เช้าวันหนึ่งที่บ้านเริญ แม่บ้านเดินไปกระซิบเริญ
ที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่
บอกมีอาแปะคนมาขอพบเริญ
ยืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้าน
" แกบอกว่ามาจากโรงงานขวด
เคยเป็นเถ้าแก่ของเฮีย
เฮียรู้จักจำแกได้แน่นอนและ
ต้องยินดีต้อนรับแกตลอด 24 ชั่วโมง "
เริญได้ยินดังนั้น
รีบเดินออกไปต้อนรับเถ้าแก่ทันที
พลางบอกว่า
" เสียมารยาท ๆ จริง ๆ ครับ
ที่ไม่ทราบข่าวล่วงหน้าว่า
เถ้าแก่จะมาหา
ขอโทษจริง ๆ ครับ "
เถ้าแก่โรงขวดเก่าบอกว่า
" ไม่เป็นไร ๆ บอกตรง ๆ เลย
มีเรื่องจะขอช่วยเรื่องหนี่ง "
" บอกมาได้เลยครับ
ถ้าไม่เหลือบ่าฝ่าแรง
จะยอมลุยน้ำลุยโคลนไปช่วย
แม้ว่าจะบาดเจ็บล้มตายก็ยอมครับ "
เริญตอบเถ้าแก่ให้สบายใจ
" ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก อาเริญ
อาตี๋เล็ก อีไปทำงานที่โรงงานผลิตขวด
ที่ตอนนี้มีอยู่เพียง 3 เจ้า
เจ้านี้เป็นรายใหญ่ในศยมกุก
มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่มากคนหนึ่ง
อีจะขายหุ้นในกิจการไปเล่นหุ้น
กับฝากเงินในธนาคาร
เพราะคิดแล้วดีกว่าทำธุรกิจนี้
เพราะดูบัญชีแล้วขาดทุนมาตลอด
ปันผลก็ไม่ได้มาหลายปีแล้ว
แถมยังปวดหัวหลายเรื่องในบริษัทนี้
แต่อั้วกับลูกไม่มีเงินพอจะซื้อ
เลยมาถามลื้อว่าสนใจจะร่วมหุ้นไหม "
เถ้าแก่โรงขวดบอกเริญ
" ต้องรีบไหมเรื่องนี้ เถ้าแก่ "
เริญถามเถ้าแก่โรงขวดเก่า
" ไม่รีบนักหรอก มีเวลาเกือบเดือน
เพราะต้องทำ Due Diligence Reports
คือ สำรวจทรัพย์สิน หนี้สิน ลูกหนี้ทั้งหมดก่อน
แล้วประเมินมูลค่าหุ้นที่ควรจะซื้อในกิจการนี้
หุ้นส่วนหลายคนก็ถอดใจแล้ว
เพราะมีแต่ขาดทุน ๆ ปันผลก็ไม่มีจ่าย "
เถ้าแก่โรงขวดเก่าบอก
" ได้เลยครับ เถ้าแก่
ผมขอเวลาคิดดูก่อนนะครับ "
เริญบอกเถ้าแก่โรงขวด
พร้อมกับเชิญกินข้าวเข้าด้วยกัน
เถ้าแก่ก็นั่งร่วมโตีะกินข้าง
พร้อมกับพูดคุยสัพเพเหระ
ก่อนลากลับบ้านในเวลาต่อมา
" โอวมักกุ้ยครับ
ขอความช่วยเหลือหน่อยครับ
ช่วยส่งคนไปสืบกับดู
ธุรกิจโรงงานผลิตขวดแก้ว
ดูว่าอนาคตในธุรกิจนี้เป็นไงบ้างครับ "
เริญโทรศัพท์บอกกับยอดกุนซือ
" ได้ครับ เฮีย ขอเวลาสักสองอาทิตย์ได้ไหม "
โอวมักกุ้ย บอกกับเริญ
" น่าจะได้ แต่ยิ่งเร็วยิ่งดีครับ "
เริญบอกกุนซือ แล้วคำนวณว่า
ยังมีเวลาเหลืออีก 2 สัปดาห์น่าจะทันการ
ครบกำหนด 2 สัปดาห์
ที่ห้องประชุมบ้านของเริญ
มีโอวมักกุ้ย เริญ กับพ่อตา
แล้วเชิญลูกน้องอีก 2 คนที่ไปหาข้อมูล
กับทำการวิจัยในเรื่องตลาดขวดแก้ว
ที่ประชุมได้ถกเถียงแล้วสอบถามข้อมูลต่าง ๆ
จนได้ข้อสรุปที่น่าสนใจในความคิดเห็นนักธุรกิจ
ที่มักจะต่างกับพนักงานที่ทำการวิจัย
ที่มักจะมีความเห็นว่าไม่น่าสนใจ
มีความเสี่ยงเกินไป มีข้อจำกัดอีกมากมาย ฯลฯ
เหมือนกับตี๋ แม็ชชิ่ง กับ ดร.เสรี คนดัง
แกชมด็อกเตอร์ว่าเก่งทุกเรื่อง ฉลาดทุกเรื่อง รอบรู้ทุกเรื่อง
แต่เสียอย่างเดียว ปอดแหก ไม่กล้าเสี่ยงเหมือนนักธุรกิจ
ทั้งสามคนเลยจึงจัดการประชุมภายในอีกครั้ง
หลังจากพนักงานที่เชิญมาร่วมประชุมกลับไปแล้ว
" ธุรกิจนี้น่าสนใจมาก เฮีย
ดูจากตัวเลขและไส้ในธุรกิจ
แม้ว่าดูเหมือนจะขาดทุน หนี้สินมาก
แต่ถ้ามีการ Reengineering
หรือเพิ่ม productivity
มีโอกาสทำกำไรแน่นอน
แม้ว่าจะใช้เวลาสักหน่อย "
โอวมักกุ้ยนำเสนอ
" แล้วอาป้า ว่าไงบ้างครับ เรื่องนี้ "
เริญถามพ่อตา
" แล้วแต่พวกลื้อ
อาป้าใจจริงก็อยากวางมือเรื่องธุรกิจ
แต่ถ้าพวกลื้อสองคนอยากทำ ก็เห็นด้วย
เพราะธุรกิจของเราต้องพึ่งพาขวดอยู่
โรงงานผลิตขวดที่เราจะซื้อนี้
แม้ว่าจะผลิตให้เราเป็นประจำก็ชอบเล่นตัว
โก่งราคาเป็นประจำ ดีได้โรงงานขวดเก่า
ช่วยประทังเอาขวดเก่ามาขายให้
ในบางเวลาเลยพอเอาตัวรอดได้
ส่วนอีกสองโรงงานก็พึ่งไม่ค่อยได้
กำลังผลิตก็ลมเพลมพัด
คุณภาพก็ไม่นิ่ง แกว่งไปแกว่งมา
ขนาดขวดก็เล็กบ้างใหญ่บ้าง
ยัดใส่ลังเหล้ามีปัญหาตลอด
ไอ้โรงเบียร์ก็แสบเป็นประจำ
เวลามันสั่งขวดแก้วแต่ละที
แทบไม่เหลือกำลังผลิตให้เราเลย
ต้องใช้ขวดเก่ามาผลิตใส่เหล้าตลอด
เจอพวกตาทิพย์จะเห็นตำหนิที่ขวด
เสียราคากับความรู้สึกคนกินเหมือนกัน
จะขอนำขวดเข้าจากอินโดนีเซีย
ฝ่ายพวกรัฐบาลก็ไม่ยอม "
พ่อตาสรุปเหตุผล
" เฮีย ผมว่าถ้าเราซื้อมันขึ้นมา
คราวนี้เราตัดปัญหาเรื่องขวดเหล้าไปได้
ส่วนโรงงานขวดเก่าก็เป็นพันธมิตรเราอยู่แล้ว
เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหากระทบอย่างใด
เพราะยังไงก็ต้องร่วมหัวจมท้ายในธุรกิจนี้
ถ้าเกิดมีโรงเหล้ารายใหม่ขึ้นมาแข่งกับเราในอนาคต
เราก็ยังมีโรงงานผลิตขวดต่อรองกับพวกมันอยู่
สามารถสะกัดยับยั้งการผลิตระยะยาวพวกมันได้ "
โอวมักกุ้ยเสนอเริญอีกครั้ง
ข้อสรุปในที่ประชุมตกลงซื้อกิจการนี้
โดยความเห็นชอบของเริญด้วย
ก่อนครบกำหนดหนึ่งเดือนเพียงหนึ่งวัน
เริญไปพบเถ้าแก่โรงงานขวดเก่าถึงที่บ้าน
แล้วตอบตกลงร่วมหุ้นทันทีแบบไม่มีเงือนไขมาก
ขอเพียงแต่ให้เถ้าแก่โรงขวดกับลูก ๆ
ไปทำข้อตกลงเจรจาขอซิ้อหุ้นจากหุ้นส่วนรายใหญ่
โดยไม่ต้องบอกว่าเริญจะเข้าถือหุ้นในภายหลัง
ขอให้ทุกคนในครอบครัวเถ้าแก่โรงงานขวดเก่า
ยอมเป็นนอมินี Norminee ของเริญไปก่อน
เพราะถ้าเริญออกหน้าออกตาในงานนี้
รับรองราคาวิ่งแน่นอนทั้งในตลาดหลักทรัพย์
กับราคานอกตลาดหลักทรัพย์
เผลอ ๆ ต้องแย่งซื้อของถูกในราคาแพง
การโอนหุ้นรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ศยมกุก
สามารถทำได้โดยบริษัทหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์
ลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์เดียวกันโอนให้ระหว่างกัน
และลูกค้าประเภทขาใหญ่ของบริษัททรัพย์
จะไม่มีราคาโผล่ในกระดานราคาตลาดหลักทรัพย์
ยกเว้นแต่การเข้าครอบครองเกินกว่าร้อยละ 5
ของจำนวนหุ้นบริษัทมหาชนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
แต่จะเห็นอีกก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5 วันทำการ
จึงจะเห็นว่ากิจการรายใดมีการ Take Over
หรือถูกซื้อไปจำนวนมากแล้ว
การเข้าครอบงำกิจการจึงทำแบบเงียบ ๆ ได้
และถ้าไม่อยากให้รู้ว่า
ผู้ใดเข้าเป็นคนซื้อหุ้นรายใหญ่ในกิจการ
แต่ไม่ประสงค์จะเข้าครอบครองกิจการ
ผู้นั้นก็สามารถนำหลักทรัพย์บริษัทนั้น
ไปนำฝากไว้ที่ THAI ABCDEFG
เพียงแต่ไม่สิทธิ์ออกสิทธิ์ออกเสียง
ในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท
แต่รับเงินปันผลที่บริษัทจะจ่ายได้
เริญกับเถ้าแก่โรงขวดเก่า
จึงได้ครอบครองกิจการโรงงานผลิตขวด
แล้วจึงประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม๋
มีลูกชายเถ้าแก่โรงงานขวดเก่าเป็นผู้จัดการใหญ่
ส่วนมือระดับรอง ๆ เป็นคนของเริญที่ส่งตัวไปร่วมงาน
พร้อมกับทีมผู้บริหารกับพนักงานที่ผ่านการคัดกรอง
จากโอวมักกุ้ย และ เริญ
ส่วนพนักงานของเริญจะเป็นแบบประเภท
โตในที่เดิมลำบากแล้ว เพราะเส้นทางตีบตัน
คนรุ่นเก่ากับหัวหน้าเดิมยืนขวางทางเดินอยู่
เลยส่งไปให้รุ่งในที่ใหม่จะได้เติบโตขยันทำงาน
มีไฟแรงพุ่งพรวดทำเงินรายได้กำไรให้เจ้าของ
แบบโตแล้วแตก ยิ่งแตกยิ่งโต ยิ่งรวย ยิ่งรวย
หลังจากซื้อโรงงานผลิตขวดแล้ว
มีการบริหารจัดการใหม่ทั้งหมด
กำลังการผลิตก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
พร้อมกับซื้อเทคโนโลยีผลิตขวดใหม่
เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากแม้ว่าจะแพงมาก
เฉพาะมูลค่าเครื่องจักรกว่า 2,000 ล้านไพ
ถ้าตัดจ่ายค่าเสื่อมราคาสะสมปีละ 400 ล้านไพ
หรือร้อยละ 20 ต่อปี ก็จะหมดภายใน 5 ปี
แต่เครื่องจักรนี้ผลิตได้ยาวนานกว่า 20 ปี
เลยวางแผนตัดจ่ายปีละ 100 ล้านไพ
ทำให้กำไรขาดทุนเลื่อนเวลาออกไปอีกยาว
มีวิธีการแต่งบัญชีให้กำไรขาดทุนมากหรือน้อย
เป็นเทคนิควิชามารในวงการธุรกิจขอผ่านไปก่อน
ยุทธศาสตร์ต่อมาของเริญกับเถ้าแก่โรงงานขวด
เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและยอดขายโรงงานใหม่
ให้นำเอาขวดเก่าที่มาขายเถ้าแก่โรงงานขวดเก่า
ทุบทิ้งนำมาใช้เป็นเศษวัสดุประกอบผสมกับขวดใหม่
พอทำมากเข้า ๆ จะทำให้ขวดเก่าเริ่มขาดตลาด
ราคารับซื้อขวดเก่าก็เริ่มเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
ยอดขายกับราคาขายของโรงงานรับซื้อขวดเก่าก็เพิ่มขึ้น
พร้อม ๆ กับต้นทุนก็เพิ่มขึ้นคู่ขนานกัน
แต่ราคาขายขวดใหม่ของโรงงานเริญ
กับกำลังการผลิตขวดใหม่ยังเหลืออีกมาก
เพราะขวดเก่ายังไงก็ถูกกว่าซื้อขวดใหม่
เริญ โอวมักกุ้ยและเถ้าแก่โรงงานขวดเก่า
ประชุมกันแล้วมีข้อตกลงกันว่า
ถ้าจะเพิ่มยอดขายขวดใหม่ในท้องตลาด
ต้องหาทางหยุดการซื้อขายขวดเก่าในท้องตลาด
หรือทำให้ขวดเก่ามีราคาน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
จะทำให้ไม่มีคนนำขวดเก่ามาขายให้กับคนรับซื้อขวดเก่า
พอไม่มีขวดเก่าในท้องตลาดเหลืออีกมาก
พวกโรงงานต้องยอมกลืนเลือดมาซื้อขวดใหม่จากเรา
ดังนั้น ราคาหน้าโรงงานขวดเก่า
ที่รับซื้อขวดเก่าเข้ามาทำความสะอาดใหม่จึงเริ่มลดลง ๆ
จนแทบหาคนซื้อขวดเก่ามาขายน้อยลงมาก
ส่วนมากแทบไม่อยากนำมาขายเลย
พอรับซื้อขวดเก่ามาโรงงานขวดเก่า
ก็จะทุบทำลายขวดเก่าทิ้งทันที
ให้กลายเป็นเศษวัสดุโรงงาน
ยิ่งทำให้ขวดเก่าในท้องตลาดหายไป ๆ
ส่วนขวดเก่าที่ทุบทิ้งแล้วนำมาขายเป็นเศษวัสดุ(เศษแก้ว)
ใช้ผสมในกระบวนการผลิตในโรงงานผลิตขวด
กำลังการผลิตของโรงงานขวดใหม่ก็เพิ่มมากขึ้น
จนเรียกว่าเกินจุดคุ้มทุน กำไร ๆ ๆ ๆ เห็น ๆ
ขณะเดียวกันก็เริ่มไม่ลดการขายเศษวัสดุแก้วทุบทิ้ง
ให้กับอีกสองโรงงานรายใหญ่ที่เหลือในท้องตลาด
ทำให้แม้จะซื้อมาจากโรงงานขายขวดเก่าเจ้าอื่นก็ได้น้อยลง
ทำให้โรงงานทั้งสองแห่งต้องลดกำลังการผลิตลง
จนในที่สุดต้องยอมยกธงแบบเพลงอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง
สุดท้ายต้องยอมขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับเริญและพวก
กลายเป็นคนรับจ้างการผลิตให้กับโรงงานผลิตขวดของเริญไป
เริญ โอวมักกุ้ย กับพ่อตา
จัดงานฉลองภายในบ้านก่อนวันสิ้นปีใหม่
เพื่อฉลองชัยชนะของโรงงานผลิตขวดแห่งใหม่
กับประชุมวางแผนยุทธศาสตร์ว่าจะเข้าประมูล
แย่งชิงสัมปทานโรงงานผลิตเหล้าหรือไม่ในในปีหน้า