รีวิวหนังสือ จวงจื้อจอมปราชญ์





 จวงจื้อ จอมปราชญ์

บทนิพนธ์ของ จวงจื้อ
ภาพการ์ตูน โดย ไฉ้จื้อจง
แปลโดย บุญศักดิ์ แสงระวี




จวงจื้อเป็นนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง เหมือนขงจื้อและเล่าจื้อ คือมีหลักธรรมในการดำรงชีวิต

จวงจื้อเป็นชาวแค้วซ่ง เป็นคนยุคเดียวกับ เหลียงฮุ่ยอ๋องและฉีซวนอ๋อง

ประมาณ 369ปีก่อน ค.ศ. -286 ปีก่อน ค.ศ.

ฉู่เวอ๋องแห่งแค้วนฉู่เคยคิดจะเชิญมาเป็นอัครมหาเสนาบี แต่เขาหัวเราะแล้วตอบว่า

"ข้าพเจ้าอยู่อย่างอิสระเช่นนี้จะดีกว่า"

ปรัชญาของจวงจื้อเป็นปรัชญาาแห่งอิสรภาพ

เป็นปรัชญาที่นำเอาชีวิตไปปล่อยไว้ในกาลเวลาและอวกาศซึ่งปราศจากขอบเขตไร้ที่สิ้นสุด

เพราะในยุคของจวงจื้อ เป็นยุคที่แข็งข่มเหงอ่อน มากรักแกน้อย บ้านแตกสาแหรกขาด

เต็มไปด้วยความเจ็บปวด 


ชีวิตในโลกมนุษย์ในสายตาของจวงจื้อ ก็คืะ

"ระเบียบที่ไร้ชีวิตชีวา"

แต่สิ่งที่จวงจื้อแหสวงหา กลับเป็น "ความไร้ระเบียบที่มีชีวิตชีวา"




มีความเข้าใจในธรรมชาติของสรรพสิ่ง วางใจลงปล่อยวางในเรื่องต่างๆด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของโลกและชีวิต

ดังนั้นเรื่องของจวงจื้อจึงมีมากมายร่วมแสนกว่าคำ

แต่หนังสือเล่มนี้ ได้นำบางส่วนของคำสอนที่เป็นแง่คิดที่น่าสนใจ มาแต่งเป็นการ์ตูนให้อ่านได้อย่างสนุกสนานและน่ารัก

เรื่องราวของปรัชญาที่ลึกซึ้ง จึงอ่านได้สบาย และเข้าใจได้ง่ายไปเลยทีเดียว 

เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เปลี่ยนมุมมองของเรื่องราวทางปรัชญาที่น่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องที่สนุกสนานชวนติดตาม

แต่กลับมีแง่มุมที่น่าคิดอย่างลึกซึ้งมากมาย ดังเช่นตัวอย่างเหล่านี้ค่ะ



นี้เป็นส่วนที่จวงจื้อพูดถึงนักดีดพิณที่เก่งกาจท่านหนึ่ง ที่เดิมทีก็ดีดพิณอยู่ 

แต่ในวันหนึ่งก็หยุดดีดพิณเสีย 

เพราะเขาคิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อดีดพิณ ก็ได้ยินเพียงเสียงพิณ

ทั้งๆที่ในโลกยังมีเสียงอื่นอีกมากมาย ทั้งเสียงลม เสียงน้ำ เสียงนก เสียงสัตว์

แต่ในเวลาที่ดีดพิณกลับไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้นเลย

เมื่อหยุดดีดพิณเสีย จึงได้ยินเสียงที่เหลืออีกมากมาย




เป็นเรื่องที่น่าคิดจริงๆ ค่ะ เหมือนเราที่วนอยู่กับความคิดในมุมเพียงมุมเดียว

แท้จริงแล้ว ยังมีอีกหลายแง่มุมให้คิด หากเราปักใจเชื่อในสิ่งที่คิดเพียงมุมเดียวแล้ว

มันอาจบดบังส่วนแห่งความจริงที่ยังเหลืออีกทั้งหมด 

เมื่อปล่อยวางความยึดถือแม้สิ่งที่หมายมั่นปั้นมือไว้ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้

เราอาจได้พบความจริงที่เกินกว่าที่คิดไว้

และยังมีเรื่องราวของคำสอนที่น่าสนใจอีกมากมาย 

ขอยกตัวอย่างบางส่วนของหนังสือมานะคะ



แต่ละเรื่องล้วนมีสิ่งที่สอนให้คิด อย่างเรื่องนี้ ก็เป็นความจริง

เมื่อแต่ละความรู้ถูกแยกออกจากกัน ต่างเป็นเอกเทศ

แต่เมื่อเชื่อมองค์แห่งความรู้เข้าหากันได้ นั่นล่ะ คือปัญญาอันวิเศษ

สมัยปัจจุบัน เราเรียกมันว่าความเชื่อมโยงสมอง



แต่ละเรื่องล่วนมีความหมายแฝงในลักษณะที่ให้เราได้กลับไปคิดแตกขยายต่อไปอีก



ความคิดของนักปราชญ์นั้นลึกซึ้งเข้าถึงได้ยาก

มันมีความสลับซับซ้อน แต่มีความจริงอย่างนั้นจริงๆ

ในบางครั้ง เราก็มองข้ามสิ่งหลายๆสิ่งไปเพราะเรามองมันยังไม่ถึงแก่นแท้ของมัน

แต่หากเรามองทุกสิ่งในโลกนี้ ด้วยมุมที่แตกต่าง

เราย่อมเห็นสาระที่แตกต่างในแต่ละสิ่ง แม้นัยยะนี้ จวงจื้อ ยังพาเราเข้ามาเห็น

ความมีประโยชน์ในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ 


บทความหนึ่งของท่านจวงจื้อมีว่า


ยาวตามธรรมชาติ 

ไม่เรียกว่ายาวเกินไป

สั้นตามธรรมชาติ 

ไม่เรียกว่าสั้นเกินไป

ขาของเป็ด แม้จะสั้นมาก

ท่านก็ไม่สามารถจะต่ให้มันยาวขึ้น

ถ้าต่อยาว มันก็จะเสียใจ

ขาของนกกระเรียน แม้จะยาวมาก

ท่านไม่สามารถจะตัดให้มันสั้นลงไป

ถ้าตัดสั้น มันก็จะเศร้า

เพราะว่าเป็ดขาสั้นแต่คอยาว

นกกระเรียนขายาวแต่คอสั้น

ต่างสอดรับซึ่งกันและกัน


ความหมายนัยยะที่แอบแฟง ทุกท่านลองไปคิดดูนะคะ 

เหมือนว่าเราสามารถคิดและเข้าใจในธรรมชาติและชีวิตได้อย่างมากมาย

ทำให้เราได้ฉุกคิดถึงความจริงหลายๆอย่างจากแต่ละคำสอนของจวงจื้อ

ซึ่งมันกว้างขวางและลึกซึ้ง แล้วแต่ว่าใครจะคิด จะเข้าใจในนัยยะใด 

ยังมีบที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น


นกนางนวลมิใช่อาบน้ำทุกวันจึงขาว

อีกาก็มิใช่ย้อมสีดำทุกวันจึงดำ

ดำกับขาว ล้วนแต่เกดจากธาตุแท้ของธรรมชาติ

เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่อาจกล่าวได้ว่า

ขาวน่าดูดำไม่น่าดู

ท่านใช้เมตตาธรรมาจำแนกความดีกับความเลว

เมื่อมองในทัศนะของผู้เข้าใจในมรรคแล้ว

ความผิดที่ท่านได้กระทำ

ก็เหมือนดังเช่นเหตุผลที่กล่าวมานี้เอง



ในโลกมนุษย์ คนเรียนหนังสือเอาชีวิตไปทิ้งเพราะชื่อเสียง

คนถ่อยเอาชีวิตไปทิ้งเพื่อผลประโยชน์

ขุนนางผู้ใหญ่ยอมเสียชีวิตเพื่อพิทักษ์ประเทศชาตอ

นักปราชญ์ยอมเสียชีวิตเพื่อพิทักษ์แผ่นดิน

แม้มูลเหตุจะต่างกัน

แต่การประทุษร้ายต่อชีวิตนั้นเหมือนกัน




ตอนที่จวงจื๊ออายุมากแล้ว เหล่าศิษย์คิดกันว่าจะทำอย่างไรกับร่างของท่านหลังความตาย

ท่านกลับบอกว่า เมื่อร่างกายนี้เป็นของของธรรมชาติ ได้มากับโลก

ตายไป ร่างก็เน่าเปื่อย กลายเป็นฝุ่นผงทุลี กลืนไปกับแผ่นดิน

แล้วจะมาแย่งร่างของท่านจากหมู่หนอนและสัตว์ใต้ดินไปเพื่ออะไร


นี่คือนักปราชญ์และแนวคิดอย่างปราชญ์ของจีน

แม้จะไม่ถึงขนาดความรู้ที่ลึกซึ้งในธรรมอันพ้นโลก

แต่ก็เป็นแนวความคิดเพื่อความอยู่กับโลกอย่างที่เข้าใจและปล่อยวางอย่างแท้จริง


สิ่งที่ประทับใจในหนังสือเล่มนี้ คือวิธีการนำเสนอความคิดแบบปรัขญาที่น่าเบื่อให้กลายมาเป็นเรื่องราวที่สนุกสนาน

แนวคิดของจวงจื๊อมีมากมาย แต่ที่หยิบยกมาให้อ่านนี้ ล้วนเป็นแนวคิดที่โดนใจทั้งนั้น

สามารถคิด เข้าใจแตกแขนงออกไปอีกมากมาย 

จุดประกายความคิดให้เราได้มุมมองมุมคิดใหม่ๆที่มีประโชน์อย่างมากจริงๆค่ะ


บล๊อคนี้ไม่ต้องโหวตนะคะ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมนะคะ







Create Date : 23 กันยายน 2559
Last Update : 28 กันยายน 2559 17:44:27 น. 0 comments
Counter : 2322 Pageviews.

ตุ๊กจ้ะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 264 คน [?]




Group Blog
 
 
กันยายน 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
23 กันยายน 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ตุ๊กจ้ะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.