Eadweard Muybridge ผู้สร้างภาพเคลื่อนไหว (ปฐมบท) ![]() ชาตะ 9 เมษายน ตศ.1830(2373) มตะ 8 พฤษภาคม คศ.1904(2437) Muybridge Eadweard คือ ชื่อภาษาอังกฤษ ของช่างภาพ ที่มีเชื้อสายชาวดัตช์ และใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิต ทำมาหากินในสหรัฐอเมริกา. เขาเป็นที่รู้จักสำหรับงานริเริ่มสำรวจเกี่ยวกับ การเคลื่อนไหวของสัตว์ ด้วยการใช้กล้องหลายตัว ในการจับภาพการเคลื่อนไหว //upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/6/6b/Zoopraxiscope_16485u.gifv ![]() และ zoopraxiscope อุปกรณ์ต้นแบบสำหรับการฉาย ภาพเคลื่อนไหวที่มีขึ้นก่อนแถบฟิล์ม ที่มีความยืดหยุ่นและมีรูพรุน/ปะทั้งสองด้าน //upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/6/6b/Zoopraxiscope_16485u.gif ![]() ชื่อ Edward James Muggeridge เป็นชื่อแรกเกิด เขาได้เปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง ในอาชีพของเขาในสหรัฐอเมริกา ครั้งแรกเขาเปลี่ยนชื่อต้นของเขาที่เทียบเท่า Eduardo Santiago ของสเปน บางทีอาจเป็นเพราะอิทธิพลของสเปน มีมากในแถบแคลิฟอร์เนีย นามสกุลของเขาที่ปรากฏมี Muggridge และ Muygridge อาจเนื่องมาจากการสะกดผิด และ Muybridge ในยุค 1860 ![]() King Edward เขาเปลี่ยนชื่อครั้งแรกของเขาอีกครั้ง เป็น Eadweard ให้ตรงกับพระนามของพระองค์ ![]() ที่จารึกไว้บนพระแท่นศิลา บรมราชาภิเษกคิงส์ตัน ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง ในคิงส์ตันในปี คศ.1850(2393) ชื่อของเขายังคงเป็น Eadweard Muybridge ในช่วงปลายชิวิตของเขา แต่อย่างไรก็ตามแต่ ป้ายหลุมศพของเขาก็ยังคงมี ความแตกต่างจากเดิมคือ Eadweard Maybridge ![]() เขาใช้นามปากกาหรือนามแฝงว่า Heilos (เทพเจ้าดวงอาทิตย์ของกรีก) ![]() ในหลาย ๆ ภาพของเขา และยังเป็นชื่อของห้องทำงาน(Studio)ของเขา และชื่อกลางของลูกชายของเขา ชีวิตในวัยเด็กและอาชีพ ![]() ภาพใจกลางเมือง Kingston upon Thames Muybridge Eadweard เกิดที่ Kingston upon Thames อังกฤษ เมื่อ 9 เมษายน คศ.1830(2373) เขาอพยพไปยังสหรัฐอเมริกา เดินทางมาถึง San Francisco ในปี คศ.1855(2398), โดยเริ่มต้นอาชีพการเป็นตัวแทน ของสำนักพิมพ์และร้านหนังสือ ![]() เขาออกจาก SanFrancisco ในช่วงปลายปี คศ.1850(2397) หลังจากเกิดอุบัติเหตุจาก รถม้าบรรทุกผู้โดยสารขนาดใหญ่ ที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง โดยกลับไปอยู่ที่อังกฤษเพียงไม่กี่ปี ในขณะที่พักฟื้นกลับมาอยู่ในอังกฤษ เขาเริ่มต้นเรียนรู้อย่างจริงจัง ในช่วงระหว่าง คศ.1861(2404) และ คศ.1866(2409) ซึ่งเขาได้เรียนรู้กระบวนถ่าย ภาพแบบจานเปียก (การถ่ายภาพแบบใช้น้ำยาเคลือบบนแผ่นกระจก) ![]() ![]() ![]() ![]() เขาปรากฏตัวอีกครั้งใน San Francisco ปี คศ.1866(2409) และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการถ่ายภาพ โดยเน้นหลักในภาพถ่ายสถานที่ และโครงการของสถาปนิก แม้ว่านามบัตรธุรกิจของเขา ยังโฆษณาบริการของเขา สำหรับการถ่ายภาพส่วนบุคคล ภาพของเขาถูกนำไปขาย โดยผู้ประกอบการถ่ายภาพต่าง ![]() Montgomery Street ถนนย่านหลักพาณิชย์ใน San Francisco ที่ยอมรับมากที่สุดคือ บริษัทของ Bradley & Rulofson ภาพถ่ายภาคตะวันตก ![]() Muybridge เริ่มสร้างชื่อเสียงของเขาในปี คศ.1867(2410) ด้วยภาพถ่ายของ Yosemite และ San Francisco ![]() ![]() หลายภาพของ Yosemite มีการถ่ายทำซ้ำฉากเดียวกันโดย Carleton Watkins ![]() Muybridge เป็นที่รู้จักและทำรายได้จากรูปถ่ายทิวทัศน์ ซึ่งแสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่และความกว้างใหญ่ไพศาล ของสหรัฐอเมริกาทางภาคตะวันตก ได้ตีพิมพ์ภาพภายใต้นามแฝงของเขา Heliso ![]() ในฤดูร้อนของปี คศ.1873(2417) Muybridge ได้เป็นนายทหารที่ จะถ่ายภาพสงคราม Modoc ![]() หนึ่งในการเดินทัพของกองทัพสหรัฐ ในการทำสงครามกับชาวอินเดียนแดง West Coast Indians. ![]() Stanford และคำถามสำรวจยอดนิยม ![]() Leland Stanford ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย Stanford ในปี ตศ.1872(2415) อดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย นักธุรกิจและเจ้าของคอกม้าแข่ง เป็นหัวหอกในการยืนกรานคำถาม ที่มีการโต้เถียงและวิพากษ์วิจารณ์สมอมาว่า กีบเท้าทั้งสิ่ของม้าจะไม่แตะบนพื้นดิน ในเวลาเดียวกันในระหว่างการวิ่งเหยาะ ๆ ![]() จนถึงทุกวันนี้ ภาพเขียนส่วนใหญ่ของม้า ที่กำลังถูกควบอย่างเต็มที่ จะพบว่าขาหน้าแตะไปข้างหน้า และขาหลังแตะไปยังด้านหลัง Stanford ยืนกรานและเข้าข้างเรื่องนี้ และระบุว่า "การวิ่งที่เป็นไปไม่ได้" ![]() และเพื่อพิสูจน์กันด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ Muybridge ได้รับการว่าจ้าง ให้เขาหาคำตอบสำหรับคำถามนี้ ที่เป็นประเด็นปัญหาสำคัญ ในการศึกษาค้นหาคำตอบนี้ Muybridge ใช้กล้องชุดขนาดใหญ่ที่ใช้แผ่นกระจก วางอยู่เป็นแนวเส้นตรง กล้องแต่ละตัวจะทำงาน โดยด้ายที่ถูกขึงไว้ เพื่อกระตุกกล้องให้ทำงานเมื่อม้าวิ่งผ่าน ![]() ต่อมาอุปกรณ์จับเวลาทำงานก็มีการผลิตขึ้น ภาพที่ถ่ายได้จะถูกคัดลอก ในรูปแบบของเงาลงบนแผ่นจาน และดูในเครื่องที่เรียกว่า Zoopraxiscope ![]() ![]() ![]() โดยความจริงแล้ว การใช้วิธีการแบบนี้เริ่มกลาย เป็นขั้นตอนแรกของ ภาพเคลื่อนไหวหรือภาพยนตร์ ในช่วงปี คศ.1877(2420), Muybridge ได้ตัดสินคำถามดังกล่าว ด้วยภาพถ่ายขาวดำเพียงรูปเดียว ที่แสดงให้เห็นว่า การควบม้าวิ่งเหยาะ ๆ ม้าชื่อ Occident ของStanford ขาทั้งสี่ลอยขึ้นบนอากาศ ภาพขาวดำชิ้นนี้ได้สูญหายไป แต่ที่หลงเหลืออยู่รอดเป็นภาพสำเนา ภาพพิมพ์บนไม้แกะสลักที่ทำในเวลาเดียวกัน โดยในปี คศ.1878(2421) ด้วยแรงผลักดันของ Stanford เพื่อขยายผลการทดลอง Muybridge ประสบความสำเร็จ ในการถ่ายภาพเกี่ยวกับ ม้าที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ภาพอีกชุดหนึ่งของรูปถ่ายได้ถ่ายที่ฟาร์ม Palo Alto Stock Farm ใน California หรือที่เรียกกันว่า Gardner at a Gallop หรือ ม้าเคลื่อนไหว ![]() แสดงให้เห็นว่า กีบเท้าม้าทั้งสี่ขา สูงจากพื้นดินพร้อมกัน แม้ว่าจะไม่แสดงว่ามี ขาทั้งสองคู่ที่ดันไปข้างหน้า หรือดันกลับข้างหลัง เหมือนกลับที่มีการจินตนาการ หรือมีแนวโน้มคาดคิดไว้ว่า ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ภาพที่ปรากฎในขณะนั้น กีบเท้าม้าทั้งหมดจะถูกซุกอยู่ใต้ท้องม้า ขณะที่มันเปลี่ยนจาก ดึงพร้อมกับขาคู่หน้าไปที่ข้างหน้า ด้วยการดันด้วยขาคู่หลัง ภาพถ่ายชุดนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบแรกของ ภาพถ่ายแบบการเคลื่อนไหว ![]() ภาพถ่ายวัวไบซันกำลังวิ่ง ในที่สุด Muybridge ได้ทะเลาะกับ Stanford ในเรื่องที่สำคัญเกี่ยวกับการวิจัยของเขา เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ม้า Stanford ตีพิมพ์หนังสือ ม้ากำลังวิ่ง โดยไม่ให้เครดิตหรืออ้างอิงว่าเป็นผลงานของ Muybridge ทั้งภาพถ่ายและงานวิจัยของ Muybridge อาจจะเป็นเพราะ Muybridge ไร้ชื่อเสียง ไม่เป็นที่รู้จักในชุมชนวิทยาศาสตร์ ผลจากการขาดการอ้างอิงผลงานในการทำงาน Muybridge ![]() Royal Society ของประเทศอังกฤษ ทำให้ RoyalSociety ถอนข้อเสนอทุนสนับสนุน ในการถ่ายภาพจับจังหวะการเคลื่อนไหว ทำให้ภายหลัง Muybridge ยื่นฟ้องเรียก ค่าเสียหายจาก Stanford แต่สุดท้ายเขาก็แพ้คดี ฆาตกรรม การพ้นผิด และพ่อแม่ลูก ![]() ในปี คศ.1874(2417) เขายังคงอาศัยอยู่ในบริเวณย่านอ่าว San Francisco Bay Area Muybridge พบว่าภรรยาของเขา มีคนรักใหม่อีกคนคือ พันตรี Harry Larkyns ในวันที่ 17 ตุลาคม คศ.1874(2417) เขาขอนัดพบ พันตรี Harry Larkyns และเมือ่เจอตัวเขากล่าวว่า "สวัสดียามเย็น ท่านพันตรี" กูชื่อ Muybridge และนี่คือคำตอบ สำหรับจดหมายที่ส่งมาให้เมียกู จากนั้นเขาก็ยิงพันตรีตายด้วยลูกกระสุนปืน Muybridge ถูกฟ้องด้วยข้อหาการฆ่าผู้อื่นตาย ด้วยข้อต่อสู้ในอีกแง่มุมหนึ่ง นอกจากการป้องกันตัวของเขา เขาใช้ข้ออ้างเรื่องของความไร้สติสัมปชัญญะ(ความบ้า) เพราะอาการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างต่อเนื่อง จากการเกิดอุบัติเหตุโดยรถม้าโดยสารขนาดใหญ่ เพื่อนของเขาเบิกความว่า ผลของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น มีผลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของ Muybridge จากคนใจดีมากและน่าชื่นชม กลายเป็นคนไม่น่าชื่นชมและไม่แน่นอน คณะลูกขุนศาลยุติธรรม ยกเรื่องความบ้าออกจากข้อต่อสู้ แต่ให้เขาพ้นผิดด้วยเหตุผล ฆาตกรรมอันสมควร (ปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย) คดีความถูกขัดจังหวะบางช่วง จากการทดสอบภาพถ่ายเกี่ยวกับม้าของเขา แต่ความสัมพันธ์ของเขากับ Stanford ไม่ดีขึ้นเลย แม้ว่า Starford จะช่วยเหลือ ทางการเงินให้กับ Muybridge ในการต่อสู้คดีอาญาครั้งนี้ก็ตามแต่ หลังจากพ้นผิด Muybridge ย้ายออกจากสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้เวลาในการถ่ายภาพ ในแถบอเมริกากลาง ในการกลับมาในปี คศ.1877(2420) เขากลับมาพร้อมกับลูกชาย Florado Helios Muybridge ชื่อเล่นที่เพื่อนตั้งให้ "Floddie" ![]() แม้ว่าเขาจะรับ Floddie มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ Muybridge ยังปักใจเชื่อว่า พันตรี Harry Larkyns เป็นพ่อที่แท้จริงของลูกชายของเขา แม้ตอนเป็นวัยรุ่นลูกชายจะมีหน้าตา เฉพาะเจาะจงคล้ายคลึงอย่างโดดเด่น เหมือนกับ Muybridge ในตอนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว Floddie เป็นคนทำงาน ในฟาร์มปศุสัตว์และเป็นชาวสวน ในปี คศ.1944(2487) เขาถูกรถชนตายใน Sacramento |
บทความทั้งหมด
|
เดี๋ยวไปอ่านตอน 2 ต่อ