทรอนิคส์ครบครัน ลองกระทืบเบรกจากความเร็ว 100-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 3 วินาที กับระยะทาง 40.2 เมตรถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี การทำงานของ ABS มีความนุ่มนวลและค่อนข้างเงียบ แป้นเบรกไม่สะเทือนสู้เท้ามากนัก

baถ้าพูดถึงคุณสมบัติของตัวรถ นับว่ารถรุ่นนี้ทำได้ดีพอสมควร ภายนอกและภายในดูสปอร์ตสวยงาม อุปกรณ์มาตรฐานแม้จะด้อยกว่ารุ่น 4 ประตูอยู่บ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งแล้วก็ยังถือว่าคุ้ม คุณภาพในการขับก็ยกระดับไปอีกขั้น สูสีกับรถที่มีราคาแพงกว่าหลายรุ่น สิ่งที่ควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วนจึงไม่ใช่ตัวรถ แต่เป็นการสร้างความมั่นใจในด้านบริการหลังการขายให้กับผู้บริโภคในระยะยาว ยิ่งเป็นรถที่มีเทคโนโลยีทันสมัยแบบนี้ แค่ใจรักคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ตัดสินใจซื้อ

ขอบคุณ: บริษัท ฟอร์ด ประเทศไทย จำกัด เอื้อเฟื้อรถยนต์ในการทดสอบ




800x
Specification: Ford Focus 2.0L Ti-VCT GDi Sport+ AT

แบบตัวถัง แฮทช์แบ็ค 5 ประตู
ยาว x กว้าง x สูง 4,358 x 1,823 x 1,484 มิลลิเมตร
ฐานล้อ 2,648 มิลลิเมตร
ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,559/1,544 มิลลิเมตร
น้ำหนัก ไม่ระบุ
แบบเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ GDi ไดเร็คอินเจ็คชั่น DOHC 16 วาล์ว Ti-VCT
ความจุ 1,999 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 87.5 x 83.1 มิลลิเมตร
อัตราส่วนการอัด 12.0:1
กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 20.58 กก.-ม. ที่ 4,450 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ PowerShift 6 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบบังคับเลี้ยว แร็คแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง อิสระ มัลติลิงก์ คอนโทรลเบลด พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน/ดิสก์พร้อม ABS, EBD, TRC และ VSC
ผู้จำหน่าย บริษัท ฟอร์ด ประเทศไทย จำกัด
โทรศัพท์ Call Center 02-686-5899
เวบไซต์ www.ford.co.th


//www.motortrivia.com/

ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook คลิ๊ก...



Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2556 10:33:34 น. 0 comments
Counter : 6002 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.