โตัว หญิงชราชาวจีนคนหนึ่ง ขอเขียนเรื่องนี้จากความทรงจำเก่าๆก่อนที่จะลืมเลือนไป ช่วงหนึ่งที่ทำงานที่ธนาคารไทยแห่งแรกของอำเภอหาดใหญ่ จะต้องเดินผ่านร้านขายรถจักรยานยนย์ยี่ห้อหนึ่งเป็นร้านอยู่ที่หัวมุมสายสอง มักจะเจอผู้หญิงจีนชราสูงวัย เที่ยวเดินตะโกนโหวกเหวก ดุด่าคนงานคนนั่นคนนี้อยู่เสมอ ในที่ทำงานร้านนี้ และคนในร้านกับคนทั่วไปก็จะเรียกแกว่า โต้ว (ลูกสะใภ้ หรือ ป้า/น้า/อา ภาษาจีนไหหลำ) จนนานวันเข้าจึงรู้ว่า อดีตของแกเป็นพี่เลี้ยงลูกสาวลูกชายเจ้าของร้านคนแรก ก็ไม่สนใจมากนัก เพราะคิดว่าคงเป็นคนเก่าคนแก่ ที่คนงานทั่วไปต้องให้เกียรติเป็นธรรมดา ต่อมา เริ่มเจอแกมากขึ้น เพราะแกชอบมานั่งคุยกับโต้วเจ้าของร้านน้ำชาแห่งหนึ่งที่สายสาม ซึ่งพอดีก็จะสนิทกับลูกชายทั้งสี่คนของโต้วเจ้าของร้านน้ำชา เพราะเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันในหาดใหญ่ และโต้วแม่ของเพื่อนผมก็ชอบพอผมพอประมาณ เพราะครอบครัวหาดใหญ่สมัยก่อนมักจะรู้จักกัน ว่าเป็นลูกหลานใคร พ่อแม่ทำมาหากินอาชีพอะไร มีช่วงหนึ่งลาออกจากงานประจำที่ธนาคารไทยแห่งแรก เลยต้องรับจ้างทำงานให้ครอบครัว ทำให้ไม่ได้อยู่เป็นที่เป็นทาง โตัวเจ้าของร้านน้ำชา เข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ช่วงที่แกป่วยหนักมาก แกมักจะบอกลูกหลานแกว่า ผมมาเยี่ยมแกแล้ว แต่ว่าผมไม่ได้ไปเยี่ยมแกแต่อย่างใด จนกระทั่งแกเสียชีวิต ลูกหลานของแกก็พยายามถามหาผม แต่ก็ไม่พบและอาจจะนึกว่าอาการของแกคงไม่หนักมาก อาจจะหายได้ แต่สุดท้ายแกก็เสียชีวิตไป ยังเสียใจอยู่ทุกวันนี้ว่าไม่ได้พบ/เยี่ยมแกก่อนแกจะตาย โตัวทั้งสองคนจะสนิทกันมาก เพราะสามารถพูดคุยภาษาไหหลำด้วยกัน ไปไปมามา แกก็เริ่มมากินนอนที่ร้านน้ำชาแห่งนี้ โดยเจ้าของร้านก็นำเงินมาฝากให้เป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือน สอบถามเพื่อนได้ความว่า สมัยแกสาวๆ แกดูแลลูกสาวลูกชายเจ้าของร้าน เหมือนกับลูกคนหนึ่ง ตามรับตามส่งไปโรงเรียน ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ ดุด่าและดูแลอย่างดี จนกระทั่งลูกของเจ้าของร้านที่แกดูแลไปจบเมืองนอก สองคน และไปรับราชการช่วงหนึ่ง ก่อนกลับมาเป็นเจ้าของร้านร่วมในปัจจุบัน มีช่วงหนึ่งโต้ว ก็หายไปจากเมืองไทยหลายเดือน เจออีกครั้งหนึ่ง ท่าทางแก ซึม ๆ เหงา ๆ สอบถามจากเพื่อนก็ได้ความว่า แกกลับไปตกทุกข์ยากที่เมืองจีน(ไหหลำ) แกนำเงินเก็บแกร่วมสี่แสนบาท กลับไปหาลูกชายของแกที่ไหหลำ คาดว่าจะไปตายที่นั่นและอยู่ร่วมกับลูกชายที่แกจากมาหลายปีแล้ว กว่าห้าสิบปีแล้ว (ตอนนั้นโตัวอายุกว่าเจ็ดสิบปีแล้ว) ช่วงเดือนแรก ลูกชายก็ดูแลแกอย่างดี แต่พอเดือนต่อ ๆไป ก็เริ่มให้แกอด ๆ หยาก ๆ เพราะแกมอบเงินทั้งหมดให้ลูกชาย ไว้ซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ หลังจากนั้น ก็เริ่มทุบตีแกและไม่ให้แกกินข้าว เลยต้องแอบเขียนจดหมายมาบอกโต้วที่ร้านน้ำชา เจ้าของร้านขายรถจักรยานยนต์ทราบข่าวจากโตัวร้านน้ำชา เลยบอกว่าให้ไปพาตัวกลับมาให้ได้ ค่าใช้จ่ายเท่าไรให้มาเบิกล่วงหน้าได้เลย โต้วร้านน้ำชาเลยให้ลูกชายคนโต ที่พูดภาษาจีนไหหลำและภาษาอังกฤษได้ ร่วมเิดินทางไปเมืองจีนไหหลำเพื่อพาตัวแกกลับมา ปรากฏว่าต้องจ่ายค่าเครื่องบินสองคนเที่ยวไป กับค่าเครื่องบินเที่ยวกลับรวมสามคน และยังต้องจ่ายค่าไถ่ตัวแกให้ลูกชายของแก อีกประมาณสามหมื่นกว่าบาท (ค่าเงินสมัยสิบปีก่อน) หลังจากนั้นแกก็มากินอยู่ประจำที่ร้านน้ำชาแห่งนึ้ กลางวันแกก็มักจะนอน แต่ดึกๆค่ำคืนก็จะตื่นขึ้นมาคุยกับโต้วเจ้าของร้าน เป็นอย่างนี้ประจำ ทุกเดือนเจ้าของร้านจักรยานยนต์ บางทีก็เป็นผู้หญิงหรือบางครั้งก็เป็นผู้ชาย ถ้าว่างก็จะมาเยี่ยมแก หรือไม่ก็ใช้ให้ลูกน้องฝากเงินค่าใช้จ่ายมาให้แก ซึ่งแกก็รับบ้างไม่รับบ้างบอกว่าพอใช้อยู่เสมอ สุดท้ายแกก็สิ้นชีวิตที่ร้านน้ำชาแห่งนี้ ไร้ลูกหลาน แต่ไม่ไร้น้ำใจมิตรภาพจากโต้วร้านน้ำชา และความรักกตัญญูจากคนที่แกเลี้ยงดูตอนเด็ก ๆ ที่ร่วมกันนำพาธาตุเถ้าอังคารของแกก็ลอยน้ำไป เป็นสุข เป็นสุขเถิด คือความทรงจำของผมก่อนที่จะเลือนหายไป ถึงผู้หญิงจีนชราคนหนึ่ง ที่เคยพบเคยเจอที่บ้านเกิด อยู่ให้มีความสุขก็คุ้มค่าค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:12:47:00 น.
|
บทความทั้งหมด
|