Snowdrop เป็นดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆน่ารัก ได้ชื่อว่าบานเป็นชนิดแรกของฤดูใบไม้ผลิ มีกลีบนอกเรียวยาวสามกลีบสีขาวสะอาด และกลีบเล็กๆข้างในอีกสามกลีบซึ่งจะมีแต้มสีเขียวรูปหัวใจคว่ำที่ตรงปลาย ดูเผินๆเหมือนต้นหญ้ายาวๆที่ใบแข็งๆ ก็ Snowdrop สูงราวๆหกนิ้ว) หนึ่งต้นจะมีแค่หนึ่งดอกเท่านั้นค่ะ Snowdrop เป็นดอกไม้อยู่วงศ์ (family) Amaryllidaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับพวก daffodil ด้วยนะคะ (ทีนี้คุณคงรู้แล้วว่าทำไมคนเขียนถึงได้เลือกเรื่องของ Snowdrop มาเล่าให้ฟัง) มีมากมายหลายพันธุ์ทั้งดอกซ้อนและดอกลา (สารภาพว่าคนเขียนยังไม่เคยเห็นแบบดอกซ้อนเลย) ออกดอกอยู่ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมค่ะ Snowdrop เป็นดอกไม้ประจำตัวของผู้เกิดเดือนมกราคมด้วยนะคะ
Impatiens ต้นกำเนิด Snowdrop อยู่ในสวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และยุโรปทางใต้ ก่อนจะแพร่ไปถึงอังกฤษโดยนักบวชโดยนำไปปลูกไว้รอบๆ โบสถ์ ไม่รู้เหมือนกันว่ามาถึงอเมริกาได้อย่างไร (ใครรู้กระซิบบอกคนเขียนดังๆด้วยนะคะ) แล้วในออสเตรเลียก็ปลูก Snowdrop ด้วยเหมือนกันSnowdrop จะดูดีมากๆถ้าปลูกรวมกันเยอะๆใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะเวลา Snowdrop บานพร้อมๆกัน ดูแล้วเหมือนกับหิมะสีขาวบริสุทธิ์ตกอยู่บนพรมหญ้าสีเขียวเข้ม อากาศหนาวๆ ฟ้าสีเทาขรึม ก็ดูแจ่มใสเบิกบานขึ้นมากเมื่อมองไปเห็น Snowdrop สีขาวบานอยู่เต็มพื้นค่ะ บางทีถ้าคุณมีโอกาสไปเดินเล่นในป่าแล้วเห็น"ทุ่ง"Snowdrop ล่ะก็ มีแนวโน้มบริเวณนั้นอาจจะเคยมีคนอยู่อาศัยมาก่อน เพราะ Snowdrop เป็นดอกไม้ประดับในสวนที่ขยายพันธุ์ได้ง่าย แค่นกมาจิกๆเขี่ยๆ หัวของ Snowdrop ที่แตกบิออกก็พร้อมจะงอกเป็นต้นใหม่แล้วค่ะ
Snowdrop เป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่เรียกค่ะ แต่ยังมีชื่ออื่นๆอีกนะคะ อย่างเช่น Fair Maid of February, Candlemas Bells, Mary's Tapers ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Galanthus ซึ่งมาจากภาษากรีก แปลเป็นอังกฤษได้ว่า milky flower (คนที่เล่น Snowdrop เลยถูกเรียกว่า galantophiles ยังไงล่ะคะ)
Snowdrop ชอบที่ติดจะร่มๆหน่อยนะคะ ใต้ต้นไม้ใหญ่นี่เหมาะที่สุดค่ะ เริ่มเอาหัว Snowdrop ลงดินได้ตั้งแต่ช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วงเลยนะคะ Snowdrop ชอบอยู่เป็นกลุ่มๆ กลุ่มหนึ่งสักแปดถึงสิบหัวกำลังดี หลังจากปลูกแล้วก็ไม่ได้ต้องใส่ปุ๋ยอีกค่ะ ปลูกหนึ่งครั้ง Snowdrop จะออกดอกให้ดูไปอีกหลายปีเลยทีเดียวที่บ้านคนเขียนตอนนี้มีมากกว่าปีที่แล้วนิดหน่อย แต่นับแล้วนับอีกก็ยังไม่ถึงสิบดอกอยู่ดีค่ะหรือจะปลูก Snowdrop จากเมล็ดก็ได้นะคะ แต่ว่ากว่า Snowdrop จะออกดอกก็ใช้เวลาตั้งสามสี่ปีค่ะ ถ้ารอไหว.... จะลองดูก็ได้นะคะ
ระหว่างปี 1950 เภสัชกรชาวบัลกาเรียนบันทึกไว้ว่าผู้คนใช้ใบและหัวของ Snowdrop ถูบริเวณหน้าผากเพื่อรักษาอาการปวดหัว เพราะ Snowdrop มีสารชื่อ galantamine ซึ่งสามารถรักษาอาการปวดหัวได้ นอกจากนั้นยังมีบันทึกว่าสามารถใช้รักษาโรคโปลิโอได้ด้วยปัจจุบันชื่อการค้าคือ Reminyl เป็นยาสำหรับรักษาโรคอัลไซเมอร์ค่ะ
เชื่อกันว่าเป็นลางร้ายที่จะเอา Snowdrop เข้าบ้านนะคะ เพราะถึงแม้ว่า Snowdrop จะสวยบริสุทธิ์แต่ก็เป็นดอกไม้แห่งความตาย (คล้ายๆกับที่บ้านเราถือเรื่องปลูกต้นลั่นทมในบ้าน) คงเป็นเพราะว่า Snowdrop เป็นดอกไม้ที่แรกปลูกตาม "ลานวัด"ฝรั่ง ก็เป็นได้นะคะ
เมื่ออดัมกับอีฟถูกไล่ออกมาจากสวนอีเด็น อีฟก็เฝ้าแต่ร้องไห้ เวลาก็ล่วงผ่านไปสู่ฤดูใบไม้ร่วง ไม่มีดอกไม้ผลิบาน แล้วก็ผ่านไปถึงฤดูหนาว หิมะก็ตกไม่ยอมหยุด เหล่าเทวดาที่มาปลอบโยนอีฟจึงกอบหิมะใส่มือแล้วเป่าลงไป เมื่อเกล็ดหิมะตกต้องผืนดินก็กลายเป็น Snowdrop เมื่อนั้นดอกไม้ก็เริ่มบานอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Snowdrop จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังใหม่ เพราะเมื่ออากาศเลวร้ายที่สุด Snowdrop ก็จะแย้มบานเป็นเครื่องหมายว่าวันพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าเดิม Snowdrop จีงเป็นดอกไม้แห่งความหวัง ความหวังสีขาวบริสุทธิ์ด้วยเหตุนี้เองค่ะ