ตำนานฉัททันต์ปริตร



170ตำนานฉัททันต์ปริตร


   พระพุทธเจ้าเสด็จประทับ ณ พระเชตวันวิหาร เขตกรุงสาวัตถี สายัณห์วันหนึ่ง เสด็จประทับเหนือธรรมาสน์ ตรัสประกาศพระสัทธรรมแก่พุทธบริษัท ด้วยพระลีลาอันงดงาม และด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะนุ่มนวลกลมกล่อม ปราศจากความแหบเครือ ชัดถ้อยชัดคำ

   พระภิกษุณีองค์หนึ่ง ออกบวชจากสกุลคหบดี กำลังฟังพระธรรมเทศนาร่วมกับเพื่อนภิกษุณีทั้งหลายได้เห็นพระรูปพระโฉมอันงดงามสง่าองอาจ ทรงบุญลักษณ์สมบูรณ์ ประทับเหนือธรรมาสน์อันอลงกต งดงามสุดที่จะพรรณนา

พระภิกษุณีนั้น ก็เกิดความรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง คิดว่า “เมื่อเราท่องเที่ยวเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร ได้เคยเป็นบาทบริจาริกาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้างหรือไม่  เราได้เคยเป็นคู่เคียงเรียงบาทของพระองค์มาบ้างหรือไม่ ในชาติใดชาติหนึ่งแต่หนหลัง  คิดไปด้วยอำนาจแห่งปีติและปราโมทย์ ในพระรูปอันทรงบุญลักษณ์ พลันก็ระลึกถึงชาติหนหลังได้ ครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพญาช้างชื่อฉัททันต์ ในครั้งนั้น ได้เคยเป็นบาทบริจาริกา เมื่อระลึกได้ก็สุดแสนที่จะปรีดาปราโมทย์ กำลังแห่งปีติท่วมท้นล้นหลั่งออกมา ถึงกับหัวเราะออกมาดังๆ

ครั้นแล้วก็หวนคิดอีกว่า “ขึ้นชื่อว่าหญิงที่เป็นบาทบริจาริกานั้น น้อยนักที่จะมีอัธยาศัยเอื้ออารีแก่สามีตน เราล่ะในชาตินั้นมีอัธยาศัยเฟื้อต่อสามีเป็นอันดีหรือไฉน”  ระลึกไป  ก็ได้พบการกระทำของตนว่า “แท้จริง เราได้สร้างความผิดไว้ในดวงใจมิใช่น้อย เราใช้นายพรานให้ยิงพญาฉัททันต์ด้วยลูกศรอาบยาพิษจนถึงความตาย เพื่อจะเอางามาทำเครื่องประทับ พุทโธ่เอ๋ย กรรมของเราหนักนัก” คิดแล้วก็เกิดความเสียใจสุดที่จะทนทานไว้ได้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง

   พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นพระภิกษุณีมีอาการเช่นนั้น ก็ทรงยิ้ม เมื่อพระภิกษุทั้งหลาย กราบทูลถามถึงเหตุที่ทรงยิ้ม จึงมีดำพระดำรัสว่า “ภิกษุณีสาวนี้ระลึกถึงความผิดที่เคยกระทำต่อเราได้ จึงร้องไห้เสี่ยใจ”  แล้วทรงนำเรื่องแต่ครั้งอดีตมาตรัสเล่าให้ฟัง ดังต่อไปนี้

   ในอดีตกาล ที่ป่าหิมพานต์มีช้างประมาณ ๘,๐๐๐ เชือก พำนักอาศัยอยู่ใกล้ๆ สระฉันทันต์ ตถาคตยังบำเพ็ญบารมีอยู่ ได้ถือกำเนิดเป็นลูกช้างจ่าโขลงมีกายเผือกผ่อง ปากและเท้าสีแดง เมื่อเจริญวัย สูงได้ ๘๘ ศอก ยาว ๑๒๐ ศอก งวงเป็นสีเงิน ยาว ๕๘ ศอก งาทั้งคู่วัดโดยรอบได้ ๑๕ ศอก และยาว ๓๐ ศอก มีสีเป็นฉัพพรรณรังสี ชื่อฉัททันต์   ต่อมาได้เป็นใหญ่ มีบริวารประมาณ ๘,๐๐๐ เชือก มีช้างพังเป็นเมีย ๒ นาง ชื่อมหาสุภัททา ๑ จุลลสุภัททา ๑ พำนักอาศัยอยู่ที่กาญจนคูหา ใกล้กับสระฉัททันต์ทางด้านตะวันตก

   อยู่มาวันหนึ่ง ช้างทั้งหลาย  มาบอกกับพญาฉัททันต์ว่า “ป่าสาละใหญ่มีดอกบานสะพรั่ง” พญาฉัททันต์คิดว่า “เราจักเล่นกีฬาดอกสาละ”  จึงพร้อมด้วยบริวารไปที่ป่าสาละนั้น เอากระพองชนต้นสาละต้นหนึ่งซึ่งมีดอกบานเต็ม

นางช้างจุลลสุภัททายืนอยู่ทางเหนือลม ใบสาละเก่าๆ ที่ติดอยู่กิ่งแห้งๆและมดดำมดแดงก็หล่นพรูกรูกัดร่างกายของนาง

ส่วนมหาสุภัททายืนทางใต้ลม เกสรดอกสาละก็ร่วงหล่นลงพรั่งพรูต้องกายนาง

  จุลลสุภัททาน้อยใจว่า “พญาช้างนี้ โปรยปรายเกสรดอกไม้สดใบไม้สดๆ ให้ตกต้องร่างกายเมียรัก เมียที่ตนโปรดปราน  แต่ที่เรือนร่างเราสิกลับให้ใบไม้เก่าๆ มีมดดำมดแดงตกต้องพรูๆ คอยดูเถิด เราจะต้องหาทางตอบโต้ให้สาสมทีเดียว”   ผูกอาฆาต  พญาฉัททันต์มาตั้งแต่วันนั้น

 



Create Date : 20 กรกฎาคม 2565
Last Update : 20 กรกฎาคม 2565 8:01:23 น.
Counter : 602 Pageviews.

0 comments
: หยดน้ำในมหาสมุทร 33 : กะว่าก๋า
(11 เม.ย. 2567 05:15:42 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 32 : กะว่าก๋า
(10 เม.ย. 2567 06:04:44 น.)
ไม่ควรก่อแผลหรือก่อแผลเป็น ปัญญา Dh
(8 เม.ย. 2567 20:22:02 น.)
การได้มาซึ่งธรรมะ ปัญญา Dh
(2 เม.ย. 2567 17:00:57 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอพีย์

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Samathijit.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]

บทความทั้งหมด