ผู้ตั้งบทนมัสการ หากจะตั้งปัญหาขึ้นว่า บทนมัสการ นี้ ใครตั้ง ใครแต่ง ก็อาจตอบได้ว่า บทนมัสการ นี้ ท่านผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าแต่งตั้งไว้ก็ไม่ผิด เพราะปรากฏในที่ต่างๆ หลายแห่ง ที่ท่านผู้มีศรัทธาได้กล่าววาจานอบน้อมนมัสการพระพุทธองค์ด้วยบท นะโม ฯ นี้ ที่ถึงกับเป็นเหตุแห่งการตรัสเทศนาก็มี มีเรื่องเล่าไว้ว่า พราหมณ์สองผัวเมีย มีความเลื่อมใสต่างกัน ผัวเลื่อมใสในลัทธิพราหมณ์ เมียเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า คราวหนึ่ง ผัวเชิญพวกพราหมณ์มาเลี้ยงอาหารในการมงคล เมียก็ช่วยตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี นางยกสำรับมาเพื่อให้ผัวเลี้ยงพราหมณ์ เหยียบพื้นพลาดเซไป ก็พลั้งออกมาว่า “นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส” พวกพราหมณ์ที่ได้รับเชิญมา ฟังแล้วพากันพูดว่า ตัวกาฬกินีเกิดขึ้นในบ้านนี้แล้ว พากันลุกไปหมด พราหมณ์ผู้ผัวโกรธเมียเป็นไฟ ด่าว่าเมียยกใหญ่ สุดท้ายบอกว่า “ดีละ จะไปเล่นงานสมณโคดมของแกให้จนทีเดียว” รีบไปไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยความโกรธ พอไปถึงก็ตั้งปัญหาถามทันทีว่า “ฆ่าอะไรเสีย ถึงจะอยู่เป็นสุข” ตรัสตอบทันทีว่า “ฆ่าความโกรธเสีย ถึงจะอยู่เป็นสุข” เพียงเท่านี้ พราหมณ์ผู้มีอุปนิสัยก็เห็นจริง เกิดความเลื่อมใส ว่าบทนมัสการได้ด้วยตนเอง และฟังนมัสการของผู้อื่นด้วยใจชื่นบาน เรื่องผู้ตั้งแต่ง นะโม ฯ นั้น กล่าวตามที่ท่านโบราณาจารย์ได้กล่าวไว้ คงเป็นดังนี้ นโม สาตาคิรายักษ์ เป็นผู้ตั้ง ตสฺส อสุรินทราหู เป็นผู้ตั้ง ภควโต ท้าวจาตุมหาราช เป็นผู้ตั้ง อรหโต ท้าวสักเทวราช เป็นผู้ตั้ง สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ท้าวมหาพรหม เป็นผู้ตั้ง ผู้ตั้งนะโม ฯ ตามที่นำมานี้ ไม่ทราบอธิบายของท่านว่า ตั้งกันอย่างไร เพราะเทวะที่กล่าวถึงนั้นบางชื่อก็เป็นหมู่ บางชื่อก็มีเดี่ยว ดังนี้ สาตาคิรายักษ์ เป็นเทวดาชาวเขา ว่าอยู่ที่เขาสาตาคิรี จัดเป็นพวกภุมเทพ เทวดาที่อยู่บนแผ่นดินในมหาสมัยสูตร ปรากฏว่า มีถึง ๓,๐๐๐ แต่ในที่นี้อ้างไว้เป็น เอกพจน์ คือ “นโม สาตาคิรายกฺโข” “นโม ฯ สาตาคิรายักษ์ เป็นผู้ตั้ง” ทีจะหมายถึงหัวหน้าหรือผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ของเทวะพวกนั้น อสุรินทราหู ราหูเป็นชื่อ อสุรินทะ บอกยศว่า จอมอสูร อสูรเป็นเทวะพวกหนึ่งเหมือนกัน เป็นทิพกาย มีกายเป็นทิพย์ ราหูนั้นเป็นอริกับสุริยเทพ คือ พระอาทิตย์ และจันทรเทพ คือพระจันทร์ เป็นมิตรกับจอมพิภพอสูร ชื่อท้าวเวปจิติ จาตุมหาราช เป็นเทวะหมู่ แปลว่า ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ที่อยู่ของท้าวมหาราชทั้ง ๔ เป็นพิภพที่จัดเข้าในสวรรค์ ๖ ชั้น แต่เป็นชั้นแรก เรียกว่า จาตุมหาราชิก ท้าวมหาราชทั้ง ๔ นั้น มีหน้าที่ครองโลก เรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล ปันกันคนละทิศ ท้าวธตรฐ เป็นอธิบดีของพวกคนธรรพ์ ครองทิศตะวันออก ท้าววิรูฬหก เป็นอธิบดีของพวกกุมภัณฑ์ ครองทิศใต้ ท้าววิรูปักษ์ เป็นอธิบดีของพวกนาค ครองทิศตะวันตก ท้าวกุเวร (เวสวรรณ์) เป็นอธิบดีของพวกยักษ์ ครองทิศเหนือ ท้าวสักกเทวราช เรียกชื่อกันสามัญว่า พระอินทร์ และยังมีชื่ออีกหลายชื่อ ท้าวสหัสนัยน์ สหัสเนตร มัฆวาน วาสพ บุรินทท ชื่อที่เรียกทั่วไปในพระคัมภีร์ คือ สกฺโก เทวราชา ท้าวสักกะเทวราช เป็นเจ้าพิภพดาวดึงส์ ปกครองถึงจาตุมหาราชด้วย พระอินทร์ที่ยังครองดาวดึงส์อยู่ในบัดนี้ เป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบัน ท้าวมหาพรหม เป็นเทวะชั้นสูง อยู่ในภพต่างหากจากพวกเทวะสามัญ ซึ่งเรียกว่า เทวโลก ภพที่อยู่ของพรหม เรียกว่า พรหมโลก แต่คงจัดเข้าในเทวะ เพราะเป็นพวกทิพย์ด้วยกัน ที่ต่างกับเทวะในเทวโลกนั้น เพราะกรรมที่ให้บังเกิดต่างกัน ผู้ให้ทานรักษาศีลไปเกิดในเทวโลก ผู้ได้ฌานสมาบัติจึงจะได้ไปเกิดในพรหมโลก แยกตามกำลังฌานเป็น ๒ ภพ คือรูปภพชั้นที่เกิดของผู้ที่ได้รูปฌาน อรูปภพชั้นที่เกิดของผู้ที่ได้อรูปฌาน ท้าวมหาพรหมได้ฌานซึ่งเพ่งรูปเป็นอารมณ์เกิดในรูปภพ เทวะทั้ง ๕ พวก ที่ปรากฏว่าเป็นผู้แต่งตั้งนะโม ฯ มีเรื่องราวโดยย่อๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เดี่ยวก็มี หมู่ก็มี จะตั้งแต่ง นะโม ฯ อย่างไร เห็นอยู่ทางหนึ่งว่า ต่างคนต่างกล่าวนมัสการ ตามอัธยาศัยที่มีปสาทศรัทธา ต่อมาคัดของผู้นั่นบางผู้นี้บ้าง ผสมกันเข้าเป็นบทนมัสการประจำสืบมา นำมาเล่าไว้เพื่อให้ทราบว่า ท่านโบราณาจารย์ ท่านกล่าวไว้อย่างไร ในเรื่องของบทนมัสการ |
บทความทั้งหมด
|