92. การปฏิบัติโอวาทปาฏิโมกข์ 3 เพื่อความดับทุกข์ ตอนที่ 3


การปรุงแต่ง (สังขาร) ของจิต

เพราะ "ความไม่รู้" หรือ เพราะ "อำนาจของอวิชชา"

เมื่อมีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และ ธรรมารมณ์ มากระทบสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ

จนเกิดเป็น “สุขเวทนา

คือ "มูลเหตุของความทุกข์ทั้งหลาย"
 
***************
 
เพราะ มี “สุขเวทนา” เกิดขึ้น

จึงทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ตามมา คือ

เกิดความอยากความใคร่  หรือ "ตัณหา"

เกิดความหลงใหลติดใจ และเกิดความหลงยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ (โมหะ) จนเกิดเป็น "อุปาทาน"

เกิดกามภพ เกิดรูปภพ และ เกิดอรูปภพ ภายในจิต

เกิดความอยากได้ เกิดความอยากมี และ เกิดความอยากเป็น ที่มากมายเกินความจำเป็นของชีวิต (โลภะ)

เกิดการแสวงหา เพื่อให้ได้มาสมอยาก

เมื่อได้มาสมอยาก ก็เป็นสุข (โลกียสุข)

เมื่อไม่ได้มาสมอยาก ก็เป็นทุกข์ และ ทำให้เกิด ความไม่ชอบใจไม่พอใจ ความคับแค้นขัดเคืองใจ ความโกรธ และ ความพยาบาท (โทสะ) ตามมา

เมื่อต้องสูญเสีย “สิ่งที่อยากได้อยากมีและอยากเป็นไป” ก็เป็นทุกข์ และ ทำให้เกิด ความไม่ชอบใจไม่พอใจ ความคับแค้นขัดเคืองใจ ความโกรธ และ ความพยาบาท (โทสะ) ตามมา

และ ในบางครั้ง เมื่อต้องได้รับ หรือ เมื่อต้องได้ประสบกับ “สิ่งที่ไม่อยากได้ไม่อยากมีและไม่อยากเป็น” ก็เป็นทุกข์ และ ทำให้เกิด ความไม่ชอบใจไม่พอใจ ความคับแค้นขัดเคืองใจ ความโกรธ และ ความพยาบาท (โทสะ) ตามมา
 
***************
 
กิเลส (โมหะ โลภะ และ โทสะ) ตัณหา และอุปาทาน ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ และครอบงำจิตใจของคนเราอยู่ คือสิ่ง “ชักนำจิตใจของคนเรา ให้คนเราทำกรรมไม่ดี (อกุศลกรรม) จนติดเป็นนิสัย หรือ จนเป็นปกติวิสัย” และ “ชักนำจิตใจของคนเรา ให้คนเราทำกรรมดี (กุศลกรรม) โดยมุ่งหวังผลตอบแทน เป็นลาภ ยศ สรรเสริญ สุข (โลกียสุข) ฯลฯ
 
***************
 
การทำกรรมไม่ดี (อกุศลกรรม) จนติดเป็นนิสัย หรือ จนเป็นปกติวิสัย

และ การทำกรรมดี (กุศลกรรม) โดยมุ่งหวังผลตอบแทน เป็นลาภ ยศ สรรเสริญ สุข (โลกียสุข) ฯลฯ

มีผลทำให้ชีวิตของคนเรา “ต้องเวียนวนอยู่ในวังวนของความสุข (โลกียสุข) และความทุกข์ ไม่มีที่สิ้นสุด

และ มีผลทำให้ชีวิตของคนเรา “ต้องจมดิ่งลงไป ในกองทุกข์
 
***************
 
การทำกรรมไม่ดี (อกุศลกรรม) จนติดเป็นนิสัย หรือ จนเป็นปกติวิสัย

จะทำให้เกิด “วิบากกรรมไม่ดี (อกุศลวิบาก) อย่างต่อเนื่อง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด"

และ จะทำให้ชีวิต “ต้องจมดิ่งลงไป ในกองทุกข์
 
***************
 
การทำกรรมดี (กุศลกรรม) โดยมุ่งหวังผลตอบแทน เป็นลาภ ยศ สรรเสริญ สุข (โลกียสุข) ฯลฯ

จะทำให้เกิด “วิบากกรรมดี ที่ก่อให้เกิด การเวียนวนอยู่ในวังวนของความสุข (โลกียสุข) และทุกข์ ไม่มีที่สิ้นสุด

และ จะทำให้เกิด  “การพอกพูนเพิ่มขึ้นของกิเลส ตัณหา และอุปาทาน ที่ครอบงำจิตใจอยู่
 
***************
 
การหลงใหลติดใจ และ การหลงยึดมั่นถือมั่น ในลาภ ยศ สรรเสริญ และ สุข (โลกียสุข)

จะทำให้เกิดความทุกข์ตามมา อย่างแน่นอน
 
***************
 
การทำกรรมดี โดยไม่มุ่งหวังผลตอบแทน (ทำเพื่อชำระล้างกิเลส ตัณหา และอุปาทาน)

จะทำให้เกิด “วิบากกรรมดี ที่ไม่ก่อให้เกิด การเวียนวนอยู่ในวังวนของความสุข (โลกียสุข) และทุกข์

และ จะทำให้เกิด “การลดลง การจางคลายลง และ การดับสิ้นไป” ของกิเลส ตัณหา และอุปาทาน
 
***************
 
ถ้าเราต้องการจะพ้นทุกข์ หรือ ดับทุกข์

เราต้อง “ไม่ทำกรรมไม่ดี” ให้เป็นปกติวิสัย หรือ ให้ติดเป็นนิสัย

และ เราต้อง “หมั่นทำกรรมดี” ให้เป็นปกติวิสัย หรือ ให้ติดเป็นนิสัย โดยไม่มุ่งหวังผลตอบแทน (ทำเพื่อชำระล้างกิเลส ตัณหา และอุปาทาน)
 
***************
 
การปรับเปลี่ยน “การทำกรรมไม่ดี (อกุศลกรรม) ที่ติดเป็นนิสัย หรือ ที่เป็นปกติวิสัย

ให้เป็น “การไม่ทำกรรมไม่ดี (อกุศลกรรม) จนติดเป็นนิสัย หรือ จนเป็นปกติวิสัย

คือ การปฏิบัติ “ศีล สมาธิ และปัญญา
 
ชาญ คำพิมูล



Create Date : 13 มีนาคม 2565
Last Update : 13 มีนาคม 2565 9:02:51 น.
Counter : 432 Pageviews.

0 comments
ความจริงใจ ปัญญา Dh
(22 เม.ย. 2567 19:48:15 น.)
: รูปแบบของความว่าง : กะว่าก๋า
(22 เม.ย. 2567 05:16:32 น.)
: รูปแบบของความว่าง : กะว่าก๋า
(18 เม.ย. 2567 04:00:35 น.)
เรื่องนี้ไม่ง่าย แต่คนมักชอบอะไรที่มันง่ายๆ 121 235 เขาถาม - ตอบกัน 450 > คำถาม : ทำอย่างไ สมาชิกหมายเลข 7881572
(16 เม.ย. 2567 09:58:49 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chancamp.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 5067499
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]

บทความทั้งหมด